บทที่6 นัดตรวจติดตามอาการ
เช้าวันศุกร์
“สวัสดีค่ะ หนูมาตรวจตามนัดค่ะ” รดายื่นเอกสารใบนัดให้เจ้าหน้าที่บริเวณหน้าเคาน์เตอร์
“เอ่อ..รบกวนคนไข้รอสักครู่นะคะ” เมื่อดูรายละเอียดในใบนัดเจ้าหน้าที่ก็ยกโทรศัพท์ต่อสายหาใครบางคนสักพัก ก่อนจะวางสายและหันมาบอกกับรดาที่ยืนรออยู่ด้วยสีหน้าแปลกใจเล็กน้อย
“คุณหมอแจ้งว่าให้คนไข้ขึ้นไปพบคุณหมอที่ห้องทำงานได้เลยค่ะ ใช้ลิฟต์ฝั่งด้านซ้ายนะคะ”
“ขอบคุณค่ะ” รดาทำหน้างงเล็กน้อยที่คุณหมอหนุ่มให้เธอขึ้นไปพบบนห้องทำงานทั้งที่ควรจะเป็นห้องตรวจคนไข้ชั้นล่าง แต่ก็กดลิฟต์ขึ้นไปยังชั้น 20 ตามคำสั่งของชายหนุ่ม
ติ๊ง เสียงประตูลิฟต์เปิดออกเมื่อขึ้นมาถึงชั้นจุดหมายปลายทาง
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
รดาเคาะประตูหน้าห้องสามครั้งตามมารยาท ยืนรอสักพักเจ้าของห้องก็เดินมาเปิดประตู
“สวัสดีค่ะ” มือเรียวเล็กทั้งสองข้างยกขึ้นสวัสดีคุณหมอหนุ่มอย่างมีมารยาท
“ทำไมมาแต่เช้า วันนี้ไม่มีเรียนหรือไง”
“วันนี้อาจารย์ยกคลาสค่ะ”
“เข้ามาด้านในสิ” รดาเดินตามชายหนุ่มเข้าไปในห้อง วันนี้แฟ้มเอกสารบนโต๊ะทำงานกองทัพมีไม่มากนักอาจจะเป็นเพราะเขาเคลียร์เสร็จไปเมื่อวันก่อนแล้ว ภายในห้องจึงดูเป็นระเบียบเรียบร้อยทุกระเบียบนิ้ว
“มานั่งนี่ ผมขอดูแผลหน่อย” กองทัพกวักมือเรียกรดาที่เอาแต่ยืนมองรอบๆ ห้องจนลืมตัว
“เอ่อ..ค่ะ” สะโพกกลมมนนั่งลงข้างๆ ชายหนุ่ม กระโปรงสั้นสีฟ้าร่นขึ้นเล็กน้อยเผยให้เห็นเรียวขาสวย
“นั่งรถอะไรมา” ด้วยความที่ห้องพักของรดาอยู่ไม่ไกลจากโรงพยาบาลสามารถนั่งวินมอเตอร์ไซต์มาไม่ถึง20นาทีก็ถึง
“นั่งวินมาค่ะ” คิ้วหนาขมวดเข้าหากันเล็กน้อยเมื่อได้ฟังคำตอบจากหญิงสาว
“ใส่กระโปรงสั้นแบบนี้ นั่งวินมอเตอร์ไซต์มาเนี่ยนะ” เสียงทุ้มต่ำเอ่ยถามย้ำอีกรอบ แค่จินตนาการว่ามีใครเห็นขาสวยๆ ของเด็กสาวตรงหน้าก็รู้สึกไม่พอใจแล้ว
“ปกติหนูก็นั่งประจำ ไม่เห็นเป็นไรเลยนี่คะ” รดาถามกลับน้ำเสียงเธออ่อนลงเพราะรู้สึกน้อยใจ
“แท็กซี่ก็มี ทำไมชอบนั่งวินมอเตอร์ไซต์ มันอันตราย” เสียงดุดันในตอนแรกแปรเปลี่ยนเป็นโทนเสียงปกติ เมื่อรับรู้ได้ว่าเด็กสาวตรงหน้าเริ่มไม่พอใจ
“ใกล้แค่นี้ ทำไมต้องนั่งแท็กซี่ให้เปลืองเงิน”
“ถ้าเดินมาไม่ถึง ก็เรียกว่าไกลทั้งนั้นแหละ คราวหลังถ้าจะนั่งวินมอเตอร์ไซต์ก็ใส่กางเกงขายาว” กองทัพบอกออกไปเสียงเรียบ
“ตาหมอขี้บ่น” ริมฝีปากบางบ่นอุบอิบเสียงอยู่ในลำคอ
“ทายาทุกวันใช่ไหม”
“ทาทุกวันค่ะ หลังอาหารก่อนนอน” รดาตอบกลับกวนๆ เน้นเสียงประโยคหลังน้ำเสียงยั่วโมโห
“ประชด” กองทัพถามกลับ คิ้วหนาสองข้างเลิ่กขึ้นเป็นคำถาม
“เปล่าค่ะ ก็คุณหมอสั่งให้ทาทุกวันก่อนนอนไม่ใช่เหรอคะ” รดาย้อนกลับอย่างไม่นึกกลัว
“ปากเก่งแบบนี้ คงไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงสินะ” เมื่อตรวจดูแผลตามร่างกายทุกจุดจนแน่ใจแล้วกองทัพจึงพูดขึ้น
“ค่ะ คุณหมอ..” เสียงใสลากยาวกว่าปกติก่อนจะลุกขึ้นเดินไปหย่อนสะโพกลงโซฟาอีกตัว
“หนังสือเล่มนั้นอ่านจบหรือยัง” ทั้งคู่นั่งเงียบกันอยู่สักพักก่อนที่กองทัพจะเป็นฝ่ายเอ่ยปากถามก่อน
“จบแล้วค่ะ แต่หนูขอยืมอีกสักอาทิตย์นะคะเพราะหนูต้องทำรายงานเกี่ยวกับธุรกิจระหว่างประเทศ ไม่รู้ว่าจะไปหาข้อมูลได้จากที่ไหนจะติดต่อขอสัมภาษณ์นักธุรกิจที่ทำงานด้านนี้โดยตรงก็คงยาก คงไม่มีใครเสียเวลามานั่งให้สัมภาษณ์หรอกค่ะ”
“ลองติดต่อดูหรือยัง”
“ยังค่ะ แต่หนูคิดว่าติดต่อไปคงโดนปฏิเสธอยู่ดี เลยไม่ติดต่อไปดีกว่า”
“ระดับรองกรรมการผู้จัดการบริษัทนำเข้ารถยนต์ได้ไหม” กองทัพแกล้งถามเพื่อดูปฏิกิริยาของเด็กสาว
“ถ้าได้ก็ดีสิคะ เป็นถึงรองกรรมการผู้จัดการ แต่ใครเขาจะยอมมาล่ะคะ”
“สะดวกวันไหนก็แจ้งผมมาล่ะกัน วันหยุดนี้ผมว่างอยู่พอดี”
“จริงเหรอคะ คุณจะมาให้พวกหนูสัมภาษณ์จริงๆ เหรอคะ พวกหนูไม่มีเงินจ้างคุณหรอกนะคะ” จากตอนแรกที่ดีใจตอนนี้แปรเปลี่ยนเป็นหน้าเศร้าเมื่อนึกถึงค่าตัวหรือค่าเสียเวลาที่ต้องจ่ายให้ชายหนุ่ม
“ข้าวหนึ่งมื้อ คงไม่เยอะเกินไปใช่ไหม แลกกับข้อมูลด้านการส่งออกและตำแหน่งที่ปรึกษาตลอดโครงการ” รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ปรากฏขึ้นมุมปาก
“ขอบคุณค่ะ คุณหมอหล่อแถมใจดีอีกต่างหาก” ร่างบางโผเข้ากอดชายหนุ่มอย่างลืมตัวจนอีกฝ่ายเกือบเสียหลัก กลิ่นหอมอ่อนๆ เฉพาะตัวของรดาทำให้กองทัพหลงใหลมากกว่ากลิ่นน้ำหอมราคาแพงที่พวกดารานางแบบชอบใช้ซะอีก
“หึ ดีใจขนาดนั้นเลยเหรอ”
“เอ่อ..ขอโทษค่ะ หนูดีใจจนลืมตัวมากไปหน่อย ขอโทษนะคะ” ร่างบางรีบผละออกทันทีเมื่อรู้สึกตัวว่าตอนนี้ตัวเองกำลังนั่งอยู่บนตักของชายหนุ่ม
“ไม่เป็นไร อย่าไปลืมตัวแบบนี้กับคนอื่นแล้วกัน” แก้วเนียนเริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดงระเรื่อ เบนสายตามองไปทางอื่น อายจนไม่กล้าสบตาชายหนุ่ม
“วันเสาร์ไปหาผมที่คอนโดแล้วกัน เดี๋ยวผมให้คนขับรถไปรับ” กองทัพมีเวลาว่างสำหรับคนอื่นขึ้นมาทันที ปกติก็ทำงานแทบไม่มีวันหยุดให้ตัวเอง แต่พอเป็นเรื่องของเด็กสาวตรงหน้ากลับมีวันว่างขึ้นมาทันที
“พวกหนูไปเองได้ค่ะ คุณหมอแค่ส่งโลเคชั่นมาให้ก็พอ”
“อย่าดื้อ เอาตามที่ผมบอกนั่นแหละ”
“ผมหยิบหนังสือมาใหม่หลายเล่ม ลองไปเลือกดูสิเผื่อสนใจ” หนังสือหลายสิบเล่มที่กองอยู่ที่บ้านตั้งแต่กลับมาจากอเมริกาถูกย้ายมาอยู่ที่นี่เกือบหมด
“จริงเหรอคะ”
“อือ”
“หนูขอนั่งอ่านอยู่ในนี้ได้ไหมคะ”
“ตามสบาย แค่ไม่ส่งเสียงดังรบกวนผมก็พอ”
“ขอบคุณค่ะ” วันนี้รดามีเวลาว่างทั้งวันเลยไม่รู้จะไปไหน จึงคิดว่านั่งอ่านหนังสืออยู่ที่นี่จะดีกว่า
ครืด ครืด ครืด เสียงโทรศัพท์รดาสั่นเมื่อมีสายเรียกเข้า
“ว่าไงเชอรี่”
“ชะนีแกอยู่ไหน”
“อยู่โรงพยาบาลน่ะ วันนี้คุณหมอนัดตรวจติดตามอาการ”
“อยู่โรงพยาบาลทำไมเสียงเงียบจัง แกโกหกพวกฉันหรือเปล่า”
“จริงสิ ฉันจะโกหกพวกแกทำไม เออนี่ฉันมีข่าวดีจะบอกพวกแกด้วย” รดาพูดกับเพื่อนเสียงดังอย่างลืมตัว
“เรื่องอะไรชะนี ทำไมต้องทำเสียงตื่นเต้นขนาดนี้”
“ฉันหาคนที่จะมาให้เราสัมภาษณ์ได้แล้วนะ”
“จริงเหรอ ใครน่ะแก”
“คุณหมอเธียรวิชญ์ไง รองกรรมการผู้จัดการบริษัทนำเข้ารถยนต์”
“ฮะ แกว่าใครนะเมื่อกี้”
“คุณหมอเธียรวิชญ์ เขาให้คิวเราวันเสาร์นี้ด้วยนะ”
“รดา ไปชงกาแฟมาให้ผมหน่อย ขอเป็นกาแฟดำนะ” เสียงกองทัพดังแทรกเข้ามาในสาย
“ชะนี เดี๋ยวนี้แกถึงขั้นไปนั่งเฝ้าคุณหมอแล้วเหรอ”
“เปล่า ฉันมาตรวจติดตามอาการเฉยๆ”
“แล้วทำไมแกไปอยู่ในห้องหมอได้ล่ะ”
“ก็คุณหมอเขาเป็นหมอที่รักษาเคสของฉันตั้งแต่ต้นไหม”
“แล้วป่านนี้ยังไม่เสร็จหรือไง ทำไมแกยังไม่กลับ”
“เสร็จแล้ว แต่ฉันนั่งอ่านหนังสือต่อ”
“รดา ผมขอกาแฟหน่อยแก้วหนึ่ง” กองทัพแกล้งสั่งขึ้นอีกครั้งเสียงดังเพราะเห็นเด็กสาวนั่งคุยโทรศัพท์อยู่นานไม่วางสายสักที
“ค่ะ ได้ยินแล้วค่ะ จะไปชงเดี๋ยวนี้แหละค่ะ” รดาตอบกลับน้ำเสียงประชด ร่างบางลุกจากโซฟาเดินไปยังประตูที่เชื่อมต่ออีกห้องซึ่งเป็นห้องครัว เมื่อเปิดประตูเข้าไปถึงกลับต้องตกใจเมื่อของใช้จำเป็นทุกอย่างถูกยกมาไว้ที่นี่ ของในห้องนี้เยอะกว่าของที่ห้องครัวที่บ้านเธอซะอีก
“เอสเปรสโซ่ได้แล้วค่ะ แถมขนมปังให้ด้วยหนึ่งชิ้นค่ะ เดี๋ยวจะหาว่าหนูแอบทำกินคนเดียว” ผ่านไปราว10นาที รดาก็ออกจากห้องมาพร้อมกาแฟหนึ่งแก้วและขนมปังปิ้งวางอยู่ในจานหนึ่งชิ้น
“ขอบใจ”
เวลาผ่านไปยังไม่ถึงครึ่งชั่วโมงรดาก็ฟุบหลับกับโซฟา หนังสือเล่มหนายังคาอยู่ในมือ คงจะอ่านหนังสือจนตาลายเลยผล็อยหลับไป เมื่อตอนเที่ยงทานข้าวเสร็จบวกกับแอร์เย็นๆ จึงไม่แปลกที่จะง่วงแล้วผล็อยหลับไป
โซฟาตัวใหญ่ถูกเปลี่ยนเป็นที่นอนชั่วคราว กองทัพที่นั่งทำงานอยู่ที่โต๊ะสายตาเหลือบไปเห็นเด็กสาวนั่งหลับคอพับพิงกับพนักโซฟาทั้งที่หนังสือยังคาอยู่ที่มือ คุณหมอหนุ่มละจากงานตรงหน้าสาวเท้าเดินตรงมาที่เด็กสาวทันที มือหนาค่อยๆ ดึงหนังสือออกจากมือเล็ก ร่างบางถูกจัดท่านอนให้นอนราบไปกับโซฟา รองเท้าผ้าใบสีขาวถูกถอดออกวางไว้ที่พื้นด้านล่าง แขนเรียวเล็กทั้งสองข้างกอดเข้าหากันเพราะอากาศในห้องค่อนข้างเย็น
เท้ายาวเดินตรงดิ่งไปยังห้องนอน ผ้าห่มผืนหนาถูกหยิบออกมาจากตู้และเดินกลับออกมาพร้อมหมอนหนุนใบใหญ่และผ้าห่ม ขายาวย่อตัวลงนั่งยองๆ จัดการห่มผ้าให้คนตัวเล็ก เมื่อร่างกายได้รับความอบอุ่นก็ขยับตัวพลิกท่านอนในท่าสบายขึ้น
แพขนตางอนสีดำปกคลุมดวงตากลมโตสีน้ำตาลเข้ม แก้มเนียนอมชมพู จมูกโด่งเรียวเล็ก ริมฝีปากอมชมพูเผยอขึ้นเล็กน้อยบ่งบอกว่าคนคนนั้นกำลังหลับสนิท
“เด็กน้อย เวลาหลับทำไมดูน่ารักกว่าตอนตื่นน๊า” กองทัพนั่งมองใบหน้าเรียวเล็กอย่างพินิจพิเคราะห์ มือหนายกขึ้นลูบกลุ่มผมดกดำ นิ้วเรียวยาวเกลี่ยปอยผมที่หล่นลงมาปกคลุมใบหน้าไปทัดไว้ที่ใบหู ปากหยักกำลังโน้มลงสัมผัสแก้มเนียน
“คุณหมอ จะทำอะไรคะ” รดารู้สึกตัวตื่นเมื่อรู้สึกถึงไอร้อนเป่ารดใบหน้า ขณะที่ใบหน้าทั้งสองนั้นห่างกันไม่ถึง10เซนติเมตร
“แค่จะดูแผลที่หน้าผาก” ใบหน้าคมเข้มผละออกรู้สึกเสียดาย สูดอากาศเข้าปอดหายใจติดขัดเล็กน้อย
“คุณหมอดูไปแล้วไม่ใช่เหรอคะ”
“ตอนนั้นดูยังไม่ละเอียด” ตอบกลับเสียงเรียบใบหน้าเคร่งขึมดูไม่มีพิรุธ
“แล้วก็ไม่ดูให้ดีตั้งแต่แรก”
ฮ้าวว..วว..วว เสียงหาวดังขึ้น มือเรียวเล็กยกขึ้นปิดปาก ตาปรือแทบลืมไม่ขึ้น
“เข้าไปนอนในห้อง นอนตรงนี้เดี๋ยวปวดหลัง”
“ไม่เป็นไรค่ะ หนูว่าหนูขอตัวกลับก่อนดีกว่า”
“ข้างนอกฝนตกหนัก จะกลับยังไง” ฝนเทลงมาราวกับฟ้ารั่ว เสียงฟ้าร้องคำรามเสียงดัง แสงฟ้าแลปลอดผ่านม่านเข้ามาให้เห็น
“ฝนมาตกอะไรตอนนี้ แล้วหนูจะกลับบ้านยังไงเนี่ย..ฮ้าวว..วว..วว”
“แทบจะกินหัวผมอยู่แล้ว” เสียงทุ้มเอ่ยบอกออกไป รอยยิ้มร้ายปรากฏขึ้นมุมปาก
“หนูไม่ได้ปากกว้างขนาดนั้นค่ะ ถึงจะกินคุณได้” รดาสวนกลับทันควัน ลุกพรวดพราดขึ้นจากโซฟา มือทั้งสองข้างหอบผ้าห่มผืนใหญ่เดินกระแทกเท้าเข้าไปยังห้องนอนที่เชื่อมต่อกับห้องทำงาน
“กินได้สิ แต่ไม่ใช่กินทางปากนะ” เสียงทุ้มตะโกนดังไล่หลังคนตัวเล็กขณะที่เท้าเรียวก้าวพ้นขอบประตู กองทัพเผลอยิ้มอย่างลืมตัว จากแต่ก่อนที่เป็นคนยิ้มยากหรือจะเรียกยิ้มไม่เป็นเลยก็ได้ ตั้งแต่เจอเด็กสาวก็กลายเป็นคนยิ้มพร่ำเพรื่อขึ้นมาทันที
บทที่7 นัดตรวจติดตามอาการ#2ครืด ครืด ครืด เสียงโทรศัพท์ในกระเป๋าสะพายใบเล็กดังขึ้นเมื่อมีเสียงเรียกเข้า“ฮัลโหลครับ” กองทัพกดรับสายเมื่อเห็นว่าเบอร์ที่โทรเข้ามานั้นเป็นเชอรี่เพื่อนของรดา“ฉันกดเบอร์ผิดเหรอ ก็เป็นเบอร์รดานี่”“ไม่ผิดหรอกครับ นี่โทรศัพท์ของรดา”“แล้วคุณเป็นใครคะ มารับโทรศัพท์เพื่อนหนูได้ยังไง”“ผมหมอเธียรวิชญ์ครับ”“แล้วตอนนี้รดาอยู่ที่ไหนคะ ทำไมคุณหมอถึงมารับโทรศัพท์แทนได้”“รดาหลับอยู่ครับ ไว้เธอตื่นแล้วผมจะให้โทรกลับนะครับ”“อ้อค่ะ ขอบคุณค่ะ” เชอรี่กดวางสายอย่างงงๆ พยายามไม่คิดอะไรมากเพราะเพื่อนตนไม่ได้เป็นเด็กใจแตกที่ไปนอนกับผู้ชายง่ายๆ แบบนี้“เป็นอะไรยัยเชอ ทำไมทำหน้าแบบนั้น แล้วนี่รดามันกลับมาหรือยัง”“ยังไม่กลับมา รดามันหลับอยู่”“มันยังไม่กลับมา แล้วมันจะหลับอยู่ได้ไง สรุปตอนนี้มันอยู่ไหน อยู่ที่โรงพยาบาลหรือหลับอยู่ที่ห้อง”“หลับ..อยู่ที่โรงพยาบาล”“อีเชอ กูถามว่ารดามันอยู่ที่โรงพยาบาลหรือหลับอยู่ที่ห้อง”“ก็บอกว่าตอนนี้มันหลับอยู่ที่โรงพยาบาล กูโทรหามันเมื่อกี้หมอเธียรวิชญ์เป็นคนรับสาย”“ฮะ!” ทุกคนร้องขึ้นด้วยความตกใจ“เออ..ตอนนี้รดาหลับอยู่ที่โรงพยาบาล” เชอ
บทที่8 งานสำคัญ“พรุ่งนี้มีแข่ง มึงจะไปสนามกี่โมง” น่านฟ้าเอ่ยถามขึ้นหลังจากที่ทุกคนต่างนั่งเงียบกันสักพัก“เย็น เสร็จธุระเมื่อไหร่ก็เมื่อนั้น” กองทัพตอบกลับอย่างไม่ยี่หระ“พรุ่งนี้วันหยุดมึง แล้วเสือกจะทำงานอะไรอีก”“งานสำคัญ”“มึงไม่คิดจะเข้าไปเตรียมรถก่อนแข่งบ้างหรือไง”“นั่นหน้าที่มึง กูมีหน้าที่ขับรถไม่ใช่เตรียมรถ”“ไอ้ดิน ไอ้นที มึงดูเพื่อนรักมึง” น่านฟ้าหันไปหาตัวช่วยแต่ถูกเพื่อนรักทั้งสองปฏิเสธอย่างไม่ไยดี“ของเดิมพันคือสนามแข่งมึงไม่ใช่ของกู งานนี้กูเป็นแค่คนดู” ดินปฏิเสธเสียงเรียบ“good audience (ผู้ชมที่ดี)” นทีไหวไหล่อย่างไม่ยี่หระกองทัพนอกจากมันสมองระดับเทพแล้ว ฝีมือด้านความเร็วก็เช่นกัน การันตีด้วยถ้วยแชมป์เกือบทุกสนามของอเมริกาและยังเป็นเจ้าพ่อสนามเถื่อนที่เมืองไทย ของเดิมพันขั้นต่ำมูลค่าหลายสิบล้านที่มาพร้อมกับการแข่งขันที่ไร้กฎกติกา นั่นหมายถึงการแข่งขันที่มีความเสี่ยงสูงนอกจากจะเสี่ยงหมดตัวแล้วชีวิตยังเสี่ยงอันตรายจากการเล่นไม่ซื่อด้วย“กูกลับก่อน” ร่างสูงหุ่นนายแบบกระชากตัวลุกขึ้นและสาวเท้าเดินออกจากห้องทันทีท่ามกลางความงุนงงของกลุ่มเพื่อน“เฮ้..เฮ้ อะไรของมึงไอ้กอ
บทที่9 แกล้งหลังจากที่ใช้เวลาสัมภาษณ์กันนานเกือบสองชั่วโมงก็ถึงเวลาพักเบรกทานของว่าง ผลไม้และขนมที่เจ้าของห้องจัดเตรียมไว้ถูกยกออกวางเต็มโต๊ะ“ทานขนมแล้วค่อยมาดูอีกทีว่าได้ข้อมูลครบหรือยัง แล้วนี่เป็นหนังสือวารสารตีพิมพ์ที่ต่างประเทศลองเอาไปศึกษาดูเผื่อจะได้ข้อมูลอะไรเพิ่มเติม” หนังสือบทสัมภาษณ์นักธุรกิจชื่อดังที่ตีพิมพ์ลงในวารสารต่างประเทศสามสี่เล่มถูกวางลงตรงหน้ารดา“ขอบคุณค่ะ”ระหว่างที่ทุกคนกำลังพักนั่งทานขนมกันอยู่นั้น รดารู้สึกปวดท้องจึงลุกเดินไปเข้าห้องน้ำ เท้าเล็กเดินตรงไปยังห้องครัวที่ถัดจากห้องรับแขกไปอีกห้องเพราะคิดว่าห้องน้ำน่าจะอยู่แถวๆ นั้นแต่ก็ไม่เจอจึงเดินไปอีกห้องที่อยู่ถัดไปซึ่งเห็นประตูเปิดแง้มอยู่ไม่ได้ล็อก“อ๊ะ! ขอโทษค่ะ” ศีรษะเล็กชนเข้ากับอกแกร่งขณะกำลังเปิดประตูเข้าไปด้านใน“มาทำอะไร”“คือหนูอยากเข้าห้องน้ำค่ะ แต่ไม่รู้ว่าห้องน้ำอยู่ตรงไหน”“ไม่รู้ห้องน้ำอยู่ตรงไหน เลยเดินเข้าห้องผมงั้นเหรอ” กองทัพค่อยๆ ขยับเข้าหาเด็กสาวช้าๆ จนตอนนี้ทั้งสองยืนห่างกันไม่ถึง10 เซนติเมตร“หนูไม่รู้ว่าห้องนี้ห้องคุณ หนูเห็นประตูมันเปิดอ้าอยู่หนูเลยเดินเข้ามาดูเฉยๆ ค่ะ” รดารีบปฏิเสธ
บทที่ 10 หมอเถื่อนดินหันไปถามกองทัพที่นั่งหน้านิ่งไม่แสดงอาการอะไรให้ได้เห็น วันนี้ที่ทุกคนมาทานอาหารร้านนี้ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่เป็นแผนที่ดินและนทีวางไว้ตั้งแต่แรก แต่การที่จะล่อเหยื่อที่มีระดับไอคิวสูงเกือบ 300 ให้ติดกับไม่ใช่เรื่องง่าย“วันก่อนพวกมึงก็มาทานไม่ใช่เหรอ จะถามกูเพื่ออะไร” กองทัพสวนกลับเสียงเรียบ ดินและนทีหน้าเปลี่ยนสีทันที“เมื่อวานน้องรดาก็มาทานที่นี่เหมือนกันเหรอครับ แล้วรู้จักร้านนี้ได้ยังไงมีใครแนะนำมาหรือเปล่าครับ” ดินยังไม่ละความพยายามภารกิจตามหาแฟนเพื่อน“เอ่อ..ใช่ค่ะ”“ดินวันก่อนน้องนาไม่ว่างเหรอ กูเห็นมึงมากับน้องก้อย” ยังไม่ทันที่รดาจะพูดจบกองทัพก็พูดแทรกขึ้นทันที“อาหารมาแล้ว รีบทานกันเถอะครับเดี๋ยวจะเย็นหมด” ดินรีบเฉไฉเปลี่ยนเรื่องทันที ไม่ว่าจะกี่ครั้งต่อกี่ครั้งก็ไม่เคยเอาชนะหรือเล่นงานกองทัพได้เลยสักครั้ง มิหนำซ้ำยังโดนเล่นงานกลับแทบทุกครั้งไปอาหารถูกทยอยมาเสิร์ฟเรื่อยๆ ส่วนมากจะเป็นอาหารรสชาติกลางๆ เพราะทุกคนไม่ทานเผ็ดและอาหารรสจัด จนมาถึงจานสุดท้ายที่พนักงานกำลังขึ้นโต๊ะ“สั่งมาไม่กลัวน้องมันแสบท้องเหรอวะ” ดินเอ่ยถามน้ำเสียงกวนประสาท กองทัพเอาแต่น
บทที่ 11 อาจารย์พิเศษเช้าวันจันทร์ที่แสนจะวุ่นวาย รดาในชุดกระโปรงสั้นทรงเอเสื้อนักศึกษารัดรูปเพราะเมื่อวานไม่ได้กลับห้องนอนค้างห้องอิงเอย เช้านี้เลยต้องยืมชุดนักศึกษาอิงเอยใส่มาก่อนตึก ตึก ตึกเสียงฝีเท้าดังถี่ตามจังหวะการวิ่งของทั้งสามที่กำลังเร่งรีบเพราะวันนี้ตื่นสาย และที่ซวยไปกว่านั้นคาบแรกวันนี้จะมีอาจารย์พิเศษมาบรรยายและอาจารย์ที่จะมาวันนี้เป็นถึงศาสตราจารย์คงจะเคี่ยวและดุน่าดูเมื่อครึ่งชั่วโมงที่แล้วติ๊ด ติ๊ด ติ๊ด เสียงแจ้งเตือนไลน์กลุ่ม“ใครส่งข้อความอะไรมาแต่เช้าวะ ไม่ดูเวลาบ้างเลยว่าตอนนี้มันเป็นเวลานอน” อิงเอยตื่นมาด้วยความงัวเงียเมื่อเสียงข้อความดังรบกวนปลุกให้ตื่น“รดา อ่านให้หน่อยไลน์กลุ่มนังเชอมันคงส่งข้อความมาปลุกพวกเรา” รดาที่นอนอยู่ริมสุดบนเตียง มือเล็กขยี้ตาอย่างงัวเงียเอื้อมหยิบโทรศัพท์ที่วางอยู่ข้างเตียง“อิงเอย กิ่งแก้ว ตื่นได้แล้ววันนี้เรามีฟังบรรยายพิเศษ” รดาร้องขึ้นน้ำเสียงร้อนรนเมื่ออ่านข้อความที่เชอรี่ส่งเข้ามาในกลุ่มร่างบางกระโดดลงจากเตียง คว้าผ้าเช็ดตัวสีขาววิ่งหายเข้าห้องน้ำไปและกลับออกมาในเวลาแค่10นาที “รดา ชุดนักศึกษาอยู่ในตู้แกเลือกเอา
บทที่ 12 แค่ทางผ่านตอนเย็นหลังเลิกเรียน “รดาแล้ววันนี้แกกลับบ้านยังไง ให้ฉันไปส่งไหม” เชอรี่ถามขึ้นเมื่อสี่สาวเดินออกจากห้องเรียนวิชาสุดท้ายในช่วงเย็น “นั่งรถเมล์แหละแต่ฉันกะว่าจะแวะเอาโทรศัพท์เข้าไปเช็กที่ศูนย์ก่อนแล้วค่อยกลับห้องน่ะ” “ถ้างั้นก็แยกย้าย ไว้เจอกันพรุ่งนี้ บายมึง”ห้างสรรพสินค้าชื่อดังห้างสรรพสินค้าใจกลางเมืองศูนย์รวมสินค้าแบรนด์ดัง คราคลั่งเต็มไปด้วยผู้คนมากมายที่กำลังเดินขวักไขว่สวนกันไปมา บ้างก็กำลังซื้อของ บ้างก็มาดูหนังรวมถึงทานข้าว ร้านค้าร้านอาหารเนืองแน่นไปด้วยผู้คน รดาขึ้นบันไดเลื่อนมายังบริเวณชั้น3 ของห้างซึ่งเป็นพื้นที่แหล่งรวมสินค้าไอทีและโทรศัพท์มือถือ โซนฝั่งซ้ายของห้างคือจุดมุ่งหมายของรดาซึ่งเป็นที่ตั้งของช็อปและศูนย์บริการของโทรศัพท์ยี่ห้อดังเท้าเล็กเดินเลี้ยวเข้าไปทันทีเมื่อเห็นป้ายโลโก้เดียวกันกับที่ติดอยู่บนโทรศัพท์ของเธอ ภายในช็อปเต็มไปด้วยนักชอปปิ้งที่กำลังเลือกซื้อโทรศัพท์เพราะวันนี้เป็นวันแรกในการวางขายโทรศัพท์รุ่นใหม่ล่าสุดในไทยที่พึ่งเปิดตัวที่ต่างประเทศเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว“พี่คะ ช่วยเช็กโทรศัพท์ให้หน่อยค่ะ อ
บทที่13 ฝึกงาน8โมงเช้า ณ มหาวิทยาลัย RT“รดา อาจารย์ศิระเรียกแกไปพบ” รดาที่พึ่งลงจากรถเดินเข้ามาหากลุ่มเพื่อนที่นั่งอยู่โต๊ะประจำใต้ต้นไม้ใหญ่หน้าตึกคณะ“มีอะไรเหรอ แล้วอาจารย์เรียกฉันคนเดียว” รดาถามกลับอย่างสงสัยเพราะปกติถ้างานมีปัญหาอาจารย์จะเรียกเข้าพบทั้งกลุ่ม แต่วันนี้กลับเรียกเธอแค่เพียงคนเดียว“หล่อนคนเดียวค่ะชะนี และพวกฉันก็ไม่รู้ว่าอาจารย์เรียกแกไปพบเรื่องอะไร แต่ดูเหมือนจะเป็นเรื่องด่วนอยู่นะเพราะอาจารย์เดินหน้าตื่นมาแต่เช้าเลย”“โอเค งั้นพวกแกรอฉันแป๊บหนึ่งนะฉันขอไปพบอาจารย์ก่อน” เท้าเรียวเล็กบนรองเท้าผ้าใบก้าวฉับ ฉับ ฉับ อย่างกระฉับกระเฉงมุ่งหน้าไปยังห้องพักอาจารย์ที่ปรึกษาก๊อก ก๊อก ก๊อก“ขออนุญาตค่ะ” เมื่อมาถึงก็เคาะประตูห้องก่อนเอ่ยขออนุญาตอย่างมีมารยาท“สวัสดีค่ะอาจารย์”“มาแล้วเหรอ นั่งก่อนไอรดา” อาจารย์หนุ่มประจำสาขาการจัดการธุรกิจระหว่างประเทศซึ่งเป็นอาจารย์ที่ปรึกษาของนักศึกษาสาขานี้ด้วย“หนังสือตอบรับเรื่องการฝึกงานของเธอ ทางบริษัทพึ่งส่งเอกสารตอบรับกลับมาเมื่อเช้านี้เอง” ซองเอกสารสีน้ำตาลถูกยื่นไปวางลงตรงหน้าเด็กสาวด้วยใบหน้า ปลื้มปริ่มและภูมิใจ“จริงเหรอคะอาจาร
บทที่14 ระยะปลอดภัย“จะยืนอยู่อีกนานไหม..ไอรดา” เสียงทุ้มดังขึ้นเรียกสติเด็กสาวที่ยืนทำหน้างงอยู่ ร่างบางสมส่วนดูเป็นผู้ใหญ่ถึงจะอยู่ในชุดนักศึกษา ใบหน้าที่แต่งแต้มด้วยเครื่องสำอาง ริมฝีปากบางเคลือบด้วยลิปสติกสีส้มอมชมพู แก้มเนียนถูกปัดด้วยบรัชออนสีพีช ผมสีน้ำตาลเข้มที่ถูกดัดเป็นลอนและจัดทรงเข้ากับรูปหน้า รองเท้าส้นสูงขนาด5นิ้วโชว์เท้าเรียวเล็กเสริมลุคให้ดูเฉี่ยวและสะดุดสายตาคนมอง หนึ่งในนั้นก็รวมชายหนุ่มตรงหน้าด้วย“ที่นี่บริษัทคุณหมอหรอกเหรอคะ” คำถามที่รู้คำตอบดีอยู่แล้วแต่สมองซีกซ้ายก็สั่งการให้เธอถามคำถามนั้นออกไป“คราวหลังควรศึกษาประวัติเจ้าของบริษัทที่จะเข้าทำงานบ้างนะ”“ค่ะ ขอโทษค่ะ” เสียงกระเง้ากระงอดตอบกลับ ใบหน้าง้ำงอก้มลงมองพื้น“นั่นโต๊ะทำงานของคุณ ต่อไปเรียกผมว่ากองทัพอยู่ที่นี่ผมไม่ใช่หมอ” นิ้วเรียวยาวชี้ไปยังโต๊ะทำงานตัวใหม่ที่กองทัพสั่งเอกเลขาคนสนิทจัดเตรียมไว้ตั้งแต่เมื่อวาน รวมถึงคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กเครื่องเล็กและไอแพดสีขาวรุ่นใหม่ล่าสุดที่วางอยู่บนโต๊ะด้วย“หนูต้องฝึกงานที่ห้องนี้เหรอคะ” รดาเอ่ยถามขึ้นด้วยความสงสัยขณะที่เดินไปนั่งลงบนเก้าอี้และเก็บกระเป๋าสะพายไว้ในลิ
ตอนที่34 งานแต่งงาน 5 เดือนผ่านไปหลังจากที่ญาดาพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลนานนับเดือนก็ได้กลับไปพักฟื้นต่อที่บ้าน จนมาถึงวันนี้ร่างกายเริ่มดีขึ้นใกล้จะกลับมาเป็นปกติเกือบร้อยเปอร์เซ็นทางด้านผู้ใหญ่ของกองทัพก็รับรู้และยินดีที่ลูกชายคนเล็กของบ้านจะมีแฟน ที่สำคัญที่บ้านคุณหมอหนุ่มยังรู้ดีตั้งแต่ต้นว่าลูกชายตัวเองแอบหลงรักเด็กผู้หญิงที่อยู่เมืองไทย เพราะตลอดระยะเวลาที่ชายหนุ่มไปเรียนเมืองนอกกว่าสิบปีไม่เคยมีแฟนเลยสักคน ชีวิตมีแต่เรียนกับสนามแข่งรถ และยังแอบพกรูปเด็กผู้หญิงผมเปียติดตัวตลอดเวลาถึงขนาดใส่กรอบเล็กๆ วางไว้ในห้องนอนการคบหาระหว่างทั้งสองคนอยู่ในการรับรู้และยินดีจากผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่าย แต่มีอีกหนึ่งคนที่จะดีใจมากเป็นพิเศษคงหนีไม้พ้น..ทัพบก ผู้ที่ใฝ่ฝันอยากมีน้องสาวเป็นของตัวเอง และหลงรักเด็กสาวตั้งแต่เจอหน้ากันครั้งแรกเมื่อตอนสั่งอาหารแล้วไรเดอร์สาวขับรถมอเตอร์ไซค์ฝ่าสายฝนที่ตกหนักเพื่อนำอาหารมาส่ง เด็กสาวที่เปียกปอนไปทั่วตัวแต่ก็ยังยิ้มร่า เด็กสาวที่มีรอยยิ้มสดใสให้ทุกครั้งที่เจอกัน เด็กสาวที่อยากได้มาเป็นน้องสาวที่น่ารัก อ้อนเก่ง“รดา อาทิตย์หน้าตารางงานพี่ว่างเราพาคุณแม่ท่าน
ตอนที่33 คำตอบจากแม่ยาย ครืด ครืด ครืด เสียงโทรศัพท์รดาที่วางอยู่โต๊ะข้างหัวเตียงดังขึ้น“สวัสดีครับ” กองทัพหยิบมากดรับสายเมื่อเห็นว่าคนที่โทรเข้ามานั้นคือพี่ชายของเด็กสาว“คุณหมอเหรอครับ”“ครับ ตอนนี้รดาหลับอยู่ครับ คุณธนามีธุระด่วนจะคุยกับรดาไหมครับ ผมจะปลุกเธอให้”“ไม่มีครับ แค่ผมกลับมาที่ห้องพักแล้วไม่เจออยู่ที่นี่เลยโทรหานะครับ”“รดาหลับอยู่ที่ห้องทำงานผมครับ ช่วงเย็นคุณป้าน่าจะย้ายขึ้นมาพักฟื้นที่ห้องนี้นะครับ”“ขอบคุณคุณหมอมากนะครับ ผมไม่รบกวนแล้ว สวัสดีครับ”หลังจากที่วางสายเสร็จกองทัพก็ลุกเดินออกจากห้องไปและลงไปยังชั้นสามเป็นแผนกหัวใจและทรวงอก ห้อง ICU ที่อยู่ติดกับเคาน์เตอร์พยาบาลซึ่งมีคนไข้ชื่อญาดานอนรอดูอาการอยู่หลังการผ่าตัด“คนไข้เป็นอย่างไรบ้างครับ” กองทัพเดินเข้าไปในห้องพร้อมหยิบชาร์จที่เสียบอยู่ที่ปลายเตียงขึ้นมากวาดสายตาอ่าน“ความดันปกติ ชีพจรเต้นคงที่ คนไข้ฟื้นแล้วหลังจากออกจากห้องผ่าตัด ปฏิกิริยาทุกอย่างปกติและพึ่งหลับไปเมื่อสักครู่ค่ะ”“ร่างกายตอบสนองต่อการรักษาดี ช่วงเย็นรายงานอาการให้ผมทราบอีกที ถ้าไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงผมจะย้ายคนไข้ขึ้นไปพักฟื้นด้านบน” เหมือนยกภ
ตอนที่32 รางวัลคนเก่ง “รางวัลพี่ล่ะครับ” เมื่อทั้งสองกลับขึ้นมาบนห้องพักส่วนตัวยังไม่ทันที่ประตูปิดสนิทดีคุณหมอหนุ่มก็ทวงถามหารางวัลทันที“รางวัลอะไรของคุณ รีบไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าได้แล้วค่ะมีแต่กลิ่นแอลกอฮอล์” มือเล็กออกแรงผลักตรงหลังให้เดินไปยังห้องน้ำเพราะตอนนี้เธอแทบจะทนดมกลิ่นแอลกอฮอล์ในตัวชายหนุ่มไม่ไหว"นวดไหล่ให้พี่หน่อย ผ่าตัดตั้งหลายชั่วโมง..เมื่อยมาก" ยังไม่ทันที่รดาจะหันหลังออกจากห้องน้ำก็เจอเสียงอ้อนของคุณหมอหนุ่ม“อาบเสร็จแล้วเดี๋ยวหนูนวดให้นะคะ” รดาไม่ได้ปฏิเสธเลยทีเดียวแต่เลือกที่จะยื่นข้อเสนอต่อรองหรือเรียกอีกอย่างว่าการเอาตัวรอด“ต้องแช่น้ำอุ่นแล้วนวดไปด้วยกล้ามเนื้อถึงจะผ่อนคลาย” หลักการทางกายภาพถูกงัดขึ้นมาต้อนเด็กสาวให้จนมุม“เดี๋ยวเสื้อผ้าหนูเปียก ไม่มีชุดใหม่เปลี่ยน”“พี่สั่งให้เอกซื้อมาให้หนูใหม่แล้วสิบชุด อยู่ในตู้” เกมโอเวอร์สุดท้ายรดาก็เป็นฝ่ายแพ้ เดินไปเปิดน้ำอุ่นและผสมสบู่ลงในอ่างกุชชี่ขณะที่กองทัพจัดการถอดเสื้อผ้าออกจนหมดและตอนนี้มีเพียงผ้าเช็ดตัวผืนใหญ่พันรอบเอว“ว๊าย! คุณจะทำอะไรคะ” เชือกที่ผูกอยู่ที่เอวคอดถูกดึงออกโดยฝีมือของชายหนุ่มที่ตอนนี้ยืนซ้อน
ตอนที่31 หน้าห้องผ่าตัด“ขอโทษครับผมลืมเคาะประตู” ทั้งสองผละออกจากกันอัตโนมัติเหมือนเกิดแรงผลักของประจุไฟฟ้าขั้วบวกกับขั้วบวกหน้าห้องผ่าตัดเจ้าหน้าที่เข็นเตียงผู้ป่วยออกจากห้องพักหลังจากเตรียมความพร้อมก่อนทำการผ่าตัดมายังห้องผ่าตัดแผนกศัลยกรรม หญิงวัย 58 ปีนอนหน้าซีดปากซีดไร้เลือดฝาดอยู่บนเตียงสีหน้าเป็นกังวล“แม่คะ แม่ต้องสู้นะคะหนูกับพี่ธนาจะรอแม่อยู่ด้านนอก คุณหมอเก่งมากแม่ไม่ต้องกังวลนะคะ” มือเรียวเล็กทั้งสองข้างยื่นไปกุมมือผู้เป็นมารดาด้านที่มีสายน้ำเกลือเสียบคาอยู่และอีกข้างก็มีเครื่องวัดออกซิเจนติดอยู่“จ๊ะลูก” ญาดาตอบกลับบุตรสาวเสียงแผ่วใบหน้าฝืนยิ้ม ยกมืออีกข้างมากุมมือบุตรสาวและบุตรชายออกแรงบีบเล็กน้อย“ผมกับน้องรอแม่อยู่ด้านนอกนะครับ” เสียงทุ้มอ่อนนุ่มสั่นเครือเล็กน้อยของชายหนุ่มคนที่ดูแลแม่มาตั้งแต่ผู้เป็นบิดาเสียไป ถึงข้างนอกจะดูเข้มแข็งแต่ข้างในก็แอบกลัวอยู่ไม่น้อยเพราะรู้ถึงสุขภาพร่างกายของผู้เป็นมารดาอย่างดีว่าตอนนี้เข้าขั้นวิกฤตแค่ไหน“ธนาอย่าลืมที่สัญญากับแม่นะลูก” ก่อนเข้าไปด้านในยังไม่ลืมย้ำเตือนบุตรชายคนโตอีกรอบ“ครับแม่ แม่ก็อย่าลืมที่สัญญากับผมไว้นะครับ ว่าแม่
ตอนที่30 สู่ขอไม่เป็นทางการ“รดา พี่เอาหนังสือมาให้เผื่อหนูอยากอ่าน” กองทัพเปิดประตูเข้ามาได้จังหวะได้ยินตอนที่รดาคุยกับพี่ชายพอดี“ถามผมก็ได้ครับ ผมยินดีแสดงความบริสุทธิ์ใจทุกอย่าง” กองทัพเดินเข้าหยุดยืนขนาบข้างเด็กสาว ในมือยังถือหนังสือวารสารด้านธุรกิจของต่างประเทศที่รดาชอบอ่าน ซึ่งเล่มนี้เป็นเล่มใหม่ที่เขาฝากเพื่อนซื้อมาพึ่งส่งมาถึงเมื่อวันก่อน"ความจริงผมก็ไม่อยากยุ่งเรื่องส่วนตัวของพวกคุณหรอกนะครับ แต่ฐานะการใช้ชีวิตของพวกเรากับคุณมันต่างกันมาก” ธนาชี้แจงเหตุผลให้คุณหมอหนุ่มฟังอย่างนอบน้อมและมีเหตุผล“ผมเข้าใจครับ และก็ไม่แปลกใจที่คุณจะเป็นห่วงรดา เราไม่เคยเจอกันหรือรู้จักกันมาก่อน พอเจอกันครั้งแรกผมก็มาแนะนำตัวในฐานะคนรักของน้องสาวคุณ เป็นใครก็ตกใจครับ แต่ผมอยากจะบอกคุณว่าผมกับรดารู้จักกันตั้งแต่ห้าปีก่อนตอนที่ผมยังเรียนแพทย์อยู่ที่โปแลนด์ แค่ขาดการติดต่อกันไปช่วงที่ผมไปต่อfellowที่อเมริกา มาเจอกันอีกครั้งตอนที่รดาเกิดอุบัติเหตุเมื่อสี่เดือนก่อนและได้เรียนรู้กันอย่างจริงจังช่วงที่รดาไปฝึกงานที่บริษัท คุณอาจจะมองว่าระยะเวลามันสั้นแต่เชื่อเถอะครับว่าผมรักเธอจริงๆ ผมรีบทำหน้าที่ของ
ตอนที่29 พบแม่ยายในฐานะแฟนของลูกสาวช่วงสายของอีกวัน“รดาตื่นได้แล้วครับ สายแล้วนะ” กองทัพเดินมาหย่อนสะโพกข้างขอบเตียง เสียงทุ้มนุ่มก้มลงกระซิบข้างหูคนตัวเล็กที่นอนขดตัวอยู่ใต้ผ้าห่มบนเตียง“อือ..หนูขออีกห้านาที” เสียงครางงึมงำในลำคอ ตาสองข้างยังปิดสนิท“หมดแรงขนาดลุกไม่ขึ้นเลยเหรอ หืม” หนวดเคราที่กำลังขึ้นเป็นตอสีดำเสียดสีกับลำคอใต้ซอกใบหูจนคนที่นอนหลับอยู่รู้สึกจักจี้จากการรบกวน“พี่หมอ หนูขออีกห้านาทีนะคะ” เสียงหวานเอ่ยอ้อนคว้ามือหนาที่วางพาดอยู่บนตัวเข้ามากอดแนบใบหน้า จนกองทัพทำตัวไม่ถูกจำต้องจำยอมตามคำขอและทำได้เพียงนั่งนิ่งๆ รอเวลา“หนูครับ วันนี้พี่จะพาหนูไปเยี่ยมคุณแม่ที่โรงพยาบาล ถ้าไม่ยอมตื่นคุณแม่ท่านจะรอนานเอานะครับ” สิ้นคำพูดรดาก็ดีดตัวลุกขึ้นจากที่นอนทันที“คุณจะพาหนูไปเยี่ยมแม่ที่โรงพยาบาลจริงๆ เหรอคะ” ร่างบางโผเข้ากอดชายหนุ่มอย่างลืมตัว หน้าอกคัพB ใต้เสื้อนอนตัวเล็กเสียดสีกับอกแกร่งจนกองทัพสัมผัสถึงความนุ่มเด้งได้“ถ้ายังอยากไปเยี่ยมแม่ พี่แนะนำให้ปล่อยพี่ก่อนครับ ก่อนที่หนูจะต้องนอนหมดแรงอยู่บนเตียงจนออกไปไหนไม่ได้” เสียงกระท่อนกระแท่นเอ่ยบอกติดๆ ขัด ขณะที่จิตสำนึกกำล
ตอนที่28 มีสติแต่ควบคุมไม่ได้ ติ๊ง! เสียงสัญญาณลิฟต์ดังขึ้นเมื่อขึ้นมาถึงชั้นจุดหมาย ประตูลิฟต์ถูกเปิดออก รดารีบเปิดประตูรถสาวเท้าเดินเข้าห้องทันทีเพราะวันนี้กองทัพเอารถขึ้นมาจอดด้านบนปั้ง! เสียงประตูปิดลงและคุณหมอหนุ่มเดินตามหลังมาติดๆ“หนูหิวน้ำ ขอไปกินน้ำก่อนนะคะ” เท้าเล็กรีบเดินเข้าห้องครัว เปิดตู้เย็นคว้าขวดน้ำขึ้นมาเทใส่แก้วและยกขึ้นดื่มเกือบหมดแก้ว โดยไม่รู้เลยว่าเจ้าของห้องนั้นเดินตามหลังเธอเข้าด้วย“พี่ขอกินด้วยสิ / อ๊ะ!” รดาร้องขึ้นด้วยความตกใจยังกำแก้วในมือแน่น“พี่ขอกินด้วยหน่อย”“เดี๋ยวหนูรินให้ใหม่ค่ะ”“ไม่ต้อง พี่กินกับหนูก็ได้” คำพูดถูกกลืนลงคอไปจนหมด ปากหยักได้รูปก้มลงดูดหยดน้ำที่เกาะอยู่มุมปากจนเกิดเสียงดัง“จ๊วบ! หวาน พึ่งรู้ว่าน้ำยี่ห้อนี้หวานขนาดนี้”กองทัพรั้งท้ายทอยเล็กเข้าประกบจูบอีกครั้ง ครั้งนี้เริ่มลุกล้ำเข้าไปในโพรงปาก ริมฝีปากทำหน้าที่แลกลิ้นกลืนกินน้ำลายซึ่งกันและกันกระโปรงทรงเอถูกดันขึ้นสูงก่อนร่างเล็กจะถูกอุ้มขึ้นนั่งบนโต๊ะหินอ่อนเคาน์เตอร์ครัว แพนตี้สีขาวถูกดึงลงต่ำพอๆ กับใบหน้าคมจังหวะร่างสูงย่อตัวลง ประชิดปลายจมูกกลางใจสาวที่ปิดสนิทลมหายใจอุ่นพ่น
ตอนที่27 สินสอดทองหมั้น สนามแข่ง“เดี๋ยวนี้พกกองเชียร์ติดตัวมาด้วยเหรอวะ” เสียงน่านฟ้าเอ่ยแซวเมื่อกองทัพและรดาเดินเข้ามาที่ห้องพักส่วนตัวข้างสนาม โดยมีน่านฟ้า นที ดิน และนิสานั่งรออยู่ก่อน บนโต๊ะมีแก้วไวน์และขวดไวน์ที่ถูกรินไปเกือบครึ่งขวดวางอยู่ด้วย บ่งบอกว่าทั้งสามหนุ่มนั้นนั่งดื่มกันมาสักพักแล้ว“พี่ดิน พี่นที พี่น่านฟ้า พี่นิสา สวัสดีค่ะ” รดายกมือไหว้ทุกคนอย่างมีมารยาท“สวัสดีครับ น้องรดาคนสวย วันนี้เพื่อนๆ ไม่มาด้วยเหรอครับ” นทีถามขึ้น ส่วนที่เหลือได้แต่พยักหน้าตอบรับ“มาค่ะ เชอรี่กำลังไปรับอิงเอยและกิ่งแก้วอยู่ค่ะ”“เอ้าไอ้หมอ มึงจะยืนอวดความหล่ออีกนานไหม ไม่นั่งล่ะครับ” ดินถามขึ้นพร้อมกับขยับที่นั่งข้างๆ ให้เพื่อน“มึงลุกไปนั่งกับไอ้นที” กองทัพเอ่ยบอกเสียงเรียบ“อะไรของมึงวะ ห่างน้องมันบ้างก็ได้ หวงของแบบนี้เคลียร์ตัวเองเรียบร้อยหรือยังครับ” ดินพูดขึ้นขณะที่ลุกขึ้นและขยับไปนั่งข้างนทีที่ยังมีที่ว่างอยู่อีกหนึ่งที่“ไอ้น่าน กูถอนหมั้นกับเมียมึงอย่างเป็นทางการแล้วนะ”“มึงน่าจะทำตั้งนานแล้ว ตามใจนิสามันอยู่ได้ กูต้องอยู่ในสถานะชู้มาตั้งหลายปี..ไอ้ห่า” น่านฟ้าบ่นออกไปดูไม่จริงจังน
ตอนที่26 ถอนหมั้นอย่างเป็นทางการครืด ครืด ครืด เสียงสั่นของโทรศัพท์กระทบกับพื้นโต๊ะทำงาน“กองทัพไอ้เจเดนมันมาท้าแข่งรถกับมึง มึงจะว่ายังไง” น่านฟ้าเจ้าของสนามแข่งรถชื่อดังพูดขึ้น“กูไม่ว่าง มีงานต้องทำเยอะแยะ” กองทัพปฏิเสธกลับทันที“มันฝากมาบอกมึงว่า ถ้ามึงปฏิเสธแสดงว่ามึงกลัว กลัวว่าจะแพ้มันคาสนามแข่งที่บ้านตัวเอง” ความจริงแล้วคำพูดพวกนี้น่านฟ้าเป็นคนพูดขึ้นเองทั้งหมด เพราะของเดิมพันครั้งนี้คือรถเฟอร์รารี่สีแดงรุ่นพิเศษที่น่านฟ้าอยากได้และหาซื้อมานานแล้ว แต่เนื่องจากรุ่นนี้ผลิตออกมาไม่กี่สิบคันจึงยังหาซื้อไม่ได้สักที“แค่นี้ใช่ไหม กูจะทำงาน”“เฮ้..เฮ้..เฮ้ มึงอย่าพึ่งวางสิ” ยังไม่ทันที่กองทัพจะกดวางสายเสียงร้องห้ามของน่านฟ้าก็ดังขึ้น“ของเดิมพันคืออะไร” กองทัพถามกลับเสียงเรียบราวกับรู้อยู่ก่อนแล้ว“รู้ทันกูตลอด แกล้งโง่บ้างก็ได้”“กี่ทุ่ม”“มึงถามกูอย่างนี้ แสดงว่ามึงรับคำท้าใช่ไหม”“มึงอยากได้ไม่ใช่เหรอ แต่กูขายต่อนะไม่ได้ให้ฟรี”“รุ่นนี้กูอยากได้มานานแล้วแต่หาซื้อไม่ได้สักที”“เฟอร์รารี่สีแดงคันนั้นสินะ มันกล้าเอารถคันโปรดมันมาเดิมพันเลยเหรอวะ” เฟอร์รารี่สีแดงรุ่นลิมิเต็ดที่ผลิตออ