หลินซินจากนักศึกษาวิทยาลัยธรรมดา... เธอกลับถูกพัดพาข้ามกาลเวลามายังอีกโลกในนิยายและกลายเป็น ฮองเฮา แถมยังได้รับ ระบบเอไอสุดล้ำ มาเป็นผู้ช่วย ที่มีรูปลักษณ์เป็นเด็กชายตัวน้อยน่ารักอย่างเสี่ยวหลิง เธอคิดว่า ชีวิตใหม่นี้คงจะเต็มไปด้วยความสุข สบาย มีเวลาจิบน้ำชาในสวนทุกวัน แต่แล้วระบบกลับแจ้งเตือนว่า… “พระเอกของโลกนี้... เสียหายเกินเยียวยา!” “ระดับอันตราย: ทำลายล้างโลก!” หากเธอไม่สามารถ เปลี่ยนใจพระเอก ได้ล่ะก็... โลกนี้จะล่มสลายและเธอจะตายไปพร้อมกัน!
View More[เสียงระบบกระซิบในความมืด]
“เมื่อเขาหยุดเชื่อในความรัก และสูญเสียจิตใจอันดีงาม เมื่อนั้นโลกก็เริ่มพังทลาย” เสียงระเบิดดังสนั่นหวั่นไหว...ดังสะท้านสะเทือนดั่งฟ้าลั่น สายลมพัดแรงส่งเสียงหวีดหวิว ช่วยส่งเสริมเปลวเพลิงให้ลุกโหม เสียงกรีดร้องโหยหวนของผู้คนที่เจ็บปวดทุรนทุรายก่อนตาย ความวุ่นวายกระจายไปทั่วทุกหนแห่ง เสียงเปลวเพลิงโลมเลียกลืนกินวังหลวงที่เคยยิ่งใหญ่จนเหลือเพียงเถ้าธุลีกองหนึ่ง แต่มีอยู่เพียงที่เดียวที่ยังคงสงบนิ่ง ไร้ซึ่งสรรพเสียงใด บนบัลลังก์มังกร... ร่างของจักรพรรดิหนุ่มผู้เย็นชานั่งนิ่งราวรูปสลัก กำลังถูกเปลวเพลิงกลืนกินทีละน้อย ความร้อนแผ่กระจายไปทั่ว ไฟเริ่มลุกไหม้โลมเลียแผ่นหลังกว้าง ส่งผลให้ผิวเนื้อบริเวณนั้นเริ่มบวมแดงคล้ายจะปริแตกออกมา กลิ่นเนื้อไหม้ปะปนกับกลิ่นคาวเลือด รวมถึงควันคละคลุ้งและเศษซากสิ่งของในตำหนักสิ่งเหล่านั้นไม่อาจทำให้ชายผู้นั่งบนบัลลังก์มังกรสั่นไหวได้แม่แต่องคาพยพเดียว เขายังคงนั่งอยู่อย่างนั้นโดยสีหน้าไร้ซึ่งความเจ็บปวดใด ๆ คล้ายกับว่าไม่ว่าความเจ็บปวดใดจะกล้ำกราย ก็มิอาจทำให้เขาเจ็บช้ำได้แม้เพียงน้อย เพราะเขาได้ผ่านสิ่งที่ทรมานเสียยิ่งกว่าความตายมาแล้ว ร่างสูงสง่านั้นปิดเปลือกตาลง...ก่อนจะกระซิบชื่อใครบางคนเป็นคำสุดท้าย “...ซินเยว่...” [เสียงระบบ: รีเซ็ตโลกไม่สำเร็จ / กำลังค้นหาฮองเฮาคนใหม่] ……. เสียงทุ้มต่ำแบบโมโนโทนชวนง่วงนอนของอาจารย์ในห้องเลกเชอร์ดังก้องอยู่ในความทรงจำเป็นฉากสุดท้ายที่เธอจำได้ “นักศึกษาทุกคนอย่าลืมส่งรายงานก่อนเที่ยงตรงวันพรุ่งนี้นะครับ” จากนั้น... ทุกอย่างก็ดับวูบ… “โอ๊ยยย ใครเขวี้ยงคีย์บอร์ดใส่หัวกูวะ!” เสียงโวยวายดังลั่น พร้อมกับร่างของหญิงสาวที่ดีดตัวขึ้นมานั่งบนเตียงไม้ ก่อนที่ศีรษะจะโขกเข้ากับหัวเตียงเสียงดังลั่นเสียจนทำหญิงสาวรู้สึกหัวหนักอึ้ง ราวกับถูกรุมทึ้ง สองมือเรียวยกขึ้นกุมศีรษะทันใด หลังจากอาการปวดหนึบเริ่มบรรเทาศีรษะเล็ก ๆ นั้นจึงหันไปมองรอบทิศ หลินซินเยว่ นักศึกษาธรรมดา ๆ ที่ยังไม่ทันส่งรายงานโปรเจกต์จบปีสี่ ลืมตาขึ้นมาในห้องที่ประดับประดาด้วยลายมังกรสีทอง และกลิ่นชาดอกเหมยที่ลอยอวลอยู่ในอากาศโชยเอื่อยเข้าจมูกให้ความรู้สึกสดชื่น ผ้าม่านโปร่งบางสีแดงปกคลุมรอบเตียง ทำให้มองสิ่งที่อยู่นอกม่านไม่ถนัดนัก “นี่ฉันดูซีรีย์จีนเยอะไปจนเก็บเอามาฝันเลยเหรอเนี่ย” หลินซินเยว่หย่อนปลายเท้าลงก่อนจะแหวกผ้าม่านโปร่งบางนั้นเพื่อจะเดินออกไปสำรวจภายในห้อง “ฮิฮิ ไหน ๆ นี่ก็คือความฝัน งั้นขอฉันซนหน่อยละกัน” ภายในห้องนั้นกว้างขวางโอ่อ่า เครื่องเรือนต่าง ๆ ทำอย่างประณีต แต่ที่ดึงดูดความสนใจของหลินซินเยว่ที่สุดกลับเป็นโต๊ะเครื่องแป้ง “ไหนขอดูหน่อยซิ สมัยนั้นเขาแต่งหน้ากันยังไง” หญิงสาวเดินไปนั่งที่เก้าอี้ไม้หน้ากระจก หลินซินเยว่มองใบหน้านั้นไม่ถนัดนัก กระจกนั้นไม่ได้ชัดเจนเหมือนกับกระจกที่เธอส่องอยู่ทุกวัน แต่ก็ยังพอมองออกว่าใบหน้าที่ปรากฏในกระจกนั้นช่างงดงามเหนือคำบรรยาย “กระจกอะไรเนี่ย ส่องแล้วสวยกว่าตัวจริงซะอีก หลอกตาชะมัด” ถึงปากจะพูดแบบนั้น แต่มุมปากกลับยกยิ้มไม่ยอมวาง ขณะที่หญิงสาวกำลังตื่นตาตื่นใจกับทุกสิ่งในห้องอยู่นั้น [ติ๊ง! ยินดีต้อนรับสู่ระบบกู้โลกเวอร์ชัน 3.0 BETA!] [ภารกิจของหม่าม๊าคือ: จีบจักรพรรดิผู้ไร้หัวใจ ให้หลงรักก่อนโลกจะแตกในอีก 365 วัน!] [คำเตือน: ถ้าทำไม่สำเร็จ... โลกนี้จะล่มสลาย และหม่าม๊าจะตายไปพร้อมกัน] “...หา!?” [และขอแสดงความยินดี... หม่าม๊าคือ “ฮองเฮา” ของเขา] เสียงเล็ก ๆ ดังเจื้อยแจ้วในหัวของหลินซินเยว่ หญิงสาวสับสนไปหมดแล้ว ร่างบางหันซ้ายแลขวาเพื่อมองหาที่มาของเสียง แต่ก็ไม่พบใคร เธอควรจะตกใจอะไรก่อนดี ระหว่างเสียงไร้ที่มา หรือสิ่งที่เสียงนั้นบอกเธอ! [ระบบจะเริ่มอธิบายภารกิจเบื้องต้นภายใน 5 วินาทีหากระบบไม่โดนเจ้าของตบออกจากหัวเสียก่อน] “พูดเองตบมุกเองด้วยนะนั่น…” [โปรดฟังให้ดี: 1. ขณะนี้ท่านคือ “ฮองเฮา” แห่งแคว้นอวี้ 2. พระเอกของโลกนี้คือ “จักรพรรดิอวี้เหยียน” 3. ค่าอารมณ์ของพระเอกอยู่ในระดับ “เย็นเยียบลบ 500 องศา” 4. พระเอกพังเกินเยียวยา หากปล่อยไว้นาน จะกลายเป็นตัวการล่มสลายของโลก 5. ภารกิจของท่าน: จีบพระเอกให้หลงรัก! และเพิ่มค่า “ดัชนีอบอุ่นหัวใจ” ให้ถึง 100 แต้ม 6. เริ่มภารกิจแรก: เอาตัวรอดจากวังหลังให้ได้ 24 ชั่วโมงโดยไม่โดนใครวางยา ตบหน้า หรือใส่ร้ายว่าเป็นสายลับ] “...อือหือ…” ซินซินเอามือทาบอก หายใจเข้าลึก ๆ อย่างสงบสติอารมณ์ ก่อนจะตะโกนลั่นห้อง “นี่มันเกมจีบหนุ่มหรือ Hunger Games วะเนี่ย!!?” “เดี๋ยวนะ ไม่ใช่ว่าฉันกำลังฝันอยู่หรอกเหรอ แล้วนี่มันอะไรกันเนี่ย?!” [หม่าม๊าไม่ได้ฝันหรอกครับ นี่คือโลกเสมือน หม่าม๊าได้ถูกคัดเลือกให้เข้ามาทำให้ระบบสมบูรณ์ ซึ่งปัญหาใหญ่คือตัวพระเอกของโลกนี้หรือก็คือจักรพรรดิอวี้เหยียน ที่มักมีการกระทำไม่เป็นไปตามบทบาทที่ได้รับ แม้ระบบจะทำการรีเซ็ตตัวละครนี้ไปหลายครั้ง แต่ก็ยังมีพฤติกรรมแบบเดิม คล้ายว่าจะบัคเลยครับ ทางระบบจึงต้องใช้วิธีเรียบง่ายที่อาจได้ผลดี แม้จะต้องใช้เวลามากสักหน่อย โดยการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับเขาก่อนที่จิตใจเขาจะแตกสลาย และชักจูงเขาให้เดินในทางที่ถูกต้องและรู้จักความรักที่แท้จริง] “แล้วมันเกี่ยวอะไรกับฉันล่ะ?” หลินซินเยว่ว่าพลางชี้นิ้วมาที่ตัวเอง [เพราะว่าหม่าม๊าได้รับการคัดเลือกจากระบบว่ามีโอกาสที่จะเปลี่ยนพระเอกของโลกนี้ได้ ซึ่งโอกาสนั้นสูงถึงแปดสิบห้าเปอร์เซ็นต์เมื่อเทียบกับหญิงสาวคนอื่น ๆ รวมทั้งความชอบและติดตามดูละครสั้น ซีรีย์จีน และดาราหนุ่มหล่อมากมาย ระบบจึงตัดสินใจเลือกหม่าม๊าครับ] เสียงนั้นไม่พูดเปล่า แต่กลับแสดงหน้าจอปรากฏขึ้นเบื้องหน้าของหลินซินเยว่ คลิปวิดีโอที่ฉายนั้นแสดงพฤติกรรมการหวีดหนุ่มจีนหล่อ ๆ ของเธอ รวมไปถึงตอนนั่งหัวเราะอ้าปากกว้างขณะดูซีรีย์อยู่ ยังไม่จบเพียงเท่านั้น ยังปรากฏภาพเธอร้องไห้น้ำตาปนน้ำมูกไหลกับฉากสะเทือนใจกับการตายของพระนางของเรื่อง “พอ ๆ ๆ ภาพพวกนี้มีคนอื่นเห็นไหมเนี่ย” หญิงสาวอับอายจนแทบจากจะมุดดินหนี ชีวิตของเธอถูกคนแอบมองตลอดเลยเหรอเนี่ย [หม่าม๊าวางใจได้ ไม่มีคนอื่นเห็นครับ และระบบจะปกปิดเป็นข้อมูลลับเฉพาะส่วนตัวของหม่าม๊า ขอหม่าม๊าวางใจได้คนรับ] “นี่ เลิกเรียกฉันแบบนั้นสักที ฉันยังไม่มีลูกนะ” ก่อนที่ระบบจะได้ตอบกลับสิ้งใดต่อไป เสียงประตูหน้าห้องก็เปิดออกเบา ๆ ปรากฏร่างสาวใช้ในชุดผ้าแพรสีชมพูก้มตัวอย่างนอบน้อม “ถวายพระพรฮองเฮา ฝ่าบาทจะเสด็จมาที่ตำหนักคุนหนิงในอีกหนึ่งชั่วยามเพคะ...” [ติ๊ง! มิชชันพิเศษ: “สบตาพระเอกครั้งแรก โดยไม่สะดุดล้ม ทำปากพล่อย หรือโดนดุ” รางวัล: +5 คะแนนความมั่นใจ สถานะ: เสี่ยง 87%] “อะไรนะ...พระเอกจะมาเหรอ?” [ขอแนะนำให้ท่านรีบล้างหน้า เปลี่ยนชุด และซ้อมยิ้มหน้ากระจกภายใน 15 นาที โหมดจำลองเปิดใช้งานแล้ว ข้อมูลเพิ่มเติม: พระเอกของท่านอารมณ์ไม่คงที่ มีแนวโน้มฆ่าคนในระยะห้าเมตรโดยไม่กระพริบตา] ซินซินกลืนน้ำลายอย่างยากลำบาก “หนีตอนนี้ยังทันไหมอะ?” [ไม่ทันแล้ว ท่านลงทะเบียนระบบไปแล้วนะ ปลดไม่ได้ ยกเลิกไม่ได้ คืนก็ไม่ได้ ขอให้ท่านโชคดี...] “ม่ายยยย!” ไม่นานหลังจากนั้นเสียงประตูบานใหญ่เปิดออก... ขันทีและสาวใช้หลายคนต่างเดินเข้ามาก่อนจะพากันยอบตัวคำนับเธอ “ถวายพระพรฮองเฮาเพคะ/พ่ะย่ะค่ะ!” เหล่านางกำนัลทั้งหลายต่างเข้ามารุมล้อมตัวนางเพื่อผลัดเปลี่ยนอาภรณ์ชุดใหม่ให้หญิงสาวผู้สูงศักดิ์ที่สุดในวังหลัง อาภรณ์งดงามสีชาดลายหงส์สยายปีกถูกสวมคลุมบนร่างแบบบาง หลังจากจัดการกับชุดได้แล้ว นางกำนัลก็ผายมือเชื้อเชิญนางให้นั่งลงห้าโต๊ะเครื่องแป้งนั้น ก่อนจะลงเครื่องประทินผิวพร้อมด้วยแป้งบางเบา ก่อนจะแต่งแต้มชาดที่แก้มและลงสีที่ริมฝีปากเล็กบาง ตลอดช่วงเวลานั้นหลินซินเยว่รู้สึกราวกับตัวเองเป็นตุ๊กตาไร้ชีวิตที่ถูกคนจับใส่เสื้อผ้าและบิดตัวจูงแขนจับใบหน้าหันไปมา ในที่สุดช่วงเวลาที่ความคิดจิตใจล่องลอยไปไกลก็ถูกดึงกลับมาอีกครั้ง เสี่ยวจิ่วนางกำนัลคนสนิท (ระบบขึ้นตัวหนังสือบอกชื่อและสถานะบนหัวของหญิงรับใช้) ก็สรรเสริญเยินยอความงามของเจ้านายตนเองทันที หลินซินเยว่แอบกรอกตามองบนเบา ๆ แต่แล้วโดยยังไม่ทันตั้งตัว ก็มีเสียงจากขันทีที่เฝ้าหน้าประตูห้องรายงานเข้ามาอีกว่า “ฝ่าบาทเสด็จ!” ใจของหลินซินเยว่เต้นถี่รัว ฝ่ามือเย็นชื้นไปด้วยเหงื่อ ก่อนจะเผลอสูดลมหายใจเข้าลึกโดยไม่รู้ตัว ดวงตาของเธอสบเข้ากับแววตาเย็นชาของชายผู้หนึ่ง จักรพรรดิอวี้เหยียน พระเอกที่ระบบบอกว่า...เสียหายเกินเยียวยา ร่างนั้นสูงโปร่ง แม้จะอยู่ในอาภรณ์ที่สวมทับกายหลายชั้น แต่เธอก็ยังพอมองออกถึงกล้ามเนื้อแข็งแรงภายใน เค้าโครงหน้านั้นช่างเหมาะเจาะพอดี ทำเอาหลินซินเยว่แทบลืมหายใจ ‘จะบ้าตาย พระเอกของโลกนี้มันต้องหล่อขนาดนี้เลยเหรอวะ ถ้าพี่แกอยู่ในโลกจริงล่ะก็ รับรองได้ว่าบทตัวร้ายที่จับสลากได้บทพระเอกต้องเป็นของเขาแน่นอน’ ดวงตาเรียวคู่นั้นนิ่งเฉียบเย็นชา ราวกับมองทะลุจิตใจเธอได้ คิ้วหนาขมวดมุ่นเมื่อเจอกับท่าทางผิดปกติของฮองเฮาในยามนี้ [ระบบ: อุณหภูมิหัวใจพระเอก -500 องศา] [ระดับอันตราย: ทำลายล้างโลก] เขาเอ่ยออกมาด้วยเสียงทุ้มต่ำติดแหบเล็ก ๆ “ข้าจำไม่ได้เลยว่าอนุญาตให้เจ้า...มองข้าตั้งแต่เมื่อไหร่” และนั่นทำเอาทุกอย่างในตัวหลินซินเยว่... เย็นเฉียบไปทั้งร่าง นี่มัน...เกมจีบหนุ่มฉบับนรกชัด ๆ! ใบหน้าเล็กรีบก้มลงจนคางชิดอก อยู่ ๆ ก็รู้สึกหนาวเยือกขึ้นมา นี่หรือคือรัศมีของฮ่องเต้เจ้าผู้ครองแคว้น กลิ่นอายที่แผ่ออกมาจากตัวเขากดดันจนนางที่ตัวเล็กอยู่แล้วยิ่งรู้สึกตัวลีบลงไปอีก “นี่ ระบบ หยุดพักแป๊บหนึ่งได้มั้ย ขอพักหายใจหายคอก่อนได้ป่ะ อีตาพระเอกนี่รังสีพิฆาตกดดันจนจะหายใจไม่ออกแล้ว” หลินซินเยว่พึมพำออกมาเสียงเบา ในหัวหวังว่าเจ้าระบบตัวดีจะหยุดให้ แบบละครสั้นจีนแนวระบบที่เธอเคยดูมา แต่รออยู่สักพักก็ไม่มีสิ่งใดปรากฎออกมาเลย “นี่เจ้าจะเล่นลูกไม้อะไรกับเราอีก ฮองเฮา” ชายในชุดคลุมมังกรยื่นมือมาบีบคางนางให้หันมาสบตากับเขา อวี้เหยียนชิงชังในตัวนางยิ่งนัก นับแต่ที่เขาได้ครองราชย์ไม่มีวันใดเลยที่สตรีนางนี้จะทำให้เขาสบายใจ มีแต่สร้างปัญหาไม่หยุดหย่อน วังหลังที่ควรมีฮองเฮาช่วยแบ่งเบาและจัดการควบคุมให้อยู่ในกฏระเบียบอันควรจะเป็น แต่ผู้มีอำนาจจัดการอย่างนางกลับเป็นตัวปัญหาเสียเอง หากว่าเขาไม่เห็นแก่ความสัมพันธ์เก่าก่อนเมื่อครั้งที่เขายังเป็นเพียงองค์ชายไร้ค่า และตระกูลของนางได้ช่วยให้เขาบรรลุจุดประสงค์ได้ล่ะก็ เขาคงสั่งปลดและประหารนางไปนานแล้ว “หม่อมฉัน…” หลินซินเยว่ดวงตาเบิกกว้าง ปากคอสั่น ตั้งแต่เกิดมาก็ไม่เคยเจอใครทำรุนแรงกับนางเช่นนี้มาก่อน ไหนเลยจะยังรับมืออารมณ์ของฝ่าบาทได้ “หึ วันนี้เล่นบทหญิงเจ้าน้ำตาแล้วหรือ ต่อไปถ้าส่งคนไปเชิญข้ามาเพียงเพื่อมาดูเจ้าเล่นละครเช่นนี้ล่ะก็ เจ้าคงรู้นะว่าสุดท้ายเจ้าจะเป็นเช่นไร” พระสุรเสียงแข็งกร้าวนั้นแน่นอนว่ามาพร้อมกับท่าทีที่กระด้างยิ่งกว่า ฝ่ามือหนาที่บีบคางเล็กเรียวสบัดออกราวต้องของร้อน ก่อนจะผลักนางให้ห่างตัว จนหลินซินเยว่ที่ไม่ทันตั้งตัวจึงล้มลงไปทั้งอย่างนั้น เสียงเจ็บปวดดังลอดออกจากลำคอของหลินซินเยว่ รสเลือดจาง ๆ แตะปลายลิ้น แต่เธอฝืนกัดฟันกลืนมันลงไป เงยหน้าขึ้นทั้งน้ำตาคลอ เบื้องหน้านางชายผู้ครองอำนาจสูงสุดก้าวเดินออกไปอย่างไม่ไยดี แผ่นหลังกว้างนั้นเปี่ยมด้วยรัศมีที่น่าหวาดหวั่น ทว่า...เพียงเสี้ยววินาทีก่อนที่เขาจะก้าวลับตาไป อวี้เหยียนชะงัก สายพระเนตรคมกริบเหลือบกลับมามองเธอ แม้ดวงเนตรคู่นั้นยังคงเย็นชา...แต่ในความลึกสุด กลับวูบไหวราวเปลวเพลิงที่กำลังจะมอดดับ คล้ายกับว่ามีบางอย่างที่เขา พยายามกดทับไม่ให้ใครเห็น [ยินดีกับผู้เล่นคนใหม่ ท่านผ่านภารกิจการพบหน้าครั้งแรกโดยไม่ถูกลงโทษ คะแนนความมั่นใจ +5 ค่าความสัมพันธ์ระหว่างท่านกับฝ่าบาท -1,000] [คำเตือนฉุกเฉิน: ตรวจพบเจตนาสังหารรอบตำหนัก] [ระยะเวลาเอาตัวรอด: 6 ชั่วโมง] เลือดในกายหลินซินเยว่เย็นเฉียบทันที “...หา!? ยังไม่จบอีกเหรอ!” เธอเผลอตะโกนเสียงสั่น ทันใดนั้น เสียงโลหะเสียดสีกันก็ดังขึ้นจากหลังฉากผ้าม่าน ร่างบางหันขวับไปมองทันที จึงได้เห็นเงาคนลึกลับกำลังก้าวออกมาช้า ๆ... แววตาเต็มไปด้วยความหมายเดียว…ฆ่า!!!เสียงเหล่าขุนนางขานรายงานลากยาวราวบทสวดอันซ้ำซาก อวี้เหยียนนั่งบนบัลลังก์มังกร สายพระเนตรเย็นเยียบไล่ไปทีละคน…จนถึงเงาร่างหนึ่งที่นั่งเคียงข้าง ผ้าคลุมไหล่สีเข้มของฮองเฮาอวิ๋นซินเยว่สะท้อนเข้าตาเขาพอดี ดวงตาเธอก้มต่ำ ฟังรายงานอย่างสงบ แต่นิ้วเรียวแอบหมุนกำไลหยกบนข้อมือซ้ายไปมาอย่างเบื่อหน่ายเพียงท่าทางเล็กน้อยนั้น กลับสะกิดของเขายิ่งนัก มุมปากหยักหนายกขึ้นเล็กน้อยโดยไม่รู้ตัว แต่เพียงแวบเดียวเท่านั้น เขารีบตวัดสานตากลับไปยังขุนนางที่กำลังเถียงกันเรื่องการเก็บภาษีชายแดน หลี่กงกงที่ยืนก้มหน้าอยู่ด้านล่าง มองเห็นแววตานั้นชัดกว่าใคร คนที่นั่งสูงสุดบนบัลลังก์ มังกรยังเป็นมังกร แต่แววตานั้น…ไม่เหมือนเดิม ฮ่องเต้หนุ่มที่ดึงสติกลับมา ได้ยินเสียงขุนนางหนุ่มฝ่ายบุ๋นดังขึ้นอย่างกล้าหาญเกินวัย “ทูลฝ่าบาท หากยังเก็บภาษีเช่นนี้ต่อไป ชาวบ้านชายแดนจะอดตายพะย่ะค่ะ” “เงียบ” พระสุรเสียงดังก้องไปทั่วท้องพระโรงขุนนางหนุ่มหน้าซีดเผือด รีบก้มลงคุกเข่า ทุกสายตาในท้องพระโรงตึงเครียด แต่ละคนไม่กล้าเงยหน้าทั้งห้องเงียบรางกับไร้ผู้คน…ยกเว้นเพี
เสียงวิพากษ์วิจารณ์ยังดังระงมรอบลานชมบุปผา “ฮองเฮาเป็นผู้จัดงานจะปฏิเสธความผิดได้อย่างไร!”“สนมขั้นผินถึงกับเกือบสิ้นใจเช่นนี้ มิใช่เรื่องเล็กแล้ว!”หมอหลวงยังคงคุกเข่า รายงานเสียงหนักแน่นว่าเป็นอาการแพ้ดอกไม้ที่ใช้ประดับงานซึ่งทั้งหมดล้วนผ่านมือฮองเฮาจัดการทั้งสิ้นสายตาของเหล่าสนมพุ่งมาที่อวิ๋นซินเยว่ไม่วาง ราวกับเธอเป็นอาชญากรตัวจริง ร่างบางกำมือแน่น หัวใจเต้นแรงจนแทบทะลุอก ไม่ว่าจะคิดทางไหน ก็ไร้ทางรอด…ทันใดนั้น เสียงเล็ก ๆ ดังเจื้อยแจ้วขึ้นในโสตประสาทของเธอ เสี่ยวหลิง![หม่าม๊า…ทุกคนกำลังตัดสินท่านผิดแน่ ๆ แล้วครับ แต่ถ้าหม่าม๊าอยากให้ช่วย เสี่ยวหลิงก็พอมีวิธีขอรับ]อวิ๋นซินเยว่สะดุ้งน้อย ๆ คิ้วขมวดแน่น พลันกระซิบในใจ 'วิธีอะไร'[วิธีที่จะทำให้ท่านหลุดพ้นในวันนี้อย่างปลอดภัย… เสี่ยวหลิงสามารถปล่อยบั๊กข้อมูล ให้หลักฐานทั้งหมดเบี่ยงเบนไปหาคนอื่นได้ แต่ว่ามีข้อแลกเปลี่ยนครับ]'ข้อแลกเปลี่ยนเหรอ'เสี่ยวหลิงเงียบไปชั่วครู่ ก่อนตอบเสียงเบาลง ราวกับตัวเองก็ไม่อยากพูด[หากวันนี้หม่าม๊าใช้วิธีนี้…ท่านจะรอดพ้นก็จริง แต่ระบบจะตัด *เหตุการณ์พิเศษกับฝ่าบาท ที่ควรเกิดขึ้นหลังงานนี้ออกไปขอรับ]
เสียงหัวเราะชื่นชมจากบรรดาสนมดังระงมไปทั่วลาน เมื่อ ซูกุ้ยเฟย ยกกลอนที่เพิ่งแต่งเสร็จขึ้นถวายไทเฮา ท่วงทำนองอ่อนหวาน เปรียบดอกโบตั๋นเป็นสัญลักษณ์แห่งเกียรติยศ สละสลวยจนแม้แต่ขุนนางฝ่ายในที่นั่งอยู่ด้วยยังพยักหน้ารับ ซูกุ้ยเฟยยกยิ้มบาง ก่อนหันไปทางซินเยว่พลางเอื้อนเอ่ยเสียงใส “กลอนของหม่อมฉันหาได้พิเศษอันใดไม่… ผู้ที่มีความสามารถแท้จริงด้านบทกวีคือฮองเฮาต่างหากเพคะ” ทันใดนั้นสายตาทุกคู่ก็หันมาจับจ้องยัง อวิ๋นซินเยว่ หัวใจเธอกระตุก เพราะตัวเองแต่งกลอนไม่เป็นแม้แต่นิดเดียว! [ติ๊ง! สถานการณ์อันตรายระดับ 95%! หากตอบไม่ได้ = ค่าศักดิ์ศรีฮองเฮาลดฮวบ! ถูกผู้คนหัวเราะเยาะทั้งงาน และไทเฮาจะผิดหวังในตัวท่านมากขอรับ] “เอ่อ…หม่อมฉันกลัวว่า หากแต่งกลอนออกมา…จะไปไม่ถึงครึ่งของกุ้ยเฟยเพคะ” เสียงกระซิบดังระงม หลายคนชะงักนึกว่าฮองเฮาจะถอยหนี แต่เธอกลับหันไปยิ้มกว้างต่อหน้าทุกคน ไทเฮาเลิกพระขนงเล็กน้อย คล้ายสนใจอยากฟัง อวิ๋นซินเยว่สูดหายใจลึก แล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงใส “ดอกไม้อาจงดงามเพราะฤดูกาล แต่ก็เหี่ยวเฉาไปเพราะฤดูกาลผันผ่านเช่นกัน
และแล้ววันจัดงานชมบุปผาก็มาถึง เสียงกลองเบา ๆ จากเหล่านักดนตรีด้านนอกดังมาเป็นสัญญาณ งานเลี้ยงชมบุปผาที่ทุกคนรอคอยกำลังจะเริ่มขึ้น ภายในตำหนักคุนหนิง อวิ๋นซินเยว่แทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง นางกำนัลนับสิบต่างรุมล้อม ใส่เสื้อคลุมชั้นแล้วชั้นเล่า สีสันสดใสราวท้องฟ้ายามรุ่งอรุณกับกลีบกุหลาบแรกแย้ม ชุดปักดิ้นเงินลายหงส์สยายปีกโอบล้อมไปทั่วร่าง ผมดำถูกรวบขึ้นอย่างประณีต ประดับปิ่นหยกมรกตระยิบระยับ เมื่อเครื่องประดับชิ้นสุดท้ายถูกเสียบลง เธอถูกดันให้นั่งต่อหน้ากระจกทองเหลืองบานใหญ่ ภาพสะท้อนเบื้องหน้าทำให้เธอถึงกับตะลึง “นี่…คือข้าจริง ๆ หรือ?” อวิ๋นซินเยว่อ้าปากค้างเล็กน้อย กะพริบตาปริบ ๆ เหมือนมองคนแปลกหน้า ผิวที่ปกติซีดขาวบัดนี้เจือสีแดงนวลอย่างสุขภาพดี ริมฝีปากทาด้วยชาดสีแดงอ่อนดูงามละมุน สายตาที่เคยสดใสราวเด็กสาวกลับกลายเป็นวาววับดั่งหญิงสูงศักดิ์ที่พร้อมจะสะกดทุกสายตาแต่แววซุกซนยังไม่หายไป ทำให้ความสง่างามนั้นยิ่งมีเสน่ห์มากกว่าใคร
ลมฤดูใบไม้ผลิพัดกลีบดอกเหมยปลิวเข้ามาในตำหนักคุนหนิง อวิ๋นซินเยว่นั่งอยู่ท่ามกลางกองบันทึกพิธีและตำรามารยาทสูงเป็นตั้ง ดวงตาคมกวาดมองทีละบรรทัดด้วยสีหน้าเคร่งขรึม นางพึมพำเบา ๆ “งานชมดอกไม้… มิใช่เพียงเรื่องความงาม หากแต่สะท้อนศักดิ์ศรีของฮองเฮา หากข้าพลาดเพียงนิดเดียว ซูกุ้ยเฟยจะต้องใช้เป็นข้ออ้างโจมตีข้าแน่” ทันใดนั้น แสงสีฟ้าใสสว่างวาบขึ้นกลางอากาศ เสี่ยวหลิง ระบบเอไออัจฉริยะปรากฏร่างจำลองขึ้นมาพร้อมเสียงแจ่มใสที่ตัดกับบรรยากาศตึงเครียด “หม่าม๊า อย่ากังวลไปเลย ข้าได้สแกนบันทึกงานราชพิธีเก่า ๆ ทั้งหมดแล้ว พบว่ามีจุดอ่อนอยู่หลายอย่างที่สามารถพลิกสถานการณ์ให้ท่านได้เปรียบ!” อวิ๋นซินเยว่เงยหน้ามองด้วยสายตาวาบประกายความหวัง “เจ้ามีแผนอะไรหรือ เสี่ยวหลิง?” ภาพเสมือนคล้ายแผนผังสามมิติถูกฉายขึ้นกลางห้อง แสดงการจัดวางตำแหน่งโต๊ะสำรับ น้ำชา ดนตรี และตำแหน่งดอกไม้ในสวน เสี่ยวหลิงเอ่ยเสียงกระตือรือร้น “หากท่านเลือกพันธุ์ดอกไม้ที่ยังไม่เบ่งบานเต็มที่ พอถึงวันงานมันจะผลิบานพร้อมกันพอดี สร้างความประทับใจได้มากกว่าซูกุ้ยเฟยที่มัวแต่เน้นความหรูหราเกินจำเป็น” นางพยักหน้าอย่างครุ
เสียงฆ้องเบา ๆ ดังขึ้นสามครั้ง ก่อนที่ม่านกำมะหยี่สีแดงขลิบทองในห้องโถงของตำหนักคุนหนิงจะถูกเลิกขึ้นอย่างช้า ๆ แสงแดดยามสายส่องลอดเข้ามาตกต้องกับอาภรณ์สีม่วงทองระยับตา ไทเฮาปรากฏกายอย่างสง่างามเรือนพระเกศาที่ขาวแซมเพียงเล็กน้อยถูกเกล้าอย่างประณีต ประดับปิ่นหยกชั้นสูง สายตาคมกริบของนางกวาดมองเหล่าสนมและพระสนมชั้นสูงที่คุกเข่าลงและนั่งเรียงรายอยู่เบื้องหน้า ทันใดนั้น บรรยากาศทั้งตำหนักอี้คุนก็เหมือนถูกตรึงด้วยไอเย็นแห่งอำนาจของสตรีที่เคยได้ชื่อว่ามีอำนาจที่สุดในวังหลังของจักรพรรดิองค์ก่อนเสียงขันทีขานพระนามกังวานก้อง “ไทเฮาเสด็จ”เหล่าสตรีในวังหลังที่มียศต่ำต่างหมอบลงจนหน้าผากแตะพื้น อวิ๋นซินเยว่เองก็ยืนขึ้นเช่นกัน เพียงประสานมือค้อมตัวลงต่ำอย่างนอบน้อม แต่ในใจกลับรู้สึกถึงแรงกดดันมหาศาลที่กำลังกดทับมาบนบ่าไทเฮา ก้าวลงจากบัลลังก์ย่อม ๆ แท่นสูง เสียงรองเท้าปักมุกกระทบพื้นไม้ดังก้องอย่างสง่างามนางทอดพระเนตรมายังอวิ๋นซินเยว่ ริมฝีปากโค้งเพียงน้อย แต่เต็มไปด้วยนัยลึกล้ำ “ฮองเฮา… อีกเจ็ดวันจะมีงานเลี้ยงชมบุปผา เจ้าคงรู้ดีว่า นี่ไม่ใช่เพียงงานรื่นเริง แต่เป็นงานที่แสดงเกียรติยศและเป็
Comments