“คุณนิสัยแบบนี้ เป็นเพื่อนกับฟู่ซือเหยียนได้ยังไงกัน?” เฉียวซิงเจียเงยหน้าขึ้นมาอีกครั้ง พลางจ้องมองเขา “นิสัยของฟู่ซือเหยียนกับคุณต่างกันลิบลับ ไม่คิดเลยว่าพวกคุณจะเรียกกันว่าเพื่อนมาได้หลายปีขนาดนี้ น่าเหลือเชื่อเลยจริง ๆ”ฉินเยี่ยนเฉิง “...”“คงไม่ใช่ว่า คุณแสดงละครมาตลอดหรอกนะ?” เฉียวซิงเจียขมวดคิ้ว จู่ ๆ ก็ด่าทอขึ้นมา “วันดีคืนดีคุณจะมีเพื่อนในวัยเด็กเอย หรือคนในดวงใจรักแรกตอนสมัยเรียนมหาลัยเอย หรือคู่รักที่หมั้นกันตอนเด็ก ๆ โผล่มาหรือ...อื้อ!”ครั้งนี้ชายหนุ่มใช้ริมฝีปากของตนปิดปากที่เจื้อยแจ้วไม่หยุดของหญิงสาวเอาไว้กดเอาไว้ แล้วจูบอย่างแรง จูบจนลมหายใจของหญิงสาวถี่เร็ว เขาถึงปล่อย“ซิงซิง คุณปฏิเสธนิสัยของผมได้ แต่ปฏิเสธความหนักแน่นที่ผมรักคุณไม่ได้ ถ้าผมทำผิดต่อคุณ อนาคตก็ขอให้ผมไม่ตาย...”“ก่อนสาบานอะไรน่ากลัว ร่างพินัยกรรมก่อน”ฉินเยี่ยนเฉิง “...”“ผู้รับมรดกลำดับแรกต้องเป็นฉัน” เฉียวซิงเจียหลับตาลง แล้วหาวทีหนึ่ง “จากนั้นค่อยไปซื้อประกันสุขภาพห้าล้านสักฉบับ จำเอาไว้ว่าผู้รับผลประโยชน์ต้องเขียนชื่อฉัน”ฉินเยี่ยนเฉิง “...”“ไม่ต้องสาบาน” เฉียวซิงเจียหันหลังใส่ หลับต
“คุณ คุณรู้ได้ยังไง?”แน่นอนว่าเฉียวซิงเจียไม่โง่ถึงขั้นบอกเรื่องที่เสิ่นชิงซูเห็นฟู่ซือเหยียนกระอักเลือดกับฉินเยี่ยนเฉิงเธอแค่นเสียงฮึทีหนึ่ง “คุณคิดว่าคุณไม่เปิดลำโพง ฉันก็ไม่ได้ยินว่าคนที่อยู่ปลายสายพูดว่าอะไรแล้วงั้นเหรอ?”ฉินเยี่ยนเฉิง “...”“ถึงจะฟังไม่ชัดเจนทั้งหมด แต่สองสามครั้งหลัง คนที่อยู่ปลายสายพูดว่ากระอักเลือดอะไรสักอย่าง แล้วทุกครั้งคุณก็บอกว่าเหตุฉุกเฉิน แต่เวลาในทุกครั้งจะติดขัดพอดีขนาดนั้น ฉินเยี่ยนเฉิง ฉันเองก็เคยอยู่โรงพยาบาลมาก่อน ก่อนหน้านี้ความทรงจำยังไม่กลับมาก็ช่างเถอะ ตอนนี้ความทรงจำฉันกลับมาแล้ว คุณยังคิดว่าจะปิดบังฉันได้อีกเหรอ?”ฉินเยี่ยนเฉิงร้อนตัวอย่างมาก “คุณไม่ได้บอกเสิ่นชิงซูใช่ไหม?”“ฉันยังไม่ได้ถามคุณสักหน่อย จะบอกอาซูได้ยังไง?” เฉียวซิงเจียกรอกตาขาว “อีกอย่าง ต่อให้ฟู่ซือเหยียนใกล้จะตายจริง ๆ ฉันก็ไม่มีทางบอกอาซู พวกเขาหย่ากันแล้ว เป็นเขาที่ทำผิดต่ออาซูก่อน ตายไปเขามันสม...อื้อ!”ฉินเยี่ยนเฉิงเอามือปิดปากเฉียวซิงเจีย น้ำเสียงจนใจ “ชู่ว์ ที่รัก เราไม่พูดอย่างนั้น เราพูดจาระวังหน่อย!”เฉียวซิงเจียปัดมือของเขาออก “เพราะงั้นฟู่ซือเหยียนจะตายแล้
เสิ่นชิงซูฟังจบ สีหน้าราบเรียบ ไม่ได้ถามอะไรเธอย่อตัวอุ้มเสี่ยวเนี่ยนอันขึ้นมา แล้วหอมแก้วเขา “เสี่ยวเนี่ยนอันได้อยู่กับแม่แล้วก็เสี่ยวอันหนิงหลายวัน ดีใจไหมจ๊ะ?”เสี่ยวเนี่ยนอันพยักหน้าอย่างเชื่อฟัง “ดีใจ”เสิ่นชิงซูลูบศีรษะของเขา “งั้นลูกอยากเล่นอยู่บ้าน หรือว่าไปเรียนคลาสเวิร์กช็อปฤดูร้อนกับเสี่ยวอันหนิงที่โรงเรียนอนุบาลล่ะจ๊ะ?”“อยู่กับเสี่ยวอันหนิง”“ได้จ้ะ งั้นพรุ่งนี้แม่จะพาลูกไปหาครูของเสี่ยวอันหนิงด้วยตัวเองนะ เสี่ยวอันหนิงชอบดนตรี เธอเลือกคลาสดนตรี ลูกล่ะ? ชอบอะไรจ๊ะ?”เสี่ยวเนี่ยนอันครุ่นคิด แล้วตอบว่า “เลโก้!”“โอเคจ้ะ งั้นพรุ่งนี้แม่จะบอกกับครูนะ”เสี่ยวเนี่ยนอัน “ขอบคุณครับแม่”“ลูกรักเป็นเด็กดีจริง ๆ” เสิ่นชิงซูพูดขึ้นอีกว่า “งั้นวันนี้เราเล่นอยู่ที่บ้านไปก่อนโอเคไหม?”เสี่ยวเนี่ยนอันพยักหน้า “โอเคครับ”จางอวิ๋นกับป้าอวิ๋นเอากระเป๋าสัมภาระขึ้นไปชั้นบนด้วยกันเสิ่นชิงซูนั่งลงบนโซฟาในห้องรับแขก มองเสี่ยวเนี่ยนอันที่อยู่ข้าง ๆ แล้วถามว่า “มาครั้งนี้เอาการบ้านมาด้วยหรือเปล่า?”เสี่ยวเนี่ยนอันส่ายหน้า “พ่อบอกว่าให้ผมพักช่วงหนึ่งครับ”เสิ่นชิงซูมองลูกชาย เงียบไป
ความจริงนั้น ครั้งแรกที่เจอถานอีอี้ ซ่งหลานอินก็รู้ทันทีว่าถานอีอี้เข้าใจวิชาการต่อสู้เธอเองก็รู้ว่า ถานอีอี้เป็นบอดี้การ์ดที่เสิ่นชิงซูหามาให้ลูกโดยเฉพาะ แต่สวมบทบาทอยู่ในคราบผู้ช่วยก็เท่านั้นเนื่องจากการมีอยู่ของถานอีอี้ กลับทำให้ซ่งหลานอินเปลี่ยนความคิดที่มีต่อเสิ่นชิงซูไปเล็กน้อยก่อนหน้านี้เธอมักรู้สึกว่าเสิ่นชิงซูไม่แข็งแกร่งมากพอ เสิ่นชิงซูไม่แน่ว่าจะรับแผนของซือเหยียนได้แต่พฤติกรรมของเสิ่นชิงซูในช่วงนี้ทำให้ซ่งหลานอินประหลาดใจนิดหน่อยในที่สุดเป้าหมายของฟู่ซือเหยียนก็สำเร็จแล้วเมื่อเป็นแบบนี้ ฟู่ซือเหยียนน่าจะจากไปอย่างสงบหน่อยได้แล้วใช่ไหม?ก่อนจางอวิ๋นออกไป ซ่งหลานอินเรียกให้เธอหยุด“ถ้าเสิ่นชิงซูถามถึงฉัน คุณก็บอกไปว่าฉันหักหลังฟู่ซือเหยียนหนีไปพึ่งโจวป๋อถิง ฟู่ซือเหยียนสะเทือนใจอย่างหนัก ไปผ่อนคลายที่ต่างประเทศแล้ว ตอนนี้ยกหน้าที่ให้เธอดูแลลูก รอฟู่ซือเหยียนกลับมาค่อยไปรับ”จางอวิ๋นพยักหน้า “ค่ะ ฉันจำเอาไว้แล้ว”......หลังจางอวิ๋นออกไป ซ่งหลานอินก็ไปเก็บของที่ห้องนอนแขกเล็กน้อย ที่เอาไปล้วนเป็นเครื่องประดับและกระเป๋าแบรนด์เนมเหล่านั้นเล่นละครตบตาก็ต้องเล่น
เฉียวซิงเจียกะพริบตา มีความไม่เชื่ออยู่เล็กน้อย“อาซู แปลกมาก ฉันรู้สึกว่าแม้ก่อนหน้านี้เธอจะรักฟู่ซือเหยียนสุดหัวใจ แต่เธอที่รักฟู่ซือเหยียนแบบนั้น อันที่จริงไม่เคยเข้าใจฟู่ซือเหยียนเลย แต่ตอนนี้เธอไม่รักเขาแล้ว กลับเหมือนว่ายิ่งเข้าใจเขามากขึ้น...”เสิ่นชิงซูอึ้งไปเล็กน้อยในห้องรับแขกเงียบงัน มีเพียงเสียงเดือดปุด ๆ ที่กาต้มน้ำส่งเสียงออกมายังคงดังอย่างต่อเนื่องหัวข้อบทสนทนานี้ไม่มีใครพูดต่ออีก......คฤหาสน์หนานซี ห้องนอนหลักชั้นสองหลังให้น้ำเกลือ อาการของฟู่ซือเหยียนก็คงที่ แต่เขายังอยู่ในอาการหมดสติเช่นเดิมฉินเยี่ยนเฉิงเก็บกล่องยาเรียบร้อยแล้ว ก็เดินออกมาจากห้องนอนหลักปิดประตูห้องนอกห้องนอนหลัก ซ่งหลานอิน เส้าชิงและจางอวิ๋นยืนอยู่ ทั้งสามคนมองฉินเยี่ยนเฉิงด้วยสีหน้าตึงเครียดฉินเยี่ยนเฉิงเม้มปากถอนหายใจเสียงหนึ่ง “ตอนนี้ยังไม่มีปัญหาอะไร แต่การพัฒนาของอาการป่วยเขาเร็วกว่าที่เราคาดการเอาไว้”เส้าชิงขอบตาแดงก่ำ “หมอฉิน คุณชายฟู่อายุยังน้อยขนาดนี้ คุณคิดหาวิธีอีกเถอะครับ”“เราต้องทำใจเผื่อเอาไว้ เกรงว่าจะไม่พ้นหน้าร้อนนี้แล้ว” น้ำเสียงของฉินเยี่ยนเฉิงขึงขัง เขาเองก็
เสิ่นชิงซูเล่าสิ่งที่เกิดขึ้นที่ฟู่ซื่อ และเรื่องที่ตนเห็นฟู่ซือเหยียนกระอักเลือดให้เฉียวซิงเจียฟังเฉียวซิงเจียฟังจบ ก็เงียบไปอยู่นานสองนานทันใดนั้น เธอก็นึกอะไรขึ้นได้ แล้วพูดอย่างเข้าใจในทันที “มิน่าล่ะฉันถึงรู้สึกว่าช่วงนี้ความถี่ต้องไปรักษาฉุกเฉินของฉินเยี่ยนเฉิงสูงขึ้นมาก เชื่อมโยงกันแล้วเขาไม่ได้ไปโรงพยาบาล แต่ไปช่วยรักษาให้ฟู่ซือเหยียน?”เสิ่นชิงซูเม้มริมฝีปากไม่พูดไม่จา“งั้นเมื่อกี้ที่ฉินเยี่ยนเฉิงบอกว่าไปโรงพยาบาล คือไปดูฟู่ซือเหยียนอีกหรือเปล่า?”“น่าจะใช่”เฉียวซิงเจียเงียบไปถึงขั้นกระอักเลือดแล้ว งั้นก็น่าจะป่วยหนักมากแม้เธอจะเกลียดฟู่ซือเหยียนมาก แต่เขาถึงขั้นป่วยหนัก เธอก็ต้องสั่งสมกุศลทางวาจา ไม่ด่าแล้วก็แล้วกันเฉียวซิงเจียจ้องเสิ่นชิงซู “ถ้าฟู่ซือเหยียนป่วยหนักจริง ๆ เธอคิดจะทำยังไง?”เสิ่นชิงซูมองเฉียวซิงเจีย สีหน้าราบเรียบ “จะเป็นห่วง”“เสิ่นชิงซู! เธอพูดอีกรอบสิ...”“เป็นห่วงลูกทั้งสองคน”เฉียวซิงเจีย “...เธอพูดจาอย่าเว้นวรรคได้ไหม!”“ซิงซิง ฉันปล่อยวางแล้วจริง ๆ ทุกอย่างระหว่างฉันกับฟู่ซือเหยียน มันผ่านไปหมดแล้ว”เฉียวซิงเจียจ้องเธอเขม็ง “จริงเห