เช้าวันนี้เซียนอวี่เตรียมตัวลงไร่กับคนอื่น ๆ หลังจากที่เธอเลือกจะเข้าป่าหาของมาให้คนในบ้านพักกินมาหลายวัน ตอนนี้ก็เริ่มมีคนไม่พอใจ หาว่าเธออู้งานกินแรงเพื่อนคนอื่น ๆ เธอเลยเปลี่ยนใจไม่เข้าป่าเหมือนทุกวัน
“พี่คะ งานในไร่หนักมาก พี่ไม่เคยหยิบจับอะไรมาก่อน แบบนี้จะทำได้หรอคะ กลับไปเข้าป่าหาผักดีกว่ามั้ยคะ” ซ่งหนิงหนิงพยายามเป็นอย่างมากที่จะเข้ามาคุยกับเซียนอวี่ แต่ก็มักจะถูกเซียนอวี่เมินเฉยราวกับอากาศไปเสียทุกที
วันนี้ซ่งหนิงหนิงเองก็ถูกซ่งเซียนอวี่เมินอีกเช่นเคย ท่าทางจองหองถือตัวนั้นทำให้หลาย ๆ คนไม่พอใจ บวกกับหลายวันที่ผ่านมาเซียนอวี่มักจะแยกตัวออกไปทำงานเข้าป่ากับเหล่าชาวบ้าน แถมห้องพักก็พักเป็นห้องเดี่ยวไม่มีเพื่อน ซ่งหนิงหนิงเลยสนิทกับคนอื่น ๆ มากกว่า
“อะไรกัน เซียนอวี่ก็เป็นแค่เด็กที่เก็บมาเลี้ยงแท้ ๆ ทำไมถึงได้ทำตัวสูงส่งนักล่ะ เธอควรจะขอบใจและซึ้งใจหนิงหนิงเข้าไว้สิ ตัวเองไปแย่งวาสนาคนอื่นมาแท้ ๆ ตอนนี้ยังจะมาจองหองใส่คนเขาอีก”
ปกติแล้วเซียนอวี่จะนิ่งเฉยกับคนอื่น ๆ ในบ้านพัก แต่ครั้งนี้เธอเลือกจะไม่ปล่อยผ่านไปเหมือนเช่นเคย ขาเรียวยาวที่กำลังเตรียมตัวจะก้าวลงไปในไร่และเริ่มงานหยุดลงกะทันหัน ก่อนจะหันไปมองหน้าคนที่พูดประโยคเมื่อครู่ออกมา
“แล้วเธอล่ะ เคยมีวาสนาได้ใช้ชีวิตหรูหราแบบฉันหรือเปล่า ไม่ต้องพูดเรื่องแย่งวาสนาคนอื่นหรืออะไรนะ เพราะตอนนั้นฉันพึ่งลืมตาดูโลกด้วยซ้ำ เด็กเล็กพึ่งคลอดคงไม่มีความคิดจะไปวางแผนเข้าตระกูลใหญ่หรอก ถูกมั้ย”
“พ พี่คะ อย่าทะเลาะกันเลยค่ะ เป็นความผิดของฉันเอง พี่อย่าโกรธเลยนะคะ” ซ่งหนิงหนิงเห็นสถานการณ์ไม่ค่อยดี เธอรีบเอาตัวเข้ามาบังเพื่อนที่ออกหน้าแทนตัวเอง ก่อนจะเอ่ยปากขอร้องเซียนอวี่เสียงดังจนชาวบ้านอยู่รอบ ๆ หันมามองยิ่งกว่าเดิม
“โกรธงั้นหรอ เธอบอกไม่ให้ฉันโกรธงั้นหรอ ทำไมไม่บอกให้เพื่อนตัวเองมาขอโทษที่พูดไม่ดีใส่ฉันบ้างล่ะ เรื่องที่ยัยนั่นพูดก็คงจะออกมาจากปากเธอ ถูกมั้ย มันธุระกงการอะไรที่เธอต้องเอาเรื่องในบ้านไปพูดให้คนอื่นฟังงั้นหรอซ่งหนิงหนิง คนที่ควรจะขอโทษอีกคนก็คือเธอนั่นแหละ เธอมีสิทธิ์อะไรเอาเรื่องของฉันไปพูดให้คนอื่นฟังกัน เราสนิทกันขนาดนั้นเลยหรือไง”
“นี่! หนิงหนิงต่างหากที่ควรจะโกรธเธอ เธอเอาทุกอย่างของหนิงหนิงไปแล้วยังไม่สำนึกอีก ที่ผ่านมาหนิงหนิงต้องไปทนลำบากอยู่กับครอบครัวปลอม ๆ เธอหัดขอบคุณหนิงหนิงบ้าง แต่นี่อะไร ไม่ขอบคุณแล้วยังจะมาต่อว่าคนเขาอีก เลี้ยงเสียข้าวสุกจริง ๆ เลย หมามันยังรู้จักบุญคุณคนที่ให้ข้างให้น้ำ แต่เธอนี่มันยังไง ไม่สำนึกแล้วยังเนรคุณอีก ตระกูลซ่งช่างไร้บุญไร้วาสนานัก หลงเลี้ยงงูพิษอย่างเธอมาเป็นสิบ ๆ ปี”
“หึ เลี้ยงไม่เชื่องงั้นหรอ แล้วการที่ส่งฉันมาเป็นเยาวชนแทนลูกสาวตัวจริงนี่ยังไม่นับเป็นการตอบแทนบุญคุณงั้นหรอ ตอบมาสิซ่งหนิงหนิง เธอจะบอกว่าตัวเองไม่รู้เรื่องที่พ่อกับแม่ตั้งใจปิดบังเรื่องตัวตนของฉัน แล้วส่งชื่อฉันมาเป็นเยาวชนแทนเธอที่ควรจะต้องมาเป็นตัวแทนของบ้านซ่ง เธอพูดสิ” เธอไม่คิดจะเก็บเรื่องเน่า ๆ พวกนี้เอาไว้คนเดียวหรอก ถ้าเธอต้องเน่า ก็ให้มันเน่ากันไปให้หมดทั้งกลุ่มนี่แหละ เธอไม่ได้เสียอะไรอยู่แล้ว มันไม่ใช่ว่าเธอจะไม่มีทางหลุดพ้นเสียหน่อย ถ้าไม่จำเป็นเธอก็คงไม่อยากจะใช้วิธีนั้น แต่ถ้ามันน่ารำคาญมาก เธอก็ไม่รังเกียจเช่นกัน
“ฉะ ฉัน ฉันไม่รู้เรื่องนั้นเลยค่ะ พี่ ฉันพูดจริง ๆ นะคะ ฉันไม่รู้จริง ๆ” เธอจะกล้าพูดได้ยังไงว่าตัวเองรู้ ถ้าเธอยอมรับสารภาพว่ารู้เรื่องที่พ่อกับแม่วางแผนเอาไว้ เธอก็ถูกคนอื่นประณามน่ะสิว่าตั้งใจใช้คนอื่นเป็นโล่กำบังให้ตัวเอง เธอจะไม่ยอมเด็ดขาด หลายวันมานี้เธอทำงานหนักเพื่อเอาใจคนรอบตัว กว่าคนพวกนี้จะยอมออกหน้าให้เธอขนาดนี้ เธอต้องเหนื่อยมาเท่าไหร่
“จ้า ไม่รู้ก็ไม่รู้ ฉันขี้เกียจซักไซ้เอาความอะไรกับเธอแล้ว ตอนนี้เป็นเวลางาน พวกเธอไม่ควรจะมาพูดมากปากอยู่ไม่สุขใส่ฉัน เพราะคนอื่น ๆ เขารอทำงานอยู่ เข้าใจมั้ย ไม่ทำงานก็ไม่ต้องกินข้าวน่ะ ถอยไปได้แล้ว ฉันจะรีบไปทำงาน”
ตั้งแต่ต้นจนจบ ชาวบ้านไม่สอดปากเข้ามาแทรกอย่างที่เธอคิดเอาไว้เลย แสดงว่าการแสดงของซ่งหนิงหนิงในหลายวันที่ผ่านมายังไม่ได้ผลกับชาวบ้านมากนัก ก็แน่ล่ะ ชาวบ้านกลุ่มที่มีปากมีเสียงมากที่สุดถูกเธอดึงตัวเอาไว้หมดแล้ว
คิดว่าคนที่ลงงานในไร่จะเป็นใคร ถ้าไม่ใช่พวกผู้ชายที่มีแรงมาก ส่วนพวกผู้หญิงที่มาช่วยทำงานในไร่ก็น้อยมาก หากไม่ใช่ว่าจำเป็นจริง ๆ พวกเธอจะอยากลงไร่มาทำงานของผู้ชายหรือ ซ่งหนิงหนิงเดินหมากพลาดไปหนึ่งจุด ตรงที่เลือกประจบเอาใจคนผิดตั้งแต่ต้น
เธอเคยอยู่หมู่บ้านนี้จนตายมาแล้วครั้งหนึ่ง บอกเลยว่าการเอาใจเหล่าป้า ๆ ที่ค่อนข้างว่างงานนั้นคือสิ่งที่สมควรทำมากที่สุด ยิ่งคนพวกนั้นเอ็นดูมากเท่าไหร่ เวลามีเรื่องในหมู่บ้านเราก็จะยิ่งมีพรรคพวกเยอะขึ้นเท่านั้น
เซียนอวี่ใส่ชุดรัดกุม ก่อนจะเดินเข้าไปในไร่อย่างสบาย ๆ เธอไม่มีท่าทางหวาดกลัวหรือท่าทางเก้ ๆ กัง ๆ เหมือนที่คนอื่น ๆ คิดเอาไว้เลยแม้แต่น้อย ดูจะชำนาญมากด้วยซ้ำไป
เซียนอวี่ไม่สนใจ เธอรีบทำงานในส่วนที่ได้รับมอบหมายให้เสร็จเร็ว ๆ เพื่อที่จะได้กลับไปพักก่อนเวลา แต่ไม่ว่าเธอจะรีบแค่ไหน สุดท้ายเธอก็ยังเสร็จไม่ทันเวลาที่ตัวเองตั้งใจเอาไว้อยู่ดี อย่างไรร่างกายในอดีตกับในตอนนี้ก็ต่างกัน แต่อย่างน้อยก็ยังเสร็จก่อนเยาวชนคนอื่น ๆ เป็นชั่วโมงอยู่ดี
“งานในส่วนของหนูเสร็จแล้ว หนูขอกลับไปพักก่อนได้มั้ยคะหัวหน้าหมู่บ้าน” เซียนอวี่เข้าไปขอกับหัวหน้าหมู่บ้านโดยตรง เธอชี้ไปตรงที่ในส่วนที่เธอรับผิดชอบให้หัวหน้าหมู่บ้านเห็นว่างานของเธอเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว
“หืม งานเรียบร้อยมากเลยนะเนี่ย งั้นก็ไปพักเถอะ ตรงนี้เหลือแต่งานของคนอื่นแล้ว โอ้จริงด้วย เมื่อวานเห็นเจ้าหน้าที่ไปรษณีย์เอาจดหมายมาส่ง คนอื่น ๆ ได้จดหมายจากทางบ้านแล้ว แต่ของแม่หนูซ่งเหมือนจะเป็นของชิ้นใหญ่ เจ้าหน้าที่บอกให้หนูไปติดต่อเอาของเองในเมืองนู่นน่ะ เดี๋ยวถ้าว่าแล้วมาเอาจดหมายแนะนำตัวจากลุงที่บ้านนะ”
ดวงตาของเซียนอวี่ลุกวาว พัสดุของเธอมาส่งเร็วกว่าที่คิดเอาไว้มาก แม้ว่าเธอจะต้องไปเอาของเองก็เถอะ แต่ในสมัยนี้สามารถส่งของชิ้นใหญ่ผ่านไปรษณีย์ได้มันก็ดีมาก ๆ แล้ว
“ขอบคุณค่ะหัวหน้าหมู่บ้าน งั้นเดี๋ยวตอนเย็นที่ไปทำอาหาร หนูจะแวะไปเอาจดหมายนะคะ” เซียนอวี่ทำตัวนอบน้อมต่อหัวหน้าหมู่บ้าน ชายชราคนนี้ชอบเอาหน้า ทั้งยังชอบให้คนเคารพตนเอง ทั้งที่ตัวเองเป็นแค่หัวหน้าหมู่บ้านเล็ก ๆ ในชนบท แต่ก็อย่างว่า สามารถวางอำนาจได้แค่ในหมู่บ้าน ก็คงจะภาคภูมิใจมากพอสมควรเลยนั่นแหละ
บ่ายวันนั้นเซียนอวี่ไปนอนพักเอาแรง ก่อนจะตื่นมาในตอนบ่ายแก่ ๆ เพื่อไปทำอาหารพร้อมกับทุกคน วันนี้อาหารค่อนข้างแห้งแล้ง เพราะแม้แต่ผักป่าที่กินกันทุกวันก็ยังไม่มีให้เห็น แต่ละคนมีสีหน้าหงุดหงิดอย่างเห็นได้ชัด แต่ก็ไม่มีใครปริปากพูดอะไรออกมาแม้แต่คำเดียว เพราะเป็นพวกเขาเองที่กดดันให้เซียนอวี่เลิกเข้าป่าหาผักหาหญ้า
“พรุ่งนี้ฉันจะเข้าป่ากับชาวบ้าน” เด็กสาวข้างกายซ่งหนิงหนิงที่มีปากเสียงกับเธอเมื่อเช้าเอ่ยขึ้นอย่างเหลืออด กะอีกแค่หาผักป่า ทำไมเธอจะทำไม่ได้ เธอจะทำให้ดูเองว่าเธอเก่งว่ายัยคนอวดดีนั่นหลายเท่า
“งั้นฉันจะเข้าไปด้วย มีใครจะไปด้วยกันอีกมั้ย” ซ่งหนิงหนิงเห็นเพื่อนไปก็เอ่ยปากอาสาไปด้วยอีกคน
เซียนอวี่ยิ้มไม่พูดอะไร เธอตักอาหารเข้าปากเงียบ ๆ ก่อนจะลุกไปเก็บล้างจานชามของตัวเองแล้วเข้าห้องไป แน่นอนว่าที่รีบเข้าห้องไม่ใช่เพราะไม่อยากอยู่ตรงนั้น แต่เธอรีบกลับเข้าห้องมากินเนื้อแห้งที่ซ่อนเอาไว้ต่างหาก
เนื้อตากแห้งทั้งแข็งทั้งเหนียวถูกเธอเอาไปแช่ในน้ำอุ่นจนนิ่ม ก่อนจะค่อย ๆ ตักกินทีละคำอย่างมีความสุข ปล่อยให้พวกหน้าโง่นั้นกินแป้งแข็ง ๆ จืด ๆ ไป
ส่วนจดหมายแนะนำตัวจากหัวหน้าหมู่บ้านเธอก็ได้รับมาเรียบร้อย พรุ่งนี้เธอตั้งใจจะทำงานให้เสร็จเร็ว ๆ แล้วเข้าเมือง แต่ถ้าไม่ทันจริง ๆ ก็คงต้องไปวันถัดไปที่เป็นวันหยุดแทน
แน่นอนว่าสุดท้ายเซียนอวี่ก็เลือกจะไปวันหยุด เธอทำงานเสร็จเร็วก็จริง แต่กว่าจะเดินทางเข้าเมืองก็ใช้เวลาค่อนข้างมาก แค่เวลาไม่กี่ชั่วโมงไม่เพียงพอที่เธอจะเดินทางไปทำธุระในเมืองได้ครบทุกอย่างที่ตั้งใจ
ในเช้าวันหยุดเธอตั้งใจตื่นมาอาบน้ำแต่งหน้าแต่งตัวตั้งแต่เช้าเพื่อรอขึ้นรถเข้าเมืองกับชาวบ้าน เซียนอวี่ยิ้มทักทายเหล่าลุงป้าน้าอาอย่างเป็นมิตร ระหว่างนั่งอยู่บนรถก็คุยเรื่องนั้นเรื่องนี้กับเหล่าป้า ๆ ไปแก้เบื่อ
ส่วนเรื่องที่คุยกันก็เรื่องชาวบ้านนั่นแหละ เอาง่าย ๆ คือเธอได้รับการยอมรับจากผู้หญิงในหมู่บ้านให้ร่วมวงนินทาคนอื่นแล้ว แม้ว่าเธอจะรู้เรื่องของคนในหมู่บ้านมาพอสมควร แต่พอเข้ามาอยู่ในวงสนทนานี้ ทำให้เธอรู้ได้ทันทีว่าเธอรู้เรื่องรอบ ๆ ตัวน้อยมาก บ้านนั้นตีลูก บ้านนี้รังแกสะใภ้ เธอไม่เคยรู้เรื่องมาก่อนเลยสักนิด ขนาดผ่านมาแล้วชีวิตหนึ่ง
เซียนอวี่นั่งเออออไปกับคนอื่น ๆ ก่อนจะขอแยกตัวไปเอาของของตัวเองเมื่อรถแล่นมาถึงที่หมาย เธอโบกมือลาเหล่าป้า ๆ ก่อนจะรีบเดินไปยังสำนักงานไปรษณีย์ประจำเมืองทันที
“มารับของค่ะ ชื่อซ่งเซียนอวี่ ส่งมาจากเมืองหลวง” เธอยื่นบัตรประจำตัวให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบ ก่อนจะได้รับบัตรคืนพร้อมกล่องขนาดใหญ่สองสามกล่อง
ขนาดกล่องนั้นค่อนข้างใหญ่ เธอเม้มปากแน่นทันทีที่เห็นกล่องเหล่านี้ ในตอนแรกเธอดีใจที่ของมาถึง แต่เธอก็ลืมเรื่องสำคัญไปเช่นกัน ว่าของเยอะแยะขนาดนี้ เธอจะขนกลับไปได้ยังไง ไม่ต้องพูดถึงเรื่องขึ้นรถกลับไปพร้อมชาวบ้านเลย กล่องใหญ่ขนาดนี้ ไม่มีที่พอให้เธอแน่ ๆ อย่าบอกนะว่าเธอต้องเดินกลับ
“ขนอะไรมาเยอะแยะขนาดนั้น แล้วนี่จะเอากลับไหวหรอ”
ในขณะที่เซียนอวี่กำลังยุ่งวุ่นวายอยู่กับพัสดุชิ้นใหญ่ของตัวเอง เสียงกวนประสาทแสนจะคุ้นหูก็ดังขึ้นจากด้านหลัง เมื่อหันไปมองก็เห็นว่าคนที่เดินเข้ามาหาตนนั้นเป็นคน
“นาย”
“อะไรกัน นี่ไม่เคยคิดจะถามชื่อกันเลยหรือไง ฮึ” อีกคนทำหน้าบึ้ง ก่อนจะเดินมาเบียดหญิงสาวให้หลีกทาง แล้วตัวเองก็ไปยกกล่องของคนอื่นโดยพลการ
“นะ นี่ นั่นของฉันนะ จะเอาไปไหนน่ะ”
“...แล้วเธอถือไหวหรือไง”
เพียงแค่ประโยคสั้น ๆ เซียนอวี่ก็ยอมปิดปากแล้วเดินตามเงียบ ๆ เธอจะยกไหวได้ยังไง สุดท้ายเลยได้แต่เดินตามคนตัวโตต้อย ๆ ไปทั้งอย่างนั้น