Share

บทที่ 3

Penulis: ACHICHI
last update Terakhir Diperbarui: 2025-03-12 08:50:02

คุณคนโปรดสุดที่ร้าย

ตอนที่ 2

ไม่คาดฝัน

ภูริไม่ได้ตอบรับคำทักทาย เขาก้าวเท้าเดินไปยังด้านหลังของโต๊ะทำงาน ก่อนจะผายมือเชื้อเชิญแขกผู้มาเยือนให้นั่งลงฝั่งตรงข้ามกัน

“เชิญครับ”

“ค่ะ”

ยิ้มของริษายังคงประดับบนใบหน้า ทั้งยังเดินเข้าหาด้วยความมั่นใจ แต่อีกฝ่ายคงไม่รู้เลยว่าภายใต้สีหน้าที่กำลังแสดงออกนั้นเกิดหลากความรู้สึกถาโถมเข้าใส่อย่างจังที่ข้างใน

การที่ภูริใช้สิทธิ์ผู้ออกทุนสร้างเลือกเธอเป็นหนึ่งในนักแสดงเห็นได้ชัดว่าจะต้องรู้อยู่แก่ใจว่าเธอเป็นฝ่ายนัดขอเข้าพบ เขาไม่มีทีท่าประหลาดใจไม่ใช่เรื่องน่าแปลก ตอนนี้คงมีแค่ริษาที่รู้สึกเหมือนจะบ้าเพียงคนเดียว ตากลมโตได้แต่จับมองตามการเคลื่อนไหวของคนซึ่งไม่ได้พบกันนานหลายปีด้วยความรู้สึกทึ่งระคนประหลาดใจ

ร่างโปร่งสูงในชุดสูททางการสีเทาถ่านให้ความรู้สึกถึงบุคลิกเคร่งขรึมจริงจัง ประกอบกับเครื่องหน้าหล่อเหลาซึ่งแสดงสีหน้าเรียบเฉยยิ่งขับให้ภาพลักษณ์นักธุรกิจหนุ่มมองดูภูมิฐานน่ายำเกรง

ตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าของเขาเรียกได้ว่าดูดีทุกกระเบียดนิ้ว กายกำยำสูงสง่าอย่างคนสุขภาพดี เสื้อผ้าเรียบกริบไม่มีรอยยับเลยสักย่นบ่งบอกถึงอุปนิสัยเนี้ยบคลีน ไม่เว้นแม้กระทั่งเส้นผมแต่ละเส้นที่ผ่านการเซตทรงมาอย่างดีก็รับกันพอดีกับรูปหน้าคมชัดทุกส่วนสัดที่หล่อจัดชนิดที่ว่าหากเป็นการให้คะแนนของศัลยแพทย์คงติ๊กถูกทุกข้อไม่มีติแม้แต่ข้อเดียว

ทั้งสองสานสายตากันนานกว่านาทีโดยไม่มีใครเป็นฝ่ายเปิดการสนทนา ไม่ใช่แค่ริษาที่กำลังพิจารณาภาพลักษณ์ที่เปลี่ยนไปชนิดไม่ใช่คนเดียวกันกับในอดีตของอีกฝ่าย

ภูริก็กำลังจดจ้องเครื่องหน้าสวยเฉี่ยวของดาราสาวดีกรีรางวัลเซ็กซี่สตาร์อวอร์ดซ้อนกันถึงสามปีจากโพลสื่อบันเทิงหลายสำนักที่ก็เปลี่ยนไปไม่น้อยเช่นกัน และประธานหนุ่มก็เป็นฝ่ายทำลายความเงียบขึ้นในที่สุด

“คุณมีธุระอะไรเชิญได้เลยครับ”

ดวงตาคมปลาบดำสนิทไม่บ่งบอกอารมณ์ให้ความรู้สึกราวกับก้นทะเลลึกที่ยังไม่มีการสำรวจเข้าถึง การลงท้ายประโยคด้วยคำสุภาพ รวมถึงสรรพนามที่เขาเลือกใช้บ่งชัดถึงความเหินห่างในความสัมพันธ์

ริษานิ่งค้างไปชั่วขณะเมื่อได้เห็นท่าทีหมางเมินของคนที่ทำราวกับไม่เคยมีอดีตร่วมกัน รับรู้ได้ถึงกำแพงตระหง่านสูงขวางกั้นระหว่างกลาง กระนั้นเธอก็ไม่ได้คาดหวังจะได้รับความสนิทสนมจากคนซึ่งเป็นอดีตไปแล้วเช่นกัน ในเมื่อภูริทำราวกับเธอเป็นคนแปลกหน้า ก็ไม่มีเหตุผลที่จะต้องปั้นท่าว่ารู้จักกันให้เสียเวลา

ริมฝีปากอิ่มยกยิ้มสุภาพ ก่อนกระเช้าดอกไม้สีสันสดใสที่เธอเป็นคนเลือกแบบเองกับมือจะถูกเลื่อนดันไปด้านหน้า

“ขอบคุณท่านประธานสำหรับโอกาสครั้งนี้มากนะคะ วันนี้ริษาตั้งใจนำดอกไม้เข้ามาขอบคุณในความเมตตาค่ะ”

ภูริหลุบตามองกลีบดอกสดสวยหลากสีประดับตกแต่งอย่างประณีตงดงามให้ความรู้สึกทั้งสดชื่นและหรูหรา ก่อนเขาจะจบสายตาที่คนซึ่งวางท่าเหินห่างไม่ต่างกัน ดวงตาคมประหนึ่งจะพิจารณาเครื่องหน้าสวยชวนฝันของอดีตคนคุ้นเคย

ทว่าความเงียบที่ดำเนินไปในแต่ละวินาทีทำให้ดาราสาวรู้สึกอึดอัดเกินกว่าจะฝืนทน อีกทั้งสายตาที่ราวกับจะอ่านใจได้ทะลุปรุโปร่งของเขาก็อันตรายเกินกว่าที่จะปล่อยให้จดจ้องนานเกินไป

“วันนี้ริษามีธุระเท่านี้ค่ะ ไม่รบกวนเวลาท่านประธานน่าจะดีกว่า” เป็นริษาที่ตั้งท่าจบบทสนทนาด้วยการหยัดกายขึ้นยืนแม้รู้ว่าเป็นการเสียมารยาทก็ตามที

“นั่งก่อนสิครับ”

หากเจ้าของตึกก็เอ่ยด้วยน้ำเสียงสงบนิ่ง สายตากึ่งบังคับของเขา ประกอบกับความเป็นรองของเธอ ทำให้ริษายังต้องยืนนิ่งอยู่ที่เดิม

“ผู้จัดการของริษาบอกว่าท่านประธานงานยุ่ง แค่สละเวลาให้เข้าพบเท่านี้ก็เป็นเกียรติมากแล้วค่ะ”

“อุตส่าห์มาขอพบทั้งที ดื่มน้ำสักแก้ว”

“ไม่เป็นไรค่ะ” ร่างบางคว้ากระเป๋าขึ้นคล้องแขนเตรียมชิ่ง ทว่าอีกฝ่ายก็กลับเอื้อมมือกดเครื่องอินเตอร์คอมทำหูทวนลมราวกับไม่สนใจ

ตื๊ด…

(ค่ะท่านประธาน)

“คุณสร ผมขอน้ำส้มคั้นสดให้คุณริษาหนึ่งแก้ว”

(รับทราบค่ะ)

“ขอบคุณครับ”

“ริษาไม่ดื่มน้ำส้มค่ะ”

เพียงได้ยินคำว่า ‘น้ำส้มคั้นสด’ ที่อดีตคนรักมักจะเป็นฝ่ายซื้อให้ทุกวันในช่วงเวลาที่คบหากัน เสียงหวานหูก็เปลี่ยนไป ทั้งยังเผลอเชิดหน้าแสดงความกร้าวแข็งโดยไม่รู้ตัว

ภูริไม่ได้สนใจต่อท่าทางที่ว่า เขายกข้อมือขึ้นดูนาฬิกาไม่ใส่ใจจะฟังคำทัดทานใด ๆ

“ผมมีเวลายี่สิบนาที คุณไม่ต้องรีบร้อน”

“แต่ริษา…”

“ผมรีบปิดประชุมเพราะรู้ว่ามีแขกกำลังรอ ทำแบบนี้ผมเสียเวลานะครับ” เสียงราบเรียบตัดบทบ่งบอกว่าฝ่ายขอเข้าพบไม่สามารถลุกหนีไปได้

แม้ใจจะกู่ร้องด้วยความอึดอัดทรมานที่ต้องฝืนทนนั่งร่วมห้อง ทว่าเห็นทีริษาคงไม่มีทางเลือก สุดท้ายจึงจำใจหย่อนกายนั่งลงตามเดิม

“ขออภัยที่เสียมารยาทค่ะ” ดาราสาวปั้นยิ้มสุภาพ แต่ก็ไม่สามารถปกปิดความหงุดหงิดใจผ่านสายตา

ริษารู้ว่าภูริอ่านอาการเธอออกแต่แสร้งว่ามองไม่เห็น ทั้งยังวางท่าเย็นชาในตอนที่เอ่ยต่อได้อีกต่างหาก

“คุณเปลี่ยนไปเยอะนะครับ”

“ท่านประธานก็เปลี่ยนไปเยอะเหมือนกันค่ะ”

ทว่าที่ต่าง คือภูริเปลี่ยนแปลงในแง่ภาพลักษณ์ภายนอก

แต่ริษาเปลี่ยนแปลงด้วยการวิ่งวุ่นเข้าคลินิกตลอดหลายปี

ก่อนเลิกกันริษายังเรียนไม่จบ เวลาผ่านไปนานขนาดนี้ เธอเข้าคลินิกฉีดหน้าไปไม่รู้ตั้งเท่าไร เสริมนู่นเติมนี่หมดเงินบานตะไท หน้าเปลี่ยนทุกซีซัน จะไม่สวยขึ้นได้อย่างไร

แต่ก็ดูเหมือนความสวยความงามที่ว่าจะไม่มีผลต่อความรู้สึกคนซึ่งนั่งอยู่อีกฟากของโต๊ะ ภูริมีสีหน้าเรียบเฉย เขาดึงแฟ้มเอกสารเปิดอ่าน เข้าเรื่องด้วยท่าทางเป็นงานเป็นการ

“คุณต้อยติ่งบอกเลขาผมว่าคุณอยากคุยเรื่องอื่นด้วย”

“เจ๊ต้อย…” ริษาชะงัก พึงรำลึกขึ้นได้ถึงอีกสาเหตุที่มาขอเข้าพบเขา

‘เธอก็ขอเลี้ยงอาหารสักมื้อ เผื่อโอกาสหน้าเขาจะได้นึกถึง ให้ความเอ็นดู เหมือนที่ทำเป็นประจำนั่นแหละ’

‘กับคนอื่นยังพอได้เจอกันบ้าง แต่ริษาไม่รู้จักคนนี้มาก่อนเลยนะเจ๊ต้อย’

‘ไปเจอเดี๋ยวก็รู้จัก เธอพูดเก่งใครก็ชอบ อีกอย่างตอนนี้ไม่ค่อยมีงานเข้ามา เจ๊เองก็พยายามดันสุดตัวแล้วจริง ๆ’

‘ก็ได้ค่ะ งั้นเดี๋ยวริษาแต่งหน้าเลยแล้วกัน ขอชุดสวย ๆ สักชุดด้วยนะเจ๊…’

การที่นักแสดงสักคนจะพยายามเข้าหาเพื่อให้ผู้ใหญ่เกิดความเมตตาเอ็นดูไม่ใช่เรื่องแปลก โดยปกติต้อยติ่งจะเป็นคนประสานงานหน้าที่นี้แต่เจ้าตัวเกิดติดธุระกะทันหัน หญิงสาวจึงต้องฉายเดี่ยวเดินทางมาคนเดียว

ถ้าคนตรงหน้าไม่ใช่ภูริคงไม่เกิดปัญหา แต่จะให้เธอตีสนิทกับอดีตแฟนที่เคยทิ้งเธอไปได้อย่างไร แม้อยากได้งานจนตัวสั่น ริษาก็ไม่คิดว่าจะสามารถร่วมมื้ออาหารกับคนซึ่งจบกันไม่สวยได้ลง

“คุณมีอะไรให้ผมช่วยไหม?” ภูริตั้งคำถามใหม่เมื่อยังไม่ได้รับการตอบสนอง

ก็หากคำถามประเภทนี้มาจากคนอื่น ดาราสาวถังแตกคงดีใจจนเนื้อเต้น ทว่าเมื่อเอ่ยจากปากคู่สนทนา ความอึดอัดก็พลันแพร่กระจายไปทั่วร่าง ทั้งเสียงเฉยชาที่เขาใช้ ทั้งท่าทีหมางเมินที่ได้เห็น ส่งผลให้ความหงุดหงิดบังเกิดขึ้นในใจ ริษานิ่งคิดเพียงครู่ สุดท้ายก็เลือกที่จะปฏิเสธ

“ไม่มีค่ะ เจ๊ต้อยน่าจะเข้าใจผิด ริษาไม่มีธุระอะไรนอกจากต้องการเข้ามาขอบคุณ”

ภูริพยักหน้ารับพลางตวัดปากกาเซ็นเอกสาร ท่าทางเขาเหมือนจะเข้าใจ แต่มันก็แค่ ‘เหมือน’

“สุดสัปดาห์นี้ผมให้เลขายกเลิกคิวนัดลูกค้าเพื่อตอบรับมื้ออาหารขอบคุณของคุณ แต่ตอนนี้คุณจะยกเลิก?”

“…”

คนฟังถึงกับปั้นหน้าไม่ถูกเมื่อเจอเข้ากับการตั้งคำถามเชิงตำหนิ นัยน์ตาเข้มของประธานหนุ่มชำเลืองขึ้นมองทั้งสีหน้าเคร่งขรึมราวกับจะสร้างความกดดัน และดูท่าจะได้ผลเลยทีเดียว…

“ท่านประธานคุยกับผู้จัดการของริษาแล้วใช่ไหมคะ?” ฝ่ายเป็นรองตัดสินใจถามเข้าประเด็น มิเช่นนั้นภูริคงใช้วิธีหลอกถามและสามารถเอ่ยปากตำหนิเธอได้อีก

ทว่าก็ไร้การตอบรับจากเขา ในความเงียบได้ยินเพียงเสียงตวัดปากกาลูกลื่นเท่านั้น ดาราสาวได้แต่หรี่ตามองอากัปกิริยาที่เธออ่านไม่ออกอย่างใช้ความคิด

ภูริเป็นคนประเภทอ่านยากมาตั้งแต่ไหนแต่ไร กระนั้นสมัยที่ทั้งคู่ยังคบหากันก็พอจะคาดเดาความคิดอ่านได้ แต่ตอนนี้มันต่างออกไป นอกจากเขาและเธอจะเหินห่างราวกับคนแปลกหน้า ริษายังไม่สามารถอ่านออกแม้แต่นิดว่าเขากำลังคิดอะไร

เพราะอึดอัดกับบรรยากาศกดดันที่อีกฝ่ายสร้าง รวมถึงงานที่เขาเป็นฝ่ายป้อนให้ถึงปากนั้นล่อตาล่อใจเกินกว่าที่จะปฏิเสธ สุดท้ายริษาก็จำต้องเป็นฝ่ายถอยหนึ่งก้าวโดยไม่เต็มใจ

“ริษาเป็นคนขอนัดเองค่ะ ถ้าท่านประธานสะดวกก็เป็นตามที่เจ๊ต้อยแจ้งค่ะ” แค่ไปกินข้าวกับแฟนเก่ามื้อเดียวเธอคงไม่ถึงกับขาดใจหรอกกระมัง

“คุณแจ้งสถานที่กับคุณสรอีกทีแล้วกัน” ภูริมีสีหน้าพึงพอใจเมื่อได้อย่างใจต้องการ แฟ้มเอกสารถูกพับปิดเลื่อนเก็บกลับที่เดิม พลันความเงียบก็เข้าครอบครองบรรยากาศอีกครั้ง

ริษาไม่เคยรู้สึกกดดันเท่านี้มาก่อนในชีวิต…

หากเป็นคนอื่นเธอคงสามารถหยิบยกหัวข้อสนทนามาพูดคุยได้อย่างลื่นไหลเป็นธรรมชาติ ประเด็นคือตอนนี้สมองของเธอว่างเปล่าขาวโพลนไม่รู้จะชวนคุยเรื่องใด กระทั่งคนที่คล้ายจะยื้อให้การพบเจอดำเนินต่อไปก็ไม่คิดเป็นฝ่ายขยับปากพูดเช่นกัน

รอยยิ้มกล้ำกลืนปรากฏบนใบหน้าผุดผาดอีกครั้ง ริษาจำใจต้องเป็นฝ่ายพูดอะไรสักอย่างเพื่อให้บรรยากาศชวนคลื่นเหียนดำเนินต่อไปได้โดยที่เธอจะไม่ขาดใจไปเสียก่อน

“ท่านประธานอยากทานอะไรเป็นพิเศษไหมคะ?”

“ผมเป็นคนทานง่ายครับ อะไรก็ได้” เจ้าของคำตอบเอ่ยด้วยท่าทางที่เริ่มจะผ่อนคลาย

ในขณะที่คนตั้งคำถามยังคงยิ้มหนักใจ เวลาผ่านไปนานขนาดนี้ ภูริเปลี่ยนไปชนิดไม่ใช่คนเดียวกันกับพี่ภูในอดีตของเธอ ริษาไม่แน่ใจนักว่าจะเลือกร้านอาหารได้ตรงใจ

ทว่าคนซึ่งปัจจุบันนั่งแท่นประธานบริหารบริษัทใหญ่โตอาจมีความชอบที่เปลี่ยนแปลงไป เขาอาจชอบร้านอาหารประเภท Premium Fine Dining ไม่ก็อาจต้องเป็นภัตตาคารหรู หรือร้านระดับมิชลินสตาร์

ดาราสาวพยายามวางท่าให้เป็นปกติตอนเอ่ยปากถามไถ่ความต้องการ รวมถึงสำรวจท่าทีของคนซึ่งนั่งอยู่อีกฟากของโต๊ะ

“ถ้าท่านประธานชอบอาหารโมเดิร์นยูโรเปียน ริษาก็พอจะหาร้านจองได้อยู่นะคะ เป็นอาหารฝรั่งเศสดีไหมคะ…” หากยังไม่ทันแนะนำได้จบประโยค เสียงเรียบเรื่อยก็ตัดบท

“ผมไม่ชอบทานอาหารที่มีส่วนผสมของแป้ง เนย หรือน้ำมันที่มากเกินไป”

ริษาไม่ยักรู้ว่าภูริในปัจจุบันจะเรื่องมากได้แม้กระทั่งวัตถุดิบที่ใช้ประกอบอาหาร กระนั้นเธอก็เอ่ยต่อโดยไม่มีติดขัดทั้งน้ำเสียงน่าฟังยังคงเดิม

“ร้านเทปันยากิแถวอารีย์ก็ดีนะคะ เฮดเชฟที่นั่นเคยเป็นเชฟร้านมิชลินสามดาวที่ลอนดอนด้วยค่ะ ตอนปรุงอาหารโชว์นี่คือ…”

“ผมชอบทานแบบส่วนตัว”

ประธานหนุ่มปัดตกอีกครั้ง เสียงคนนำเสนอก็ชะงักอีกหน คิ้วเรียวสวยเริ่มกระตุกเล็ก ๆ แต่ริษาก็ยังคงพยายามทำใจให้สงบแล้วเอ่ยต่อ

“งั้นเป็นห้องอาหารสเปนที่โรงแรม X แถวสาทรดีไหมคะ? เป็นอาหารตามฤดูกาลแบบเมดิเตอร์เรเนียนสไตล์ ที่นั่นมีห้องส่วนตัวแบบที่ท่านประธานต้องการด้วยค่ะ”

“ผมไม่ชอบอาหารสเปน”

“หรือจะเป็นอาหารอินเดีย?”

ภูริวางศอกที่พนักพักแขนประสานฝ่ามือเข้าหากัน ท่าทีราวกับจะชั่งใจ ทว่าสุดท้ายก็ส่ายศีรษะอีกครั้ง

“ไม่ครับ ผมไม่ชอบอาหารที่มีเครื่องเทศมากเกินไป”

ริษาชักจะมีน้ำโห…

ตากลมโตกะพริบถี่ระรัว ทั้งต้องพยายามคงยิ้มหวานไม่ให้แปรเปลี่ยนเป็นแยกเขี้ยวใส่คนซึ่งดูจะเรื่องมากเกินพอดี ถึงตรงนี้เธอชักไม่มั่นใจว่าภูริกินง่ายอย่างปากว่าจริงหรือไม่ เวลาผ่านไปแค่ไม่กี่ปีทำไมเขาถึงเรื่องมากได้ขนาดนี้

แม้ไม่ควรแสดงอาการหงุดหงิดใจ หากริษาก็อดไม่ได้ที่จะเบือนหน้าหนีพึมพำประชดทั้งน้ำเสียงพยายามระงับอารมณ์

“ปิ้งย่างไหมคะง่าย ๆ”

ภูริเสื้อผ้าหน้าผมเป๊ะปังอลังการเบอร์นี้ ร้อยทั้งร้อยคงไม่ชอบให้มีกลิ่นเหม็นจากควันอาหารติดตัว ทว่าการตอบสนองของเขาก็ทำให้ดาราสาวต้องตวัดหางตามอง

“ดีครับ” ครั้งนี้เขาไม่ปฏิเสธ ทั้งยังพยักหน้าอย่างพึงพอใจ “เป็นมื้อค่ำก็ดี”

“…” ริมฝีปากอิ่มเม้มสนิท ริษาไม่คิดว่าจะมีคนตอบตกลง และคราวนี้ปัญหาก็ดันมาตกอยู่ที่เธอแทน

“คุณโอเคไหม?” เครื่องหน้าคมคายแสดงสีหน้าตั้งคำถามเมื่อสังเกตถึงปฏิกิริยาที่เปลี่ยนไปของหญิงสาว

ถึงริษาก็กลั้นใจเอ่ยเพื่อหวังจะเปลี่ยนสถานที่นัดหมายที่เธอเองก็ไม่ได้ตั้งใจจะเสนอแต่แรก “อันที่จริงริษาเพิ่งฉีดโบท็อกซ์มาค่ะ ไม่ควรนั่งหน้าเตาร้อน ๆ นาน ๆ”

คนฟังขยับยกแขนกอดอก คิ้วเข้มหนาเลิกขึ้นเล็กน้อยคล้ายจะเห็นอกเห็นใจ ทว่าสิ่งที่เขาเอ่ยนั้นทำเอาริษาถึงกับกัดฟันยิ้มอย่างเหลือจะทน

“แถวนี้มีร้านปิ้งย่างอร่อยอยู่ร้านหนึ่ง…”

“…”

“ผมเลือกร้านนั้น คุณสอบถามเลขาผมอีกทีแล้วกัน”

“ขอบคุณในความเมตตาค่ะ” เสียงหวานหูจงใจถากถางตรง ๆ แต่ภูริก็ยังพยักหน้ารับไร้อาการสะดุ้งสะเทือน

“ไม่เป็นไร ผมยินดีช่วยเหลือ”

เขาคงหมายถึงเรื่องงาน…

เป็นอีกครั้งที่ริษาจำต้องกดข่มอารมณ์เดือดดาล มือบางยกขึ้นทาบเหนืออกปั้นท่าแสดงอาการซาบซึ้งใจ “เรื่องงานริษาก็ต้องขอบคุณท่านประธานที่ให้ความกรุณาจริง ๆ”

ภูริทอดสายตามองการละครของนักแสดงสาวที่กำลังกะพริบตาปริบยิ้มหวานให้เขาชนิดที่มองจากนอกโลกยังรู้ว่าภายในเจ้าตัวคงหงุดหงิดที่ต้องสะกดเก็บอารมณ์ หากประธานหนุ่มก็ไม่คิดถือสา ใบหน้าหล่อเหลายังคงความเฉยชาได้อย่างน่าอัศจรรย์

ทว่าก่อนที่เขาจะได้พูดอะไรต่อ และก่อนจะมีใครได้อกแตกตาย เสียงเปิดประตูก็ดังขึ้น เป็นสรชาที่เดินเข้ามาขัดจังหวะ

“น้ำส้มค่ะคุณริษา”

“ขอบคุณมากค่ะ” ริษายิ้มรับ สามารถปรับสีหน้าให้เป็นปกติได้อย่างรวดเร็ว ทว่ายิ้มเป็นมิตรก็คลายลงในอีกวินาที

เพียงสายตาว่างเปล่าหลุบมองแก้วน้ำส้ม ภาพอดีตก็ซ้อนทับขึ้นมาในห้วงคิดของเธอโดยไม่ทันตั้งตัว ประหนึ่งจะย้ำเตือนถึงความสัมพันธ์ครั้งก่อนเก่าที่เมื่อนานมาแล้วเคยเกิดขึ้นจริง

‘พี่คิดว่าเธอชอบ’

‘ซื้อให้ทุกวันก็เพราะชอบ’

‘ชอบเธอ’

พลันบรรยากาศก็แปรเปลี่ยนไป ประกายตาวูบไหวละจากตำแหน่งเดิมในที่สุด ริมฝีปากอิ่มขยับยิ้มเพียงเล็กน้อยคล้ายจะฝืนข่มอารมณ์ซึ่งกำลังตบตียุ่งเหยิงอยู่ที่ข้างใน

“ริษามีธุระเท่านี้ค่ะ น่าจะไม่มีอะไรรบกวนท่านประธานแล้วค่ะ” น้ำเสียงของดาราสาวคงความสุภาพเมื่ออยู่ต่อหน้าบุคคลที่สาม ทว่าสีหน้านั้นแสดงออกถึงความรู้สึกบางอย่างชนิดไม่สามารถปิดบัง

ท่าทีแปลกไปตกอยู่ในการจับสังเกตของภูริ ครั้งนี้เขานิ่งเงียบเพียงอึดใจก็พยักหน้ารับอย่างง่าย ๆ ละความสนใจมองไปอีกทางคล้ายมีบางอย่างรบกวนใจเช่นกัน

“ผมจะให้คุณสรลงไปส่ง”

ครั้นเมื่อได้ฟังคำที่ต้องการ ลมหายใจคนฟังก็กลับมาสูดอากาศได้เต็มปอดอีกครั้ง ความโล่งใจวาบผ่านนัยน์ตาสุกใสกลมโต “ขอบคุณค่ะ”

“ส่งคุณริษาด้วยนะคุณสร”

“ค่ะท่านประธาน” เลขาสาวขานรับคำสั่ง

สรชารู้สึกประหลาดใจ เธอคิดว่าเจ้านายจะใช้เวลาในการพูดคุยกับแขกนานกว่านี้ มิเช่นนั้นจะเลื่อนคิวนัดเข้าพบของลูกค้าทำไม ไหนจะน้ำส้มที่ยังไม่มีใครคิดจะดื่มสักอึกนี่ก็ด้วย…

“งั้นริษาขอตัวกลับก่อนนะคะ”

“…” ภูริพยักหน้าแทนการตอบรับโดยไม่คิดหันมอง

ท่าทีระหว่างคนทั้งคู่ ทำคนนอกสัมผัสได้ถึงบรรยากาศซึ่งอวลด้วยความอึมครึม สรชาได้แต่สลับสายตาเลื่อนมองระหว่างเจ้านายกับแขกผู้มาเยือนด้วยความฉงนสงสัย

ขณะเดียวกันดาราสาวก็ผุดกายลุกยืนโดยไม่รีรอ แว่นดำถูกวางคาดบนสันจมูก ปลายคางมนรั้นเชิดในจังหวะที่หมุนกายหันหลัง ก่อนเสียงลงฝีเท้าบนส้นสูงจะเดินตามการนำของสรชา

พลันสายตาประธานหนุ่มก็เลื่อนมองตามการเคลื่อนไหวซึ่งไม่ได้เห็นมานาน ร่างเพรียวบางดูจะผ่ายผอมกว่าเมื่อหลายปีก่อน ทว่ายังคงระหงสง่าดึงดูดความสนใจได้ไม่ต่างจากเดิม

หลังบานประตูปิดสนิทลง เสียงเคาะนิ้วเป็นจังหวะเชื่องช้าก็ดังขึ้น ภูริพักศีรษะเข้ากับพนักพิงระบายลมหายใจแผ่วเบา ห้องทำงานบนชั้นสูงสุดของตึกเงียบเชียบไม่ต่างไปจากทุกวัน…

อดีตคนรักกลับออกไปได้สักพักแล้ว หลงเหลือเพียงกลิ่นหอมแสนคุ้นเคยที่ราวกับจะปลุกความรู้สึกส่วนลึกของเขาให้หวนคืน

มีผลงานวิจัยกล่าวไว้ว่า ‘กลิ่น’ ส่งผลต่อความทรงจำของมนุษย์มากกว่าประสาทสัมผัสส่วนอื่น เวลาล่วงผ่านนานหลายปี…

เขาเพิ่งได้พิสูจน์ชัดก็วันนี้ว่ามัน จริง
Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terbaru

  • คุณคนโปรดสุดที่ร้าย   บทที่ 153

    ทุกคนอวยพรวันเกิดเสร็จสิ้นแล้ว เว้นก็เพียงคนเดียวที่กำลังย่อตัวนั่งลงตรงหน้าเด็ก ๆ ใช้ฝ่ามือบอบบางกันลมเพื่อไม่ให้เทียนดับ ริษาไม่ทันได้หันสนใจคนอื่น ทว่าก็ยังไม่มีการตอบรับจากเจ้าของวันเกิดจนเธอต้องเหลียวสายตามอง พบว่าภูริกำลังจดจ้องมาที่เธอ ริษาเขินอายต่อสายตาเปี่ยมด้วยความรู้สึกของเขา

  • คุณคนโปรดสุดที่ร้าย   บทที่ 152

    “คุณพ่อต้องชอบคุณแม่มากแน่ ๆ เดินตามหาแต่คุณแม่ทู้กวัน…” พรืด! ภูริสำลักน้ำดื่ม… หลังจากแต่งงานกันอย่างรวดเร็วในขวบปีแรกที่ได้กลับมาเจอกันอีกครั้ง เขาไม่ปฏิเสธว่าเป็นผู้ชายคนหนึ่งที่คลั่งรักเมียมาก คลั่งรักชนิดที่คนรอบตัวสามารถสัมผัสได้ แต่ไม่คิดว่าลูกสาวจะเอาเรื่

  • คุณคนโปรดสุดที่ร้าย   บทที่ 151

    SPECIAL 3 หลายชั่วโมงต่อมา “แล้วลื้อรู้จักอ๊ะเปล่า?” “รู้สิคะกงขา จี้รู้ทุกอย่างค่ะ คุณแม่สอนมาหมดแล้วค่ะ” “แล้วลื้อล่ะ?” “ด้าก็รู้ค่ะ ง่ายมากเลย” “แล้วลื้อ?” “ผมก็รู้ครับอากง” “เอ้อ! เด็กสมัยนี้นี่เก่งจร

  • คุณคนโปรดสุดที่ร้าย   บทที่ 150

    “ยังดีเท่าเมื่อก่อนไหมคะ…” ริษาตั้งคำถามทั้งใบหน้าชื้นเหงื่อ เรียวขาขาวเนียนเกี่ยวสะโพกแกร่งเข้าหาตัว ถึงภูริก็ตอกอัดเอ็นแข็งจัดแรง ๆ ตอบสนองต่อคำถามที่ว่า นาทีนี้ต่างฝ่ายต่างก็บดบี้ขยี้โหนกใส่กันด้วยความกระสันเหลือจะบรรยาย ประธานหนุ่มแสดงสีหน้าซ่านเสียวขีดสุดเมื่อคนเป็นเมียเครื่องติดแล้

  • คุณคนโปรดสุดที่ร้าย   บทที่ 149

    SPECIAL 2 บนห้องนอนชั้นสองของบ้านซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นห้องนอนของภูริในวันวาน ทุกอย่างยังคงเหมือนเดิม แม้เขาจะไม่ได้อยู่อาศัยที่นี่เป็นหลัก ทว่าบางครั้งบางทีก็มักจะพาลูกพาเมียแวะเวียนเข้ามาเยี่ยมพี่ชายอยู่บ่อย ๆ ดวงตาคมทอดสายตามองร่างระหงเพรียวบางของภรรยากำลังค้นหาเสื้อผ้าที่ใช้ส

  • คุณคนโปรดสุดที่ร้าย   บทที่ 148

    “คุณด้าคะ คุณแม่บอกแล้วไงว่าห้ามโก้งโค้งแบบนี้” เสียงของริษายังคงดัง ร่างบางเดินไปย่อกายนั่งสอนมารยาทสตรีให้ลูกอีกคน และในขณะที่เจ้าของดวงตาคมปลาบเป็นประกายยังคงทอดสายตามองทั้งเมียทั้งลูกผู้เป็นที่รัก เสียงแซวก็ดังขึ้นที่ข้างตัว “อะไรจะหลงเมียขนาดนั้นคะ ตานี่เยิ้มเป็นน้ำเชื่อ

Bab Lainnya
Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status