'แม่เอามาให้หนูดูทำไม บนห้องหนูก็มีสำเนา' 'เตือนแกไว้ไง' 'หนูต่างหากต้องเตือนแม่ หนูยอมแต่งงานกับไอ้เด็กผาตะวันของแม่นั่นแล้ว เมื่อไหร่แม่จะโอนเงินห้าสิบล้านมาให้หนูซะทีเนี่ย หนูจะได้เอาเงินไปซื้อรถคันใหม่ซะที ขืนชักช้า เดี๋ยวเพื่อนจะเอาไปเมาส์กันได้ ว่าหนูดีแต่พูด' 'นี่แนะ! ' ว่าพลางกำมือเคาะศีรษะลูกสาวด้วยความโมโห 'โอ๊ย! เจ็บนะแม่ เขกหัวหนูทำไม? ' พูดพลางลูบศีรษะตัวเองไปมา 'เขกกะโหลกจะได้จำได้' 'จำเจิมอะไรเล่าแม่! ' 'แกจำไม่ได้เหรอ? ….นี่ฉันถามแกจริงๆ เหอะ ก่อนเซ็นสัญญา แกอ่านรายละเอียดก่อนรึเปล่า ถึงได้ทำหน้าเหมือนไม่รู้อะไรอยู่ตรงนี้เนี่ย!'
View More“เราไม่ได้มารวมตัวกันแบบนี้นานแล้วนะ ฉันดีใจจริงๆ ที่ได้มีโอกาสมาเจอพวกเธออีก” ราตรีเอ่ยด้วยรอยยิ้ม พลางมองหน้าเพื่อนสาวที่กำลังนั่งล้อมวงทานอาหารกันในห้องอาหารของโรงแรมหรู บรรยากาศรอบโต๊ะเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะ และแสงไฟระยิบระยับจากโคมระย้าเหนือศีรษะ
“ฉันก็ดีใจเหมือนกัน! แล้วก็ต้องขออวดเลยนะ กระเป๋าดามองแรงส์รุ่นใหม่ ราคาถูกมาก ห้าหมื่นเองจ้า! ฉันสอยมาได้เรียบร้อยแล้วล่ะ!” พริมพรพูดอย่างภาคภูมิใจ พร้อมยกกระเป๋าหนังใบใหม่เอี่ยมที่คล้องแขนขวาขึ้นมาตั้งบนโต๊ะอย่างโชว์เต็มที่
“หูย… คนรวยยย~” คิตตี้ลากเสียงยาว จีบปากจีบคอทำเสียงหวานหยดย้อยอย่างโอเวอร์ เล่นใหญ่เอาใจเพื่อนสุดฤทธิ์
เจ้าของกระเป๋าชูคอ เชิดหน้า ยิ้มหวานปนสะใจ ก่อนจะหันไปแย้มยิ้มให้ราตรีพร้อมน้ำเสียงที่ฟังดูอ่อนหวาน แต่คนฟังก็รู้สึกได้ถึงหนามแหลมๆ ที่ซ่อนอยู่ในคำพูด
“ว่าแต่รา อุ๊ย! ว่าแต่ตรีล่ะจ๊ะ? ซื้อกระเป๋าแบรนด์เนมรุ่นใหม่ของแบรนด์ไหนไว้บ้างรึยัง?”
ราตรียกมือเสยผม ส่ายหน้าช้าๆ อย่างไม่ยี่หระ ก่อนจะทำปากจู๋บอกเสียงหวาน “ช่วงนี้ฉันไม่ค่อยว่างดูพวกของเล็กๆ น้อยๆ น่ะ กำลังดูๆ รถเบนเนอรี่รุ่นใหม่อยู่ พอจะถูกๆ หน่อย ก็แค่สิบล้าน แม่ถามอยู่ทุกวันว่าอยากได้ไหม ฉันก็ยังลังเลอยู่ ว่าจะสั่งตอนนี้เลย หรือรออีกนิดให้เขาปล่อยรุ่นสีพิเศษออกมาก่อนดี” พูดจบก็กลอกตาอย่างเบื่อหน่าย ทำเอาทุกคนที่ฟังถึงกับอ้าปากเหวอ
“โหย… รวยกว่า!” นันทนาเพื่อนสาวคนสนิทของราตรีทำหน้าทะเล้น หันไปยักคิ้วใส่พริมพรทันที
พริมพรยกคางขึ้นนิดๆ อย่างไม่พอใจ ก่อนจะเอ่ยเชิงเหน็บเบาๆ “ฉันหาเงินเอง ไม่ได้ขอเงินแม่ใช้จ่ายไปวันๆ แบบบางคน ได้แค่นี้ ก็ภูมิใจแล้วล่ะ”
“อุ๊ย… สงสารจังเลย ต้องมานั่งทำงานงกๆ ทุกวัน ข้อเสียของการเกิดมารวยแบบฉันก็นี่แหละ วันๆ ก็ไม่รู้จะทำอะไรดี จะขยับ จะจับงานอะไรก็โดนแม่ห้ามตลอด แม่บอกให้ใช้เงินแม่ให้พร่องลงสักหนึ่งในร้อยก่อนเถอะ ค่อยคิดทำงาน ฉันก็เลย… ไม่เคยทำงานหาเงินเองเลยสักที” ราตรีพูดพลางถอนหายใจเหมือนมีเรื่องนี้เป็นภาระอันหนักหน่วงในชีวิตอย่างหนึ่ง
ทุกคนที่โต๊ะต่างเบะปาก บางคนก็เหลือบตาใส่ บ้างก็กลอกตาปลงใจ ยกเว้นแค่นันทนาคนเดียวที่อมยิ้มขำ ราวกับกำลังดูละครหลังข่าว
“เราสองคนขอตัวกลับก่อนนะครับ พอดีพรุ่งนี้เช้าผมมีเคสผ่าตัดด่วน” ผาตะวันพูดเสียงนิ่ง ก่อนจะลุกขึ้นทันทีพร้อมดึงแขนราตรีให้ลุกตาม
“นี่ไอ้…!!” ราตรีเบิกตากว้างจะอ้าปากด่า แต่เมื่อเห็นสายตาหลายคู่มองอยู่ เธอก็เปลี่ยนสีหน้าแทบไม่ทัน ยิ้มหวานจ๋อยแทน “แหะๆ ไอ้ยุงตัวหนึ่งมันบินผ่านหน้าคุณไปค่ะ ระวังมันกัดนะคะที่รัก ฉันเป็นห่วง~” เธอกะพริบตาถี่ๆ พูดด้วยเสียงอ่อนเสียงหวาน
ผาตะวันฝืนยิ้ม ก่อนจะดึงมือเธอออกไป โดยไม่พูดอะไรอีก
ทันทีที่พ้นจากสายตาผู้คน ราตรีก็เปลี่ยนจากแมวเชื่องๆ เป็นเสือสาวทันที “โอ๊ย! ไอ้บ้า! ฉันเจ็บนะ ปล่อยสิ! ปล่อย!”
เธอทุบแขนเขารัวเป็นจังหวะระบายอารมณ์
“แรงทุบอย่างกับช้างสาร จับนิดเดียวทำเป็นบ่นเจ็บ” ผาตะวันพูดเสียงเรียบ ก่อนจะสะบัดมือนั้นออก แล้วเดินไปเรียกแท็กซี่อย่างไม่สนใจ
“ช้างสารอะไรของนาย ไอ้หมอปากหมา!” ราตรีตะโกนตามหลัง พลางเดินกระฟัดกระเฟียดตามไปไม่ยอมแพ้
เขาไม่แม้แต่จะหันกลับมามอง กวักมือเรียกรถแท็กซี่อย่างใจเย็น เมื่อรถจอด เขาก็เปิดประตูก้าวขึ้นไป
“โรงพยาบาลกษิราพครับ”
ราตรีเบ้ปากแล้วตามขึ้นไปนั่งข้างๆ ด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์
“คนรวย รวยมากกกกก~ รวยจนต้องนั่งแท็กซี่กลับบ้าน” ผาตะวันเอ่ยขึ้นเบาๆ แต่แฝงความประชดแรงจนเธอสะดุ้ง
“หุบปากไปเลยน่า! รถฉันเสียต่างหาก ต้องเข้าอู่ซ่อม คืนนี้ก็เลยต้องทนนั่งแท็กซี่กลับบ้านพร้อมกับผู้ชายกระจอกๆ อย่างนายเนี่ยแหละ! โธ่เว้ย… แค่รถเก๋งสักคันยังไม่มีปัญญาขับ ฉันไม่เข้าใจจริงๆ ว่าทำไมชีวิตที่สุดแสนจะเลอค่าเพอร์เฟคของฉันต้องมาแต่งงานกับผู้ชายที่ทั้งจน ทั้งกระจอก ทั้งง่อยเปลี้ยแบบนายด้วยเนี่ย!”
“ผมทั้งหล่อ ทั้งหนุ่มกว่า เมื่อเทียบกับคุณนะครับ นี่พูดจริงจังเลยนะ คุณควรจะขอบคุณผมด้วยซ้ำที่ยอมแต่งงานกับคุณ อายุอย่างคุณ ปากอย่างคุณ นิสัยอย่างคุณเนี่ย ไม่น่าเหลือใครให้เลือกแล้วด้วยซ้ำ!”
“ไอ้บ้า! สวยๆ อย่างฉัน ต่อให้อายุสี่สิบปลายๆ ก็ยังมีหนุ่มรุมจีบย่ะ!”
“คุณก็กล้าพูดนะ ถ้าคุณหาแฟนได้เอง แม่คุณคงไม่ลากผมมาแต่งงานด้วยหรอก!”
“นี่นาย! ไอ้….!”
“พอเถอะ พอเลย ผมปวดหัว!” คนขับแท็กซี่หันมาพูดเสียงขุ่น น้ำเสียงเต็มไปด้วยความเหนื่อยหน่าย “จะเถียงกันก็เก็บไว้ไปเถียงต่อที่บ้านเถอะครับ!”
เสียงเงียบกริบลงทันที คนทั้งคู่กอดอก สะบัดหน้าหนีกันคนละทาง ทิ้งความร้อนแรงไว้ในอากาศอึมครึมภายในรถแท็กซี่ที่ยังคงวิ่งต่อไปอย่างเงียบเชียบ
“ผมเคยบอกคุณแล้ว ว่าผมอยากมีลูกกับคนที่ผมรัก วันนี้ผมรักคุณ แล้วคุณก็รักผม เรารักกัน จากที่วันๆ คุณเอาแต่เที่ยว ก็เปลี่ยนมาเป็นรู้จักอยู่บ้าน รู้จักคิดที่จะหางานทำ มันก็ไม่เหลือเหตุผลอะไรแล้ว ที่ผมจะไม่อยากมีลูกกับคุณ”“สรุปนายไม่โกรธเรื่องสัญญานั่นใช่ไหม?”“งั้นผมขอถามคุณกลับว่า ตอนนี้คุณยังอยากมีลูกกับผมไหม แล้วยังอยากมีเพราะเงินอยู่หรือเปล่า?”เธอส่ายหน้าระรัว “ตอนนี้ฉันไม่ได้อยากมีลูกกับนายเพราะเงินแล้วล่ะ แต่ถ้านายอยากมี ฉันก็อยากมี อีกอย่าง ก็อย่างที่แม่นายบอก ฉันอายุสามสิบเอ็ดแล้ว ถ้าไม่รีบมีตอนนี้ อีกหน่อยจะมียาก”“งั้นผมก็ไม่โกรธเรื่องสัญญาที่คุณทำไว้กับแม่ของคุณหรอกนะ”“แล้ว… ถ้าเรามีลูกกัน ฉันยังจะรับเงินจากแม่ได้ไหมอ่ะ?” เธอถามเสียงอ่อย ใบหน้าแสดงความลังเล เจื่อนลงเหมือนเด็กโดนจับได้ว่าแอบซน“ไหนบอกว่าไม่คิดจะมีลูกเพราะเงินแล้วไง?” เขาถามกลับ สีหน้าเจือรอยขำแต่แฝงความจริงจัง“ก็ไม่ได้อยากมีเพราะเงินนะ… แค่ถามเฉยๆ เผื่อนายโอเคที่จะให้รับ ลูกจะได้มีทุนการศึกษาไว้บ้าง” เธอรีบอธิบาย เสียงเบาลงอย่างรู้สึกผิดแต่ยังไม่วายมีเหตุผลแนบเนียนอยู่ในคำตอบเขายิ้มบางๆ พอใจที่เธอยังคิดถึง
...และทันทีที่ประตูถูกเปิดออก“แฮปปี้เบิร์ดเดย์!!!!”“แม่!” ราตรีร้องเสียงหลงอย่างตกใจสุดขีด เมื่อเห็นคนที่ยืนถือเค้กอยู่ตรงหน้าไม่ใช่แค่แม่เธอ ยังมีแม่สามี และเพื่อนรักอย่างนันทนาด้วยอีกคนใช่สิ! วันนี้วันเกิดของฉันนี่นา... ลืมไปเสียสนิทเลย!แต่เดี๋ยวก่อน... แม่บอกว่าไปอินเดีย ส่วนยัยนันก็บอกว่าจะไปต่างจังหวัด ไม่ใช่เหรอ แล้วนี่มันอะไรกัน?“เซอร์ไพร้ส์~” ทั้งสามคนพูดพร้อมกันอย่างร่าเริงราตรีหันไปมองผาตะวัน ที่ตอนนี้ยืนกอดอกอยู่ไม่ไกล เขายิ้มให้เธออย่างอ่อนโยน แบบที่เธอไม่ค่อยเห็นบ่อยนัก“อย่าบอกนะว่าทุกคนร่วมมือกัน...” เธอเอียงคอถามเขาเขาพยักหน้ารับเบา ๆรอยยิ้มของราตรีค่อย ๆ กว้างขึ้น ดวงตาเริ่มคลอด้วยน้ำใส ๆโคตรเซอร์ไพรส์... ตั้งแต่เกิดมา ยังไม่เคยมีใครทำอะไรแบบนี้ให้เลย เค้กสักก้อนก็ยังไม่เคยได้เป่า ไม่คิดเลยว่าชีวิตในวัยสามสิบ ไม่สิ! ต้องสามสิบเอ็ดปีบริบูรณ์ จะมีวันดี ๆ แบบนี้เกิดขึ้นได้“ไหนแม่บอกว่าไปอินเดียไงคะ” ราตรีเอ่ยถาม ทั้งแปลกใจ ระคนดีใจ“ก็ผาเขาอยากเซอร์ไพร้ส์วันเกิดลูก เลยให้แม่บอกไปแบบนั้น” ตอบพร้อมกับทำปากบุ้ยใบ้ไปทางลูกเขย“แล้วเธอล่ะยัยนัน ไหนบอกว่าจะไปต่างจัง
“มารอผมนานหรือยัง?” เสียงอบอุ่นของผาตะวันดังขึ้น เมื่อเห็นว่าภรรยาสาวมารอเขาอยู่ที่ห้องพัก“สักพักใหญ่ๆ แล้วล่ะ” ราตรีตอบยิ้มจางๆ“ผมชวนน้องดาไปกินข้าวด้วยกันแล้วนะ แต่เธอบอกไม่ค่อยสบาย ผมเลยให้เธอกลับไปพักผ่อน” เขาพูด“กล้ามาก็แปลก… ลองมาสิ แม่จะเอามีดหั่นสเต๊กปักอกให้เลยคอยดู” เธอบ่นพึมพำเบาๆ แต่มากพอให้ผาตะวันได้ยินเขาหัวเราะกับคำขู่ที่แฝงด้วยความหวงอย่างน่าเอ็นดู ก่อนจะบอกว่า “ขอเอาเอกสารไปให้พยาบาลแป๊บนึง เดี๋ยวกลับมานะครับ”เธอพยักหน้ารับ เขาจึงเดินออกไป ทิ้งให้หญิงสาวจมอยู่กับความคิดเดิมอีกครั้ง...‘จะยกเลิกสัญญากับแม่ดีไหมนะ… ห้าสิบล้านเชียวนะ’“เป็นอะไรหรือเปล่า? ทำไมดูเหม่อๆ คิดอะไรอยู่หรือเปล่า?” เสียงของผาตะวันเรียกเธอกลับจากภวังค์“อ้าว! มาแล้วเหรอ ฉันไม่ได้คิดอะไรหรอก” เธอฝืนยิ้ม ก่อนเอ่ยชวนต่อ “ก่อนกลับบ้าน แวะหาอะไรกินกันก่อนนะ”เขามองเธออย่างอ่อนโยน แล้วพยักหน้ารับด้วยรอยยิ้มบางๆ ... แต่ลึกๆ เขารู้ดี ว่าเธอกำลัง ‘คิดอะไรบางอย่าง’“ฝึกทำขนมไปถึงไหนแล้ว” ผาตะวันเอ่ยถามขึ้น ขณะเดินเรื่อย ๆ ไปยังที่จอดรถจักรยานยนต์“วันนี้ไม่ได้ฝึกเลย ไปหาเพื่อนมาน่ะ” เธอตอบเสียงใสพลางเด
เมื่อเข้ามาในห้องพัก ผาตะวันค่อยๆ ปิดประตูลงอย่างระวัง ก่อนจะหมุนตัวกลับ หวังจะเดินไปที่โต๊ะ แต่ยังไม่ทันก้าวเท้า ก็ถูกจู่โจม!ริมฝีปากของเธอประทับลงอย่างเร็ว“จุ๊บนี้ไม่มีใครเห็น ถือว่าไม่ผิด~” เธอบอกพร้อมยิ้มตาหวานอย่างภูมิใจเขารีบเดินหนีไปที่โต๊ะ แสร้งทำหน้าดุ แต่ใบหน้าแดงแจ๋ “ทำไมชอบเล่นอะไรแบบนี้เนี่ย”“ฉันรู้ว่านายไม่ชอบไง ฉันเลยอยากทำ~”“ถ้าผมชอบ คุณก็จะไม่ทำใช่มั้ย?”“ก็อาจจะนะ~”“งั้นผม... ก็ไม่ชอบ”จุ๊บ!เธอกระโดดกอดคอเขาแล้วแนบริมฝีปากอีกครั้ง “จุ๊บ จุ๊บๆ ๆ ๆ”เสียงหัวเราะของเขาดังขึ้นอย่างสุขใจ “ใครสอนให้คุณทำตัวน่ารักขนาดนี้เนี่ย?”“นายไง!” เธอยิ้มก่อนจะซบหน้าลงบนอกเขาแน่น“ตั้งใจทำงานนะคะ คุณสามีขา~”“ได้ครับ คุณภรรยา~”เธอปล่อยแขนจากคอเขา แล้วเปลี่ยนเป็นดึงแก้มแรงๆ “คุณสามีน่ารักที่สุดในโลกเลย~”“เจ็บครับ คุณภรรยา...” เขาแกล้งกัดฟันตอบเธอรีบปล่อยมือแล้วลูบแก้มเขาเบาๆ อย่างรู้สึกผิด “ขอโทษ นายเจ็บมากไหม?”“ไม่เจ็บแล้วครับ... คุณกลับบ้านเถอะ ผมจะไปดูคนไข้ต่อ ขอบคุณนะครับที่มาส่ง”“อืม ต่อไปนี้ฉันจะมาส่งนายทุกวันเลย ไม่ต้องห่วง… แล้วก็จะมารับด้วยนะ~ ดีใจไหม?”เขาถอนใจในใ
“ฉันจะจูบนายต่อหน้ายัยนั่น! ให้นางสำลักความรักของเราตายไปเลย!”“หือ? จูบต่อหน้าน้องดา... นี่คือวิธีแก้แค้นของคุณ?”“อื้ม!” เธอพยักหน้าหนักแน่น“ผมไม่เข้าใจจริงๆ ...”“ก็ยัยนั่นชอบนายไง! การจูบนายต่อหน้าคนที่แอบชอบนาย มันก็เท่ากับตบหน้าแบบนิ่มๆ!”“คุณเข้าใจผิดแล้วล่ะ น้องดาเขาไม่ได้ชอบผม”“แหนะ อย่ามาโกหกนะ! ถ้ายัยนั่นไม่ชอบนาย จะมายืนจ้องหน้าฉัน พูดจาดูถูกฉอดๆ ใส่ฉันแบบนั้นเหรอ? แถมยังมาสั่งให้ฉันรีบหย่าอีก บอกว่าเรียนจบแล้วจะได้แต่งงานกับนายทันที!”ผาตะวันคิดทบทวนเรื่องราวต่าง ๆ ที่รดาเคยทำให้เขา ก่อนจะเอ่ยเบาๆ“ผมคิดกับเธอแค่น้องสาว ไม่คิดว่าเธอจะคิดกับผมมากกว่าพี่ชาย”“นั่นไงล่ะ! ฉันถึงว่า คำที่เขาว่ากันว่า ‘ผู้ชายมักจะโง่เรื่องผู้หญิง แพ้มารยาหญิง’ มันคงจริง เพราะผู้ชายแบบนี้มีอยู่จริง!” เธอสวนกลับอย่างขำปนหมั่นไส้“หายเศร้าแล้วก็พูดเจื้อยแจ้วเลยนะครับ นี่สามีของคุณเองนะคุณราตรี โปรดให้เกียรติกันหน่อย” ผาตะวันยืดตัวตรง ทำเสียงขรึม แกล้งดุอย่างเอ็นดู“ฉันชอบนาย” เสียงของเธอดังขึ้นด้วยน้ำเสียงจริงจัง มั่นคง เธอเพิ่งจะมั่นใจวันนี้เองผาตะวันอึ้งไปชั่วครู่ ไม่คิดว่าเธอจะพูดออกมาโต้งๆ
เมื่อกลับมาถึงบ้าน ผาตะวันก็มองหาภรรยาของเขาทันที สายตากวาดไปทั่วชั้นล่างอย่างร้อนใจ แต่กลับไม่พบเธออยู่ตรงไหนเลย ชายหนุ่มจึงรีบขึ้นบันไดไปยังชั้นบน และแล้วก็พบว่า... เธอกำลังนั่งอยู่ในห้องนอนแต่ก่อนที่เขาจะได้ก้าวขาเข้าไป เสียงแข็งของเธอก็ดังขึ้นมาขวางไว้“ห้ามเข้ามา!”คำสั่งนั้นหยุดเขาไว้กลางอากาศ เท้าที่กำลังก้าวถึงกับค้าง ไม่กล้าขยับต่อ“ทำไมไม่ให้ผมเข้าไป?” เขาถามด้วยน้ำเสียงสับสน“ฉันไม่อยากเห็นหน้านาย!”ผาตะวันขมวดคิ้วทันที “ผมรีบกลับมา... ก็เพราะอยากอธิบายทุกอย่างให้คุณฟัง”“ฉันไม่อยากฟังอะไรทั้งนั้น!”“แต่เราต้องคุยกันนะ” เขายืนยัน พยายามชะเง้อแอบมองใบหน้าของเธอที่หันหลังให้ ยิ่งเขาอยากเห็น ใบหน้าของเธอก็ยิ่งเร้นลับ ยิ่งทำให้ใจเขาเต้นรัวด้วยความเป็นห่วง“ถ้านายเข้ามา ฉันจะปาของทุกอย่างในห้องใส่แน่!” เสียงสั่นเครือแฝงความดื้อดึง ฟังดูคล้ายข่มขู่ แต่จริงๆ แล้วคือความกลัว... กลัวว่าเขาจะเห็นน้ำตา ที่เธอกำลังพยายามกลั้นไว้“มันก็แค่เรื่องเล็กๆ ทำไมคุณต้องโกรธจนถึงขนาดนี้ด้วยล่ะ มีอะไรก็คุยกันดีๆ สิ เราแต่งงานกันแล้วนะ เป็นสามีภรรยากันแล้ว...” น้ำเสียงของเขาอ่อนลง ก่อนจะค่อยๆ ยกเ
Comments