Masuk“ไตรมาสนี้ผมขอกำไรเพิ่มขึ้นจากเดิมอีกสามเปอร์เซ็นต์”
เสียงทุ้มแต่ทรงอำนาจของภัทร ทำให้อุณหภูมิของห้องประชุมลดต่ำลงไปอีก โดยเฉพาะผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดที่รู้สึกเหมือนเปลือยกายในสายลมหนาวเพราะเป็นไม้แรกจากแรงกดดันนี้
“เป้าเดิมของเราก็สูงมากอยู่แล้ว จะให้ทำยอดขายเพิ่มอีกมันอาจจะไม่ถึงนะครับ”
“ผมต้องการกำไรเพิ่มขึ้นสามเปอร์เซ็นต์ ถ้าคุณบอกว่าขายเพิ่มไม่ได้ งั้นก็ต้องลดต้นทุนใช่ไหมครับ” นักธุรกิจหนุ่มกวาดสายตามองทุกแผนก คราวนี้ทั้งห้องเย็นยะเยือกราวกับโดนพายุหิมะถล่ม ความหมายนี้ของภัทรทุกคนเข้าใจดี การลดต้นทุนที่ง่ายและรวดเร็วที่สุดก็คือการลดคน
“แต่ถ้าเรามองในปัจจัยอื่น ผมรู้สึกว่า...” ผู้จัดการฝ่ายทรัพยากรบุคคลเงียบเสียงลงเมื่อภัทรยกมือขึ้นปราม
“ผมเชื่อในตัวเลขเท่านั้น” อารมณ์และความรู้สึกมักทำให้ความจริงบิดเบือน ในจุดที่ตัวภัทรอยู่มันตัดสินกันที่ตัวเลขจริง ๆ แล้วเขาก็เบื่อหน่ายที่คนพวกนี้มักจะเอาตัวรอดง่าย ๆ ผ่านพาวเวอร์พอยต์ในที่ประชุม
งั้นเขาก็จะจ่ายความเห็นอกเห็นใจแทนเงินในแต่ละเดือนดีไหมล่ะ...
Fern : เย็นนี้อยากกินซูชิจัง ไปกับเฟิร์นนะคะ
ข้อความจากแอปพลิเคชันสนทนาเด้งขึ้นมาที่หน้าจอของเขา และเพราะในห้องเงียบสนิท มันจึงเรียกทุกสายตาให้กลับมามองราวกับสอดรู้ ภัทรกดเข้าไปดู จากนั้นดันมีเสียงสติกเกอร์แสบหูที่ทำให้คนในห้องแอบอมยิ้ม
Fern : คิดถึงล้าววว
ยังไม่พอ ยังมีเสียงส่งจูบดังขึ้นมาอีก ภัทรกำมือแน่น อยากจะทุบโต๊ะหรือทุบหัวใครสักคนเอามาก ๆ เขาลืมปิดเสียงโทรศัพท์ แต่เด็กกนกนารีก็ไร้สาระได้ทุกเรื่อง พับผ่าเถอะโว้ย!
Phat : หยุดวุ่นวายสักที
หลังพิมพ์จบ ภัทรก็ปิดโทรศัพท์ กวาดตากลับไปมองพนักงานของเขาอย่างเย็นชาอีกครั้ง
“เอาเป็นว่าผมเป็นกำลังใจให้ทุกคน จะรอดูตัวเลขของไตรมาสหน้าอย่างใจจดใจจ่อครับ” สิ้นสุดคำให้กำลังใจอันแสนเหี้ยมเกรียม ชายหนุ่มก็ลุกจากห้องประชุมไปอย่างหัวเสีย
ไอ้เจ้าเสียง ‘คิดถึงล้าววว’ จากสติกเกอร์แบบเสียงยังป่วนประสาทหูเขาอยู่ไม่หาย กนกนารีชอบทำให้เขาขายหน้ากับความบ้าบอไร้สาระของเธออยู่เรื่อย เด็กไม่รู้จักโต...
“คุณภัทรคะ คุณภพเรียนเชิญไปที่ห้องท่านหน่อยค่ะ” เลขาของบิดามาแจ้ง ภัทรจึงเปลี่ยนเส้นทางไปยังอีกชั้นของตึก แปลกใจที่วันนี้บิดาเข้ามาบริษัททั้งที่ปลดระวางงานในมือมานานพอสมควร
ในห้องรับรอง บิดาไม่ได้อยู่ลำพัง มีหญิงสาวในชุดแซกสีเขียวมะกอกเข้ารูปนั่งอยู่ด้านข้าง จังหวะที่อีกฝ่ายเงยหน้าขึ้นเพราะเสียงฝีเท้า ภัทรก็จำได้ทันทีว่าเธอคือ กิรนา อดีตนางเอกดังและยังเป็นลูกสาวของรัฐมนตรีคนสำคัญของพรรคการเมืองที่กลุ่มทุนของเขาและวิณณ์สนับสนุนอยู่
“กลับมาจากเมืองนอกตั้งแต่เมื่อไหร่ นีน่า”
“เกือบเดือนแล้วค่ะพี่ภัทร” กิรนายิ้มร่าให้กับชายหนุ่มรุ่นพี่ ภัทรยังคงเป็นผู้ชายที่น่าค้นหาไม่เคยเปลี่ยน ภายนอกของเขาดูเยือกเย็นเป็นผู้ใหญ่ แต่กิจกรรมหลังฉากของเขาผาดโผน บ่งบอกเนื้อแท้อันเร่าร้อนได้เป็นอย่างดี
“พ่อของหนูนีน่าอยากให้แกสอนงานน้องหน่อย” เจ้าสัวภพกวักมือเรียกลูกชายคนเดียวให้มานั่งที่โซฟาใกล้กับลูกสาวรัฐมนตรีใหญ่ “พอจะมีตำแหน่งไหมภัทร”
“สนใจด้านไหนล่ะครับ” นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่บรรดาลูกสาวไฮโซมาขอเรียนรู้งานกับพงศ์พีระกรูป เพียงแต่เป็นครั้งแรกที่บิดาของเขาออกหน้าให้ด้วยตนเอง กิรนาคงเป็นผู้หญิงที่พ่อของเขาเล็งเห็นว่ามีประโยชน์กระมัง พูดให้ถูกต้องคือ ท่านกฤษณะ บิดาของหญิงสาวต่างหากที่มีประโยชน์
“นีน่าอยากเรียนรู้งานจากพี่ภัทรโดยตรง ไม่ได้สนใจเรื่องตำแหน่งเล็กหรือใหญ่หรอกค่ะ”
“ให้น้องเป็นผู้ช่วยเลขาแกไหมล่ะ” เจ้าสัวภพแนะนำให้ เพราะจะมีตำแหน่งไหนที่ทำงานใกล้ชิดกันได้มากกว่าเจ้านายกับเลขา แต่ลูกสาวรัฐมนตรีจะให้มาเป็นเลขาเต็มตัว จัดการเอกสารหัวฟูให้คนเจ้าระเบียบเนี้ยบจากหัวจดเท้า คุณหนูกิรนาก็ทำไม่ไหวแน่ ถ้าแค่ผู้ช่วยเลขากิตติมศักดิ์ที่มานั่งหน้าห้องแล้วรอเลิกงานไปพร้อม ๆ กับภัทร หรือพาไปออกงานสังคมคู่กันน่าจะพอไหว
“ได้ไหมคะพี่ภัทร” กิรนาหันไปอ้อนเสียงหวาน นอกจากเป็นลูกสาวรัฐมนตรี รูปลักษณ์ภายนอกที่เป็นถึงอดีตนางเอกก็ทำให้หญิงสาวมั่นใจในเสน่ห์ของตนเองพอตัว
“เอาสิ” ภัทรยิ้ม พงศ์พีระกรูปเป็นสนามเด็กเล่นที่ลูกหลานคนรวยใช้เป็นข้ออ้างว่าอยากเรียนรู้งานจากระดับล่างมานักต่อนัก ภัทรไม่ได้สนใจว่ากิรนาจะทำงานได้จริงหรือเปล่า เพราะเขารู้ว่าเธอไม่ได้ตั้งใจมาทำงานอยู่แล้ว
“งั้นนีน่ามาเริ่มงานได้วันไหนคะพี่ภัทร”
“วันนี้เลยดีไหม เริ่มจากพาพี่ไปหาของกินอร่อย ๆ โอเคไหมครับ”
หลังจากคุณหญิงรสรินทร์หอบหิ้วเด็กหญิงฟองสมุทรออกไปเล่นที่สวนหลังบ้านเพราะไม่อยากให้หนูน้อยจดจ่ออยู่กับการดูการ์ตูนอย่างเดียว ทั้งบ้านก็เงียบลง…เจ้าสัวภพและท่านผู้หญิงนวลปรางค์ถูกอัปเปหิไปใช้ชีวิตที่โคราช โดยมีการ์ดดูแลอย่างใกล้ชิด หลายครั้งที่บิดาเพียรโทร.หาภัทรในช่วงแรกให้ช่วยเกลี้ยกล่อมมารดา แต่เขาก็ไม่ได้ทำแบบนั้น สิ่งที่ชายหนุ่มพอจะทำได้คือพาลูกสาวและภรรยาไปเยี่ยมในช่วงวันหยุดตามแต่โอกาสสมควร ตราบใดที่บิดาและย่าของเขายังพยายามร้องขออำนาจและโหยหามันมากกว่าความเป็นครอบครัว ก็คงต้องอยู่กันแบบนี้แหละ… ภัทรถอนหายใจ ก่อนจะลุกขึ้นเดินมาออเซาะภรรยาคนสวยที่เพิ่งเก็บไอแพดโปรในตำนานเข้ากล่องไว้อย่างดี“ภาพหน้าจอโทรศัพท์ผมน่ารักไหม”“น่ารักมากเลยค่ะ” ภาพที่ว่าเป็นรูปถ่ายของเธอที่กำลังนั่งเล่นทรายกับลูกสาวที่แต่งตัวเป็นเงือกตัวน้อยบนชายหาด เขาเพิ่งพาครอบครัวไปเที่ยวพัทยามาเมื่อสองวันก่อนนี่เอง“แล้วเฟิร์นใช้ภาพไหนครับ”“อืม เปลี่ยนไปเรื่อยเลยค่ะ”ภัทรหยิบเอาสมาร์ตโฟนของภรรยามาถือไว้ พร้อมกับเหลือบมอง นอกจากเปลี่ยนไอแพดใหม่ให้ลูกสาว ภัทรก็ถือโอกาสซื้อโทรศัพท์เครื่องใหม่ให้ภรรยาอีกครั้ง ทุกวันน
เด็กหญิงฟองสมุทรกำลังจดจ่อกับตัวเทเลทับบีส์ผ่านหน้าจอสี่เหลี่ยมที่บิดาเพิ่งซื้อมาให้ใหม่แทนไอแพดเครื่องเดิมที่เก่าจนช้าต่อการใช้งาน ดูจบตอนเด็กน้อยจึงเงยหน้าขึ้น ก็พบว่ามารดาของตนเองกำลังเช็ดทำความสะอาดไอแพดเครื่องเก่าอยู่…“คุณแม่ขา จะเอาไปไหน” เด็กหญิงขี้สงสัยชี้ไปที่จอสี่เหลี่ยมเล็ก ๆ ที่พื้นหลังของมันเป็นสีเงิน“เก็บเข้ามิวเซียมค่ะ” กนกนารีตอบพลางอมยิ้ม สุดท้ายก็กลั้นไว้ไม่ไหวหัวเราะคิกออกมา ก่อนจะหันไปมองบุคคลต้นเรื่องที่นั่งหน้าแดงก่ำอยู่ตรงนี้ด้วยกันทั้งหมด“ค่า” เด็กน้อยเออออตามมารดา ก่อนจะก้มลงกดเลื่อนคลิปต่อไปในขณะที่กนกนารีมองไอแพดในมือด้วยดวงตาที่อ่อนแสง…หลังแต่งงานได้สองวัน เธอก็เริ่มจัดของเข้าตู้เสื้อผ้าบนเพนต์เฮาส์ของเขา และก็ดันเจอกับกล่องสุ่มของแพร์รี่เพิร์ลที่ถูกเก็บเข้าตู้ไว้รอเธอ“คุณภัทร ยังเก็บไว้อีกเหรอคะ” กนกนารีหันมาถามสามีป้ายแดงที่เดินตามเข้ามาและช่วยยกกล่องทั้งสองออกมาให้ที่หน้าโซฟา“แกะดูสิครับ” ภัทรเลื่อนกล่องใหญ่กว่ามาให้ตรงหน้า หน้าตาเขาดูตื่นเต้นผสมคาดหวัง“ถ้าเป็นของกินคงหมดอายุไปแล้วแน่ ๆ” หญิงสาวบ่นงึมงำพลางแกะกล่อง เพราะจากวันที่เธอซื้อกล่องสุ่มจ
เมื่อ 5 ปีก่อน“มาอีกแล้ว รูปหล่อ” หญิงวัยกลางคนหัวหน้าสถานีอนามัยทักขึ้นพร้อมกับมองลอดแว่น ภัทรรู้สึกได้ทันทีว่าคะแนนของเขาในฐานะพ่อค้าเร่คงค่อนข้างติดลบกว่าหนุ่มคนอื่นที่มาติดพันกนกนารีอยู่หลายขุมทีเดียว“ครับ” ชายหนุ่มเพียงรับคำสั้น ๆ พอหัวหน้าของหญิงสาวเดินหายลับไปแล้ว เขาก็หันมาหาเธอ ขยับจะเอ่ยปากว่าคิดถึงสักคำ รถพิกอัปสีส้มสดก็เลี้ยวเข้ามาจอดพร้อมกับชายในชุดสีกากีก้าวลงมา ส่งยิ้มกรุ้มกริ่มให้กนกนารีมาแต่ไกล“เรื่องเอกสารของเฟิร์นเรียบร้อยแล้วนะครับ”“ขอบคุณคุณปลัดมากนะคะ” หญิงสาวยิ้มให้พร้อมรับซองเอกสารสีน้ำตาลจากมือของข้าราชการหนุ่ม เหลือบตามองตามเมื่อนักธุรกิจชื่อดังของเมืองหลวงเดินหน้าตึงเข้ามาใกล้ แต่ก็ไม่ยอมพูดยอมจา ส่วนปลัดอำเภอคนดีก็มองหน้าชายหนุ่มที่ไม่เคยเห็นหน้าค่าตากันมาก่อน สลับกับหันมองหญิงสาวคนเดียวในที่นี้ ที่สุดกนกนารีก็ต้องเอ่ยแนะนำ“คุณภัทรคะ นี่คุณปลัดตั้ม เพื่อนเฟิร์น” จบคำแนะนำของหญิงสาว ปลัดหนุ่มก็หน้าเจื่อนลง“ยินดีที่ได้รู้จักนะครับคุณปลัด” ภัทรยิ้มร้ายกาจใส่ ก็แค่เพื่อนล่ะวะไอ้น้อง“ส่วนนี่ คุณภัทร…เอ่อ…พี่ชายเฟิร์นค่ะ”คราวนี้คนที่เพิ่งยิ้มร้ายคล้ายจะเห
ลู่ทางไม่มี มีแต่ไหล่ทาง…วนหาโรงแรม เกสต์เฮาส์ หรืออะไรสักอย่างที่ใกล้เคียงกับการให้จอดรถเพื่อเข้าไปซุกหัวนอน ทว่าไม่มีเลย หมู่บ้านแห่งนี้มันเล็กและไร้ความเจริญอย่างแท้จริง สุดท้ายเขาก็มาจอดรถริมไหล่ทาง ไม่ห่างจากบ้านที่ กนกนารีอาศัยอยู่ ถึงจะนอนในรถได้ แต่คนต้องกินต้องขับถ่าย…เขาจะหาที่ซุกหัวนอนตรงไหนดี ปั๊มน้ำมันก็ยังต้องหมุนด้วยมืออีกต่างหาก…นี่มันประเทศเดียวกับประเทศกรุงเทพฯ แน่หรือ“วิณณ์ มึงไม่สนใจมาลงทุนอสังหา พัฒนาโครงการทางเหนือบ้างเหรอ” นั่งเงียบ ๆ ในรถ แง้มกระจกไว้ ดับเครื่องแล้วโทร.หาเจ้าพ่อวงการอสังหาริมทรัพย์“ฮะ อะไรนะ ฮัลโหล ฮัลโหล ไม่ได้ยิน”“นี่มึงไม่ได้ยินจริง ๆ หรือแกล้งกู” คำตอบคือการหัวเราะลั่นของปลายสาย ภัทรกลอกตามองบน มุมปากกระตุกไปหลายที“นี่ไอ้ภัทร กูว่านะ มึงรีบจีบน้องหนูเฟิร์นกลับมาให้เร็ว ง่ายกว่ารอความเจริญไปถึงว่ะ”“แต่ตอนนี้กูไม่มีที่นอนไง” ภัทรบอกกร่อย ๆ ความจริงก็เหงาด้วย“นอนในรถสิ” เพื่อนสนิทตอบกลับส่ง ๆ“ที่ขี้กูล่ะ”“โอย ไอ้ภัทร มึงก็แกล้งปวดขี้ ไปขอน้องเฟิร์นเข้าส้วมสิโว้ย แค่นี้นะ กูจะหวานกับเบบี๋ของกูมั่ง” พูดจบก็ตัดสายไปโดยไม่รอการตอบกลับ ภ
เด็กหญิงฟองสมุทรที่เพิ่งรู้จักที่มาของชื่อ นั่งวาดรูปตนเองเป็นดอกไม้เล็ก ๆ สีม่วงอมฟ้าแบบที่คนเป็นพ่อชี้ให้ดูในสวนรอบบ้านเที่ยวไล่ถามย่าบ้าง แม่บ้าง รวมถึงพ่อว่าตนเองสวยไหม ภัทรนัยน์ตาอ่อนแสง หัวใจยวบยาบเอนลู่ลงเหมือนไม้อ่อนที่ถูกน้ำฝน แต่ก็ชื่นฉ่ำไปทั้งร่างเช่นเดียวกัน“สวยมากเลยค่ะ”“งั้นให้คุณพ่อ เก็บรูปน้องฟองไปเลย” เด็กหญิงส่งกระดาษที่วาดด้วยตนเองให้บิดา ก่อนจะลุกขึ้นมาขดตัวบนตักอย่างออดอ้อน พอเพลียเข้าก็หลับลึกจนภัทรต้องอุ้มไปเข้านอนในห้องสีม่วงอมฟ้าที่เตรียมไว้ให้ตั้งแต่รู้ว่าภรรยาตั้งครรภ์ชายหนุ่มกลับเข้าห้องของตนเอง อาบน้ำอาบท่าแล้วก็เดินทะลุห้องแต่งตัวกลับมาที่ห้องนอน กนกนารีนั่งอยู่บนโซฟาปลายเตียง สายตาจับจ้องที่สมาร์ตทีวี ภรรยาสาวสวยของเขายังคงนั่งดูไลฟ์สดของแม่ค้าคนเดิมและตั้งท่าเตรียมจะซื้อของอีกตามเคย“เฟิร์น” ชายหนุ่มส่งเสียงเรียกเมื่อหญิงสาวไม่มีท่าทีต่อการปรากฏตัวของเขา นี่กระผมกลายเป็นวิญญาณล่องลอยไปแล้วหรือไร ภัทรถามตัวเองในใจขำ ๆ ลองว่าจะซื้อของแล้วล่ะก็ กนกนารีก็ไม่อยากจะสนใจอย่างอื่นทั้งนั้น แต่เขาไม่ยอม…ชายหนุ่มยกแล็ปท็อปมาวางบนตัก ทรุดนั่งด้านข้าง เหลือบตามอ
หลังแต่งงานได้หนึ่งปี เฟิร์นกนกนารีก็เริ่มออกดอก…ภัทรดีใจมากและตัดสินใจย้ายสำมะโนครัวจากเพนต์เฮาส์กลับมาอยู่คฤหาสน์พงศ์พีระอีกครั้ง ส่วนหนึ่งก็เพื่อเตรียมสนามหญ้าให้ลูกวิ่งเล่น อีกประเด็นสำคัญก็เพื่อมาอยู่เป็นเพื่อนมารดาด้วยเช่นกันคุณหญิงรสรินทร์ก็ยังเป็นคุณหญิงรสรินทร์ที่เป็นไม้เบื่อไม้เมากับเขาอยู่วันยังค่ำ พอกนกนารีคลอดลูกสาวให้เขา เด็กหญิงตัวน้อย ผิวขาวปากแดง ดวงตาดำขลับก็กลายเป็นหัวใจของบ้านไปทันที…ภัทรมองหญิงสาวผิวน้ำนมที่จูงมือลูกสาวในวัยเพิ่งเข้าโรงเรียน เดินตรงมายังโต๊ะสีขาวที่เขานั่งอยู่ในสวนหลังบ้าน เพราะวันนี้ประชุมปิดไตรมาสจบได้ก่อนเวลา เขาจึงกลับมานั่งรอลูกสาวทันเวลาเลิกเรียน“คุณพ่อขา น้องฟองมาแล้ว” “ขา พ่ออยู่นี่” นั่นไงลูกสาวเขาเอง เสียงมาก่อนตัวเสมอ แถมขี้อ้อนไม่ต่างจากยายเฟิร์นเลยสักนิด คนเป็นพ่อหัวใจอ่อนยวบ แล้วอ้าแขนรอรับลูกสาวตัวน้อยในชุดสีชมพูฟูฟ่องเหมือนขนมถ้วยฟู แต่เป็นเวอร์ชันถ้วยเล็ก ๆ “เอ้า ฮึบ ขึ้นมาเลย”ชายหนุ่มก้มตัวลง รับลูกสาวตัวน้อยขึ้นมานั่งบนตัก แล้วหอมไปบนศีรษะและแก้มที่มีกลิ่นแป้งเด็กอบอวลไปหมด“วันนี้กลับเร็วจังค่ะ” เป็นเสียงของคนเป็นแม่ที่ถา







