เข้าสู่ระบบเมื่อทานอาหารเช้าเสร็จ สือหมิงฮุยก็วางตะเกียบแล้วหันไปมองโจวฉิน “ผมจะไปบริษัทสักหน่อย เที่ยงจะกลับมารับคุณกับม่านม่านไปที่เหอเยวี่ยน”“ฉันไม่ไป!”โจวฉินทำหน้าบึ้งตึง เหมือนใครติดหนี้เธอหลายล้านสือหมิงฮุยสีหน้าเคร่งขรึมลง “โจวฉิน นี่คุณอยากให้คนอื่นเขาหัวเราะเยาะตระกูลสือถึงจะพอใจหรือไง?”“ยังไงสืออวี๋ก็พูดเอง ว่าตัดขาดความสัมพันธ์กับตระกูลสือไปแล้ว ฉันไม่มีสิทธิ์ไปยุ่งกับเธอ ในเมื่อไม่เกี่ยวกันแล้ว ฉันจะไปทำไม?”“โจวฉิน วันนี้ผมมีนัดคุยงานสำคัญ ไม่ว่างมาเสียเวลากับเรื่องไร้สาระของคุณหรอกนะ”โจวฉินทำหน้าเฉยชา “ยังไงฉันก็ไม่ไป คุณอยากไปก็ไปคนเดียว”สือหมิงฮุยหน้าตาถมึงทึง เขามองไปทางสือม่านที่เอาแต่ก้มหน้าทานอาหารเช้าเงียบ ๆ “ม่านม่าน แกช่วยพูดกับแม่แกด้วย ตอนเที่ยงฉันจะกลับมารับพวกแก”พูดจบ สือหมิงฮุยก็ลุกจากไปทันทีเมื่อบนโต๊ะอาหารเหลือเพียงโจวฉินและสือม่าน โจวฉินก็กระแทกตะเกียบลง แล้วหันไปพูดกับสือม่านว่า “ม่านม่าน ไม่ต้องไปสนใจพ่อแก เดี๋ยวแกทานเสร็จ เราไปเดินเล่นซื้อของกัน ฉันจะพาไปซื้อเสื้อผ้าสักสองสามชุด ไว้ใส่ในงานเลี้ยงต้อนรับแก”มือที่ถือตะเกียบของสือม่านกำแน่นขึ้นเล็
“คุณย่าคะ หนูไม่ได้หมายความแบบนั้น ตอนแรกหนูตั้งใจจะเอาแค่สตูดิโอทำงานเท่านั้น...”“งั้นตอนนี้ได้มาทั้งตึกไม่ดีกว่าเหรอ? เขาให้ก็รับไว้เถอะ ยังไงซะพวกเขาก็เป็นฝ่ายติดค้างแก ไม่ต้องรู้สึกหนักใจอะไร”สืออวี๋ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะพยักหน้า “ก็ได้ค่ะ หนูเข้าใจแล้ว”หลังจากสืออวี๋เซ็นชื่อเสร็จ ทนายเฉินก็เก็บเอกสารและลุกขึ้นพูดว่า “คุณหนูสือ การรับรองเอกสารอาจต้องใช้เวลาประมาณหนึ่งสัปดาห์ เมื่อเรียบร้อยแล้ว ผมจะนำโฉนดมาส่งให้คุณนะครับ”“ค่ะ รบกวนด้วยนะคะ”“เป็นหน้าที่ของผมอยู่แล้วครับ”“จริงสิ ฉันอยากทราบว่า ตอนนี้ตึกนี้มีผู้เช่าเต็มหมดแล้วหรือยังคะ?”ทนายเฉินส่ายหน้า “คุณหนูสือ เรื่องนี้ผมต้องขอตรวจสอบดูก่อน ถ้าทราบแล้วผมจะส่งข้อความไปแจ้งได้ไหมครับ?”“ได้ค่ะ รบกวนด้วยนะคะ”“ถ้าคุณหนูสือไม่มีอะไรสงสัยแล้ว ผมขอตัวกลับก่อนนะครับ”หลังจากส่งทนายเฉินกลับไปแล้ว สืออวี๋ก็ลุกขึ้นเดินไปที่สวนคุณย่าสือกำลังปรึกษาเมนูสำหรับงานเลี้ยงกับป้าอู๋อยู่ในศาลาพักผ่อน เมื่อเห็นสืออวี๋จึงกวักมือเรียก “ยัยอวี๋ มานี่เร็ว มาดูเมนูนี้หน่อยว่าต้องแก้ไขหรือตัดอะไรออกไหม”สืออวี๋เดินไปข้าง ๆ คุณย่าสือ แ
สือหมิงฮุยขมวดคิ้ว “หมายความว่ายังไง? ม่านม่านจะคิดยังไงน่ะเหรอ? ผมจำเป็นต้องสนใจด้วยหรือว่าเธอคิดยังไง?”อีกอย่าง สือม่านก็เป็นแค่บุตรบุญธรรม ทรัพย์สินในชื่อของเขา เขาอยากจะยกให้ใครมันก็เรื่องของเขา ต้องไปสนใจด้วยหรือว่าคนอื่นจะคิดยังไง?“ปกติม่านม่านก็ใช้ชีวิตอย่างหวาดระแวงในบ้านหลังนี้จะแย่อยู่แล้ว เพราะรู้ตัวว่าเป็นแค่ลูกบุญธรรม ถ้าเธอรู้ว่าคุณยกตึกทั้งหลังให้สืออวี๋ เธอต้องแอบไปร้องไห้เสียใจแน่ ๆ คุณช่วยนึกถึงจิตใจของเธอบ้างได้ไหม?!”สือหมิงฮุยจ้องมองใบหน้าที่เต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยวของโจวฉิน เขารู้สึกเหมือนว่าเธอกลายเป็นคนที่ไม่รู้จักไปเสียแล้วแม้ว่าเขาจะลำเอียงอยู่บ้าง แต่ในใจของเขายังไงสืออวี๋ก็ต้องมาก่อนสือม่านต่อให้สืออวี๋ไม่กลับมาที่บ้านตระกูลสือ วันข้างหน้าถ้าเขาต้องทำพินัยกรรม เขาก็จะยกส่วนที่สืออวี๋ควรจะได้รับให้เธออยู่ดีเพราะเขารู้อยู่แก่ใจว่า สืออวี๋ต่างหากคือคนที่มีสายเลือดเดียวกับเขาแม้ว่าเขาจะเอ็นดูสือม่าน แต่เขาก็ยิ่งรู้ดีกว่าว่า วันหนึ่งสือม่านก็ต้องแต่งงานออกไป และเมื่อแต่งงานแล้วก็จะไม่มีความเกี่ยวพันกับตระกูลสือโดยสิ้นเชิง“พอสืออวี๋กลับมาบ้านตระกูล
โจวฉินและสือหมิงฮุยพยายามเกลี้ยกล่อมเขาหลายต่อหลายครั้ง แต่เขาก็ไม่ยอมกลับมาสืบทอดกิจการของตระกูลสือ สือหมิงฮุยทั้งโกรธทั้งจนปัญญา แต่ก็ไม่สามารถฉุดกระชากลากตัวเขากลับมาได้“ส่วนซูโม่ ฉันจะชดเชยให้เขาด้วยอย่างอื่น แกต้องโอนตึกสำนักงานนั่นให้สืออวี๋ ไม่งั้นก็ไม่ต้องมานับว่าฉันเป็นแม่อีก!”ไม่เปิดโอกาสให้สือหมิงฮุยได้พูดอะไรต่อ คุณย่าสือก็ตัดสายทิ้งทันทีสือหมิงฮุยวางโทรศัพท์ลง เขาครุ่นคิดอยู่เป็นนาน สุดท้ายก็ตัดสินใจทำตามที่คุณย่าสือบอกเหตุผลหนึ่งคือคุณย่าสือยังคงกุมหุ้นส่วนใหญ่ของสือซื่อเอาไว้ และอีกเหตุผลก็คือในอนาคตสือซื่อจะต้องร่วมมือเชิงลึกกับหยวนฮ่าง การมอบผลประโยชน์เล็กน้อยให้สืออวี๋ในตอนนี้ ก็เพื่อให้ในอนาคตสืออวี๋จะได้เห็นแก่หน้าตระกูลสือ ไปเจรจาเงื่อนไขความร่วมมือกับเหลียงหยวนโจวได้แต่พอนึกถึงว่าต้องยกตึกที่ทำเลดีขนาดนั้นให้สืออวี๋ เขาก็อดรู้สึกเจ็บปวดในใจไม่ได้เขาต่อสายหาทนายความ สั่งให้อีกฝ่ายเดินทางมาหาไม่ถึงสองชั่วโมง สัญญาให้โดยเสน่หาก็ร่างเสร็จเรียบร้อยสือหมิงฮุยลงนามในเอกสาร ก่อนจะยื่นให้ทนายความ “บ่ายนี้คุณช่วยไปจัดการเรื่องนี้ให้เรียบร้อยด้วย”“รับทราบคร
เสินหลีตัวสั่นสะท้านอย่างไม่รู้ตัว สายตาที่เธอมองเหลียงหยวนโจวฉายแววหวาดผวา“ปรธานเหลียง ฉันเข้าใจแล้วค่ะ...”เธอยกมือขึ้นลูบท้อง ตอนนี้เธอยังบอกเรื่องที่ตัวเองตั้งท้องออกไปไม่ได้เด็ดขาด ไม่อย่างนั้น ด้วยนิสัยของเหลียงหยวนโจว เขาจะต้องบังคับให้เธอไปทำแท้งอย่างแน่นอนต้องรอจนกว่าอายุครรภ์จะมากขึ้น หรือรอจนกว่าลูกจะคลอดออกมา ถึงจะให้เหลียงหยวนโจวรู้เรื่องนี้ได้พอคิดได้ดังนั้น เสินหลีก็ตัดสินใจว่าจะทำตัวสงบเสงี่ยมไปก่อนสักระยะพอเห็นสีหน้าซีดเผือดของเธอ เหลียงหยวนโจวก็อดใจอ่อนไม่ได้ ผ่านไปชั่วครู่ เขาจึงกล่าวว่า “คุณไปเถอะ”เสินหลีพยักหน้าทั้งที่ดวงตายังแดงก่ำ ก่อนจะหันหลังจากไปตอนที่เธอกำลังจะถึงประตู เสียงของเหลียงหยวนโจวก็ดังไล่หลังมา“ถ้าคุณอยากหางานใหม่ ผมให้คนช่วยแนะนำให้ได้ แต่หวังว่าคุณจะจำไว้ด้วย ว่าเรื่องระหว่างเรามันจบไปแล้ว”ร่างของเสินหลีแข็งค้างไปชั่วขณะ “ประธานเหลียง อย่าเลยค่ะ ฉันหางานเองได้ ไม่ต้องการความเวทนาจากคุณ”เธอเปิดประตูแล้วเดินจากไป ห้องทำงานก็กลับคืนสู่ความเงียบสงบอย่างรวดเร็วไม่รู้เพราะอะไร เหลียงหยวนโจวรู้สึกหงุดหงิดในใจอย่างที่อธิบายไม่ถูก และส
คุณย่าสือลูบหลังเธอ พลางพูดอย่างอ่อนโยนว่า “โตป่านนี้แล้ว ยังจะมาอ้อนอีกเหรอ!”“ไม่ว่าจะโตแค่ไหน หนูก็เป็นหลานของย่าเสมอนะคะ ต่อหน้าคุณย่า หนูก็เป็นเด็กตลอดไป”“นั่นก็จริง”เมื่อเห็นภาพความสัมพันธ์อันอบอุ่นของสองย่าหลาน ป้าอู๋ก็อดที่จะยิ้มตามไม่ได้ตั้งแต่คุณหนูย้ายกลับมาอยู่ที่บ้านตระกูล คุณท่านก็ดูมีรอยยิ้มมากกว่าเมื่อก่อนมากดูท่าทางแล้ว คุณท่านคงจะรักและเอ็นดูหลานสาวคนนี้มากจริง ๆในขณะเดียวกัน ณ ห้องทำงานประธานบริษัทเทคโนโลยีหยวนฮ่างจงชู่ถือเอกสารแฟ้มหนึ่งเดินเข้ามาหลังจากเคาะประตู “ท่านประธานเหลียง ช่วงนี้คุณหนูสือดูเหมือนกำลังหาที่อยู่ครับ น่าจะเตรียมเช่าสำนักงาน แต่ว่า...”มือที่กำลังตวัดปากกาเซ็นเอกสารของเหลียงหยวนโจวหยุดชะงัก เขามองจงชู่ “แต่ว่าอะไร?”“คนของเราสืบมาว่า เสินหลีแอบอ้างชื่อท่านไปพบผู้จัดการบริษัทนายหน้าที่คุณหนูสือกำลังติดต่อเรื่องเช่าสถานที่อยู่ครับ”เมื่อได้ยินดังนั้น ดวงตาของเหลียงหยวนโจวก็เย็นเยียบขึ้นมาทันที “ไปติดต่อเธอเดี๋ยวนี้ บอกให้เธอมาพบผม”ไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง เสินหลีก็มาถึงเห็นได้ชัดว่าเธอตั้งใจแต่งตัวมาอย่างดีเธอแต่งหน้าโทนอ่อน ๆ ที่เ







