“คุณมาที่สำนักงานทนาย เรามาคุยกันต่อหน้าเถอะ”เสิ่นชิงซูขมวดคิ้ว “ฟู่ซือเหยียน ตอนนี้คุณคงไม่ได้คิดถึงเงื่อนไขสามข้อนั้นอยู่อีกหรอกนะ?”ฟู่ซือเหยียนนิ่งเงียบไม่พูดจาถือว่ายอมรับโดยปริยายแล้วเสิ่นชิงซูโมโหจนหัวเราะออกมา “คุณไม่กลัวว่าพอบีบจนฉันร้อนใจแล้ว ฉันจะสู้กับพวกคุณจนตายกันไปข้างเหรอ?”“คุณคิดจะสู้จนตายกันไปข้างยังไง?” ฟู่ซือเหยียนน้ำเสียงเย็นเยียบและเคร่งขรึม “ใช้แอ็กเคานต์ลับแฉเหมือนก่อนหน้านี้อีกงั้นเหรอ คุณเคยลองแล้ว แต่มันสำเร็จหรือเปล่าล่ะ?”เสิ่นชิงซูเม้มริมฝีปาก มือที่จับโทรศัพท์ไว้สั่นเทา“ต่อจากนี้วางแผนจะไปอาละวาดยกใหญ่ที่งานแต่งใช่หรือเปล่า?”เสิ่นชิงซูอึ้งงัน“เป็นความคิดที่ไม่เลวเลย” ฟู่ซือเหยียนแค่นหัวเราะ “แต่คุณคิดว่าผมจะไม่ป้องกันสักนิดเลยเหรอ? ในเมื่อผมกล้าประกาศเรื่องการแต่งงานภายใต้สถานการณ์ที่ยังไม่เซ็นใบหย่ากับคุณ งั้นก็แสดงว่าผมเตรียมพร้อมทุกอย่างอย่างรัดกุมไว้แล้ว เสิ่นชิงซู อยู่ที่เมืองเป่ย คุณสู้ผมไม่ได้หรอก”“ฟู่ซือเหยียน!” เสิ่นชิงซูทนไม่ไหวอีกต่อไป “คุณเป็นผู้ชายที่ต่ำตมและหน้าไม่อายที่สุดเท่าที่ฉันเคยเจอมาเลย! คุณจะเอายังไงกันแน่ถึงยอมปล่
ได้ยินดังนั้น เสิ่นชิงซูสีหน้าเคร่งขรึมขึ้นหลายส่วนโดยพลัน “เรื่องอะไร?”เวินจิ่งซีถอนหายใจ รู้สึกว่าตัวเองไม่อาจพูดให้ชัดเจนได้สั้น ๆ จึงหยิบมือถือออกมากดเปิดหน้าเว็บไซต์ ค้นหาข่าวนั้นที่โจวอวี๋ชูประกาศเรื่องแต่งงาน“คุณดูเองเถอะ” เขาส่งมือถือให้เสิ่นชิงซูเสิ่นชิงซูรับมา ครั้นก้มหน้าดู สีหน้าพลันแข็งค้าง#โจวอวี๋ชูลาวงการเพื่อความรัก จะจัดงานแต่งกับแฟนเศรษฐีหนุ่มนอกวงการสิ้นเดือนมีนาคมนี้!##ราชินีภาพยนตร์ทอดทิ้งแฟนคลับหันไปแต่งกับตระกูลเศรษฐี! แฟนคลับวิพากษ์วิจารณ์ด้วยความเจ็บปวดว่าความรักบังตา!#“ข่าวหลุดออกมาเมื่อเช้า เจ้าตัวโจวอวี๋ชูโพสต์ประกาศลาออกจากวงการในเฟซบุ๊ก จากนั้นก็มีสื่อแฉว่าที่เธอลาออกจากวงการก็เพราะจะแต่งงานกับฟู่ซือเหยียน ตอนนี้ยังมีแอ็กเคานต์เพื่อการตลาดจำนวนหนึ่งบอกว่าโจวอวี๋ชูทั้งออกจากวงการและประกาศเรื่องการแต่งงาน อาจเป็นเพราะ…ท้องก่อนแต่ง”ได้ยินดังนั้น เสิ่นชิงซูขมวดคิ้ว ลูบท้องตัวเองเบา ๆ ด้วยจิตใต้สำนึกเวินจิ่งซีมองเธอ “คุณไม่เป็นไรใช่ไหม?”“ฉันไม่เป็นไร” เสิ่นชิงซูคืนมือถือให้เขา บนใบหน้าไม่มีการตอบสนองทางอารมณ์เท่าไรนัก “ฉันแค่ประหลาดใจนิดหน่อย
วันนี้เฉียวซิงเจียลาหยุด พาเสิ่นชิงซูไปตรวจครรภ์เปลี่ยนมาโรงพยาบาลรัฐ เพื่อนนักเรียนสมัยก่อนของหัวหน้าเจียงรับตำแหน่งอยู่ที่แผนกสูตินรีเวชที่นั่น หัวหน้าเจียงช่วยบอกกล่าวไว้ให้ก่อนล่วงหน้าแล้วเจาะเลือดตอนท้องว่าง อีกทั้งยังเป็นการตรวจครรภ์ครั้งแรก เจาะเลือดทีเดียวแปดหลอด เจาะเลือดเสร็จแล้ว เสิ่นชิงซูทั้งเวียนหัวทั้งอยากอาเจียน หน้าซีดจนเขียว เฉียวซิงเจียรีบประคองเธอไปนั่งด้านข้าง “ดื่มน้ำกลูโคสก่อนสักหน่อย คุณผอมเกินไปแล้ว เดี๋ยวเจาะเลือดตอนท้องว่างแล้วร่างกายจะตอบสนองรุนแรง”เสิ่นชิงซูดื่มกลูโคสเข้าไปบ้างแล้ว ก็รู้สึกดีขึ้นมาไม่น้อยหลังจากรอมาครึ่งชั่วโมง ได้รายงานการตรวจแล้ว เฉียวซิงเจียก็พาเสิ่นชิงซูไปพบแพทย์ตรวจครรภ์ครั้งแรก เสิ่นชิงซูกังวลอยู่มากโชคดีที่ หมอบอกว่าเด็กในครรภ์เติบโตเป็นปกติดีทุกอย่าง“แต่ว่าคุณผอมไปแล้ว ความดันเหรอ ก็ต่ำไปหน่อย นี่คือภาวะพบในหญิงตั้งครรภ์ที่ค่อนข้างผอมส่วนมาก แล้วก็ยังเป็นโลหิตจางนิดหน่อยด้วย ช่วงนี้รู้สึกเป็นยังไงบ้าง? แพ้ท้องไหมครับ?”เสิ่นชิงซูส่ายหัว “กลับไม่แพ้ท้องนะคะ ก็แค่หลายวันมานี้ไม่ค่อยอยากอาหาร แล้วก็ง่วงบ่อย”“ไม่ค่อยอ
ณ ห้องทำงานของแพทย์โจวชิงเจ๋อ ฟู่ซือเหยียน ฉินเยี่ยนเฉิงรวมทั้งจิตแพทย์เจ้าของไข้ของโจวอวี๋ชูล้วนอยู่ที่นั่นบรรยากาศตึงเครียด“จากที่เห็นตอนนี้ อาการทางจิตใจของคุณโจวรุนแรงมากแล้ว จากที่คุณชายฟู่อธิบาย ผมวินิจฉัยเบื้องต้นว่า คุณโจวมีอาการความจำสับสนจากปัจจัยด้านจิตใจ อาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับโรคซึมเศร้า แล้วก็อาจเป็นผลกระทบจากเนื้องอกก้อนนั้นในสมองของเธอ”จิตแพทย์พูดพลางมองไปที่ฉินเยี่ยนเฉิง “หัวหน้าฉิน คุณเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านเนื้องอก คุณมีความเห็นว่ายังไงบ้างครับ?”ฉินเยี่ยนเฉิงกระแอมหนึ่งที “แม้ว่าผมจะเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านเนื้องอก แต่ว่าอาการป่วยของคุณโจวค่อนข้างซับซ้อน อีกทั้งผมไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญด้านสมอง จากสถานการณ์ตอนนี้ อาการความจำสับสนของคุณโจวเกิดจากอะไรกันแน่ พวกเราก็ยากที่จะสรุปออกมาได้”เมื่อได้ฟัง โจวชิงเจ๋อก็มองไปที่ฟู่ซือเหยียน“ตอนนี้คุณคิดจะทำยังไง?” เขาสีหน้าจริงจัง แฝงความแข็งกร้าวไม่น้อย “ตอนนี้เสี่ยวชูรับการกระทบกระเทือนทางจิตใจไม่ได้อีก ที่จริงผมกลับรู้สึกว่าความจำสับสนก็ไม่ถือว่าเป็นเรื่องแย่ ส่วนเนื้องอก…”โจวชิงเจ๋อขมวดคิ้ว “ไม่ว่าจะต้องทุ่มเทเท่าไร ผมก็จะ
ฟู่ซือเหยียนได้แต่ส่งฟู่ซืออวี่กลับบ้านตระกูลฟู่เป็นการชั่วคราวเมื่อถึงบ้านตระกูลฟู่ ไม่ว่าอย่างไรฟู่ซืออวี่ก็ไม่ยอมลงจากรถ“พ่อครับ ผมจะเชื่อฟังไม่ดื้อไม่ซน พ่ออย่าเอาผมไปทิ้งไว้บ้านย่าเลยนะครับ ได้ไหม?”ฟู่ซือเหยียนรู้สึกว่าอารมณ์ของฟู่ซืออวี่ผิดปกติ แต่เขาไม่ได้คิดอะไรมาก เข้าใจว่าหลายวันมานี้เขาไม่ได้กลับบ้าน ฟู่ซืออวี่อยู่ที่คฤหาสน์หนานซีคนเดียว ไม่ชินที่มีแค่เสี่ยวไหลอยู่เป็นเพื่อน เพราะฉะนั้นเกิดอาการวิตกกังวลจากการพลัดพรากก็เป็นเรื่องธรรมดา“ซืออวี่ พ่อยังมีงานยุ่งอีกหลายวัน ช่วงนี้ลูกอยู่บ้านย่าไปก่อน รอพ่อเสร็จธุระแล้วก็จะมารับลูกกลับบ้านนะ”“ผมไม่เอา!” ฟู่ซืออวี่กอดฟู่ซือเหยียนไว้แน่นสุดชีวิต “พ่อครับ ถ้าพ่อยุ่ง ก็ส่งผมไปหาแม่เสี่ยวชูเถอะนะครับ ผมไม่ชอบบ้านย่าเลย ย่าชอบดุผมตลอด!”ฉินฟางนิสัยค่อนข้างแข็งกร้าว กับเด็กก็ไม่มีความอดทนอะไรฟู่ซืออวี่ไม่ใกล้ชิดกับฉินฟางมาตั้งแต่เด็ก ที่จริงแล้วประเด็นนี้ฟู่ซือเหยียนก็รู้ดีแต่ตอนนี้โจวอวี๋ชูยังไม่ฟื้น ฟู่ซือเหยียนไม่อยากให้ฟู่ซืออวี่รู้ เขายังเด็กเกินไปเวลานี้ ถ้าเสิ่นชิงซูอยู่เป็นเพื่อนฟู่ซืออวี่ได้ก็คงดีฟู่ซือเหยียน
วินาทีที่นิตยสารถูกปาเข้ามา เสิ่นชิงซูสะดุ้งโหยง ลุกขึ้นยืนพร้อมเอามือกุมท้อง! ‘ปั้บ’ นิตยสารตกลงที่ข้างเท้าเสิ่นชิงซูเสิ่นชิงซูขมวดคิ้ว กวาดสายตาดูนิตยสารที่อยู่ที่พื้น เงยหน้าขึ้นมองไปที่ฟู่ซืออวี่“ฟู่ซืออวี่ นี่เธอทำอะไรเนี่ย?”เธอกุมท้องไว้ ยังตกใจไม่หาย!ถ้าเมื่อครู่เธอตอบสนองไม่ทัน นิตยสารเล่มนั้นก็จะกระแทกเข้าที่ท้องเธออย่างจัง!ฟู่ซืออวี่จ้องที่มือเสิ่นชิงซูที่กุมท้องไว้แน่น ความไม่สบายใจและอิจฉาอย่างรุนแรงพุ่งขึ้นมาในใจแม่…กำลังท้องจริง ๆ!“ฟู่ซืออวี่ เธอตอบฉันมาสิ!”ฟู่ซืออวี่ตั้งสติได้ เงยหน้าขึ้นมองเสิ่นชิงซูเสิ่นชิงซูหน้านิ่วคิ้วขมวด ความโกรธขึ้นในดวงตานั้นฟู่ซืออวี่เพิ่งเคยเห็นเป็นครั้งแรกแม่ไม่เคยมองเขาด้วยสายตาแบบนี้ นี่เป็นครั้งแรก!เพื่อลูกใหม่ แม่กลับตวาดเขา…ฟู่ซืออวี่แสบจมูกจะร้องไห้ขึ้นมา เม้มปากพยายามกลั้นความน้อยใจ พูดด้วยเสียงสะอื้น “แม่ครับ คือผมเห็นว่ามีแมลงที่ท้องแม่ ผมเลยอยากช่วยแม่ไล่มันไป…”เมื่อได้ยิน เสิ่นชิงซูก็ตะลึงแมลง?ในออฟฟิศนี่มีแมลงที่ไหนกัน…ฟู่ซืออวี่ก้มหน้า ร้องไห้สะอึกอื้นด้วยความน้อยใจขึ้นมา “แม่ครับ ผมขอโทษ ผมทำให้แ