Share

บทที่ 6 ผมยังกล้าฆ่าคุณด้วยจะลองดูไหม

ความกลัวที่ลึกถึงกระดูก!

นี่มันอะไรกัน?

คนไร้ความสามารถอย่างฉินเป่ยทำไมถึงทำให้เรารู้สึกกลัวได้มากขนาดนี้?

อันหนิงตัวสั่นอย่างไม่อาจควบคุม

ภาพลวงตา!

ต้องเป็นภาพลวงตาแน่!

รัศมีสังหารของฉินเป่ยพวยพุงออกมาไม่นาน ตอนนี้อันหนิงสัมผัสถึงมันไม่ได้แล้ว

ส่วนอวี่เจียวหรงในเวลานี้มีแต่ความประทับใจ ความรู้สึกที่ถูกผู้ชายของตนเองปกป้อง ที่เหลือเธอก็ไม่รู้สึกอะไรเลย

ตอนนี้ บอดี้การ์ดสองสามคนต่างก็ถอยไปหลังโจวห้าว ก่อนจะพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงสั่น “นายน้อย ไอ้เจ้านี้มีผิดปกติอยู่นะครับ ดูท่าจะเป็นคนมีฝีมือ”

ป๊าบ!

โจวห้าวหวดมือลงบนหน้าของบอดี้การ์ดพร้อมพูดด้วยความโมโห “พวกแกตาบอดหรือไง?”

พูดจบโจวห้าวก็หันสายตาไปจับจ้องที่ฉินเป่ย

“ฉินเป่ย คิดไม่ถึงเลยนะว่าแม่แกจะดวงแข็ง เมื่อวานแกทำร้ายฉันกับผู้หญิงของฉันคงจะสบายใจมากเลยสินะ?”

“แกสู้เก่งนักใช่ไหม? อย่าบอกว่าฉันรังแกแกก็แล้วกัน เห็นบอดี้การ์ดด้านหลังฉันแล้วใช่ไหม?”

“พวกเขาคนเดียวจัดการได้เป็นสิบคน ถ้าแกฉลาดก็มาคุกเข่าลงทุบแขนขาตัวเอง แล้วก็ก้มหัวสามครั้งขอโทษฉันกับลี่ลี่ซะ จากนั้นก็จ่ายค่าคุ้มครองหนึ่งแสน ให้ยัยสองคนนั้นมาดื่มเป็นเพื่อนฉันด้วย แล้วฉันจะปล่อยแม่แกไป!”

“ไม่อย่างนั้นฉันจะให้บอดี้การ์ดทำให้แกเสียใจที่มาเกิดบนโลกใบนี้!”

พูดจบ โจวห้าวก็จรดสายตาลงที่ร่างกายของอวี่เจียวหรงและอันหนิงอีกครั้ง

เขาตั้งใจจะเอาชนะทั้งสองสาวให้ได้

ฉินเป่ยพยายามควบคุมความอยากฆ่าเขาเอาไว้ ก่อนจะพูดขึ้น “ที่นี่คือโรงพยาบาล มีเรื่องอะไรก็ออกไปคุยกันข้างล่าง คุณวางใจเถอะ ทุกอย่างที่คุณขอวันนี้ผมจะให้คุณแน่!”

เมื่ออันหนิงได้ยินก็ด่าสบถ “ฉินเป่ย แกรนหาที่ตาย!”

แต่แล้วทันทีที่เธอพูดจบ เธอก็ถูกสายตาอันแข็งกร้าวของอวี่เจียวหรงทำเอาตกใจถอยไม่กล้าออกเสียงอีก

อวี่เจียวหรงมองดูฉินเป่ย สายตาของเธอเปลี่ยนไปอ่อนโยนและอบอุ่น

“ฉันช่วยคุณจัดการได้นะคะ!”

“ขอบคุณนะ แต่ว่าไม่ต้องหรอก ฉินเป่ยคนนี้ไม่มีนิสัยให้ผู้หญิงของตัวเองมาออกหน้าแทน”

“รบกวนคุณกับคุณหนูอันเข้าห้องผู้ป่วยไปดูแลแม่แทนผมหน่อยนะครับ อีกพักผมจะกลับมา”

เพียงประโยคเดียวก็สัมผัสไปถึงเส้นด้ายที่อ่อนโยนที่อยู่เบื้องลึกในใจของอวี่เจียวหรง เธอหันกลับดึงอันหนิงเข้าไปในห้องผู้ป่วยโดยไม่ลังเล

“จะ...คุณหนูคะ ฉินเป่ยเขา...”

“หุบปากซะ ฉันเชื่อใจเขา!”

นี่เป็นครั้งแรกที่เธอได้สัมผัสความรู้สึกที่ถูกคนอื่นปกป้องดูแล ตอนนี้ความรู้สึกและความประหลาดใจที่มีต่อฉินเป่ยพุ่งไปถึงจุดสูงสุดแล้ว

นอกห้องผู้ป่วย

สีหน้าของฉินเป่ยเคร่งขรึมลงอย่างรวดเร็ว ความอบอุ่นในบรรยากาศกลายเป็นความหนาวเหน็บทันที!

“ไปเถอะครับนายน้อยโจว ท่านสบายใจได้ ตระกูลโจวแข็งแกร่งขนาดนี้ สองคนนั้นหนีไปไหนไม่ได้หรอก!”

พูดจบ ฉินเป่ยก็รีบเดินออกไปทันที

ที่นี่เป็นโรงพยาบาล เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ เขาไม่อยากมาฆ่าแกงกันที่นี่

“หึ ถือว่าแกยังฉลาดนะ!”

โจวห้าวหันไปส่งสายตาให้ผู้ติดตามสองคนของเหมาสงให้สองคนนั้นไปเฝ้าหน้าประตู จากนั้นเขาก็พาหยางลี่ บอดี้การ์ดกับเหมาสงตามฉินเป่ยออกไป!

ไม่นานนักทุกคนก็มาถึงลานจอดรถของโรงพยาบาล

“ฉินเป่ย คิดไม่ถึงเลยนะว่านายก็พอใช้ได้ ถูกลี่ลี่สวมเขาแล้วก็หาสาวสวยขนาดนั้นได้เร็วแบบนี้ ดีล่ะ มาเริ่มการแสดงของแกได้แล้ว!”

โจวห้าวเผยสีหน้ามั่นใจที่จะเอาชนะฉินเป่ย

“โจวห้าว คุณไม่น่าให้พวกนั้นไปทำร้ายแม่ผมเลยนะ”

พูดจบ ฉินเป่ยก็ก้าวเท้าไปถีบขาข้างหนึ่งของโจวห้าวอย่างรวดเร็วดุจสายฟ้าฟาด จากนั้นก็ตามมาด้วยเสียงตุบตับที่เขาหักขาสองข้างของเหมาสงและเหล่าบอดี้การ์ด

ตลอดกระบวนการกินเวลาไม่ถึงสองวินาที!

หยางลี่ที่อยู่ด้านข้างตกใจเกือบตาย เธอทรุดตัวลงบนพื้น

“อ้าก!”

พวกโจวห้าวส่งเสียงร้องโอดครวญราวกับหมูโดนเชือด

ตอนนี้เอง ฉินเป่ยเหยียบเท้าลงบนขาข้างหนึ่งที่ยังสมบูรณ์ของโจวห้าว

“ฉินเป่ย แกไอ้ชั่ว แก นี่แกบ้าไปแล้วหรือไง?”

“แกกล้าหักขาฉันเหรอ?! แกจบเห่แน่ ฉันจะฆ่าพวกแกให้หมดทั้งบ้านเลย!”

กึก!

ทันทีที่ฉินเป่ยออกแรงเสียงของกระดูกแตกก็ดังขึ้น

“อ้ากกกก......”

โจวห้าวมองดูฉินเป่ยเหยียบหัวเข่าของตัวเองจนแตก

“ฉินเป่ย แก แกจบแน่งานนี้ อารองของฉันจะต้องฆ่าแกหมดทั้งบ้านแน่!”

“ฝากไว้ก่อนเถอะแก!”

ป๊าบ ป๊าบ......

ฉินเป่ยฟาดฝ่ามือลงบนสีหน้าขาวซีดของโจวห้าว แล้วพูดทีละคำว่า “พวกแกหักขาแม่ของผมหนึ่งข้าง ผมก็หักขาพวกแกทุกคนสองข้าง”

“มีแค่ผมเท่านั้นที่จะทำให้พวกแกกลับมายืนได้อีกครั้ง ผมจะให้โอกาสพวกคุณกลับมามีโอกาสยืนอีกครั้ง ภายในสองวันนี้ เตรียมเงินห้าล้านหยวนไปขอโทษแม่ของผมซะ”

“ไม่อย่างนั้นผมจะทำให้ตระกูลโจวสิ้นชื่อไปจากเมืองหยางตูซะ!”

ในพริบตาเดียว โจวห้าวและคนอื่น ๆ ต่างก็รู้สึกว่าบรรยากาศรอบด้านหนาวเหน็บ โดยเฉพาะหยางลี่ เธอคิดไม่ถึงว่าฉินเป่ยติดคุกห้าปีจะต่อสู้เก่งขึ้นมากขนาดนี้

“ฉินเป่ย แก แกเสร็จแน่ แกไปนอนรอความตายได้เลย แกกล้าหักขาพี่ห้าวได้ยังไง......”

ป๊าบ!

ฉินเป่ยวาดมือตบไปบนโอกาส ทำเอาหยางลี่ถูกซัดกระเด็นออกไป

“นี่แก แกกล้าตบฉันเหรอ?”

พรึ่บ!

ฉินเป่ยพุ่งตรงมายังหยางลี่ในพริบตาก่อนจะเหยียบลงบนหน้าของเธอ

“ผมยังกล้าฆ่าคุณด้วย คุณอยากจะลองไหมล่ะ!”

“แก!”

หยางลี่ถูกสายตาดุดันของฉินเป่ยทำเอาตกใจจนได้แต่กลืนคำพูดครึ่งหลังลงไป

“จำเอาไว้นะ คุณกับโจวห้าวมีเวลาแค่สองวัน ภายในสองวันถ้าผมไม่เห็นเงินห้าล้านหยวนกับคำขอโทษของพวกคุณ ตระกูลหยางของคุณกับตระกูลโจวก็ไม่ต้องมีชื่ออยู่ในเมืองหยางตู!”

ฉินเป่ยจากไปทันที

ไม่นานเขาก็กลับมาถึงห้องผู้ป่วย แม่ของเขายังไม่ฟื้นขึ้นมา แต่ว่าขาที่หักกับบาดแผลตามร่างกายไม่มีปัญหาแล้ว

“กลับมาเร็วขนาดนี้เลยเหรอ? พวกเขาไม่ได้บังคับอะไรนายหรือไง?”

เมื่อเห็นว่าฉินเป่ยกลับมาแบบไร้ร่องรอยอันหนิงก็รู้สึกประหลาดใจ

“ผมไปใช้เหตุผลกับพวกเขานี่ครับ!”

“นายเห็นฉันเป็นเด็กสามขวบหรือไง? ฉินเป่ย ไม่คิดเลยนะว่านายจะเป็นคนไร้ความสามารถที่ขี้ขลาดขนาดนี้ นี่นายให้ฉันกับคุณหนูตระกูลเราไปดื่มเหล้าเป็นเพื่อนเจ้าโง่นั่นจริง ๆ เหรอ?”

“ฉันจะฆ่าแก!”

อันหนิงตั้งท่าจะพุ่งกระโจนเข้าหาฉินเป่ย แต่เธอก็ต้องสยบลงด้วยสายตาเข้มงวดของอวี่เจียวหรง

อวี่เจียวหรงคิดจะลงมือด้วยความโมโหแต่ก็ถูกฉินเป่ยคว้ามือเอาไว้อย่างอ่อนโยนก่อนจะพูดขึ้น “ทำไมไม่เชื่อฟังผมล่ะครับ? บอกแล้วใช่ไหมว่าห้ามโกรธแล้วก็ห้ามฉุนเฉียวไงครับ”

“ต่อไปห้ามทำแบบนี้อีกนะครับ”

“ก็ได้ ฉันจะฟังคุณค่ะ ฉันจะไม่โกรธ ไม่ฉุนเฉียวค่ะ!”

อวี่เจียวหรงพยักหน้าเป็นเด็กดี ที่ฉินเป่ยกลับมาอย่างไร้ร่องรอยแบบนี้ เธอเชื่อว่าเขาจัดการเรื่องนี้เสร็จเรียบร้อยแล้ว

ฉินเป่ยหันไปพูดกับอันหนิง “คุณหนูอัน ผมไม่รู้ว่าผมทำอะไรผิดไปถึงได้ทำให้คุณคอยเพ่งเล็งผมถึงขนาดนี้ ฉินเป่ยคนนี้ไม่ได้มีความสามารถอะไร แม้แต่แม่ของตัวเองก็ยังปกป้องไม่ได้ ผมเคยติดคุก แล้วพอออกมาก็ถูกนอกใจ”

“แต่ฉินเป่ยคนนี้ก็ไม่ได้ไร้ความสามารถถึงกับต้องมีชีวิตอยู่โดยแลกกับคุณหนูอวี่และคุณหรอกนะครับ ตอนนี้คุณหนูอวี่บาดเจ็บ คุณรู้ไหมว่าถ้าทำให้เธอโกรธฉุนเฉียวจะมีผลตามมายังไง?”

“ในเมื่อคุณเรียกเธอว่าคุณหนู คุณก็ต้องคิดเผื่อเธอบ้าง รอให้คุณหนูอวี่รักษาจนหายดีแล้ว คุณมีอะไรไม่พอใจผมคุณก็มาหาผมได้เลย”

ฉินเป่ยรู้ดีแต่แรกว่าอันหนิงคิดเป็นศัตรูกับเขาอย่างแรง แต่เขาก็ไม่ได้ถือสา

แต่ถ้าต้องกระทบกับอวี่เจียวหรงก็คงยอมไม่ได้!

ตอนนี้อันหนิงตระหนักได้ว่าตัวเองทำผิดไปจึงรีบขอโทษอวี่เจียวหรง

“อันหนิง คนที่เธอต้องขอโทษคือฉินเป่ย ไม่ใช่ฉัน”

อันหนิงได้ยินดังนั้นถึงจะไม่ค่อยเต็มใจแต่ก็ยังยอมขอโทษฉินเป่ย

ตอนนี้เองที่ฉินเป่ยถามด้วยความสงสัย “คุณหนูอวี่ พวกคุณเป็นทหารสินะครับ?”

“ใช่ ที่กรมการทหารน่ะ!”

อวี่เจียวหรงยอมรับออกไปตามจริง ถ้าหากฉินเป่ยยังอยากรู้เรื่องอื่นอีก เธอก็จะตอบเขาตามจริงเหมือนกัน

ใครจะไปคิดว่าเขาจะพูดต่อด้วยสีหน้าปวดใจ “ถึงว่าทำไมคุณบาดเจ็บหนักขนาดนี้ กรมการทหารชั่วนั่นทำมาหากินอะไรกัน หรือว่าพวกผู้ชายตายกันหมดแล้ว?”

“ทำไมยอมให้คุณบาดเจ็บหนักขนาดนี้”

“คุณหนูอวี่ ขอบคุณที่มาเยี่ยมแม่ของผมนะครับ เอาแบบนี้ดีไหม คุณกับคุณหนูอันกลับไปก่อน ต้องพักผ่อนมาก ๆ แล้วก็อย่างลืมทานยากับอาหารตามที่ผมบอกด้วยนะครับ”

“ผมต้องพาแม่กลับบ้านก่อน แม่ของผมบาดเจ็บน่าจะรักษาหายภายในสี่วัน รอแม่ของผมรักษาอาการบาดเจ็บหายแล้ว ผมจะมารักษาคุณต่อครับ”

“ระหว่างนี้ถ้ารู้สึกไม่สบายตรงไหนคุณต้องบอกผมนะ”

“เราทิ้งเบอร์โทรศัพท์กันไว้หน่อย”

ถึงฉินเป่ยจะไม่ใช่คนของกรมการทหาร แต่เขาก็รู้ว่ากรมการทหารมีเงื่อนไขความลับที่เข้มงวดมาก ดังนั้นเขาจึงไม่ได้ถามต่อ

อวี่เจียวหรงกับฉินเป่ยแลกเบอร์โทรศัพท์กันก่อนที่เธอจะออกไปจากโรงพยาบาลพร้อมอันหนิง

Related chapter

Latest chapter

DMCA.com Protection Status