โรงพยาบาลกษิราพ
“อ้าว! หมอยังไม่กลับอีกเหรอครับ?” ลุงป้อง รปภ. ประจำโรงพยาบาลเอ่ยทักขึ้นด้วยน้ำเสียงคุ้นเคย เมื่อเห็นหมอผาตะวันเดินนำหญิงสาวคนหนึ่งออกมายังลานจอดรถ
ผาตะวันยิ้มบาง พลางหันมาตอบอย่างสุภาพ “ผมไปกินข้าวมาน่ะครับลุง กำลังจะกลับแล้วล่ะครับ”
รอยยิ้มของหมอหนุ่มอบอุ่นจนลุงป้องเผลอยิ้มตาม ใบหน้าที่มักเต็มไปด้วยความเหนื่อยล้าเพราะงานกะดึกดูสดชื่นขึ้นมาทันที ทุกคนที่โรงพยาบาลนี้ต่างคุ้นเคยกับรอยยิ้มนั้นดี ยิ้มที่แสนจะจริงใจของหมอผาตะวัน
“ครับหมอ ขับรถกลับบ้านดีๆ นะครับ” ลุงป้องพยักหน้า อวยพรด้วยความจริงใจ
“ครับ ขอบคุณครับลุง ไปก่อนนะครับ สวัสดีครับ” หมอหนุ่มยกมือไหว้อย่างนอบน้อม ก่อนจะพาหญิงสาวเดินเลยออกไป
สายตาของลุงป้องมองตามหลังทั้งคู่ไปจนลับตา ใบหน้าที่ยิ้มอยู่เลือนลางลงเล็กน้อย ก่อนพึมพำในใจด้วยความเสียดาย...
หมอคนนี้ ทั้งอ่อนน้อม ทั้งนิสัยดี... ถ้าลูกสาวลุงได้คนแบบนี้เป็นคู่ชีวิตก็คงจะดี
แต่เมื่อนึกถึงหญิงสาวที่เดินอยู่ข้างๆ หมอ หน้าตาสวยจัดจ้าน ท่าทางก็ไม่ธรรมดา ลุงก็ได้แต่ถอนใจเบาๆ คงหมดหวังแล้วล่ะลูกเอ๊ย หมอเขามีเมียสวยขนาดนั้นแล้วนี่นา…
“นี่นาย!” เสียงสะกิดจากคนข้างกายดึงผาตะวันให้หันกลับมา
“อะไรคุณ?” เขาตอบกลับเรียบๆ พลางจับแฮนด์รถจักรยานยนต์ให้ตั้งตรง
ราตรียืนบิดตัวไปมาเล็กน้อย ท่าทางลังเลเต็มที่ “ฉันต้องกลับบ้านด้วยการซ้อนท้ายรถมอไซค์เก่าๆ ของนายจริงๆ เหรอ?”
สีหน้าเธอแสดงความไม่มั่นใจเต็มที่ แถมยังยิ้มแหยส่งให้แบบเกรงใจสุดๆ ก่อนจะพูดเสริมเสียงแผ่ว “เอ่อ… ฉันว่านะ ที่จริงเราน่าจะนั่งแท็กซี่กลับบ้านกันดีกว่า”
“คุณอายเหรอ?” ผาตะวันเลิกคิ้วถามตรงๆ
ราตรีพยักหน้าเบาๆ อย่างเสียไม่ได้
“อือ... แล้วนายไม่อายมั่งเหรอ เป็นถึงหมอ แต่ต้องมาขับรถมอไซค์สภาพเก่าๆ ยุคแปดศูนย์ เก้าศูนย์ รุ่น…” เธอเงียบไปชั่วครู่ ก่อนจะก้มลงไปมองข้างตัวรถ แล้วเปรยเบาๆ ราวกับพึมพำกับตัวเอง “...ฮอนโด้ โนแว รุ่นเก่ามากอ่ะ”
ผาตะวันหัวเราะเบาๆ ส่ายหน้าน้อยๆ อย่างไม่ถือสา “จะอายทำไม อย่างน้อยผมก็มีรถขับนะคุณ มีคนตั้งมากมายที่เขาไม่มีเหมือนผม”
ว่าแล้วเขาก็ขึ้นคร่อมรถจักรยานยนต์คู่ใจที่แม้จะเก่า แต่เขาก็รักมาก พร้อมกับเอี้ยวตัวไปตบเบาะข้างหลังเป็นเชิงเรียก
“ขึ้นสิครับคุณ ยืนอยู่นั่นแหละ ไม่กลับบ้านรึไง?” เขาถามขำๆ ในขณะที่มือเอื้อมไปหยิบหมวกกันน็อคใบเก่าให้เธอด้วยน้ำใจไมตรี
ราตรียืนอยู่ที่เดิม สีหน้าเธอผสมระหว่างความกลัว กับความรังเกียจ ปนกันอย่างเห็นได้ชัด จนสุดท้ายเธอก็เบะปากเล็กๆ ก่อนบอกเสียงเบา
“ไม่เอาอ่ะ ฉันกลัว... ฉันไม่นั่งมอไซค์ออกถนนใหญ่ ไม่เอาเด็ดขาด น่ากลัวจะตาย”
เธอพูดพลางก้าวถอยหลังหนึ่งก้าว ร่างบางที่เคยมั่นใจกลับดูเหมือนเด็กสาวขี้กลัวขึ้นมาทันตา ท่าทางแบบนั้นทำให้ผาตะวันถึงกับถอนใจเบาๆ
“นี่คุณ ไม่ต้องมาดัด...” ผาตะวันเอ่ยขึ้น แต่เสียงขาดห้วงไปครู่หนึ่ง เขาเกือบจะพูดบางคำที่ไม่ค่อยสุภาพนัก แต่ก็ยั้งไว้ได้ทัน ก่อนจะเปลี่ยนคำพูดใหม่
“อย่ามาแอ๊บเลย แม่คุณเล่าให้ผมฟังหมดแล้วนะ ว่าก่อนจะขายที่นาได้เงินมาปล่อยกู้กินดอกอย่างทุกวันนี้ เมื่อก่อนท่านก็เก็บของเก่าตามถังขยะหน้าบ้านคนโน้นคนนี้มาขาย พาคุณนั่งสามล้อไปส่งโรงเรียนทุกวันเลยด้วยซ้ำ พอขายที่นาได้ พ่อคุณก็ซื้อมอเตอร์ไซค์ ขับพาคุณตะลอนไปทั่วกรุงเทพฯ บางทียังขี่ไปเยี่ยมญาติที่ต่างจังหวัดอีกด้วย”
เสียงเขาราบเรียบ แต่ทุกคำพูดนั้นเหมือนมีคมมีดกรีดตรงความลับที่เธอเก็บไว้อย่างแน่นหนา
ราตรีถึงกับอ้าปากค้าง ดวงตาเบิกโพลง นิ่งอึ้งราวกับโดนสาป เธอไม่อยากเชื่อว่าเรื่องที่เธอย้ำนักย้ำหนาไม่ให้แม่เล่าให้ใครฟัง... จะมาหลุดกับผู้ชายคนนี้เสียได้!
“ไปเถอะ ไปได้แล้ว” เขาเอ่ยพลางส่งหมวกกันน็อกให้ “มัวแต่ยืนอ้าปากหวอแบบนี้ เดี๋ยวแมลงวันบินเข้าไปไข่ในปาก ออกลูกออกหลานเต็มปากคุณแน่!” น้ำเสียงเขาติดขำ ทำให้เธอรีบหุบปากแทบไม่ทัน ก่อนจะย่นจมูกอย่างคนไม่เต็มใจนัก ที่ต้องกลับบ้านด้วยวิธีที่ไม่หรูหราเอาเสียเลย
ถ้าเป็นมอเตอร์ไซค์บิ๊กไบค์เท่ๆ ราคาแพงๆ ล่ะก็ หล่อนคงจะรีบกระโดดขึ้นไปนั่งซ้อนโดยไม่ต้องคิดเลย!
สุดท้าย เธอก็ยอมเอื้อมมือไปรับหมวกกันน็อกมาใส่ แล้วขึ้นคร่อมซ้อนท้ายอย่างเสียไม่ได้
ผาตะวันออกรถไปอย่างไม่เร็วไม่ช้า แต่แปลกที่เขาไม่รู้สึกถึงแรงจับใดๆ จากคนซ้อนท้ายเลยสักนิด
แล้วทันใดนั้น เขาก็เบรกกะทันหัน!
“ผมเคยบอกคุณแล้ว ว่าผมอยากมีลูกกับคนที่ผมรัก วันนี้ผมรักคุณ แล้วคุณก็รักผม เรารักกัน จากที่วันๆ คุณเอาแต่เที่ยว ก็เปลี่ยนมาเป็นรู้จักอยู่บ้าน รู้จักคิดที่จะหางานทำ มันก็ไม่เหลือเหตุผลอะไรแล้ว ที่ผมจะไม่อยากมีลูกกับคุณ”“สรุปนายไม่โกรธเรื่องสัญญานั่นใช่ไหม?”“งั้นผมขอถามคุณกลับว่า ตอนนี้คุณยังอยากมีลูกกับผมไหม แล้วยังอยากมีเพราะเงินอยู่หรือเปล่า?”เธอส่ายหน้าระรัว “ตอนนี้ฉันไม่ได้อยากมีลูกกับนายเพราะเงินแล้วล่ะ แต่ถ้านายอยากมี ฉันก็อยากมี อีกอย่าง ก็อย่างที่แม่นายบอก ฉันอายุสามสิบเอ็ดแล้ว ถ้าไม่รีบมีตอนนี้ อีกหน่อยจะมียาก”“งั้นผมก็ไม่โกรธเรื่องสัญญาที่คุณทำไว้กับแม่ของคุณหรอกนะ”“แล้ว… ถ้าเรามีลูกกัน ฉันยังจะรับเงินจากแม่ได้ไหมอ่ะ?” เธอถามเสียงอ่อย ใบหน้าแสดงความลังเล เจื่อนลงเหมือนเด็กโดนจับได้ว่าแอบซน“ไหนบอกว่าไม่คิดจะมีลูกเพราะเงินแล้วไง?” เขาถามกลับ สีหน้าเจือรอยขำแต่แฝงความจริงจัง“ก็ไม่ได้อยากมีเพราะเงินนะ… แค่ถามเฉยๆ เผื่อนายโอเคที่จะให้รับ ลูกจะได้มีทุนการศึกษาไว้บ้าง” เธอรีบอธิบาย เสียงเบาลงอย่างรู้สึกผิดแต่ยังไม่วายมีเหตุผลแนบเนียนอยู่ในคำตอบเขายิ้มบางๆ พอใจที่เธอยังคิดถึง
...และทันทีที่ประตูถูกเปิดออก“แฮปปี้เบิร์ดเดย์!!!!”“แม่!” ราตรีร้องเสียงหลงอย่างตกใจสุดขีด เมื่อเห็นคนที่ยืนถือเค้กอยู่ตรงหน้าไม่ใช่แค่แม่เธอ ยังมีแม่สามี และเพื่อนรักอย่างนันทนาด้วยอีกคนใช่สิ! วันนี้วันเกิดของฉันนี่นา... ลืมไปเสียสนิทเลย!แต่เดี๋ยวก่อน... แม่บอกว่าไปอินเดีย ส่วนยัยนันก็บอกว่าจะไปต่างจังหวัด ไม่ใช่เหรอ แล้วนี่มันอะไรกัน?“เซอร์ไพร้ส์~” ทั้งสามคนพูดพร้อมกันอย่างร่าเริงราตรีหันไปมองผาตะวัน ที่ตอนนี้ยืนกอดอกอยู่ไม่ไกล เขายิ้มให้เธออย่างอ่อนโยน แบบที่เธอไม่ค่อยเห็นบ่อยนัก“อย่าบอกนะว่าทุกคนร่วมมือกัน...” เธอเอียงคอถามเขาเขาพยักหน้ารับเบา ๆรอยยิ้มของราตรีค่อย ๆ กว้างขึ้น ดวงตาเริ่มคลอด้วยน้ำใส ๆโคตรเซอร์ไพรส์... ตั้งแต่เกิดมา ยังไม่เคยมีใครทำอะไรแบบนี้ให้เลย เค้กสักก้อนก็ยังไม่เคยได้เป่า ไม่คิดเลยว่าชีวิตในวัยสามสิบ ไม่สิ! ต้องสามสิบเอ็ดปีบริบูรณ์ จะมีวันดี ๆ แบบนี้เกิดขึ้นได้“ไหนแม่บอกว่าไปอินเดียไงคะ” ราตรีเอ่ยถาม ทั้งแปลกใจ ระคนดีใจ“ก็ผาเขาอยากเซอร์ไพร้ส์วันเกิดลูก เลยให้แม่บอกไปแบบนั้น” ตอบพร้อมกับทำปากบุ้ยใบ้ไปทางลูกเขย“แล้วเธอล่ะยัยนัน ไหนบอกว่าจะไปต่างจัง
“มารอผมนานหรือยัง?” เสียงอบอุ่นของผาตะวันดังขึ้น เมื่อเห็นว่าภรรยาสาวมารอเขาอยู่ที่ห้องพัก“สักพักใหญ่ๆ แล้วล่ะ” ราตรีตอบยิ้มจางๆ“ผมชวนน้องดาไปกินข้าวด้วยกันแล้วนะ แต่เธอบอกไม่ค่อยสบาย ผมเลยให้เธอกลับไปพักผ่อน” เขาพูด“กล้ามาก็แปลก… ลองมาสิ แม่จะเอามีดหั่นสเต๊กปักอกให้เลยคอยดู” เธอบ่นพึมพำเบาๆ แต่มากพอให้ผาตะวันได้ยินเขาหัวเราะกับคำขู่ที่แฝงด้วยความหวงอย่างน่าเอ็นดู ก่อนจะบอกว่า “ขอเอาเอกสารไปให้พยาบาลแป๊บนึง เดี๋ยวกลับมานะครับ”เธอพยักหน้ารับ เขาจึงเดินออกไป ทิ้งให้หญิงสาวจมอยู่กับความคิดเดิมอีกครั้ง...‘จะยกเลิกสัญญากับแม่ดีไหมนะ… ห้าสิบล้านเชียวนะ’“เป็นอะไรหรือเปล่า? ทำไมดูเหม่อๆ คิดอะไรอยู่หรือเปล่า?” เสียงของผาตะวันเรียกเธอกลับจากภวังค์“อ้าว! มาแล้วเหรอ ฉันไม่ได้คิดอะไรหรอก” เธอฝืนยิ้ม ก่อนเอ่ยชวนต่อ “ก่อนกลับบ้าน แวะหาอะไรกินกันก่อนนะ”เขามองเธออย่างอ่อนโยน แล้วพยักหน้ารับด้วยรอยยิ้มบางๆ ... แต่ลึกๆ เขารู้ดี ว่าเธอกำลัง ‘คิดอะไรบางอย่าง’“ฝึกทำขนมไปถึงไหนแล้ว” ผาตะวันเอ่ยถามขึ้น ขณะเดินเรื่อย ๆ ไปยังที่จอดรถจักรยานยนต์“วันนี้ไม่ได้ฝึกเลย ไปหาเพื่อนมาน่ะ” เธอตอบเสียงใสพลางเด
เมื่อเข้ามาในห้องพัก ผาตะวันค่อยๆ ปิดประตูลงอย่างระวัง ก่อนจะหมุนตัวกลับ หวังจะเดินไปที่โต๊ะ แต่ยังไม่ทันก้าวเท้า ก็ถูกจู่โจม!ริมฝีปากของเธอประทับลงอย่างเร็ว“จุ๊บนี้ไม่มีใครเห็น ถือว่าไม่ผิด~” เธอบอกพร้อมยิ้มตาหวานอย่างภูมิใจเขารีบเดินหนีไปที่โต๊ะ แสร้งทำหน้าดุ แต่ใบหน้าแดงแจ๋ “ทำไมชอบเล่นอะไรแบบนี้เนี่ย”“ฉันรู้ว่านายไม่ชอบไง ฉันเลยอยากทำ~”“ถ้าผมชอบ คุณก็จะไม่ทำใช่มั้ย?”“ก็อาจจะนะ~”“งั้นผม... ก็ไม่ชอบ”จุ๊บ!เธอกระโดดกอดคอเขาแล้วแนบริมฝีปากอีกครั้ง “จุ๊บ จุ๊บๆ ๆ ๆ”เสียงหัวเราะของเขาดังขึ้นอย่างสุขใจ “ใครสอนให้คุณทำตัวน่ารักขนาดนี้เนี่ย?”“นายไง!” เธอยิ้มก่อนจะซบหน้าลงบนอกเขาแน่น“ตั้งใจทำงานนะคะ คุณสามีขา~”“ได้ครับ คุณภรรยา~”เธอปล่อยแขนจากคอเขา แล้วเปลี่ยนเป็นดึงแก้มแรงๆ “คุณสามีน่ารักที่สุดในโลกเลย~”“เจ็บครับ คุณภรรยา...” เขาแกล้งกัดฟันตอบเธอรีบปล่อยมือแล้วลูบแก้มเขาเบาๆ อย่างรู้สึกผิด “ขอโทษ นายเจ็บมากไหม?”“ไม่เจ็บแล้วครับ... คุณกลับบ้านเถอะ ผมจะไปดูคนไข้ต่อ ขอบคุณนะครับที่มาส่ง”“อืม ต่อไปนี้ฉันจะมาส่งนายทุกวันเลย ไม่ต้องห่วง… แล้วก็จะมารับด้วยนะ~ ดีใจไหม?”เขาถอนใจในใ
“ฉันจะจูบนายต่อหน้ายัยนั่น! ให้นางสำลักความรักของเราตายไปเลย!”“หือ? จูบต่อหน้าน้องดา... นี่คือวิธีแก้แค้นของคุณ?”“อื้ม!” เธอพยักหน้าหนักแน่น“ผมไม่เข้าใจจริงๆ ...”“ก็ยัยนั่นชอบนายไง! การจูบนายต่อหน้าคนที่แอบชอบนาย มันก็เท่ากับตบหน้าแบบนิ่มๆ!”“คุณเข้าใจผิดแล้วล่ะ น้องดาเขาไม่ได้ชอบผม”“แหนะ อย่ามาโกหกนะ! ถ้ายัยนั่นไม่ชอบนาย จะมายืนจ้องหน้าฉัน พูดจาดูถูกฉอดๆ ใส่ฉันแบบนั้นเหรอ? แถมยังมาสั่งให้ฉันรีบหย่าอีก บอกว่าเรียนจบแล้วจะได้แต่งงานกับนายทันที!”ผาตะวันคิดทบทวนเรื่องราวต่าง ๆ ที่รดาเคยทำให้เขา ก่อนจะเอ่ยเบาๆ“ผมคิดกับเธอแค่น้องสาว ไม่คิดว่าเธอจะคิดกับผมมากกว่าพี่ชาย”“นั่นไงล่ะ! ฉันถึงว่า คำที่เขาว่ากันว่า ‘ผู้ชายมักจะโง่เรื่องผู้หญิง แพ้มารยาหญิง’ มันคงจริง เพราะผู้ชายแบบนี้มีอยู่จริง!” เธอสวนกลับอย่างขำปนหมั่นไส้“หายเศร้าแล้วก็พูดเจื้อยแจ้วเลยนะครับ นี่สามีของคุณเองนะคุณราตรี โปรดให้เกียรติกันหน่อย” ผาตะวันยืดตัวตรง ทำเสียงขรึม แกล้งดุอย่างเอ็นดู“ฉันชอบนาย” เสียงของเธอดังขึ้นด้วยน้ำเสียงจริงจัง มั่นคง เธอเพิ่งจะมั่นใจวันนี้เองผาตะวันอึ้งไปชั่วครู่ ไม่คิดว่าเธอจะพูดออกมาโต้งๆ
เมื่อกลับมาถึงบ้าน ผาตะวันก็มองหาภรรยาของเขาทันที สายตากวาดไปทั่วชั้นล่างอย่างร้อนใจ แต่กลับไม่พบเธออยู่ตรงไหนเลย ชายหนุ่มจึงรีบขึ้นบันไดไปยังชั้นบน และแล้วก็พบว่า... เธอกำลังนั่งอยู่ในห้องนอนแต่ก่อนที่เขาจะได้ก้าวขาเข้าไป เสียงแข็งของเธอก็ดังขึ้นมาขวางไว้“ห้ามเข้ามา!”คำสั่งนั้นหยุดเขาไว้กลางอากาศ เท้าที่กำลังก้าวถึงกับค้าง ไม่กล้าขยับต่อ“ทำไมไม่ให้ผมเข้าไป?” เขาถามด้วยน้ำเสียงสับสน“ฉันไม่อยากเห็นหน้านาย!”ผาตะวันขมวดคิ้วทันที “ผมรีบกลับมา... ก็เพราะอยากอธิบายทุกอย่างให้คุณฟัง”“ฉันไม่อยากฟังอะไรทั้งนั้น!”“แต่เราต้องคุยกันนะ” เขายืนยัน พยายามชะเง้อแอบมองใบหน้าของเธอที่หันหลังให้ ยิ่งเขาอยากเห็น ใบหน้าของเธอก็ยิ่งเร้นลับ ยิ่งทำให้ใจเขาเต้นรัวด้วยความเป็นห่วง“ถ้านายเข้ามา ฉันจะปาของทุกอย่างในห้องใส่แน่!” เสียงสั่นเครือแฝงความดื้อดึง ฟังดูคล้ายข่มขู่ แต่จริงๆ แล้วคือความกลัว... กลัวว่าเขาจะเห็นน้ำตา ที่เธอกำลังพยายามกลั้นไว้“มันก็แค่เรื่องเล็กๆ ทำไมคุณต้องโกรธจนถึงขนาดนี้ด้วยล่ะ มีอะไรก็คุยกันดีๆ สิ เราแต่งงานกันแล้วนะ เป็นสามีภรรยากันแล้ว...” น้ำเสียงของเขาอ่อนลง ก่อนจะค่อยๆ ยกเ