ลูกธนูแหลมคมแล่นผ่านหน้าเซียนอวี่ไปยังด้านหลัง ก่อนจะปักเข้าที่เจ้าหมูป่าตัวอ้วนที่กำลังวิ่งไล่เด็กสาวอยู่อย่างรวดเร็ว ก่อนที่เสียงร้องด้านหลังจะดังขึ้นดังกว่าปกติ หลังจากนั้นก็เงียบไป
แต่ขาของเซียนอวี่ก็ยังคงวิ่งอยู่ เธอวิ่งเข้าไปหาคนที่ยิงธนูเฉียดหน้าเธอไปอย่างไม่คิดชีวิต ก่อนจะเข้าไปหลบด้านหลังของชายหนุ่มรุ่นราวคราวเดียวกันกับตัวเองทันที
หมูป่าถูกลูกธนูเมื่อสักครู่ปัดลงกลางหัว ทำให้ตอนนี้มันล้มตัวนอนอยู่กับพื้น ไม่รู้ว่าสิ้นใจตายแล้วหรือยัง แต่เรื่องนั้นเซียนอวี่ไม่ได้สนใจ ขอแค่มันไม่วิ่งไล่เธอเหมือนเมื่อครู่ก็พอ เธอกลัวจนฉี่แทบจะราดต่อหน้าทุกคนเสียแล้ว โชคดีที่กลั้นเอาไว้ทัน เธอบอกแล้วว่าสวรรค์เล่นตลกกับเธอ ขนาดมีคนตั้งเยอะตั้งแยะ ไอ้หมูบ้านั่นยังเลือกจะวิ่งไล่เธอเลย
“มันตายแล้ว” เสียงเข้มดังขึ้นบนหัว เซียนอวี่ได้แต่ค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นไปมองช้า ๆ ก่อนจะเห็นว่าคนที่เข้ามาช่วยเธอเอาไว้เป็นใคร เธอเม้มปากกลั้นน้ำตามที่จวนจะไหลออกมาเต็มแก่เอาไว้ ก่อนจะพยายามพยุงตัวเองให้ลุกขึ้นยืนช้า ๆ
ยังไม่ทันที่เธอจะยืนขึ้นเองได้เสร็จ คนตรงหน้าก็จับต้นแขนของเธอแล้วดึงขึ้นเสียก่อน ร่างกายของเธอไม่สามารถสู้แรงของชายหนุ่มตัวโตคนนี้ได้อยู่แล้ว เธอได้แต่ขยับตามที่เขาบังคับอย่างจำยอม
“ขะ ขอบคุณ ขอบคุณมากค่ะ” เธอรู้สึกขอบคุณจริง ๆ ถ้าไม่ได้คนคนนี้ เธอก็อาจจะไม่รอด ถ้าไม่ตายก็คงจะเจ็บหนักพอสมควร
เรื่องราวการเข้าป่าของเซียนอวี่จบลงด้วยการที่ทุกคนช่วยกันแบกหมูป่าลงไปในหมู่บ้าน จากที่ชีวิตก่อนชาวบ้านหลายคนช่วยกันแบกลงไป แต่ชีวิตนี้กลับกลายเป็นว่าหมูป่าตัวนี้เป็นสิทธิของคนที่จัดการมันได้แต่เพียงผู้เดียว
เซียนอวี่ไม่คิดจะเอาหน้าหรืออะไรอีก เธอรีบกลับบ้านพักไปทันทีที่ถึงหมู่บ้าน ชาวบ้านเองก็สงสารเธอมากที่ต้องมาเจอเรื่องน่ากลัวตั้งแต่วันแรกที่มาถึง หลายคนเลยอดสงสารเธอไม่ได้ เป็นคุณหนูอยู่สุขสบายมาทั้งชีวิต ดันมาโชคร้ายถูกส่งตัวมาเป็นเยาวชน หน้าตาก็สะสวย ผิวพรรณก็ราวกับคนที่อาบน้ำแร่แช่น้ำนมมาทั้งชีวิต
“พี่ไม่มาทำอาหารหรอคะ ตอนนี้เย็นแล้วนะ” เซียนอวี่กลับมาพักได้ไม่นานก็มีเสียงเคาะประตุอยู่หน้าห้อง เธอเปิดออกไปดูก็เห็นว่าเป็นซ่งหนิงหนิงและเพื่อน ๆ เยาวชนอีกหลายคนที่อยู่หน้าห้อง
“อืม ไปสิ” เธอยังคงตกใจอยู่ เมื่อครู่ก็ไปนอนพักมานิดหน่อย ตอนนี้เริ่มอาการดีขึ้นมากแล้ว ไม่ได้ตกใจมากเท่าตอนแรก
“แล้วนี่ พี่นอนพักมาหรอคะ พวกเราเคาะตั้งนานแน่ะ ดีจังเลยนะคะ ได้นอนพักช่วงกลางวันด้วย พวกเราที่ไปทำไร่กันนี่เหนื่อยจนไม่อยากจะขยับตัวเลยล่ะค่ะ แต่ก็ยังต้องฝืนมาทำอาหาร น่าอิจฉาจัง วันหลังฉันเลือกเข้าป่าบ้างดีกว่า”
“นั่นสิ ทำงานในไร่นี่เหนื่อยเป็นบ้าเลย มือฉันเจ็บหมดแล้ว ปกติเขียนแต่หนังสือ มือจับแต่ปากกา ตอนนี้ฉันเหมือนถูกทุบตีจนน่วมไปทั้งตัวเลย ฮือ” เด็กสาวที่มากับซ่งหนิงหนิงเอ่ยเสริม พวกเธอต้องทำงานหนัก ลำบากกันมาทั้งวัน กลับมาแล้วยังต้องมาปลุกคนที่แอบอู้อีกงั้นหรอ นี่มัน...จะเอาเปรียบกันเกินไปแล้ว
เพียงแค่คำพูดง่าย ๆ ของซ่งหนิงหนิงก็สามารถทำให้เหล่าเยาวชนคนอื่น ๆ รู้สึกไม่พอใจเธอได้แล้ว แต่เธอเองก็เหนื่อยเกินกว่าจะไปโต้เถียงอะไรแล้วเหมือนกัน ยังไงเธอก็ไม่ได้เห็นหัวพวกเยาวชนที่อยู่ด้วยกันอยู่แล้ว ในบ้านพักที่อยู่รวมกันนี้ เธอไม่ชอบใครสักคน แล้วทำไมเธอจะต้องสนใจคนที่ไม่มีประโยชน์อะไรให้ตัวเองด้วย
“ตายแล้ว ทำไมหนูถึงมาทำงานอีกล่ะ มานั่งก่อนเถอะ ๆ ป้าได้ยินเรื่องราวมาจากชาวบ้านแล้ว เป็นยังไงบ้าง ตกใจมากเลยใช่มั้ย โถ ๆ” ป้าฮุ่ยที่รอทำอาหารอยู่รีบวางมือจากสิ่งที่ทำแล้ววิ่งมาหาเซียนอวี่ทันที หญิงวัยกลางคนอดสงสารเด็กสาวไม่ได้ เข้าป่าครั้งแรกก็เจอหมูป่าวิ่งไล่จนเกือบไม่รอด
“หนูดีขึ้นมากแล้วค่ะป้าฮุ่ย คนอื่น ๆ ก็เหนื่อยเหมือนกัน หนูจะนอนพักคนเดียวไม่ได้หรอกค่ะ แค่ได้นอนพักช่วงกลางวันก็กินแรงคนอื่นมากแล้ว มาค่ะ วันนี้ป้าฮุ่ยจะทำอะไรกินหรอคะ มาค่ะหนูช่วย” คนนี้ต่างหากที่เธอต้องเอาใจและทำตัวน่าเอ็นดูใส่
“เด็กคนนี้นี่ เจอเรื่องหนักขนาดนั้นมาแท้ ๆ มาเถอะ มาช่วยเด็ดผักให้ป้าก็พอ วันนี้คงได้ทำสักสองสามอย่าง หนูเข้าป่าหาของกินมาได้ไม่น้อยเลย เพื่อน ๆ เลยได้กินไปด้วย มา ๆ มาเริ่มทำกันได้แล้ว เดี๋ยวจะไม่ทันตะวันตกดิน”
คนอื่น ๆ ได้แต่ยืนงง ตอนกลางวันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ ทำไมป้าฮุ่ยถึงพูดเหมือนอยากให้เซียนอวี่ไปนอนพัก แทนที่จะมาช่วยคนอื่น ๆ ทำงาน พวกเธอได้แต่ทำงานไปอยากรู้ไป
เหตุผลที่เหล่าเยาวชนไม่รู้เรื่องที่เกิดขึ้นกับเซียนอวี่ เพราะหัวหน้าหมู่บ้านสั่งห้ามไม่ให้พูด เพราะกลัวเด็ก ๆ จะหวาดกลัวจนมีปัญหาเรื่องการแบ่งหน้าที่เวลาทำงาน
แต่ปิดอย่างไรก็ตาม สุดท้ายก็มีคนปากเปราะพูดให้เหล่าเยาวชนฟังในวันถัดไปอยู่ดี สีหน้าของแต่ละคนแตกต่างกันออกไป ทั้งหวาดกลัว ทั้งเฉยเมย หนักสุดก็คงเป็นคนที่มองว่าแค่เจอหมูป่าวิ่งไล่เท่านั้น แค่วิ่งหนีก็พอแล้ว หมูมันจะมาวิ่งเร็วกว่าคนได้ยังไง
วันนี้เซียนอวี่ก็ยังคงอาสาเข้าป่าไปหาผักและของป่าอื่น ๆ มาเหมือนเดิม เธอกลัวก็จริง แต่ถ้าให้เทียบกันแล้ว สัตว์ป่ามันไม่ได้ออกมาอาละวาดแบบนี้ทุกวัน แถมเข้าป่ายังหาเรื่องอู้งานได้ งานก็ไม่หนักหนาอะไร แถมไม่มีเยาวชนคนไหนอาสามาทำหน้าที่นี้สักคน รวมถึงคนที่ปากบอกว่าเรื่องเจอหมูป่าเป็นแค่เรื่องเล็กน้อยด้วยเช่นกัน
“เธอน่ะ ทำไมกลับเข้ามาในป่าอีก ทำไมไม่เปลี่ยนไปทำงานในไร่ ไม่กลัวหรือไง” ระหว่างที่เซียนอวี่กำลังก้มหน้าเก็บมันฝรั่งและหัวมันอยู่ เสียงคุ้นหูก็ดังขึ้นอยู่บนหัวของเธอ
ฉากคุ้นเคยเหมือนเมื่อวานเกิดขึ้นอีกครั้ง เธอมองหน้าคนที่ช่วยชีวิตของตัวเองเอาไว้ตั้งแต่เมื่อวาน เธอลืมเรื่องขอบคุณเขาไปเสียสนิทเลย เพราะมันแต่ตกใจกลัวอยู่ เลยไม่ได้เอ่ยปากขอบคุณแม้ครึ่งคำ
“นาย เอ่อ” เธอคุ้นหน้าเขา แต่จำชื่อไม่ได้ จะว่ายังไงดี ชีวิตก่อนเธอไม่ได้สนใจคนในหมู่บ้านนัก เด็กหนุ่มคนนี้เธอเห็นหน้าบ่อยพอสมควร เขาเป็นคนมีฝีมือ แต่เหมือนทางบ้านจะไม่ค่อยเท่าไหร่ ทั้งที่เขาก็น่าจะหาเงินได้เยอะ เหมือนหมูป่าเมื่อวานก็น่าจะขายได้หลายหยวน
“ทำไมถึงกลับเข้ามาในป่าอีก ทำไมไม่ไปทำงานในไร่กับคนอื่น ๆ ไม่กลัวมีสัตว์ป่ามาไล่อีกหรือไง” เสียงติดกวนประสาทของชายหนุ่มดังขึ้นอีกครั้ง เซียนอวี่มองข้ามความกวนประสาทในน้ำเสียงของชายหนุ่มออกไป เธออยากจะมองภาพคนที่ช่วยชีวิตตัวเองให้สวยงาม อยากให้เขาเป็นชายหนุ่มแสนจะแข็งแกร่งและมีน้ำใจ
“เอ่อ ต้องเข้ามาทำงานน่ะค่ะ ถ้าฉันไม่มา คนอื่นก็ไม่มีใครมาแล้วเหมือนกัน ฉัน...ไม่อยากกินแต่แป้งทอดกับแป้งย่าง” เธอพูดออกไปตามตรง อาหารพวกนั้น ถ้าไม่จำเป็นจริง ๆ เธอก็ไม่อยากจะกินมันนักหรอก ในเมื่อมีทางเลือกที่ดีกว่า แม้จะเป็นผักหรืออะไรก็ช่าง เธอก็ไม่รังเกียจที่จะเอามันเข้าปากเหมือนกัน
“เลือกกินสินะ” คิ้วของเซียนอวี่กระตุกยิก ๆ แต่เธอจำต้องสะกดความโมโหเอาไว้ เธออยากตะโกนใส่หน้าเขาเสียเหลือเกินว่าใช่ แล้วมันจะทำไม ใครหน้าไหนบ้างที่ชอบของไม่อร่อย
แต่ก่อนที่เธอจะได้ตอบอะไร ห่อบางอย่างที่หนัก ๆ ก็ถูกโยนมาใส่ตักของเธอ ก่อนที่เจ้าคนปากไม่ดีนั่นจะเดินหนีออกไปไม่ทันกลับมามองว่าคนด้านหลังกำลังทำหน้าอย่างไรใส่ตนเอง
เซียนอวี่ไม่สามารถทำอะไรได้ คนคนนั้นเดินเร็วเกินไป เธอได้แต่ก้มมองห่อน่าสงสัยที่เขาโยนใส่ตัวเองเมื่อสักครู่อย่างสงสัย ก่อนจะเลือกเก็บมันใส่ไว้ล่างสุดของตะกร้าแล้วเอาผักอื่น ๆ ทับจนมองไม่เห็น
เธอไม่รู้ว่ามันคืออะไร แต่จากสัมผัสแล้ว เธอหวังว่าจะเป็นอย่างที่เธอคิด เพราะอย่างนั้นเธอเลยเลือกจะเอากลับไปเปิดดูคนเดียวที่ห้องนอน ถ้ารีบกลับตอนนี้ก็คงไม่มีใครเห็นห่อนี้เข้าเสียก่อนที่เธอจะเปิดมัน
พอกลับห้องเซียนอวี่ก็รีบแกะเชือกที่มัดเอาไว้ในทันที เธอเม้มปากแน่น เพราะของด้านในเป็นสิ่งที่เธอคิดเอาไว้จริง ๆ ผู้ชายปากร้ายคนนั้นเอาเนื้อมาให้เธอ เนื้อหมูราคาแพงที่ชาวบ้านทั่ว ๆ ไปจะได้กินแค่ปีละไม่กี่ครั้ง แต่เขาเอาเนื้อมาให้เธอ!
เซียนอวี่อยากไปขอบคุณชายหนุ่ม แต่เธอกลับพบว่าตัวเองไม่รู้อะไรเกี่ยวกับคนคนนั้นเลย เธอรู้จักแต่หน้าของเขาเท่านั้น นอกจากใบหน้าแล้ว เธอก็ไม่เคยรู้เรื่องอะไรของผู้ชายคนนั้นเลย อ่อ รู้อีกว่าเขาทำงานเก่ง เลยเหมือนจะเป็นคนหาเงินเข้าบ้านเพียงคนเดียว
เธอมองเนื้อก้อนใหญ่ ในหัวคิดเมนูอาหารที่อยากจะทำ แน่นอนว่าเธอไม่มีทางแบ่งให้คนอื่น ๆ ในบ้านพักกินแน่นอน เพราะถ้าเจ้าของเนื้ออยากให้เธอแบ่งจริง คงไม่เข้ามาหาเธอตอนที่เธออยู่คนเดียวในป่าหรอก จังหวะที่เธอจะได้อยู่คนเดียวไม่ใช่จะมีมาก แต่เขาเลือกจะเข้ามาเวลานั้น แปลว่าเขาต้องคิดเอาไว้แล้วว่าไม่อยากให้คนอื่นรู้คนอื่นเห็น
แต่เมนูอะไรที่ทำแล้วความจะไม่แตกล่ะ กลิ่นเนื้อแบบนี้ใคร ๆ ก็ต้องได้กลิ่น เธออยากจะกินอะไรอร่อย ๆ แต่ก็กลัวคนอื่นมาแย่งกิน สุดท้ายเซียนอวี่เลยได้แต่หั่นเนื้อแล้วเอาไปทำเนื้อตากแห้งเก็บไว้กิน เพราะคงเป็นเมนูเดียวที่คนอื่น ๆ จะไม่ได้กลิ่นเนื้อที่เธอซ่อนเอาไว้แน่ ๆ
และเพราะไม่อยากให้ใครได้กลิ่นเนื้อ เธอเลยอาสาทำอาหารเองคนเดียวเสร็จสรรพก่อนที่คนอื่น ๆ จะเลิกงานในไร่ พอคนอื่น ๆ กลับมาก็ไม่จำเป็นต้องไปที่ครัวอีก เซียนอวี่จึงซ่อนเนื้อเอาไว้กินแค่คนเดียวได้สำเร็จ
๐๐๐
ตั้งแต่ตอนที่ 11 เป็นต้นไปไรท์จะขอติดเหรียญอ่านล่วงหน้าน้าทุกคน สำหรับคนที่อยากอ่านเลยแบบทันใจ สามารถอุดหนุนไรท์ได้เลยน้า ส่วนคนที่ไม่สะดวก ไรท์จะเปิดให้อ่านทุกสองวันจนกว่าเรื่องจะจบนะคะ
หลังจากไรท์ลงนิยายจนจบแล้วจะทำการติดเหรียญถาวรค่ะ
ส่วนคนที่ซื้อแล้วไม่จำเป้นต้องซื้อซ้ำหลังจากไร์กลับมาติดเหรียญน้า
ขอบคุณทุกคนมาก ๆ ที่ให้ความสนใจนิยายเรื่องใหม่ของไรท์นะคะ ถ้าผิดพลาดตรงไหนต้องขอโทษล่วงหน้าน้า ไรทืห่างจากการเขียนนิยายมาหลายเดือนเลย บางอย่างก็หลง ๆ ลืม ๆ ไปบ้าง รักทุกคนนะคะ