แชร์

บทที่6

ผู้เขียน: ชุนกวงห่าว
ตอนแรกเธอเองก็ไม่อยากสนใจเสินหลีไอ้ดอกบัวสีขาว[1]นี้หรอก แต่เมื่อครู่นี้เธอนั่งอยู่ด้านหลังพวกเขา ได้ยินเสินหลีพูดโอ้อวดกับเพื่อนว่าวันที่เหลียงหยวนโจวกับสืออวี๋ลองชุดแต่งงานนั้นได้พาเธอไปด้วย ไม่เพียงแค่ให้เธอไปแถมยังให้เธอลองชุดแต่งงานด้วย แต่ยังผลักสืออวี๋เพื่อเธออีกด้วย

พอนึกถึงความเงียบและข้อเท้าที่บวมแดงของสืออวี๋ในวันนั้น ซ่งจื่ออินยังจะไม่เข้าใจสักที่ไหนกัน

เธอไม่ได้มีความอดทนเหมือนสืออวี๋ แค่ตบเสินหลีสองทีก็ยังถือว่าเบาไป

สีหน้าของเหลียงหยวนโจวมืดครึ้ม “นี่เป็นเรื่องระหว่างผมกับสืออวี๋ คุณไม่มีสิทธิ์มายุ่ง”

ในขณะที่พูด สายตาที่เย็นชาของเขาก็จ้องยังสืออวี๋ที่เพิ่งเดินมายืนอยู่ข้างซ่งจื่ออิน ในดวงตาเต็มไปด้วยความรังเกียจที่ไม่ปิดบังเลยแม้แต่นิด

“ผมคิดว่าให้เวลาคุณหลายวัน คุณจะใจเย็นลงได้ คิดไม่ถึงว่าคุณจะยุยงซ่งจื่ออินให้มาหาเรื่องเสินหลี”

สืออวี๋หน้าซีด “คุณคิดว่าฉันตั้งใจบอกเรื่องในร้านชุดแต่งงานวันนั้นให้จื่ออินงั้นเหรอ?”

“ไม่อย่างนั้นล่ะ? ไม่อย่างงั้นซ่งจื่ออินจะรู้ได้อย่างไร? ผู้หญิงร้ายกาจอย่างคุณ ไม่แปลกใจเลยที่ถูกตระกูลสือขับไล่ออกมา สิ่งที่ผมเสียใจที่สุด ก็คือเคยรักคุณ!”

ร่างกายของสืออวี๋สั่นไหวเล็กน้อย ก้าวถอยหลังสองก้าวโดยไม่รู้ตัว เหมือนจะล้มได้ตลอด

แปดปีก่อน เขาสารภาพรักกับเธอ บอกว่าสิ่งที่โชคดีที่สุดในชีวิตก็คือการได้เจอเธอ

แปดปีต่อมา เพื่อผู้หญิงอีกคน เขากลับบอกว่าสิ่งที่เสียใจที่สุดก็คือเสียใจที่เคยรักเธอ

นี่คือผู้ชายที่เธอรักมาแปดปี และคือผู้ชายที่เธอคิดจะใช้ชีวิตร่วมกัน

สีหน้าของซ่งจื่ออินเปลี่ยนไป รีบวิ่งไปตบเหลียงหยวนโจวหนึ่งที “เหลียงหยวนโจว หัวใจคุณถูกหมากินไปแล้วหรือไง? คุณมีหน้าพูดคำแบบนี้ออกมาได้ยังไง?!”

ตอนนั้นถ้าไม่ใช่เพราะอยู่กับเขา สืออวี๋ก็คงไม่ถูกตระกูลสือขับไล่ออกมา

ตอนนี้เขากลับเอ่ยคำพูดแบบนี้กับสืออวี๋ เพียงเพราะชู้สาวที่ไร้ยางอายคนหนึ่ง นี่มันต่างอะไรกับการเอามีดแทงใจเธอ?!

หลังจากพูดประโยคนั้นออกไปเพราะอารมณ์ชั่ววูบ เหลียงหยวนโจวก็เริ่มรู้สึกเสียใจและหงุดหงิด

หันไปมองสืออวี๋อย่างไม่รู้ตัว เธอยืนอยู่ด้านหลังซ่งจื่ออิน ก้มหน้าไว้มองไม่เห็นสีหน้า

เสินหลีที่อยู่ข้างๆสังเกตถึงความเปลี่ยนแปลงของเขาอย่างไว ดวงตาเป็นประกายวาบหนึ่ง รีบวิ่งไปตบหน้าซ่งจื่ออิน

ซ่งจื่ออินเคยเรียนซ่านโฉ่ว[2]มาก่อน แน่นอนเสินหลีย่อมไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเธออยู่แล้ว จึงถูกตบไปหลายครั้งอีก

เหลียงหยวนโจวก้าวไปข้างหน้าคิดอยากจะแยกทั้งสองออก แต่ก็แยกไม่ออกเลย แถมถูกข่วนที่หน้าอีกหลายทีด้วย ดูน่าสมเพชมาก

สถานการณ์วุ่นวายไปชั่วขณะหนึ่ง สุดท้ายก็เป็นพนักงานที่เข้ามาแยกผู้คนออกจากกัน

ซ่งจื่ออินไม่เป็นไร แต่เสินหลี ผมยุ่งเหมือนรังไก่ แก้มทั้งสองบวมอย่างเห็นได้ชัด ดูน่าสงสารยิ่งนัก

เธอหันมองเหลียงหยวนโจวด้วยความอ้อนวอน อยากให้เขาปลอบ

“ประธานเหลียง……”

แต่เหลียงหยวนโจวไม่สนใจเธอ มองไปที่สืออวี๋ที่ยืนเงียบอยู่ที่เดิมตลอด สีหน้าเคร่งขรึมเล็กน้อย

สืออวี๋ไม่ได้มองเขา ฝืนยิ้มให้ซ่งจื่ออิน “จื่ออิน เราไปกันเถอะ ฉันไม่อยากอยู่ตรงนี้แล้ว”

มื่อเห็นใบหน้าของเธอซีดเผือดจนไม่เหลือสีเลือดเลย ซ่งจื่ออินก็รู้สึกตึงเครียดในใจ

“โอเค”

เธอเดินไปข้างกายสืออวี๋ จับมือที่เย็นของสืออวี๋แล้วเดินออกไป

ระหว่างทางกลับ สืออวี๋มองออกไปนอกหน้าต่างด้วยสีหน้าเรียบเฉย ไม่รู้คิดอะไรอยู่

ซ่งจื่ออินอยากเอ่ยปากพูดหลายครั้ง แต่สุดท้ายก็ทนเอาไว้

จนกระทั่งรถจอดที่ชั้นล่างบ้านของสืออวี๋ เธอจึงพูดว่า “อาอวี……คืนนี้ขอโทษนะ ถ้าไม่ใช่เป็นเพราะฉันอารมณ์ชั่ววูบ ก็คงไม่……”

สืออวี๋หันมองเธอ “ไม่เกี่ยวกับแก วันนี้ฉันเหนื่อยแล้ว ไม่เรียกแกขึ้นไปนั่งแล้วนะ กลับไประวังตัวด้วยนะ”

“อาอวี……แกอย่าทำให้ฉันตกใจนะ ฉันกลัว”

เมื่อเห็นความกังวลในตาของซ่งจื่ออิน สืออวี๋อยากยิ้มให้เธอ แต่กลับพบว่าทำไม่ได้ จึงได้แต่ส่ายหน้า

“ฉันไม่เป็นไร นอนพักสักหน่อยก็หายแล้ว แกกลับไปเถอะ ไม่ต้องห่วงฉัน”

พูดจบ เธอเปิดประตูลงจากรถ

หลังจากเห็นซ่งจื่ออินขับรถจากไป สืออวี๋จึงค่อยเดินขึ้นตึก

กลับถึงบ้าน เธอนั่งอยู่บนโซฟาเป็นเวลานาน

จนได้ยินเสียงเปิดประตูดังขึ้น เธอจึงเงยหน้าขึ้นอย่างแข็งทื่อ

เหลียงหยวนโจวเดินเข้ามาจากประตู แสงไฟบนหัวส่องสว่างใบหน้าที่หล่อเหลาของเธอ หล่อและทำให้คนหลงใหลเช่นเคย แต่สืออวี๋กลับรู้สึกถึงเพียงความแปลกหน้า

เธอก้มหน้าไม่มองเขาอีก มือข้างๆบีบแน่นเล็กน้อย

เหลียงหยวนโจวนั่งลงตรงหน้าเธอ ไม่มีใครพูดอะไรเลย เสียงเงียบเหมือนแม้แต่เสียงเข็มตกก็ยังได้ยิน

ไม่รู้ผ่านไปนานเท่าไร เหลียงหยวนโจวจึงเอ่ยปากพูดขึ้นว่า “สืออวี๋ คืนนี้สิ่งที่ผมพูดในร้านอาหาร ไม่ได้ตั้งใจจะพูด คุณอย่าไปใส่ใจเลยนะ”

สืออวี๋ยิ้มเย้ยเล็กน้อย ตั้งใจจะพูด หรือในที่สุดก็พูดความในใจออกมาสักที?

บางที มีเพียงเขาเท่านั้นที่รู้

ถึงตอนนี้ เธอเองก็ไม่รู้แล้วว่าคำไหนของเขาเป็นจริง คำไหนเป็นเท็จ

เมื่อเห็นว่าสืออวี๋ไม่พูดอะไร เหลียงหยวนโจวก็ขมวดคิ้ว กำลังจะพูด โทรศัพท์ในกระเป๋าก็ดังขึ้น เป็นเสินหลี

เขาลังเลสักครู่ แต่ก็เลือกที่จะรับสาย

ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายพูดอะไรไป เหลียงหยวนโจวพูดด้วยสีหน้าที่จริงจัง “ผมจะไปเดี๋ยวนี้”

วางสาย เห็นสืออวี๋กำลังมองตัวเอง เหลียงหยวนโจวก็เม้มริมฝีปากที่บาง “เสินหลีอุบัติเหตุทางรถยนต์ ตอนนี้ผมต้องไปดูสักหน่อย”

สืออวี๋ยิ้มเย้ยบนมุมปาก “อุบัติเหตุทางรถยนต์แล้วยังมีแรงโทรบอกคุณด้วย ลำบากเธอแล้วจริงๆ”

เหลียงหยวนโจวขมวดคิ้ว จากนั้นก็นึกถึงคำพูดที่ตัวเองพูดในร้านอาหาร แล้วก็อดกลั้นความโกรธในใจไว้ “อวี่ เรื่องเล็กน้อยอย่าไปคิดมาก”

สืออวี๋หัวเราะในใจ สามีเพราะคำโกหกของผู้หญิงอีกคนจึงทิ้งเธอ ก็ยังคงต้องอดกลั้นความโกรธในใจไว้ กักความอดทนแล้วพูดออกมา “อาอวี ถือสารายละเอียดแบบนี้มันไม่มีความหมาย”

สืออวี๋รู้สึกขบขันที่คู่หมั้นของเธอทิ้งเธอไปเพราะคำโกหกงี่เง่าของผู้หญิงคนอื่น แต่กลับเรียกเธออย่าถือสากับรายละเอียด

เขาลุกขึ้นยืนเพื่อจะจากไป เสียงของสืออวี๋ดังมาจากข้างหลัง

"เหลียงหยวนโจว ขอแค่คุณอยู่ต่อ ฉันก็จะให้อภัยคุณ"

ฝีเท้าของเหลียงหยวนโจวหยุดชะงัก ใบหน้าแข็งทื่อ

หันไปมองสืออวี๋ เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่ทุ้มต่ำ "ผมรู้ว่าเพราะเรื่องคืนนี้ คุณเลยรู้สึกโกรธ แต่อุบัติเหตุทางรถยนต์ไม่ใช่เรื่องเล็กน้อย มันเป็นเรื่องของความเป็นความตาย คุณอย่า……"

คำว่าอย่าใจแคบแบบนี้ยังไม่ทันได้พูดออกมา สืออวี๋ก็ขัดจังหวะเขาอย่างใจเย็น

"ฉันเข้าใจแล้ว คุณไปเถอะ เมื่อกี้ฉันแค่พูดเล่น"

เหลียงหยวนโจวรู้สึกว่าคืนนี้เธอมีบางอย่างผิดปกติ และความรู้สึกไม่สบายใจอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนก็ผุดขึ้นมา

"พอผมกลับมา เราค่อยคุยกันเรื่องวันแต่งงานอีกครั้ง"

คำพูดนี้ของเขานับว่าเป็นการปลอบประโลม อีกทั้งยังเป็นการยอมอ่อนแบบอ้อมๆ แต่สืออวี๋กลับไม่ตอบกลับอย่างผิดปกติ

"คุณไปยุ่งเถอะ"

เมื่อนึกถึงเมื่อกี้ทางปลายสายเสินหลีร้องว่าเจ็บตลอด เหลียงหยวนโจวก็ไม่ได้พูดอะไรอีก หันหลังและเดินจากไป

ประตูเปิดและปิด ห้องนั่งเล่นเงียบลงอีกครั้ง

สืออวี๋ลุกขึ้นเดินไปที่ห้องนอน หยุดตรงหน้าโต๊ะเครื่องแป้ง เปิดกล่องเครื่องประดับ หยิบสร้อยเพชรอันหนึ่งออกมาแล้วโยนทิ้ง

สร้อยคอเส้นนี้เป็นเครื่องประดับที่มีคาราสูงที่สุดที่เหลียงหยวนโจวมอบให้เธอ เหตุผลที่เธอให้ความสำคัญกับมันมาตลอดไม่ใช่เพราะมันแพงที่สุด แต่เพราะสร้อยคอนี้เคยช่วยชีวิตเหลียงหยวนโจวไว้

ตอนนั้นเหลียงหยวนโจวกลับจากไปทำงานต่างประเทศมา เห็นสร้อยนี้โดยบังเอิญ จึงอยากซื้อให้เธอเป็นของขวัญ

แต่ตอนั้นเงินบนตัวของเขาไม่พอ โอนเงินข้ามประเทศก็ใช้เวลาไปไม่น้อย จึงพลาดเที่ยวบินที่บินกลับประเทศ

และต่อมาเที่ยวบินนั้นก็เกิดอุบัติเหตุในระหว่างบิน ผู้โดยสารและลูกเรือทั้งหมดบนเครื่องบินเสียชีวิต

สืออวี๋รู้สึกขอบคุณเขามาตลอดที่เห็นสร้อยนี้ เพราะถ้าไม่ใช่สร้อยนี้ เธอก็จะสูญเสียเหลียงหยวนโจวไปแล้ว

แต่ว่าการปรากฏตัวของเสินหลี ทำให้ความรักทั้งหมดของเธอกลายเป็นเรื่องตลก

ตอนนี้ในกล่องเหลือแค่แหวนเพชรฝีมือการประดิษฐ์ที่หยาบๆวงหนึ่ง

แหวนเพชรนี้เป็นแหวนที่เหลียงหยวนโจวทำด้วยตัวเองในปีแรกที่พวกเขาเริ่มคบกัน เมื่อเขายื่นแหวนให้เธอ สิ่งแรกที่เธอมองเห็นไม่ใช่เพชรบนแหวน แต่เป็นมือของเขาที่เต็มไปด้วยรอยแผลจากการขัดแหวน

ตอนให้เธอสวมแหวน เขาสัญญาว่าในอนาคตจะเปลี่ยนแหวนวงใหญ่และสวยกว่านี้ให้ เธอบอกเอาอะไรมาก็ไม่เปลี่ยน เธออยากได้วงนี้แหละ

ต่อมาเมื่อรู้ว่าเพื่อจะซื้อเพชรเม็ดนั้น เขาต้องทำงานส่งอาหารเป็นเวลาสองเดือนเต็ม ๆ และยังต้องลงมือขัดเพชรเอง ทำตัวเรือนแหวนด้วย……

สืออวี๋ฟังแล้วก็ว่าเขาโง่ ทั้งร้องไห้และหัวเราะ ในใจทั้งรู้สึกเจ็บปวดและซาบซึ้ง

แต่ตอนนี้นึกดูแล้ว คนที่โง่มันคือเธอต่างหาก

เธอหยิบแหวนขึ้น ใส่ที่นิ้วนาง

แหวนที่เคยพอดีกับนิ้ว ตอนนี้กลับหลวมขึ้นเป็นรอบใหญ่เลย

สืออวี๋ถอดแหวนออก มองอยู่นานจนตาเริ่มแสบร้อน ก่อนจะวางแหวนกลับเข้าที่เดิม

ให้โอกาศเขาครั้งสุดท้าย ครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้ายแล้วจริง……

——————————————————————————————

[1]ดอกบัวสีขาว หมายถึง บุคคลที่ดูบริสุทธิ์ แต่อาจมีเจตนาซ่อนเร้น

[2]ซ่านโฉ่ว หมายถึง รูปแบบศิลปะการป้องกันตัวและกีฬามวยใช้เท้าอย่างหนึ่งของจีน
อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • คุณกับเลขาเกิดมาคู่กัน แล้วจะมาคุกเข่าในงานแต่งฉันทำไม?   บทที่85

    สีหน้าของเหลียงหยวนโจวมืดครึ้ม หันไปมองสืออวี๋กับซือเยี่ยนที่ยืนอยู่ไม่ไกลตอนนี้สืออวี๋กำลังเงยหน้าคุยกับซือเยี่ยน ดวงตาที่มองเขาเต็มไปด้วยความอ่อนโยน ไม่ได้มีท่าทางเย็นชาเหมือนตอนเขาเลยสักนิดเลย“ก็ได้ ฉันจะขอโทษเขา!”วันนี้เขาถูกซือเยี่ยนเล่นงาน ก็ถือว่าเขาซวยไปแต่ผู้ชายคนนี้จะแบกรับคำขอโทษของเขาไหวหรือไม่ มันก็คืออีกเรื่องหนึ่งแล้ว!เขาหันตัวรีบเดินไปหาสืออวี๋กับซือเยี่ยน จนมายืนอยู่ตรงหน้าทั้งสองคน เขาจึงพูดด้วยเสียงที่เย็นชาว่า “สืออวี๋ ผมขอโทษเขาได้”สืออวี๋มองเขาแวบหนึ่งก่อนพูดอย่างหมดความอดทน “รบกวนคุณรีบหน่อย ฉันยังมีธุระต่อ”ในใจของเหลียงหยวนโจวมีไฟโกรธลุกโชนขึ้นมา แต่ก็ถูกเขาพยายามกดมันไว้“คุณซือ เมื่อกี้เป็นผมที่วู่วามไป คุณโปรดให้อภัยผมด้วย”ซือเยี่ยนมองเขา ดวงตาแฝงแววเยาะเย้ยจาง ๆ“ประธานเหลียง ไม่เป็นไรหรอก ครั้งหน้าก็อย่าวู่วามแบบนี้อีกนะ”พูดจบ เขาหันมองสืออวี๋ “ตอนนี้ประธานเหลียงก็ขอโทษแล้ว เราก็ยอมรับการไกล่เกลี่ยจากตำรวจเถอะ”สืออวี๋พยักหน้า “โอเค”เห็นสืออวี๋ไม่แม้แต่จะเหลียวแลมองมาทางตัวเอง สีหน้าของเหลียงหยวนโจวก็เริ่มตึงเครียด เส้นเลือดที่ขมับเต้

  • คุณกับเลขาเกิดมาคู่กัน แล้วจะมาคุกเข่าในงานแต่งฉันทำไม?   บทที่84

    ต่อหน้าเขาแต่เธอกลับไปปกป้องผู้ชายอีกคนแทน?แถมยังเป็นผู้ชายเจ้าเล่ห์อีกต่างหาก!“สืออวี๋ นี่คุณดูไม่ออกหรือว่ามันแกล้ง?!”ในดวงตาของสืออวี๋เต็มไปด้วยความเหลือทน “เขาแกล้งอะไร? ฉันเห็นแค่คุณทำร้ายเขาอย่างไม่มีเหตุผล ต่อยเขาจนได้รับบาดเจ็บ”“ถ้าเขาไม่พูดคำพูดเหล่านั้น ผมจะลงมือเหรอ?”สืออวี๋ขมวดคิ้ว “คุณทำก็ทำไปแล้ว ยังจะมาบอกว่าเขาพูดได้ไม่เข้าหู?”“ฉันไม่อยากพูดไร้สาระกับคุณ รีบขอโทษซะ!”ท่าทางที่เย็นชาและห่างเหินของเธอ ราวกับต้องการตัดขาดกับเขาโดยสิ้นเชิง ทำให้เหลียงหยวนโจวเสียสติไปในที่สุด“ให้ผมขอโทษเขา? คุณฝันไปเถอะ!”“ได้ ในเมื่อคุณไม่ยอมขอโทา งั้นฉันก็คงต้องแจ้งความ แต่ฉันต้องขอเตือนคุณก่อนว่า ตามมาตรา 43 ของกฎหมายว่าด้วยการลงโทษทางปกครองด้านความมั่นคงสาธารณะ การทำร้ายผู้อื่นโดยไม่มีเหตุผล อาจถูกควบคุมตัวไม่เกินห้าวัน หรือปรับไม่เกินหนึ่งพัน”เหลียงหยวนโจวคิดไม่ถึงว่า สืออวี๋จะทำแบบนี้กับตัวเองเพราะผู้ชายอีกคนสายตาเขาเย็นชา เต็มไปด้วยความโกรธ“สืออวี๋ คุณแน่ใจเหรอว่าเพื่อคนที่ไม่สำคัญแบบนี้คนหนึ่ง ถึงขั้นเอาเรื่องไปถึงโรงพัก?”มือของสืออวี๋ค่อย ๆ กำแน่น เงยหน้ามองเ

  • คุณกับเลขาเกิดมาคู่กัน แล้วจะมาคุกเข่าในงานแต่งฉันทำไม?   บทที่83

    สืออวี๋ตกใจกับเหลียงหยวนโจวที่ปรากฏตัวขึ้นอย่างกะทันหัน ถอยหลังโดยไม่รู้ตัว เท้าลื่นเกือบล้มทันใดนั้น มือที่แข็งแรงข้างหนึ่งก็ยื่นมารองที่เอวของเธอไว้ ตามด้วยเสียงที่อ่อนโยนของซือเยี่ยน “เป็นอะไรไหม?”สืออวี๋ส่ายหน้า มองเขาด้วยความขอบคุณ “ฉันไม่เป็นไร ขอบคุณนะ”ซือเยี่ยนถอนมือกลับอย่างสีหน้าเรียบเฉย “ไม่เป็นไร”เหลียงหยวนโจวที่ยืนอยู่ข้าง ๆ มองดูปฏิสัมพันธ์ระหว่างทั้งสอง ความโกรธในอกเหมือนไฟลุกโชน ยิ่งลุกก็ยิ่งเดือดเขายื่นมืออยากจะดึงสืออวี๋มาข้างๆ แต่ยังไม่ทันแตะตัวสืออวี๋ ก็ถูกซือเยี่ยนขวางไว้“คุณเหลียง คุณอย่าจับมือถือแขนสืออวี๋”มือของเหลียงหยวนโจวถูกผลักออก ความโกรธยิ่งพุ่งสูงเขไม่แม้แต่จะมองซือเยี่ยน สายตาที่เต็มไปด้วยความโกรธจ้องไปที่สืออวี๋เมื่อไม่นานมานี้ก็เป็นสวีอวี่เจ๋อ ตอนนี้ก็เปลี่ยนผู้ชายอีกคน อีกไม่นาน เธอก็จะเปลี่ยนอีกคนแล้วใช่ไหม?เพื่อจะยั่วให้เขาโมโห เธอก็คิดหาทุกวิถีทางเลยจริงๆ!“มานี่!”ทั้งน้ำเสียงที่เย็นชา และกรามที่เกร็ง ล้วนบ่งบอกว่าตอนนี้เขากำลังโกรธจัดแต่สืออวี๋ในตอนนี้ไม่สนใจอีกแล้วพวกเขาเลิกกันแล้ว เขาจะดีใจหรือโกรธ ก็ไม่เกี่ยวกับเธออีก

  • คุณกับเลขาเกิดมาคู่กัน แล้วจะมาคุกเข่าในงานแต่งฉันทำไม?   บทที่82

    พอวางสายแล้ว สาตาของเสินหลีก็เปลี่ยนเป็นเย็นชารอสืออวี๋กลายเป็นคนที่ถูกรังเกียจเดียดฉันท์ เธอไม่เชื่อว่าเหลียงหยวนโจวยังจะชอบสืออวี๋อีก!อีกด้านหนึ่ง หานเชี่ยนวางโทรศัพท์ลง แล้วหันมองช่างทำเล็บที่กำลังทำเล็บให้เธอ “ทำเร็วๆหน่อย เดี๋ยวฉันยังจะต้องไปพบคุณชายซ่ง ถ้าทำให้ฉันเสียเวลา ฉันจะไม่ปล่อยเธอแน่!”ช่างทำเล็บชินกับนิสัยชอบสั่งอย่างเย่อหยิ่งของหานเชี่ยนแล้ว จึงตอบอย่างนอบน้อม “ค่ะ คุณหนูหาน”หลังจากทำเล็บเสร็จ ก็ผ่านไปครึ่งชั่วโมงกว่าแล้วหานเชี่ยนมองเล็บใหม่อย่างพอใจ หยิบกระเป๋าแล้วขับรถตรงไปยังร้านอาหารที่นัดกับซ่งจื่อเฉียนไว้เมื่อพนักงานพาเธอไปยังห้องส่วนตัว ซ่งจื่อเฉียนก็รอเธออยู่แล้วเมื่อเห็นซ่งจื่อเฉียน บนใบหน้าของหานเชี่ยนก็เต็มไปด้วยความดีใจ เดินตรงไปหาเขาทันทีเห็นเธอนั่งลงที่ข้างๆตัวเอง ซ่งจื่อเฉียนก็ขมวดคิ้ว พูดเสียงเย็นชาว่า “คุณหนูหาน ผมไม่ชอบนั่งใกล้กับคนที่ไม่สนิทขนาดนี้ กรุณานั่งให้ห่างจากผมหน่อย”ร่างกายของหานเชี่ยนแข็งทื่อไปชั่วขณะ พยายามฝืนยิ้ม มองดูซ่งจื่อเฉียนแล้วพูดว่า “คุณชายซ่ง วันนี้คุณนัดฉันมา ไม่ใช่เพราะอยากให้สถานะกับฉันหรือ?”หลังจากคืนนั้น เธ

  • คุณกับเลขาเกิดมาคู่กัน แล้วจะมาคุกเข่าในงานแต่งฉันทำไม?   บทที่81

    เขารู้สึกว่าสืออวี๋ไม่มีทางเลิกกับเขาจริงๆ และในขณะเดียวกันก็รู้สึกว่าพฤติกรรมช่วงนี้ของสืออวี๋มันไม่ปกติ ทำให้เขารู้สึกเหมือนจะสูญเสียเธอไปได้ทุกเมื่อยิ่งคิด สีหน้าของเหลียงหยวนโจวก็ยิ่งเคร่งเครียดตอนที่เสินหลีเคาะประตูเข้ามา ก็เห็นเหลียงหยวนโจวนั่งเหม่อมองเอกสารอยู่เธอกัดริมฝีปากล่าง สีหน้าซับซ้อน ตั้งแต่เหลียงหยวนโจวกับสืออวี๋เลิกกันแล้ว เธอก็เห็นเขาเหม่อลอยอยู่เป็นประจำช่วงนี้แม้เหลียงหยวนโจวจะยอมรับความสัมพันธ์ของพวกเขาต่อหน้าเพื่อนและคนในบริษัทโดยปริยาย แต่เสินหลีกลับไม่ได้รู้สึกดีใจเลย ตรงกันข้าม เธอกลับรู้สึกกังวลเพราะเธอพบว่า เหลียงหยวนโจวไม่ได้มีความกระตือรือร้นกับเธอเหมือนเมื่อก่อนแล้วและทุกครั้งที่มีสืออวี๋อยู่ในเหตุการณ์ สายตาของเหลียงหยวนโจวก็จะมองไปที่สืออวี๋เสมอ ทำให้เธอทนไม่ได้สิ่งที่เธอต้องการคือ ในสายตาของเหลียงหยวนโจวมีเพียงเธอคนเดียว!“ประธานเหลียง นี่คือเอกสารที่ต้องเซ็นวันนี้ค่ะ”เหลียงหยวนโจวดึงสติกลับมา เงยหน้าขึ้นมองเธอ อดขมวดคิ้วไม่ได้ “ทำไมคุณไม่เคาะประตูก่อนเข้ามา?”เสินหลีหน้าซีด “ประธานเหลียง ฉันเคาะแล้วค่ะ……อาจเป็นเพราะคุณเหม่อลอยอยู่ เล

  • คุณกับเลขาเกิดมาคู่กัน แล้วจะมาคุกเข่าในงานแต่งฉันทำไม?   บทที่80

    สืออวี๋หันไปมองเขา “คดีของหวังซันซันไม่ต้องตามต่อแล้วนะ อีกไม่กี่วันเธอจะมายกเลิกสัญญา”ซือห่าวอวี่ขมวดคิ้วแน่น แทบไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง “เธอจะเปลี่ยนทนาย? ทำไมล่ะ?”คดีของหวังซันซัน สืออวี๋ติดตามอย่างทุ่มเทเต็มที่ แถมการพิจารณาคดีรอบแรกก็จบไปแล้ว อีกไม่นานก็จะเข้าสู่รอบที่สอง ทำไมอยู่ดีๆอีกฝ่ายถึงเปลี่ยนทนาย?!“เธอหาทนายที่เก่งกว่าได้ ทนายคนนั้นเป็นมืออาชีพมาก เคยทำคดีหย่าร้างมาเยอะ”“ถึงทนายคนนั้นจะมืออาชีพแค่ไหน เธอก็ทำเรื่องแบบนี้ไม่ได้นะ?มันเกินไปแล้ว พี่ไม่น่าจะยอมให้เธอเปลี่ยนทนายเลย!”พอนึกถึงช่วงที่ผ่านมานี้เพื่อคดีของหวังซันซันแล้วสืออวี่ลำบากแทบแย่ เรียกเมื่อไรก็ต้องไปทันที แต่อีกฝ่ายกลับมาเปลี่ยนทนายในจังหวะสำคัญแบบนี้ ในใจของซือห่าวอวี่ก็รู้สึกโกรธขึ้นอย่างอดไม่ได้“ถ้าไม่ยอม เธอก็คงไม่ให้ความร่วมมือ ยื้อคดีนี้ไว้ก็ไม่มีประโยชน์อะไรแล้วเหมือนกัน”อีกอย่าง เรื่องนี้ก็จะโทษหวังซันซันคนเดียวไม่ได้ทางเหลียงหยวนโจวต้องเสนออะไรบางอย่างที่เธอไม่อาจปฏิเสธได้ เธอถึงได้โทรมาเปลี่ยนทนายไม่ว่าอย่างไร เธอก็หวังให้คดีนี้ชนะเพราะตามนิสัยของเยว่เผิงแล้ว ถ้าแพ้ ต่อไปยังไม่รู้

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status