Share

บทที่ 7 ศิษย์ของผู้มีพระคุณต้องไม่ใช่คนไร้ความสามารถแน่

“ท่านแม่ทัพ ฉินเป่ยเป็นหมอจริง ๆ เขาสามารถรักษาท่านได้จริง ๆ เหรอคะ?”

“แล้วก็ เมื่อสักครู่ท่านได้บอกเขาหรือเปล่าว่าท่านคือหงส์ปัณฑูร”

ทันทีที่มาถึงด้านนอกโรงพยาบาลอันหนิงแทบอดใจรอไม่ไหวที่จะถามเธอ ในระหว่างทางที่มาก่อนหน้านี้อวี่เจียวหรงได้เล่าเรื่องที่ฉินเป่ยเป็นหมอและกำลังทำการรักษาเธอให้อันหนิงฟัง

“ฉันเชื่อว่าฉินเป่ยจะรักษาอาการบาดเจ็บของฉันได้ แต่ฉันหวังว่ามันจะไม่เร็วขนาดนั้น เมื่อกี้ฉันอยากจะบอกฐานะที่แท้จริงของตัวเองกับเขา แต่เธอไม่เห็นเหรอ ว่าตอนที่เราสองคนยอมรับว่าเป็นทหารในกรมการทหาร สีหน้าของเขานิ่งสงบเกินไป”

เมื่ออวี่เจียวหรงพูด อันหนิงก็นึกขึ้นมาได้ว่าเป็นแบบนั้นจริง ๆ

อวี่เจียวหรงพูดต่อ “ฉินเป่ยลึกลับยิ่งกว่าที่ฉันกับเธอคิดเอาไว้ ศิษย์ของผู้มีพระคุณไม่ใช่คนไร้ความสามารถหรอก เพราะงั้นเธอจำคำที่ฉันพูดตอนอยู่ในห้องผู้ป่วยเอาไว้นะ แล้วก็อย่าไปลองสืบค้นเขาล่ะ!”

“ค่ะ!”

อันหนิงตอบรับไปพร้อมกับเปิดประตูรถให้อวี่เจียวหรง

อวี่เจียวหรงเพิ่งขึ้นมาบนรถเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น เมื่อมองเห็นเบอร์โทรศัพท์เธอก็ต้องขมวดคิ้ว ก่อนจะส่งสัญญาณให้อันหนิงออกรถ รอจนรถเริ่มออกตัวแล้วเธอถึงได้กดรับสาย

……

ตอนนี้ ฉินเป่ยจัดการขอออกจากโรงพยาบาลเพื่อทำการผ่าตัดเสร็จเรียบร้อย

หลังจากนั้นสองชั่วโมงเขาก็แบกแม่กลับมายังบ้านที่เขตชานเมือง เพิ่งจะเดินเข้ามาในรั้วบ้าน เขาก็เห็นผู้ชายวัยกลางคนคนหนึ่งนั่งสูบบุหรี่อยู่บริเวณสวน

“พ่อ พ่อก็กลับมาด้วยเหรอครับ?”

พ่อของฉินเป่ยชื่อว่าฉินฮั่น ในความทรงจำของฉินเป่ย พ่อของเขาไม่กลับบ้านมาหลายปี ถ้าจำไม่ผิด พ่อของเขาไม่ได้กลับบ้านมาเกือบแปดปีแล้ว

พ่อเป็นคนพูดน้อยมาตลอด สำหรับฉินเป่ยแล้วเขารู้สึกไม่สนิทใจกับพ่อเท่าไร ไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าเขาทำอะไรอยู่ข้างนอก และเขากับแม่ก็ไม่เคยเอ่ยปากถาม

“อือ กลับมาแล้ว แม่เป็นยังไงบ้าง?”

ฉินฮั่นดับบุหรี่ให้มอดก่อนจะลุกขึ้นไปอุ้มตู้เหม่ยจวนลงจากหลังฉินเป่ยกลับเข้าไปในห้องนอน

“ไม่เป็นอะไรมากครับ คิดว่าอีกไม่นานก็คงจะฟื้น พักผ่อนอีกสักสองสามวันก็น่าจะรักษาหายดี”

“พ่อ ครั้งนี้พ่อจะกลับมานานเท่าไรครับ?”

“ไม่ออกไปแล้วล่ะ!”

“หลายปีมานี้แม่แกกับแกอยู่กันอย่างยากลำบากสินะ?”

ฉินฮั่นวางตู้เหม่ยจวนลงบนเตียงก่อนจะห่มผ้าห่มให้เธอ จากนั้นก็ดึงฉินเป่ยออกมาม

“ผมไม่เป็นอะไรหรอก แต่ว่าลำบากแม่ พ่อครับ ในเมื่อพ่อจะกลับมาแล้วไม่ออกไปแล้ว ผมอยากจะเปิดคลินิกในเมืองสักคลินิก ผมเรียนหมอมา ทักษะทางการแพทย์ของผมก็ไม่เลว เพราะงั้นพ่อช่วยสนับสนุนผมด้วยนะครับ!”

ที่จริงฉินเป่ยไม่ต้องทำงาน เงินของเขาก็ยังสามารถเลี้ยงดูแม่กับตัวเองไปได้อีกหลายชาติก็ยังไม่หมด

เพราะก่อนที่อาจารย์จะจากไปก็ได้เปิดบัตรธนาคารใบหนึ่งไว้ให้กับเขา เงินเก็บในบัตรนั่นเป็นตัวเลขมากมายราวกับอักขระฟ้า

แต่เขาก็เป็นหมอคนหนึ่ง อีกทั้งยังชอบจะรักษาผู้คน ที่สำคัญกว่านั้นเขามีคู่หมั้นเป็นอวี่เจียวหรง และได้รู้แล้วว่าเธอเป็นทหารในกรมการทหาร!

ในสถานการณ์ที่ฐานะการเป็นเทพสงครามซิวหลัวของเขายังไม่ถูกเปิดเผย เขาจำเป็นต้องมีอาชีพเป็นหลักแหล่ง การเปิดคลินิกก็เป็นอะไรที่เหมาะสมกับเขาที่สุดแล้ว

ฉินฮั่นไม่ได้พูดอะไร แต่หยิบบุหรี่หงถาซานออกมายื่นให้ฉินเป่ย ถึงได้เอ่ยปากต่อ “ลูกจะทำอะไรพ่อก็สนับสนุนลูกหมดนั่นล่ะ ต้องการเงินหรือเปล่า?”

“ไม่ต้องหรอกครับ ผมยังมีเงินอยู่บ้าง!”

“ถ้างั้นพ่อครับ พ่ออยู่บ้านดูแลแม่ ผมจะออกไปดูหน้าร้านสักหน่อย แล้วก็จะหาซื้อบ้านไปด้วยเลย”

“ได้”

ฉินฮั่นตอบรับสั้น ๆ ก่อนจะนั่งลงสูบบุหรี่ ส่วนฉินเป่ยก็ออกจากบ้านกลับเข้าไปในเมือง

ณ โรงพยาบาล

“มันกล้าจริง ๆ ที่มาหักขาลูกผม!”

“หยางลี่ ตกลงฉินเป่ยมันเป็นใครกันแน่?”

“ตกลงมันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ คุณรีบบอกผมมาทั้งหมดเลยนะ!”

ภายในห้องผู้ป่วย โจวเทียนเป่ยพ่อของโจวห้าวกำลังโมโหโกธาอยู่ บนเตียงมีโจวห้าวที่หมดสติโคม่าอยู่ แพทย์ที่เก่งที่สุดในโรงพยาบาลได้มาดูอาการบาดเจ็บของเขาแล้ว ได้ยินมาว่าต่อไปเขาจะทำได้แค่นั่งรถเข็น!

โจวห้าวเป็นลูกชายคนเดียวของเขา แล้วต่อไปก็ต้องรับตำแหน่งเป็นผู้นำตระกูล ถ้าต่อไปเขาทำได้แค่นั่งรถเข็น แล้วจะมาสืบทอดตำแหน่งผู้นำตระกูลได้ยังไง?!

หยางลี่ถูกทำเอาตกใจกลัวไปแล้ว เธอในตอนนี้หน้าบวมแดง สายตาอันน่ากลัวของฉินเป่ยยังคงปรากฏอยู่ในสมองของเธอไม่ลบเลือน!

แต่ตอนนี้ได้ตระกูลโจวคอยให้ท้าย ความรู้สึกดูถูกฉินเป่ยของเธอก็ฟื้นคืนกลับมาเหมือนเดิม ก่อนจะพูดว่า “ลุงโจว ไอ้ฉินเป่ยนั่นเป็นคนจนไร้ความสามารถคะ!”

“เมื่อห้าปีก่อนทำร้ายพี่ห้าวจนติดคุก ตอนนี้ออกมาจากคุกแล้วก็มาตามตอแยฉัน เมื่อคืนวานทำร้ายฉันกับพี่ห้าว คิดไม่ถึงว่าวันนี้เขาจะ...”

“เขาไม่ได้แค่หักขาพี่ห้าวกับหักขาสองข้างของพวกเหมาสงนะคะ ยังแบล็กเมล์ฉันกับพี่ห้าวไปห้าล้านหยวนด้วยค่ะ!”

“ฮือฮือ... คุณอาโจวคะ คุณอาจะต้องแก้แค้นแทนพี่ห้าวนะคะ ถ้าพี่ห้าวไม่สามารถยืนได้อีกต่อไป ฉัน ฉันจะตายค่ะ...”

เพื่อทิ้งความประทับใจแรกให้โจวเทียนเป่ย หยางลี่ถึงกับจะวิ่งเอาหัวชนกำแพง

การแสดงสุดความสามารถของเธอถูกโจวเทียนเป่ยยอมรับ ก่อนที่หัวของเธอจะถึงกำแพงโจวเทียนเป่ยก็ดึงตัวเธอเอาไว้

“กลั่นแกล้งกันขนาดนี้ กำเริบเสิบสานหนักคงจะปล่อยไว้ไม่ได้ ไอ้เจ้าฉินเป่ยนั่นคิดว่าตระกูลเราเป็นแมวป่วยหรือยังไง?”

“หลานสาวหยางลี่ ความจริงใจของหลานที่มีให้โจวห้าวอาเห็นอยู่ หลานวางใจเถอะ อาจะไม่ปล่อยเจ้าฉินเป่ยนั่นไปแน่!”

“อากุ่ย!”

โจวห้าวโมโหสุดขีด เขาเรียกอากุ่ยซึ่งเป็นหัวหน้าบอดี้การ์ดของตระกูลโจวที่อยู่ด้านหลังมาทันที

“ไป ไปเอาแขนขาของฉินเป่ยมาให้ข้าเดี๋ยวนี้!”

“วางใจเถอะท่านผู้นำตระกูล ผมจะไปตัดแขนขาของไอ้เจ้านั่นกลับมาให้ท่านแน่นอนครับ!”

“กล้ามาแตะต้องนายน้อยตระกูลโจว ไม่อยากมีชีวิตแล้วสินะ!”

อากุ่ยเป็นถึงปรมาจารย์นักบู๊ ให้เขาเป็นคนไปจัดการโจวเทียนเป่ยมั่นใจเสียยิ่งกว่าอะไร

ไม่นานนัก อากุ่ยก็ออกไป โจวเทียนเป่ยเองก็ออกจากโรงพยาบาล ถึงแม้โรงพยาบาลจะบอกว่าต่อไปโจวห้าวจะทำได้แค่นั่งรถเข็น แต่เขาไม่เชื่อเลยแม้แต่น้อย

เขาโทรหาน้องชายคนที่สองโจวเทียนหนานแล้ว ให้เขาโทรไปเชิญแพทย์เซียนจากเมืองหรงตูมาเมืองหยางตูเพื่อรักษาขาทั้งสองข้างของโจวห้าว

ถ้าไม่ใช่เพราะตระกูลโจวกำลังพยายามสุดกำลังในการตามหาหงส์ปัณฑูรเทพีแห่งสงครามจนเขาไม่สามารถปลีกตัวไปได้ละก็ ไม่อย่างนั้นเขาจะต้องพาคนไปจัดการไอ้ฉินเป่ยนั่นด้วยตัวเองแน่!

……

ในตอนนี้ ฉินเป่ยมาที่บริษัทอสังหาริมทรัพย์แห่งหนึ่งเพื่อซื้อบ้าน

เขาตั้งใจว่าจะซื้อบ้านก่อนแล้วค่อยไปซื้อยา ระหว่างนั้นก็คอยดูหน้าร้านไปด้วย

แต่เมื่อเข้ามาแล้วก็พบคนกลุ่มหนึ่งกำลังล้อมกันร้องไห้อ้อนวอนอยู่

“ท่านย่า ท่านย่าอย่าเป็นอะไรนะคะ ถ้าท่านเป็นอะไรไป หนูจะไปบอกพ่อว่ายังไงล่ะคะ”

“รถพยาบาลจะถึงเมื่อไร รีบเร่งเร็วเข้า......”

เกิดเรื่องอะไรขึ้น?

ฉินเป่ยเดินตรงไปยังกลุ่มผู้คนที่กำลังวุ่นวาย เมื่อเข้าใกล้เขาถึงได้เห็นยายแก่คนหนึ่งนอนไม่ได้สติอยู่บนโซฟา แค่มองปราดเดียวเขาก็วิเคราะห์เหตุผลที่คุณยายคนนี้หมดสติได้ทันที

หัวใจวายกะทันหัน

สถานการณ์ฉุกเฉินมาก ต่อให้รถพยาบาลมาแล้วก็คงจะยังไม่ทัน

“ผมเป็นหมอครับ ผมช่วยเธอได้ รีบหลบออกไปก่อนเร็วครับ!”

จรรยาบรรณแพทย์ทำให้ในเหตุการณ์ฉุกเฉินแบบนี้ฉินเป่ยไม่ได้คิดอะไรมาก เขารีบผลักคนเบื้องหน้าออกไปแล้วเดินตรงเข้าไปหายายแก่ตรงหน้าทันที เข็มเงินถูกฝังลงบนร่างของคุณยายอย่างรวดเร็ว

จากนั้นเขาก็ยื่นมือออกไปค้ำหลังของคุณยายเพื่อให้ลมปราณก่อนกำเนิดไหลเข้าสู่ในร่างกายของเธอ

ทันใดนั้น คุณยายที่เดิมทีกำลังสลบไม่ได้สติก็ตื่นขึ้นมาทันที เธอรู้สึกเหมือนกับลมปราณก่อนกำเนิดแปลกประหลาดไหลเวียนในร่างกาย และร่างกายก็รู้สึกสบายเป็นอย่างมาก

เธอรู้สึกตกใจ แต่ยังไม่ทันได้เอ่ยปาก ฉินเป่ยก็พูดขึ้นมาก่อน “กินยาเม็ดนี้ก่อนนะครับ โรคหัวใจของคุณเป็นมาอย่างน้อยก็สามสิบปีแล้ว เมื่อกี้ถึงได้ทำให้คุณสลบไปกะทันหัน กินยานี้แล้วอีกพักคุณก็ไปซื้อยาโรคหัวใจที่โรงพยาบาลสักหน่อย ต่อไปอาการก็จะไม่กำเริบอีกแล้วล่ะครับ”

“แต่ต่อไปก็ต้องระวังมากหน่อยนะครับ อย่าปล่อยให้อารมณ์รุนแรงเด็ดขาด”

ฉินเป่ยพูดจบก็ยัดยาเข้าปากของคุณยาย หลังจากที่เธอกลืนยาลงไปได้ไม่กี่นาที เธอก็ฟื้นคืนสภาพเป็นปกติ

“เจ้าหนู ขอบใจมากนะ ฉันเป็นโรคหัวใจมานานกว่าสามสิบปีแล้วจริง ๆ ตอนนี้ฉันรู้สึกว่าร่างกายแข็งแรงกว่าที่ผ่านมาเลยล่ะ”

“ครั้งนี้ขอบใจเมากจริง ๆ นะ ฉันขอแนะนำตัวสักหน่อยว่าฉันชื่อ เวินหงอิง!”

เวินหงอิงพูดจากใจจริง เธอมองดูฉินเป่ยที่อยู่ตรงหน้าแต่หัวใจกลับสงบไม่ลง ฉินเป่ยธรรมดามาก สามารถบอกได้เลยว่าธรรมดาสุด ๆ

แต่เธอกลับลืมลมปราณก่อนกำเนิดที่ฉินเป่ยใส่เข้ามาในร่างกายของเธอเมื่อกี้ไม่ได้เลย

ฉันไม่รับรู้ถึงการไหลเวียนของลมปราณจอมยุทธใด ๆ จากร่างกายของเขาเลย แต่ทำไมลมปราณก่อนกำเนิดที่เขาใส่เข้ามาในร่างกายของข้ากลับบริสุทธิ์ถึงขนาดนี้? อีกทั้งทำไมฉันยังไม่อาจล่วงรู้ถึงการบำเพ็ญของเขาได้เลย?

แล้วยาลูกกลอนที่เขาเอาให้ฉันกินนั่นมันอะไรกัน ทำไมถึงได้มีผลลัพธ์ที่มหัศจรรย์แบบนี้?

ภายในเวลาแค่ไม่กี่นาที ในสมองของเวินหงอิงก็มีเครื่องหมายคำถามกระเด้งกระดอนอยู่เต็มไปหมด

Related chapters

Latest chapter

DMCA.com Protection Status