แน่นอนว่าไม่สำเร็จ ถูกคนของทีมงานถ่ายทำขวางเอาไว้ขณะที่มีดทำครัวหลุดออกจากมือ จ้าวซินเจี๋ยนั่งร้องไห้โฮเสียงดังลั่นอยู่บนพื้น มือทั้งสองตบหน้าตัวเองอย่างบ้าคลั่ง!กล้องบันทึกทั้งหมดนี้เอาไว้คืนนั้น เด็กถูกส่งตัวไปรักษาที่โรงพยาบาลในพื้นที่ แขนข้างหนึ่งหัก บนตัวยังมีรอยฟกช้ำที่เกิดจากการทุบตีมากมาย แต่โชคดีที่ตรวจไม่พบการบาดเจ็บของอวัยวะภายในนับว่าเป็นความโชคดีในความโชคร้ายหลังมั่นใจว่าลูกไม่ได้มีความอันตรายถึงชีวิต จ้าวซินเจี๋ยก็พาลูกชายกลับเมืองเป่ยส่วนฟางเหว่ย เขาต้องสงสัยว่าทารุณกรรมเด็ก จึงถูกทางตำรวจจับกุมและควบคุมตัวไปในคืนนั้น เขาต้องชดใช้ให้กับพฤติกรรมสัตว์เดรัจฉานของเขาแม่ของฟางเหว่ยเคยพาญาติไปหาเรื่องที่เมืองเป่ยกลุ่มหนึ่ง จ้าวซินเจี๋ยจึงแจ้งตำรวจอีกครั้งเพราะก่อนหย่ากันฟางเหว่ยมีประวัติใช้ความรุนแรงในครอบครัว บวกกับซ่อนตัวโดยพลการและทารุณกรรมเด็กครั้งนี้ ทางตำรวจเองก็ให้ความสำคัญอย่างมากพวกแม่ของฟางเหว่ยไม่มีจุดจบที่ดี หนำซ้ำยังถูกลากไปปรับทัศนคติที่สถานีตำรวจ เขียนหนังสือรับรอง สุดท้ายกลับบ้านเดิมด้วยความเศร้าหมองตอนจบของสารคดี ฟางเหว่ยถูกพิพากษาจำคุกสองป
แม้จะรู้เหตุผลชัดเจนอยู่แล้ว แต่เธอก็ยังแสร้งทำเป็นไม่รู้อะไรเลย“คุณคิดจะยกสิทธิ์เลี้ยงดูเนี่ยนอันให้ฉันเหรอ?”“อืม” สีหน้าฟู่ซือเหยียนจริงจัง “ผมจะย้ายทะเบียนบ้านของผมออกมาจากบ้านตระกูลฟู่ และอีกสักพักผมก็จะไปลงหลักปักฐานที่ต่างประเทศแล้ว”เสิ่นชิงซูจ้องมองเขา “ก่อนหน้านี้คุณพยายามอย่างมากถึงแย่งสิทธิ์เลี้ยงดูลูกชายไปได้ ตอนนี้จะมาทิ้งไปง่าย ๆ ทั้งอย่างนี้เหรอ?”“ก่อนหน้านี้ฟู่ซื่อต้องการผู้สืบทอด” สีหน้าของฟู่ซือเหยียนสงบนิ่ง ไม่เผยพิรุธใด ๆ ออกมา “ตอนนี้ฟู่ซื่อกับตระกูลฟู่ไม่เกี่ยวกับผมแล้ว ที่ผมไปต่างประเทศเพราะอยากก่อตั้งบริษัทใหม่อีกบริษัท ช่วงแรกที่ก่อตั้งส่วนใหญ่จะยุ่งและไม่มั่นคง ถ้าเนี่ยนอันอยู่กับผม ผมอยู่เป็นเพื่อนเขาให้เพียงพอไม่ได้”พูดแบบนี้สมเหตุสมผลมากจริง ๆเสิ่นชิงซูมองชายหนุ่มตรงหน้า คิดอยู่ในใจ เขาพูดโกหกขึ้นมาสมจริงมากทีเดียวเธอถามขึ้นว่า “คุณเคยหารือเรื่องนี้กับเนี่ยนอันหรือยัง?”ลูกกระเดือกของฟู่ซือเหยียนขยับเล็กน้อย “ยัง”“ตอนนี้เนี่ยนอันพึ่งพาคุณมาก หลายวันมานี้ที่คุณไม่อยู่ กลางคืนเขาฝันยังเรียกพ่อเลย”ฟู่ซือเหยียนอึ้งไปเสิ่นชิงซูพูดต่อว่า “ฟู่ซ
เฉียวซิงเจียอึ้งไป“วันนั้นที่ฉันเพิ่งเจอเนี่ยนอัน เขาผอมแห้งตัวเล็ก ใบหน้าเล็ก ๆ ประณีตมาก แต่เพราะผิดปกติมาตั้งแต่เกิด สีหน้าเขาเย็นชาซีดเผือด ดวงตาดำขลับสองข้างจ้องมองคน แววตาเฉื่อยชานิดหน่อย ฉันเห็นตัวฉันในแววตาเขา ในวินาทีนั้น หัวใจของฉันเจ็บปวดมาก แม้ว่าตอนนั้นฉันจะไม่รู้ว่าเขาคือลูกของฉัน แต่ท่าทางของเขา จนถึงวันนี้นึกย้อนกลับไปแล้ว ฉันก็ยังจำได้ขึ้นใจ”เฉียวซิงเจียฟังไปหัวใจก็บีบรัดตามไปด้วย“ครั้งแรกที่เจอ เนี่ยนอันก็แสดงความใกล้ชิดตามสัญชาตญาณกับฉันและเสี่ยวอันหนิง” เสิ่นชิงซูชะงักไปแล้วพูดต่อว่า “ตอนแรกเขาไม่สนิทกับฟู่ซือเหยียน แต่หลังจากนั้นตอนที่ฉันกับเสี่ยวเวินไปรับเขาที่ประเทศเค เนี่ยนอันก็สนิทสนมและไว้ใจฟู่ซือเหยียนมาก กระทั่งมากกว่าฉันด้วยซ้ำ”“นี่อาจเป็นเพราะพลังของสายเลือดมั้ง?” เฉียวซิงเจียก้มหน้ามองเสี่ยวซิงเฉินที่อยู่ในอ้อมอก “ตอนช่วงเดือนแรกหลังคลอดเจ้าเด็กน้อยคนนี้ทรมานคนมาก ใครอุ้มก็ไม่ได้ จะให้ฉินเยี่ยนเฉิงอุ้ม เปลี่ยนเป็นคนอื่นก็โวยวาย เดือนนั้นโดยพื้นฐานตอนกลางคืนฉินเยี่ยนเฉิงต้องอุ้มเขานอน”เสี่ยวซิงเฉินกะพริบตาอยู่ในอ้อมอกแม่ อ้อแอ้ ๆ ราวกับกำลังพูดคล
วันนี้เสิ่นชิงซูเลิกงานเร็ว ยังไม่ห้าโมงก็ถึงบ้านแล้วเห็นรถเมย์บัคที่อยู่ในลานบ้าน สีหน้าเธอก็ชะงักไป เดาได้ว่าฟู่ซือเหยียนมาเข้าบ้านมาก็เห็นฟู่ซือเหยียนนั่งยองหันหลังให้ประตูใหญ่ ลูกสาวและลูกชายตัวติดหนึบอยู่กับเขาช่วงบ่ายของกลางฤดูร้อน แสงแดดด้านนอกสาดเข้ามาจากปากประตูใหญ่ ตกลงบนตัวสามพ่อลูกภาพช่างอบอุ่นและเยียวยาชายหนุ่มหลังตรงตระหง่านภายใต้เสื้อเชิ้ตสีขาว และบางทีอาจผอมกว่าแต่ก่อนไปมาก ภายใต้เสื้อเชิ้ตยังเห็นเค้าโครงกระดูกสะบักอย่างเลือนรางเสิ่นชิงซูหยุดฝีเท้า ไม่ได้เข้าไปรบกวนเสี่ยวอันหนิงเห็นเธอก็ถอยออกมาจากอกฟู่ซือเหยียน และวิ่งมาทางเธอ “แม่!”เสิ่นชิงซูย่อตัวลงต้อนรับลูกสาว ก่อนจะหอมบนแก้วนุ่ม ๆ ของเธอฟู่ซือเหยียนปล่อยลูกชาย ยืนขึ้นแล้วมองไปทางเธอ “สองสามวันนี้ลำบากคุณแล้วนะ”เสิ่นชิงซูปล่อยเสี่ยวอันหนิง ยืนขึ้นแล้วมองไปทางเขาเช่นกัน “ดูแลพวกเขาเป็นสิ่งที่คนเป็นแม่อย่างฉันสมควรทำอยู่แล้ว”ลูกกระเดือกของฟู่ซือเหยียนขยับเล็กน้อย เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว เขาไม่กล้าหวังว่าเสิ่นชิงซูจะมีไมตรีจิตอะไรกับเขาอีกเธอพูดคุยสื่อสารกับเขาอย่างสงบและไม่หงุดหงิดเหมือนอย่างตอ
“ผมเองก็จะไปแล้วเหมือนกัน” ฉินเยี่ยนเฉิงและทนายฟางแยกย้ายไปพร้อมกันจิ้นเชวี่ยมองไปที่ทนายของตัวเอง “คุณลงไปรอผมข้างล่างก่อน”ทนายพยักหน้า ก่อนจะหมุนตัวเดินออกไปจากห้องทำงานเสิ่นชิงซูเดินไปนั่งลงตรงหน้าโต๊ะทำงาน แล้วเปิดคอมพิวเตอร์ จ้องหน้าจอแล้วพูดขึ้นว่า “ถ้าไม่มีเรื่องอื่น คุณจิ้นเองก็เชิญกลับไปเถอะค่ะ ฉันยังมีงานอื่นต้องทำ”จิ้นเชวี่ยมองเสิ่นชิงซู สีหน้าซับซ้อน “อาซู ต่อไปเรายังเจอกันได้ไหม?”เสิ่นชิงซูเงยหน้า มองตาชายหนุ่มตรง ๆ“จิ้นเชวี่ย ฉันรู้สึกว่าเราไม่มีความจำเป็นต้องติดต่อกันอีก”นัยน์ตาของจิ้นเชวี่ยหดตัวลงเล็กน้อย “อาซู คุณก็ยังโทษผมใช่ไหม?”“ฉันไม่โทษคุณ” เสิ่นชิงซูมองเขา สีหน้าราบเรียบ “เป็นฉันที่ไม่อยากเกี่ยวข้องอะไรกับตระกูลฟู่และฟู่ซื่ออีก ทุกคนล้วนมีทางเลือกของตัวเอง ประธานฟู่ซื่อคือการเลือกของคุณ ไม่ไปมาหาสู่กับคุณอีก เป็นการเลือกของฉัน”ลมหายใจของจิ้นเชวี่ยติดขัดเขามองนัยน์ตาทั้งสองข้างของหญิงสาว ริมฝีปากบางเม้มแน่น พร้อมกำหมัดแน่นอย่างไร้สุ้มเสียง......หลังจากวันนั้น ชีวิตก็คล้ายกลับมาเรียบง่ายอีกครั้งจิ้นเชวี่ยนำสัญญาหุ้นฉบับนั้นไป ทิ้งเงินไว้ห้
ขณะเสิ่นชิงซูกลับถึงบ้านอวิ๋นกุย ก็มีหมายเลขไม่รู้จักโทรเข้ามาอีกเธอดับเครื่อง นั่งอยู่ในรถและรับสาย“อาซู ในที่สุดคุณก็รับสายผมสักที” น้ำเสียงของจิ้นเชวี่ยกระวนกระวายเล็กน้อย “คุณอย่าเข้าใจผิดนะ ผมไม่ได้ตั้งใจรบกวนคุณ แค่มีเรื่องอยากจะหารือกับคุณ”เสิ่นชิงซูแสร้งถามทั้ง ๆ ที่รู้อยู่แล้ว “เรื่องอะไรเหรอ?”“เรามาคุยกันต่อหน้าโอเคไหม?”“ขอโทษค่ะ ช่วงนี้ฉันค่อนข้างยุ่ง” น้ำเสียงของเสิ่นชิงซูห่างเหิน “จิ้นเชวี่ย คุณมีอะไรก็พูดมาเลย”จิ้นเชวี่ยเงียบไปครู่หนึ่ง ราวกับถอนหายใจอย่างจนใจ “อาซู หุ้นที่ฟู่ซือเหยียนให้เสี่ยวอันหนิง พ่อผมอยากให้คุณขายลดราคาให้ผม”“ถ้าฉันไม่อยากขายล่ะ?”“อาซู คุณฟังผมหน่อยนะ ขายเถอะ” น้ำเสียงของจิ้นเชวี่ยหนักแน่น “พ่อผมไม่อยากให้ฟู่ซือเหยียนได้อะไรของตระกูลฟู่ไป ลูกของเขาก็ไม่ได้”สีหน้าของเสิ่นชิงซูเย็นชาเป็นอย่างที่เธอคาดเอาไว้ไม่มีผิด“ใช่ว่าจะขายไม่ได้” น้ำเสียงของเสิ่นชิงซูเย็นชา “พวกคุณคิดจะซื้อเท่าไหร่?”“คุณเสนอราคาก็ได้”“ฉันเป็นคนตัดสินใจเหรอ?” เสิ่นชิงซูแสยะยิ้มทีหนึ่ง “งั้นก็ห้าพันล้านแล้วกัน จ่ายหมดในครั้งเดียว พาทนายมาเซ็นสัญญาต่อหน้าด้ว