LOGIN“ปลูกถ่ายไขกระดูก...”จิ้นเชวี่ยจ้องมองเสิ่นชิงซูบนเตียง แววตาลึกล้ำ “ผมรู้แล้ว คุณออกไปก่อนเถอะ”หมอชาวต่างชาติพยักหน้า หันหลังเดินออกจากห้องไปจิ้นเชวี่ยนั่งลงข้าง ๆ เสิ่นชิงซู ยกมือขึ้นแตะหน้าผากของเธอยังมีไข้ต่ำ ๆ อยู่เสิ่นชิงซูขมวดคิ้ว เปิดเปลือกตาที่หนักอึ้งขึ้น“ตื่นแล้วเหรอ จะดื่มน้ำไหม?”“อื่ม”จิ้นเชวี่ยรินน้ำแก้วหนึ่ง ใช้หลอดป้อนให้เธอเสิ่นชิงซูดื่มน้ำเสร็จ ก็รู้สึกสดชื่นขึ้นมากเธอมองจิ้นเชวี่ย แล้วถามว่า “เมื่อกี้ฉันเหมือนจะได้ยินคุณคุยกับหมอว่าจะพาฉันไปสวิตเซอร์แลนด์เหรอ?”“อืม” จิ้นเชวี่ยเอาแก้วน้ำวางไว้ที่โต๊ะข้างเตียง “สถาบันวิจัยที่พ่อของผมลงทุนไว้ตอนที่ยังมีชีวิตอยู่ บางทีอาจจะวิจัยยาที่ช่วยคุณได้”ลมหายใจของเสิ่นชิงซูชะงักไปที่แท้ก็ไม่ใช่ความฝัน จิ้นเชวี่ยจะพาเธอไปสวิตเซอร์แลนด์จริง ๆสถาบันวิจัยแห่งนั้นของฟู่ไป๋เซิง สามารถวิจัยยารักษาลูคีเมียได้เหรอ?ถ้าทำได้จริง ๆ แล้วฟู่ไป๋เซิงจะทุ่มเทเล่ห์เหลี่ยมกลับไปแย่งชิงฟู่ซื่อทำไมกัน?ดังนั้น จิ้นเชวี่ยตั้งใจจะทำให้เธอกลายเป็นจิ้นเสวี่ยคนที่สองงั้นเหรอ?หลังของเสิ่นชิงซูเย็นวาบขึ้นมาเป็นระลอกแบบนี้แล
จิ้นเชวี่ยรู้ว่าเป็นกวนเยว่ที่บอกทุกคนว่าเสิ่นชิงซูเป็นอดีตภรรยาของฟู่ซือเหยียนเขามองกวนเยว่ แล้วยิ้มวินาทีต่อมา กวนเยว่ส่งเสียงอู้อี้ คุกเข่าลงข้างหนึ่ง เลือดที่ต้นขาข้างหนึ่งไหลไม่หยุดกระสุนฝังอยู่ในกระดูก จิ้นเชวี่ยใช้มีดทหารแงะกระสุนนั้นออกมาด้วยตัวเองกระสุนที่เปื้อนเลือดถูกวางลงในมือของกวนเยว่ มือข้างหนึ่งของจิ้นเชวี่ยเต็มไปด้วยเลือด เขาตบเบา ๆ บนใบหน้าที่ซีดเผือดและเหงื่อซึมด้วยความเจ็บปวดของกวนเยว่“ผมเคยบอกแล้วว่าผมไม่ชอบให้ใครมาสอนผมทำอะไร”กวนเยว่ก้มหน้าลง กัดฟันทนความเจ็บปวด “คุณจิ้น ผมผิดไปแล้วครับ”คนอื่น ๆ ไม่กล้าส่งเสียงอีกในที่สุดงานแต่งงานก็จะจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ตามความต้องการของจิ้นเชวี่ยทุกคนต่างก็คิดว่าจิ้นเชวี่ยบ้าไปแล้ว แต่ก็ไม่กล้าขัดขวาง ทำได้เพียงจำใจบ้าไปกับเขาในงานเลี้ยงอาหารค่ำหลังจากนั้น จิ้นเชวี่ยยกแก้วขึ้นดื่มอย่างเต็มที่ และต้องดื่มกับผู้นำทุกคนคนละแก้วผู้นำทุกคนยกแก้วขึ้น กล่าวคำอวยพรอย่างไม่จริงใจคนไม่น้อย จิ้นเชวี่ยไม่ปล่อยใครไปเลยสักคน พอครบหนึ่งรอบ ตัวเขาเองก็ดื่มไปไม่น้อยตอนนี้เมาแล้ว ไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น แค่อยากจะกอดเสิ่นชิงซ
“ฉันรู้” เจียงหมี่รั่ลูบท้องของตัวเอง “แต่ว่า ถ้าเขาเกิดมาแล้วไม่ได้เป็นลูกของจิ้นเชวี่ยล่ะ?”ไม่ได้เป็นลูกของจิ้นเชวี่ย?เสิ่นชิงซูจ้องมองเธอ “นี่หมายความว่ายังไง?”เจียงหมี่รั่วมองเสิ่นชิงซู “พี่ชิงซู ช่วงนี้ฉันฝันร้ายตลอดเลย”จู่ ๆ เธอก็เปลี่ยนเรื่องกะทันหัน เสิ่นชิงซูขมวดคิ้ว“ฉันฝันว่าตอนที่ฉันคลอดลูก ฉันคลอดยากจนตาย จิ้นเชวี่ยก็ตายด้วย”เสิ่นชิงซูเม้มริมฝีปากตอนที่เธอท้องลูกแฝดชายหญิง ก็มักจะฝันไม่ดีอยู่บ่อย ๆต่อมา ตอนที่ลูกแฝดคลอดก่อนกำหนดและตกเลือดอย่างหนัก ฉากนั้นมันคล้ายคลึงกับภาพนองเลือดในความฝันของเธอเหลือเกินบางที นี่อาจจะเป็นสัมผัสที่หกของคุณแม่ก็ได้หรือว่าความฝันของเจียงหมี่รั่วก็เป็นสัมผัสที่หกของคุณแม่เหมือนกัน?ถ้าจิ้นเชวี่ยตาย นั่นก็หมายความว่าปฏิบัติการของพวกฟู่ซือเหยียนประสบความสำเร็จอย่างงดงามใช่ไหม?ถ้าเป็นอย่างนั้น ก็นับว่าเป็นเรื่องดีแต่เจียงหมี่รั่วช่างไร้เดียงสานัก?เสิ่นชิงซูไม่ได้อยากให้เจียงหมี่รั่วต้องลงเอยเหมือนในความฝันเธอแค่รักคนผิด แต่ก็ไม่ได้หลงทางไปโดยสิ้นเชิงทารกในท้องของเธอก็ไม่มีความผิดเช่นกันความผิดบาปของจิ้นเชวี่ย ไม่คว
“ไม่ล่ะครับ” เวินจิ่งซีกลับมาเย็นชาทันที “ครอบครัวผมเข้มงวด พวกเขาหวังว่าผมจะหาผู้หญิงที่ฐานะทัดเทียมกัน ภูมิหลังเรียบง่ายหน่อย”ซ่งหลานอินหัวเราะเบา ๆ “คุณเวินนี่ทำร้ายจิตใจกันจังเลยนะคะ ปฏิเสธก็ปฏิเสธไปสิ ทำไมต้องพูดกระทบกระเทียบกันด้วยล่ะคะ?”สีหน้าของเวินจิ่งซีแข็งทื่อ รีบอธิบาย “ผมไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น ผมหมายถึง อาชีพของคุณมันอันตรายไปหน่อย ครอบครัวผมรับไม่ได้...”“พอแล้ว ๆ” ซ่งหลานอินโบกมือ “ฉันแค่ล้อคุณเล่น คุณคิดว่าฉันชอบคุณจริง ๆ เหรอ? ฉันก็เป็นคนแบบนี้แหละ เห็นผู้ชายหล่อ ๆ ก็อดไม่ได้ที่จะหยอกสักสองสามคำ ถ้าอีกฝ่ายเปิดใจยอมมีวันไนต์สแตนด์กับฉัน ฉันก็ยินดีนะ แต่ถ้าจะให้คบกันจริงจังล่ะก็... ช่างเถอะ ผู้ชายน่ะ พอลงจากเตียงสวมกางเกงแล้วก็เหมือนกันทุกคนนั่นแหละ”เวินจิ่งซี “...”เขาเม้มปากจ้องซ่งหลานอิน ใบหูแดงก่ำสักพัก เขาก็เค้นคำพูดออกมาประโยคหนึ่ง “ซ่งหลานอิน คุณนี่ไม่มียางอาย”“มันก็เป็นเรื่องธรรมดาของมนุษย์ มีอะไรน่าอายกัน?” ซ่งหลานอินแค่นหัวเราะ มองใบหูที่แดงก่ำของเวินจิ่งซี ส่ายหน้าแล้วส่งเสียงจิ๊จ๊ะสองที “คุณชายเวอร์จิ้น อ่อนหัดชะมัด ไม่แน่ว่าอาจจะต้องสอนด้วยซ้
ซ่งหลานอินเห็นเวินจิ่งซีถูกตัวเองยั่วจนพูดไม่ออกอีกครั้ง ก็ลดท่าทีล้อเล่นลงเล็กน้อย กระแอมเบา ๆ แล้วทำสีหน้าจริงจัง“ตอนนี้ทางฉันยังไม่ได้รับข่าวร้าย อย่างน้อยก็ยืนยันได้ว่า ตอนนี้เสิ่นชิงซูยังมีชีวิตอยู่”“ยังมีชีวิตอยู่...” เวินจิ่งซีก้มหน้าลง “เธอยังมีชีวิตอยู่ แต่ถูกควบคุมตัวไว้ เลยติดต่อกับพวกเราไม่ได้ใช่ไหม?”“การไม่ติดต่อมาก็ถือเป็นเรื่องดี” ซ่งหลานอินพูด “ทำอาชีพอย่างพวกเรา ไม่มีข่าวก็คือข่าวดีที่สุด เท่าที่ฉันรู้ ภูมิหลังของจิ้นเชวี่ยซับซ้อนและยิ่งใหญ่ แต่เขาก็ไม่ได้ลงมือกับเด็กทั้งสองคนจริง ๆ นี่ก็เป็นข้อพิสูจน์ที่ดีว่า จิ้นเชวี่ยยังออมมือไว้”เวินจิ่งซีเงยหน้าขึ้นมองซ่งหลานอิน ครู่ต่อมาเขาจึงพูดว่า “คุณหมายความว่า จิ้นเชวี่ยมีใจให้อาซูจริง ๆ พอรู้ว่าอาซูให้ความสำคัญกับเด็กสองคนนี้มาก เลยใจอ่อนกับเด็กสองคนนี้ใช่ไหม?”“จะว่าใจอ่อนก็ได้ แต่ก็อาจเป็นไปได้ว่าเขาจงใจเก็บเด็กสองคนนี้ไว้ เพื่อใช้เป็นเครื่องมือข่มขู่ให้เสิ่นชิงซูยอมประนีประนอม”“ผมเข้าใจแล้ว” เวินจิ่งซีถอนหายใจเฮือกใหญ่ “อาซูต้องยอมประนีประนอมเพื่อเด็กสองคนแน่ สิ่งที่จิ้นเชวี่ยต้องการก็คือการยอมจำนนของอาซู”“ส
“คุณต้องไปแล้ว” เสิ่นชิงซูถอยหลังไปหนึ่งก้าว เชิดคางขึ้นเล็กน้อยเพื่อมองเขา “ฟู่ซือเหยียน เสี่ยวอันหนิงมีพรสวรรค์ด้านดนตรี ถ้าในอนาคตลูกสนใจดนตรี คุณให้แม่บุญธรรมของฉันหาครูคนแรกให้ลูกก็ได้ เสี่ยวเนี่ยนอันชอบเลโก้กับรูบิก เขาเป็นเด็กฉลาดและใจเย็น ถ้าเขาอยากทำก็ส่งเสริมเขาได้...”“อาซู” ฟู่ซือเหยียนพูดขัดขึ้น ดวงตาที่เปียกชื้นจากน้ำตาจ้องมองเธอ “อย่าพูดเรื่องพวกนี้ อย่าสั่งเสีย”เสิ่นชิงซูยิ้มอย่างจนใจ “แค่เผื่อไว้ในกรณีฉุกเฉินเท่านั้น”“จะไม่มีกรณีฉุกเฉิน” ฟู่ซือเหยียนใช้สองมือประคองใบหน้าของเธอ ก้มลงจูบที่หน้าผาก “ผมเคารพการตัดสินใจของคุณ และขอให้คุณเชื่อใจผมกับองค์กรด้วย ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ปกป้องตัวเองให้ดี รอพวกเราพาคุณกลับบ้านนะ!”เสิ่นชิงซูชะงักไปเล็กน้อย ประตูข้างหลังถูกเจียงหมี่รั่วทุบ“พี่ชิงซู พี่ไม่เป็นอะไรใช่ไหมคะ? พี่ไม่ได้เป็นลมไปใช่ไหม?”น้ำเสียงของเจียงหมี่รั่วร้อนรนเล็กน้อย ดูเหมือนว่ากวนเยว่จะเริ่มสงสัยแล้ว!ฟู่ซือเหยียนสวมหน้ากากอนามัย มองเสิ่นชิงซูเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจะหันหลังแล้วก้าวสองก้าวใหญ่ ๆ ปีนขึ้นไปบนห้องใต้หลังคาเสียงฝีเท้า ‘ตึง ตึง ตึง’ ดังขึ้นอ







