บทที่ 5 อดีต
5 ปีก่อน
[หาคนใจดีช่วยติวภาษาอังกฤษให้ หนูอยากเรียนต่อบริหารธุรกิจ สาขาธุรกิจระหว่างประเทศ ] ข้อความบนทวิตเตอร์ที่มีคนรีทวิตกว่าหนึ่งหมื่นครั้งในเวลาไม่ถึง 24ชั่วโมง
ข้อความนั้นขึ้นโชว์หน้าฟีดของกองทัพขณะกำลังเลื่อนดูอะไรเรื่อยเปื่อยในโซเชียล เด็กนักเรียน ม.ปลาย ทำหน้าตาอ้อนๆ ดวงตากลมโตคู่นั้นใครเห็นต่างก็หลงรัก กองทัพจึงไม่ลังเลที่จะติดต่อไปยังอีเมลที่เธอให้ไว้
ข้อความในอีเมล
สวัสดีครับ พี่เห็นน้องโพสต์หาคนช่วยติวภาษาอังกฤษให้ไม่ทราบว่าตอนนี้หาได้หรือยังครับ ถ้ายังติดต่อพี่กลับมานะครับ พี่ยินดีช่วยติวให้
หลังจากที่เลิกจากงานพิเศษรดาก็เปิดเช็กอีเมลทันที
“เย้!” รดาตะโกนขึ้นเสียงดังด้วยความดีใจ แค่วันเดียวเธอก็สามารถหาคนช่วยติวภาษาอังกฤษให้เธอได้แล้ว
“อย่างน้อยโลกใบนี้ก็ไม่ได้โหดร้ายกับเราเสมอไป ขอบคุณที่ยังใจดีกับหนูบ้าง” เด็กสาวผู้ที่หาเงินส่งตัวเองเรียนตั้งแต่มัธยมไม่เคยโทษโชคชะตาที่เธอเกิดมามีชีวิตที่ลำบากแบบนี้ เด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ ที่อดทนสู้กับทุกสิ่งและพยายามหาในสิ่งที่ตัวเองขาดด้วยตัวเอง
{สวัสดีค่ะ หนูชื่อไอรดานะคะ ขอบคุณพี่คนใจดีมากนะคะที่สละเวลามาสอนหนู หนูสัญญาว่าจะตั้งใจเรียนค่ะ พี่คนใจดีอยู่แถวไหนคะหนูสามารถเจอพี่ได้ไหมคะ}
พี่อยู่ต่างประเทศครับ สามารถสอนน้องทางออนไลน์ได้เท่านั้น พี่ขอทำข้อตกลงระหว่างเราก่อนนะครับ ถ้าน้องโอเคพี่จะเริ่มสอนน้องวันพรุ่งนี้ครับ
ข้อตกลงที่1 พี่มีเวลาสอนเราแค่2สัปดาห์ เวลาที่เมืองไทยกับโปแลนด์ต่างกัน5ชั่วโมง เราอาจจะต้องเรียนดึกหน่อยเริ่มเรียน3ทุ่ม-5ทุ่ม
ข้อตกลงที่ 2 พี่จะไม่เปิดเผยหน้าให้เราเห็น แต่เราต้องเปิดกล้องตลอดเพราะพี่อยากดูรีแอคชันว่าสิ่งที่พี่สอนเราเข้าใจหรือเปล่า
หลังจากทำข้อตกลงเรียบร้อยแล้ว วันถัดมารดาก็เริ่มเรียน สิ่งที่กองทัพสอนให้นั้นเป็นความรู้ที่ใช้ได้จริงและเข้าใจง่าย จากวันนั้นมารดาก็เรียกกองทัพว่าพี่ใจดีตลอดมา วันสุดท้ายระหว่างติวเตอร์กับนักเรียนคนพิเศษ
[พี่ใจดีคะ รดาขอของที่ระลึกอะไรสักอย่างจากพี่ใจดีได้ไหมคะ เวลาที่รดาท้อหรือเจอปัญหาอย่างน้อยก็ยังมีพี่ใจดีคอยอยู่ข้างๆ ให้รดาได้คิดถึง]
ปัจจุบัน
“เอก สืบประวัติเด็กคนนี้ให้ผมที” ประวัติโดยสังเขปของหญิงสาวบรรจุในซองสีน้ำตาลถูกส่งให้เลขาคนสนิท
“ครับคุณกองทัพ ผมจะรีบดำเนินการให้เร็วที่สุดครับ” เลขาหนุ่มมากความสามารถเดินกลับออกไปทำงานที่ได้รับมอบหมายมาหมาดๆ
มหาวิทยาลัย RT
“ชะนีเป็นไงบ้างหายดีหรือยัง” เสียงเชอรี่ตะโกนดังมาแต่ไกลเมื่อเห็นรดานั่งอยู่กับกลุ่มเพื่อนที่โต๊ะม้าหินอ่อนบริเวณใต้ตึก
“โอเคแล้ว ฉันไม่ได้เป็นอะไรมากสักหน่อย”
“ไหนมาคุณหมอขอดูซิ แผลที่แขนหายดีหรือยัง” รอยขีดข่วนตามแขนขาเริ่มตกสะเก็ดและหลุดออกจนเกือบหมดแล้วเพราะยาที่ทาค่อนข้างดีมากทาแล้วแผลแห้งเร็ว
“ชะนี รอยแผลหายเกือบหมดแล้วนี่ ยาเขาดีจริงๆ ดีนะที่เพื่อนรักไม่เสียโฉมไม่งั้นฉันคงต้องขายตัวเอาเงินพาแกไปทำศัลยกรรมแน่เลย” เชอรี่เล่นละครบทเพื่อนรักตั้งแต่เช้า จนเพื่อนทุกคนต่างส่ายหัว
“ตอแหล” ทุกคนตะโกนขึ้นพร้อมกันเสียงดัง
“ทีหลังไม่ต้องชมฉันก็ได้ ฉันรู้ตัว” เชอรี่ในชุดกระโปรงทรงเอตัวสั้นเดินมากระแทกสะโพกนั่งลงข้างๆ รดา
“ไปเรียนกัน ขืนไปสายเดี๋ยวอาจารย์แม่องค์ลง” กิ่งแก้วพูดขึ้นเมื่อเหลือบดูนาฬิกาข้อมือเรือนหรูรุ่นลิมิเต็ด
ห้องเรียนภาควิชาการจัดการธุรกิจระหว่างประเทศ
“รายงานที่อาจารย์สั่งให้ส่งภายในวันศุกร์หน้า วันศุกร์นี้อาจารย์จะให้เวลาพวกเธอช่วยกันหาข้อมูล รายงานเรื่องนี้เป็นเรื่องสุดท้ายก่อนที่พวกเธอจะต้องไปฝึกงานเพราะฉะนั้นตั้งใจทำให้ดี” เมื่อพูดจบอาจารย์ประจำคลาสก็เดินออกจากห้องทันที
“International Business Management จะไปหาข้อมูลมาจากไหนให้ได้ละเอียดแบบนั้นวะ ที่บ้านไม่ได้มีธุรกิจเป็นของตัวเองนะโว้ย” เชอรี่ตะโกนขึ้นเสียงดังอย่างเหลืออดที่หัวข้อรายงานที่อาจารย์สั่งค่อนข้างยาก ขนาดงานที่สั่งปกติในคลาสว่ายากแล้ว เจอโจทย์ครั้งนี้เข้าไปแทบร้องไห้
“ใจเย็นน่าเชอรี่ ช่วยกันหาข้อมูลเดี๋ยวมันก็ได้เองแหละ รดามีหนังสือเล่มหนึ่งอธิบายรายละเอียดเกี่ยวกับเรื่องนี้ไว้ดีทีเดียว” หนังสือเล่มหนาที่กองทัพให้มารดาพกติดตัวไปด้วยตลอดเวลา ถูกหยิบออกมาจากกระเป๋าวางลงตรงหน้ากลุ่มเพื่อน
“ชะนี หนังสือเล่มนี้ตีพิมพ์ที่ต่างประเทศนี่ เธอไปได้หนังสือเล่มนี้มาจากไหน” เพื่อนทุกคนต่างตกใจเมื่อรดาวางหนังสือที่เป็นบทความของนักธุรกิจชื่อดังลง
“ยืมคุณหมอมา เขายังบอกอีกนะว่าที่บ้านเขามีอีกหลายเล่มเพราะเขาได้มาตอนที่ไปเรียนต่อที่อเมริกา”
“ทำไมคุณหมอสุดหล่อถึงมีหนังสือเกี่ยวกับการบริหารพวกนี้ล่ะ คุณหมอเรียนหมอไม่ใช่เหรอ”
“เขาบอกว่าตอนที่เขาไปเรียนแพทย์เฉพาะทางต่อยอด (Fellow) เขาก็เรียน MBA ควบคู่ไปด้วย”
“กิ่งแก้ว มึงเสิร์ตหาประวัตินายแพทย์เธียรวิชญ์เดี๋ยวนี้” อิงเอยหันไปสั่งกิ่งแก้วที่เก่งคอมพิวเตอร์ที่สุดในกลุ่ม พร้อมตั้งหน้าตั้งตารอข้อมูลที่กำลังค้นหา
“ขอเวลา5นาที”
“ศาสตราจารย์นายแพทย์เธียรวิชญ์ เศรษฐบุตรกุญชร อายุ 26 ปี ส่วนสูง 190 เซนติเมตร การศึกษา จบระดับมัธยมศึกษาตอนปลายด้วยการสอบเทียบระบบ General Educational Development (GED) ตอนอายุ 16 ปี และเข้าศึกษาต่อระดับปริญญาตรี Medical University of Lublin ที่ประเทศโปแลนด์ มีผลงานวิจัยโดดเด่นและได้ตีพิมพ์ในวารสารการแพทย์ตั้งแต่ระดับปริญญาตรี และได้ไปศึกษาต่อแพทย์เฉพาะทางต่อยอด (Fellow) แพทย์อายุรกรรมด้านหัวใจที่ Harvard Medical School เป็นแพทย์ที่มีคะแนน USMLE สูงสุดอันดับหนึ่ง และขณะนั้นยังเรียนหลักสูตร MBA ควบคู่ไปด้วย หลังจากจบมาก็กลับมาดูแลโรงพยาบาลของตัวเองตำแหน่งผู้อำนวยการโรงพยาบาล KM” กิ่งแก้วอ่านประวัติของศาสตราจารย์นายแพทย์หนุ่มที่ปรากฏบนหน้าจอให้เพื่อนฟังเสียงสั่น
“ฮะ!! เป็นศาสตราจารย์ตั้งแต่อายุ26 แถวยังควบตำแหน่งผู้อำนวยการโรงพยาบาลอีก จบปริญญาโท MBA พร้อมกับจบ Fellow..กูยอม สมองทำด้วยอะไรทำไมถึงเก่งขนาดนี้ กูว่ากูเจอแล้วล่ะ”
“เจออะไร” ทุกคนถามขึ้นด้วยความงุนงง
“เจอพ่อของลูก”
“มึงไม่มีมดลูกอีเชอ” เหมือนเสียงตะโกนปลุกให้เชอรี่ตื่นจากฝันมาพบกับความจริง
“โอ้ยชะนีปากร้ายทั้งหลาย ชอบดับฝันกะเทย” เสียงแหลมแสบแก้วหูพูดขึ้นอย่างน้อยใจ ก่อนจะปรับสีหน้ากลับมาเป็นปกติ
“รดาวันนี้แกเข้าไปขอยืมหนังสือคุณหมอเพิ่มได้ไหม พรุ่งนี้เราจะได้ช่วยกันทำ” อิงเอยหันมาพูดกับรดาสีหน้าจริงจัง
“วันศุกร์ได้ไหมแก คุณหมอจะเข้าโรงพยาบาลเฉพาะวันจันทร์กับวันศุกร์แค่สองวันน่ะ” รดาเอ่ยบอกเพื่อนออกไป
“แหม๋ รู้ตารางงานกันด้วย มันยังไงคะคุณไอรดา ไหนบอกไม่เคยรู้จักกันมาก่อนไง” กิ่งแก้วเอ่ยแซวขึ้น รดาจากที่ตอนแรกไม่ได้คิดอะไรก็เริ่มทำสีหน้าเลิ่กลั่กดูมีพิรุธ
“ไม่มีอะไร ก็แค่นัดกับคุณหมอจะเอาหนังสือไปคืน..แค่นั้น” รดาตอบออกไปแก้เขินเพราะบางครั้งก็แอบคิดเข้าข้างตัวเองเหมือนกัน แต่ก็ต้องดึงสติตัวเองให้กลับมาอยู่โลกความเป็นจริงว่ามันไม่มีทางเป็นแบบนั้นได้แน่นอน
“จ๊ะ! ไม่มีอะไรก็ไม่มีอะไร จ่ายค่ารักษาพยาบาลให้ ช่วยรักษาทั้งที่มีหมออยู่เต็มโรงพยาบาล ให้พักห้องพัก VIP ดูแลติดตามอาการอย่างใกล้ชิด ที่สำคัญยอมโดดงานเพื่ออยู่เฝ้าทั้งวัน ไม่มีอะไรเนอะแกเนอะเพราะพึ่งรู้จักกัน” อิงเอยพูดขึ้นน้ำเสียงทะเล้น รดาที่นั่งอยู่ถึงกับทำตัวไม่ถูก หากนึกย้อนกลับไปสิ่งที่เพื่อนตนพูดนั้นก็ถูกต้องทั้งหมด
หลังจากเลิกเรียนในตอนเย็นรดาก็รีบกลับห้องทันทีเพราะวันนี้ไม่ได้ไปขับรถส่งอาหารอย่างเช่นทุกวันที่เคยทำ เพราะรถมอเตอร์ไซค์ก็ยังซ่อมไม่เสร็จและตัวเธอเองก็ยังไม่หายดี อีกไม่กี่เดือนก็ต้องไปฝึกงานคงไม่มีเวลากลับไปทำแบบนั้นอีก
หนังสือเล่มหนาถูกหยิบออกจากกระเป๋าสะพายหลังจากอาบน้ำเสร็จ ที่คั่นกระดาษสีชมพูถูกหยิบออกไปสอดไว้ด้านหลัง สายตาทั้งสองจ้องไปที่ตัวหนังสือภาษาอังกฤษไล่สายตาอ่านทุกตัวอักษร รดานั่งอ่านหนังสือจนดึกเพราะติดลมวางไม่ลง อยากอ่านให้จบราวกับอ่านนวนิยายที่ต้องอ่านให้จบเรื่องถึงจะวางหนังสือลงได้ เวลาผ่านไปเกือบเที่ยงคืนไฟหน้าจอโทรศัพท์สว่างขึ้นเตือนว่ามีคนส่งข้อความเข้ามา
[นอนได้แล้วรดา อย่ามัวแต่อ่านหนังสือจนดึก] เป็นข้อความจากกองทัพที่ส่งเข้ามาในแอปพลิเคชันไลน์
[คุณรู้ได้ไงคะว่าหนูยังไม่นอน]
[ถ้านอนแล้วใครล่ะกำลังตอบข้อความผมอยู่]
[ก็คุณส่งข้อความมารบกวนหนู หนูเลยตื่น]
[นอนขี้เซาขนาดนั้น แค่เสียงข้อความไม่ทำให้เธอตื่นได้หรอก]
[คุณรู้ได้ไงคะ ว่าหนูนอนขี้เซา]
[ก็ที่โรงพยาบาลผมปลุกคุณตั้งหลายรอบ ผมนึกว่าไม่หายใจแล้วซะอีก จนผมกำลังจะ..]
[กำลังจะอะไรคะ พูดมาให้จบสิ]
[นอนได้แล้วครับจะเที่ยงคืนแล้ว พรุ่งนี้เจอกัน..ฝันดีครับ]
มือเรียวเล็กกำโทรศัพท์ในมือแน่น มืออีกข้างยกขึ้นทาบอกด้านซ้ายตรงตำแหน่งหัวใจ หัวใจเต้นเร็วและแรงขึ้นแทบไม่เป็นจังหวะโดยไม่ทราบสาเหตุ ใบหน้าร้อนผ่าวลามไปถึงใบหู เสียงคุณหมอหนุ่มยังก้องอยู่ในหูพานให้นึกถึงคนใจดีเมื่อ 5 ปีก่อน เสียงทุ้มนุ่มดูอบอุ่นที่คอยสอนและให้กำลังใจเธอ แม้จะไม่เคยเห็นหน้าแต่เสียงนั้นยังคงอยู่ในใจเสมอคิดแล้วก็อดที่จะนึกถึงไม่ได้
หนังสือเล่มโปรดถูกวางลงตรงหัวเตียง โคมไฟหัวเตียงถูกปิดลงมีเพียงแสงไฟจากด้านนอกที่ส่องลอดม่านเข้ามา
{ใช่คุณหรือเปล่าคุณหมอ} ร่างบางนอนกลิ้งไปมาอยู่บนเตียงไม่อาจข่มตาให้หลับลงได้เพราะเสียงของคุณหมอยังก้องอยู่ในหัว รดาดีดตัวลุกขึ้นทันทีเมื่อนึกอะไรบางอย่างออก
ลิ้นชักโต๊ะเขียนหนังสือถูกเปิดออก กล่องไม้เก่าๆ สีน้ำตาลถูกหยิบขึ้นมาวางด้านบน ที่ล็อกถูกคลายออก ฝากล่องถูกเปิดขึ้น รูปถ่ายแผ่นเล็กถูกหยิบขึ้นมาจากกล่อง รูปผู้ชายใส่ชุดสีดำยืนหันหลังให้กล้องวิวด้านหลังเป็นตึกสูง
{สักวันเราคงได้มีโอกาสพบกันนะคะ คนใจดีของหนู}
ตอนที่34 งานแต่งงาน 5 เดือนผ่านไปหลังจากที่ญาดาพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลนานนับเดือนก็ได้กลับไปพักฟื้นต่อที่บ้าน จนมาถึงวันนี้ร่างกายเริ่มดีขึ้นใกล้จะกลับมาเป็นปกติเกือบร้อยเปอร์เซ็นทางด้านผู้ใหญ่ของกองทัพก็รับรู้และยินดีที่ลูกชายคนเล็กของบ้านจะมีแฟน ที่สำคัญที่บ้านคุณหมอหนุ่มยังรู้ดีตั้งแต่ต้นว่าลูกชายตัวเองแอบหลงรักเด็กผู้หญิงที่อยู่เมืองไทย เพราะตลอดระยะเวลาที่ชายหนุ่มไปเรียนเมืองนอกกว่าสิบปีไม่เคยมีแฟนเลยสักคน ชีวิตมีแต่เรียนกับสนามแข่งรถ และยังแอบพกรูปเด็กผู้หญิงผมเปียติดตัวตลอดเวลาถึงขนาดใส่กรอบเล็กๆ วางไว้ในห้องนอนการคบหาระหว่างทั้งสองคนอยู่ในการรับรู้และยินดีจากผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่าย แต่มีอีกหนึ่งคนที่จะดีใจมากเป็นพิเศษคงหนีไม้พ้น..ทัพบก ผู้ที่ใฝ่ฝันอยากมีน้องสาวเป็นของตัวเอง และหลงรักเด็กสาวตั้งแต่เจอหน้ากันครั้งแรกเมื่อตอนสั่งอาหารแล้วไรเดอร์สาวขับรถมอเตอร์ไซค์ฝ่าสายฝนที่ตกหนักเพื่อนำอาหารมาส่ง เด็กสาวที่เปียกปอนไปทั่วตัวแต่ก็ยังยิ้มร่า เด็กสาวที่มีรอยยิ้มสดใสให้ทุกครั้งที่เจอกัน เด็กสาวที่อยากได้มาเป็นน้องสาวที่น่ารัก อ้อนเก่ง“รดา อาทิตย์หน้าตารางงานพี่ว่างเราพาคุณแม่ท่าน
ตอนที่33 คำตอบจากแม่ยาย ครืด ครืด ครืด เสียงโทรศัพท์รดาที่วางอยู่โต๊ะข้างหัวเตียงดังขึ้น“สวัสดีครับ” กองทัพหยิบมากดรับสายเมื่อเห็นว่าคนที่โทรเข้ามานั้นคือพี่ชายของเด็กสาว“คุณหมอเหรอครับ”“ครับ ตอนนี้รดาหลับอยู่ครับ คุณธนามีธุระด่วนจะคุยกับรดาไหมครับ ผมจะปลุกเธอให้”“ไม่มีครับ แค่ผมกลับมาที่ห้องพักแล้วไม่เจออยู่ที่นี่เลยโทรหานะครับ”“รดาหลับอยู่ที่ห้องทำงานผมครับ ช่วงเย็นคุณป้าน่าจะย้ายขึ้นมาพักฟื้นที่ห้องนี้นะครับ”“ขอบคุณคุณหมอมากนะครับ ผมไม่รบกวนแล้ว สวัสดีครับ”หลังจากที่วางสายเสร็จกองทัพก็ลุกเดินออกจากห้องไปและลงไปยังชั้นสามเป็นแผนกหัวใจและทรวงอก ห้อง ICU ที่อยู่ติดกับเคาน์เตอร์พยาบาลซึ่งมีคนไข้ชื่อญาดานอนรอดูอาการอยู่หลังการผ่าตัด“คนไข้เป็นอย่างไรบ้างครับ” กองทัพเดินเข้าไปในห้องพร้อมหยิบชาร์จที่เสียบอยู่ที่ปลายเตียงขึ้นมากวาดสายตาอ่าน“ความดันปกติ ชีพจรเต้นคงที่ คนไข้ฟื้นแล้วหลังจากออกจากห้องผ่าตัด ปฏิกิริยาทุกอย่างปกติและพึ่งหลับไปเมื่อสักครู่ค่ะ”“ร่างกายตอบสนองต่อการรักษาดี ช่วงเย็นรายงานอาการให้ผมทราบอีกที ถ้าไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงผมจะย้ายคนไข้ขึ้นไปพักฟื้นด้านบน” เหมือนยกภ
ตอนที่32 รางวัลคนเก่ง “รางวัลพี่ล่ะครับ” เมื่อทั้งสองกลับขึ้นมาบนห้องพักส่วนตัวยังไม่ทันที่ประตูปิดสนิทดีคุณหมอหนุ่มก็ทวงถามหารางวัลทันที“รางวัลอะไรของคุณ รีบไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าได้แล้วค่ะมีแต่กลิ่นแอลกอฮอล์” มือเล็กออกแรงผลักตรงหลังให้เดินไปยังห้องน้ำเพราะตอนนี้เธอแทบจะทนดมกลิ่นแอลกอฮอล์ในตัวชายหนุ่มไม่ไหว"นวดไหล่ให้พี่หน่อย ผ่าตัดตั้งหลายชั่วโมง..เมื่อยมาก" ยังไม่ทันที่รดาจะหันหลังออกจากห้องน้ำก็เจอเสียงอ้อนของคุณหมอหนุ่ม“อาบเสร็จแล้วเดี๋ยวหนูนวดให้นะคะ” รดาไม่ได้ปฏิเสธเลยทีเดียวแต่เลือกที่จะยื่นข้อเสนอต่อรองหรือเรียกอีกอย่างว่าการเอาตัวรอด“ต้องแช่น้ำอุ่นแล้วนวดไปด้วยกล้ามเนื้อถึงจะผ่อนคลาย” หลักการทางกายภาพถูกงัดขึ้นมาต้อนเด็กสาวให้จนมุม“เดี๋ยวเสื้อผ้าหนูเปียก ไม่มีชุดใหม่เปลี่ยน”“พี่สั่งให้เอกซื้อมาให้หนูใหม่แล้วสิบชุด อยู่ในตู้” เกมโอเวอร์สุดท้ายรดาก็เป็นฝ่ายแพ้ เดินไปเปิดน้ำอุ่นและผสมสบู่ลงในอ่างกุชชี่ขณะที่กองทัพจัดการถอดเสื้อผ้าออกจนหมดและตอนนี้มีเพียงผ้าเช็ดตัวผืนใหญ่พันรอบเอว“ว๊าย! คุณจะทำอะไรคะ” เชือกที่ผูกอยู่ที่เอวคอดถูกดึงออกโดยฝีมือของชายหนุ่มที่ตอนนี้ยืนซ้อน
ตอนที่31 หน้าห้องผ่าตัด“ขอโทษครับผมลืมเคาะประตู” ทั้งสองผละออกจากกันอัตโนมัติเหมือนเกิดแรงผลักของประจุไฟฟ้าขั้วบวกกับขั้วบวกหน้าห้องผ่าตัดเจ้าหน้าที่เข็นเตียงผู้ป่วยออกจากห้องพักหลังจากเตรียมความพร้อมก่อนทำการผ่าตัดมายังห้องผ่าตัดแผนกศัลยกรรม หญิงวัย 58 ปีนอนหน้าซีดปากซีดไร้เลือดฝาดอยู่บนเตียงสีหน้าเป็นกังวล“แม่คะ แม่ต้องสู้นะคะหนูกับพี่ธนาจะรอแม่อยู่ด้านนอก คุณหมอเก่งมากแม่ไม่ต้องกังวลนะคะ” มือเรียวเล็กทั้งสองข้างยื่นไปกุมมือผู้เป็นมารดาด้านที่มีสายน้ำเกลือเสียบคาอยู่และอีกข้างก็มีเครื่องวัดออกซิเจนติดอยู่“จ๊ะลูก” ญาดาตอบกลับบุตรสาวเสียงแผ่วใบหน้าฝืนยิ้ม ยกมืออีกข้างมากุมมือบุตรสาวและบุตรชายออกแรงบีบเล็กน้อย“ผมกับน้องรอแม่อยู่ด้านนอกนะครับ” เสียงทุ้มอ่อนนุ่มสั่นเครือเล็กน้อยของชายหนุ่มคนที่ดูแลแม่มาตั้งแต่ผู้เป็นบิดาเสียไป ถึงข้างนอกจะดูเข้มแข็งแต่ข้างในก็แอบกลัวอยู่ไม่น้อยเพราะรู้ถึงสุขภาพร่างกายของผู้เป็นมารดาอย่างดีว่าตอนนี้เข้าขั้นวิกฤตแค่ไหน“ธนาอย่าลืมที่สัญญากับแม่นะลูก” ก่อนเข้าไปด้านในยังไม่ลืมย้ำเตือนบุตรชายคนโตอีกรอบ“ครับแม่ แม่ก็อย่าลืมที่สัญญากับผมไว้นะครับ ว่าแม่
ตอนที่30 สู่ขอไม่เป็นทางการ“รดา พี่เอาหนังสือมาให้เผื่อหนูอยากอ่าน” กองทัพเปิดประตูเข้ามาได้จังหวะได้ยินตอนที่รดาคุยกับพี่ชายพอดี“ถามผมก็ได้ครับ ผมยินดีแสดงความบริสุทธิ์ใจทุกอย่าง” กองทัพเดินเข้าหยุดยืนขนาบข้างเด็กสาว ในมือยังถือหนังสือวารสารด้านธุรกิจของต่างประเทศที่รดาชอบอ่าน ซึ่งเล่มนี้เป็นเล่มใหม่ที่เขาฝากเพื่อนซื้อมาพึ่งส่งมาถึงเมื่อวันก่อน"ความจริงผมก็ไม่อยากยุ่งเรื่องส่วนตัวของพวกคุณหรอกนะครับ แต่ฐานะการใช้ชีวิตของพวกเรากับคุณมันต่างกันมาก” ธนาชี้แจงเหตุผลให้คุณหมอหนุ่มฟังอย่างนอบน้อมและมีเหตุผล“ผมเข้าใจครับ และก็ไม่แปลกใจที่คุณจะเป็นห่วงรดา เราไม่เคยเจอกันหรือรู้จักกันมาก่อน พอเจอกันครั้งแรกผมก็มาแนะนำตัวในฐานะคนรักของน้องสาวคุณ เป็นใครก็ตกใจครับ แต่ผมอยากจะบอกคุณว่าผมกับรดารู้จักกันตั้งแต่ห้าปีก่อนตอนที่ผมยังเรียนแพทย์อยู่ที่โปแลนด์ แค่ขาดการติดต่อกันไปช่วงที่ผมไปต่อfellowที่อเมริกา มาเจอกันอีกครั้งตอนที่รดาเกิดอุบัติเหตุเมื่อสี่เดือนก่อนและได้เรียนรู้กันอย่างจริงจังช่วงที่รดาไปฝึกงานที่บริษัท คุณอาจจะมองว่าระยะเวลามันสั้นแต่เชื่อเถอะครับว่าผมรักเธอจริงๆ ผมรีบทำหน้าที่ของ
ตอนที่29 พบแม่ยายในฐานะแฟนของลูกสาวช่วงสายของอีกวัน“รดาตื่นได้แล้วครับ สายแล้วนะ” กองทัพเดินมาหย่อนสะโพกข้างขอบเตียง เสียงทุ้มนุ่มก้มลงกระซิบข้างหูคนตัวเล็กที่นอนขดตัวอยู่ใต้ผ้าห่มบนเตียง“อือ..หนูขออีกห้านาที” เสียงครางงึมงำในลำคอ ตาสองข้างยังปิดสนิท“หมดแรงขนาดลุกไม่ขึ้นเลยเหรอ หืม” หนวดเคราที่กำลังขึ้นเป็นตอสีดำเสียดสีกับลำคอใต้ซอกใบหูจนคนที่นอนหลับอยู่รู้สึกจักจี้จากการรบกวน“พี่หมอ หนูขออีกห้านาทีนะคะ” เสียงหวานเอ่ยอ้อนคว้ามือหนาที่วางพาดอยู่บนตัวเข้ามากอดแนบใบหน้า จนกองทัพทำตัวไม่ถูกจำต้องจำยอมตามคำขอและทำได้เพียงนั่งนิ่งๆ รอเวลา“หนูครับ วันนี้พี่จะพาหนูไปเยี่ยมคุณแม่ที่โรงพยาบาล ถ้าไม่ยอมตื่นคุณแม่ท่านจะรอนานเอานะครับ” สิ้นคำพูดรดาก็ดีดตัวลุกขึ้นจากที่นอนทันที“คุณจะพาหนูไปเยี่ยมแม่ที่โรงพยาบาลจริงๆ เหรอคะ” ร่างบางโผเข้ากอดชายหนุ่มอย่างลืมตัว หน้าอกคัพB ใต้เสื้อนอนตัวเล็กเสียดสีกับอกแกร่งจนกองทัพสัมผัสถึงความนุ่มเด้งได้“ถ้ายังอยากไปเยี่ยมแม่ พี่แนะนำให้ปล่อยพี่ก่อนครับ ก่อนที่หนูจะต้องนอนหมดแรงอยู่บนเตียงจนออกไปไหนไม่ได้” เสียงกระท่อนกระแท่นเอ่ยบอกติดๆ ขัด ขณะที่จิตสำนึกกำล