ห้องเสื้อชื่อดังLEETHING
สาวสวยในชุดเสื้อโคชตัวใหญ่ในฤดูหนาวนั่งร่างดีไซน์ชุดราตรีอย่างคล่องมือ ตั้งแต่ที่เธอเรียนจบมาด้านนี้ก็เปิดร้านห้องเสื้อเป็นผู้นำแฟชั่นที่ล้ำสมัย ไม่ได้เข้าไปช่วยกิจการที่ครอบครัวทำอยู่ จางลี่ถิงก้มหน้ามุ่งมั่นเพื่อที่จะสร้างสรรค์ผลงานชิ้นใหม่ออกมา แม้ว่าตอนนี้เธอเองจะประสบปัญหาด้านชื่อเสียงที่เสียไปจากการทำร้ายร่างกายผู้อื่น แต่ใช่ว่าคนอย่างเธอจะยอมแพ้ไม่สู้ชีวิตกับงานที่รักต่อเสียเมื่อไหร่ ตึก ตึก เสียงส้นรองเท้าที่มุ่งหน้ามาที่ห้องทำงานของเธอ ทำเอาลี่ถิงต้องช้อนสายตาขึ้นมองเมื่อเห็นว่าเป็นเพื่อนเธอก็ยิ้มออกมา "หนิงเอ๋อ เรานัดกันตอนบ่ายโมงไม่ใช่หรือไงทำไมเธอมาไวกว่าที่คิดละ" "พอดีฉันว่างเลยมาก่อน จริงสิได้ยินข่าวมา พ่อของเธอเข้าไปคุยเรื่องของเธอกับตระกูลซูอย่างนั้นเหรอ" "ข่าวไวดีนี่" "ก็ห่าวอี้นะสิได้ยินพ่อของเขาพูดถึงเรื่องนี้" คนที่หนิงเอ๋อพูดถึงคือคนรักของเธอซึ่งพ่อของเขาก็เป็นหนึ่งในกรรมการบริหารของตระกูลซู ดูเหมือนว่าทุกอย่างจะวนเวียนกันอยู่ความลับก็คงไม่มีในโลกละมั้ง คำพูดของเพื่อนทำเอาลี่ถิงต้องวางดินสอในมือลง จากนั้นเธอก็เอนแผ่นหลังชิดกับเก้าอี้ พร้อมเสียงถอนหายใจดังเฮือก "เพราะฉันแท้ ๆ ที่เอาแต่ใจตัวเองถึงทำให้พ่อต้องลดศักดิ์ศรีลงไปอ้อนวอนตระกูลซูให้เข้ามาช่วยเรื่องธุรกิจที่กำลังแย่ แต่เธอรู้ไหมหมอซางเขาเกลียดขี้หน้าฉันขนาดไหนแค่ขอให้เขาช่วยเหลือเล่นละครสักหน่อยก็ไม่ยอม คิดว่าตัวเองสูงส่งหรือไงกัน "จะว่าไปหมอซางเองก็หล่อใช้ได้ เป็นถึงทายาทเศรษฐีตระกูลซูทำธุรกิจเครื่องมือแพทย์มานาน กิจการก็ออกจะใหญ่โตเธอเองก็น่าจะลองมองเขาหน่อยนะ" "มองงั้นเหรอ เหอะ แค่หน้าฉันเขายังไม่อยากมองเลย แต่ก็เอาเถอะฉันคิดว่าพ่อคงจะหาทางอื่นแทนได้แน่" ทั้งหนิงเอ๋อและลี่ถิงคุยกันตามประสาเพื่อน อยู่ ๆ มือถือของลี่ถิงก็ดังขึ้น ครืด ครืด เธอชะโงกมองดูมือถือที่วางอยู่ที่โต๊ะเมื่อเห็นว่าสายที่โทรเข้ามาเป็นพ่อของเธอเท่านั้น หัวใจดวงน้อยก็แป๋วลงอีก ไม่รู้ว่าพ่อต้องการจะโทรมาด่าว่าอะไรเธอ แต่อย่างนั้นก็อุตส่าห์กดรับ "ค่ะ พ่อ" (เย็นนี้เตรียมตัวไว้ ฉันจะพาแกไปทานข้าวที่บ้านหมอซาง) "อะไรนะคะ ทานข้าวบ้านนั้นนะเหรอ ทำไมต้องไปค่ะ" (อย่าถามมาก เตรียมตัวไว้แล้วกัน) พูดจบจางเอินก็วางสาย ส่วนคนที่ขมวดคิ้วเรียวด้วยความสงสัยก็คือลี่ถิง "พ่อเธอโทรมาบอกว่ายังไง" หนิงเอ๋อชะโงกหน้ามาเล็กน้อยน้ำเสียงที่เธอเปล่งถามเพื่อน บ่งบอกถึงความอยากรู้ถึงที่สุด "ไม่รู้ว่าพ่อนึกยังไง เย็นนี้ฉันต้องไปทานข้าวที่บ้านหมอซางน่ะซิ" "หรือว่าฝั่งนั้นตกลงให้เธอแต่งงานกับลูกชายเขา" "ไม่น่าจะใช่หรอกเพราะดูท่าทางแล้วหมอซางก็ไม่ใช่คนตามใจครอบครัวเท่าไร อีกอย่างเขาปฏิเสธฉันถึงสองครั้งคงไม่กลับคำหรอก" บรรยากาศภายในห้องเสื้อเงียบลงอีกครั้ง คงเพราะทั้งคู่กำลังประมวลเหตุการณ์เบื้องหน้าว่าจะเกิดอะไรขึ้น อยู่ ๆ เสียงของลี่ถิงก็พูดขึ้นก่อน "หนิงเอ๋อเรื่องที่เรานัดกัน วันนี้คงยกเลิกนะ" "ได้ ไว้คราวหน้าแล้วกันพอดีเลยฉันเองก็อยากจะไปต่อเล็บใหม่ งั้นวันไหนว่างฉันจะโทรหาเธอแล้วกัน" "อืม" ลี่ถิงพยักหน้า รับคำเพื่อน จากนั้นหนิงเอ๋อก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้เดินกระแทกเท้าที่มีสนจนเกิดเสียงก่อนที่ร่างของเธอจะออกไปจากตัวร้าน "ชิงชิงเข้ามานี้หน่อยสิ" "ค่ะ" เด็กสาวในร้านรีบวิ่งเข้ามาด้านห้องทำงานของลี่ถิงอย่างหน้าตาตื่น "บ่ายนี้ฉันจะกลับบ้านก่อน แล้วผ้าที่ฉันตัดใหม่จะมาลงเปลี่ยนใส่หุ่นโชว์หน้าร้านด้วย เวลาปิดร้านดูให้เรียบร้อยเข้าใจไหม" "เข้าใจค่ะ" เธอสั่งพนักงานสาวในร้าน แล้วก็ก้มหน้าทำงานต่อ รูปที่เธอบรรจงร่างมันออกมาเป็นชุดราตรีที่สวยงาม แฟชั่นโชว์ที่จะถึงในเดือนหน้าเสื้อผ้าของเธอต้องไปอยู่ที่ร่างของนางแบบแน่นอน จางลี่ถิงเดินทางกลับมาเตรียมความพร้อมที่บ้าน แม้ว่าเธอจะไม่อยากไปทว่าเรื่องที่กำลังเจออยู่นี้ล้วนมาจากการกระทำของเธอทั้งสิ้น ผู้ชายที่เธอหลงรักเขา แต่เขาเองก็แสดงความรักต่อภรรยาชัดเจนแถมยังเล่นงานครอบครัวเธอแทบจะเสียหลัก เหตุการณ์ที่ผ่านมาเรียกได้ว่าเป็นบทเรียนครั้งใหญ่ของเธอก็ว่าได้ "แต่งตัวเสร็จแล้วใช่ไหมลูก" เสียงหวานของลี่เหมยเปล่งขึ้น เมื่อร่างของเธอแทรกกายเข้ามาในห้องลูกสาว "เรียบร้อยแล้วค่ะ" "สวยมากลูกแม่" "แม่คะ ทำไมเราต้องไปทานข้าวที่บ้านหมอซางด้วยละ" "แม่เองก็ยังไม่รู้แต่พ่อของลูกโทรมาบอกแม่ให้เตรียมตัวเขาจะส่งรถมารับเรา" เธอทำหน้าเหมือนตั้งคำถามมากมายแต่ก็ยังไม่ได้ถาม จนสาวใช้วิ่งเข้ามาแจ้ง ว่าทุกอย่างพร้อมแล้วให้ลงไปด้านล่าง ลี่เหมยและลี่ถิงเดินลงมาที่ชั้นล่างของบ้าน จากนั้นก็แทรกร่างขึ้นไปนั่งบนรถที่จางเอินส่งมารับ เขาเองก็ยังไม่จบประชุมก็เลยสั่งให้ลูกน้องมารับสองแม่ลูกให้รุดหน้าไปที่บ้านตระกูลซูก่อน หญิงสาวในชุดเดรสสีแดงรัดรูปร่างอรชร ด้านนอกทับด้วยเสื้อกันหนาวขนเฟอร์ฟูฟ่อง ใบหน้าแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางจนดูสวยสง่า ปกติการแต่งตัวของลี่ถิงก็จะออกแนวสาวมั่นอยู่แล้วเธอเป็นผู้นำแฟชั่นมีหรือเสื้อผ้าที่สวมใส่จะไม่ดูดี "แม่ค่ะ หนูถามตรง ๆ เขาเชิญเราไปหรือว่าพ่อขอไปค่ะ" "แม่ไม่โกหกหรอกนะ คุณอันเขาโทรมาเชิญพ่อให้ไปร่วมมื้อเย็นเห็นบอกว่ามีเรื่องอยากจะคุยด้วย และเขายังย้ำให้พาหนูไปด้วยอีก" "พาหนูไปงั้นเหรอ" "เอาเถอะ ไปถึงก็คงจะรู้เองแหละว่าเขาต้องการคุยเรื่องอะไร" ก็คงไม่ใช่เรื่องของเธอกับลูกชายเขาแน่ เพราะดูแล้วมันไม่มีทางเกิดขึ้นคฤหาสน์ตระกูลซูบรรยากาศบนโต๊ะอาหารตอนนี้ปกคลุมไปด้วยความอึดอัดของคุณหนูหน้าขาวเรียวปากแดง เพราะสายตาคมเข้มที่นั่งตรงข้ามเธอเอาแต่งจ้องมองด้วยความไม่ชอบใจ"เอาละที่เชิญพวกคุณมาทานข้าวมื้อนี้เพราะทางเราเองก็เห็นสมควรแก่เรื่องที่จางเอินเข้ามาคุยเมื่อหลายวันก่อน"บรรยากาศคล้ายจะอึมครึมจึงทำให้เจ้าของคฤหาสน์หรูอย่างซูอันต้องเอ่ยวาจาออกมาเหมือนกำลังเปิดประเด็นเรื่องที่นัดบ้านตระกูลจางมาในวันนี้ ที่บรรยากาศดูอึมครึมเพราะลูกชายเจ้าของบ้าน ยิ่งผู้เป็นบิดาเปิดเรื่องขึ้นมาเพียงเท่านั้น ทำเอาหมอซางหน้าเข้มยกแก้วน้ำขึ้นมาดื่มและนั่นทำเอาสายตาของตระกูลจางจ้องมองเขาเป็นตาเดียว เมื่อวางแก้วน้ำลงเท่านั้นซูอันก็พูดต่อทันที"เรื่องที่จางเอินเสนอมานั้นเราได้คุยกันแล้ว เป็นเรื่องดีที่จะให้ทั้งสองตระกูลเกี่ยวดองฉันในฐานะผู้มีอำนาจสูงสุดยินดีที่จะรับหนูถิงถิงเข้ามาอยู่ในครอบครัวเรา""อะไรนะคะ" เสียงที่แทรกขึ้นเป็นเสียงของลี่ถิงเธอไม่คิดว่า คุณลุงซูจะตัดสินใจแบบนั้นเพราะเข้าใจด้วยดีเสมอว่า หมอซางไม่ได้ชอบพอตนและไม่คิดที่จะแต่งงานกับเธอตั้งแต่แรกในขณะที่หมอซางเองเงียบสนิทเขาไม่พูดอะไรทั้งสิ้น แต่ถือว่าโชคยั
ปึก บรึ้น"ไอ้หมอบ้า หากจะไม่ไปส่งถึงบ้านทำไมไม่บอกแต่ครั้งแรกเล่า" โทสะมีมากจนเธอต้องโพล่งเสียงตามหลังรถของเขา ลี่ถิงยืนหันหน้าหันหลังหากจะโทรไปหาพ่อก็น่าจะเกิดปัญหาแน่ เธอตัดสินใจเรียกแท็กซี่ให้ไปส่งที่บ้านแทนหมอซางกลับมาที่โรงพยาบาลใบหน้าของหมอค่อนข้างเครียดเพราะรายงานที่ต้องสรุปการส่งนั้นเกิดปัญหาเล็กน้อย อีกทั้งตัวเองก็เป็นถึงหนึ่งในผู้บริหารโรงพยาบาล หากเกิดข้อผิดพลาดอาจจะทำให้โรงพยาบาลเดือดร้อนได้ระหว่างที่กำลังก้มหน้าก้มตาดูที่แฟ้มปึกใหญ่ เสียงมือถือของเขาก็ดังขึ้นครืด ครืดหมอซางเอื้อมมือไปหยิบมือถือที่วางไว้บนโต๊ะข้าง ๆ เขา แต่ก็ไม่ได้มองดูเบอร์ว่าใครที่โทรเข้ามา เมื่อกดรับเท่านั้น( หมอซางได้ยินข่าวว่านายจะแต่งกับยัยมารร้ายลี่ถิงเหรอ)"ไปได้ข่าวมาจากไหน"(วงในเขาลือกันทั่ว ตระกูลจางถือว่าฉลาดพอตัวที่เอาลูกสาวมาถวายตระกูลซู)"เหอะ เรื่องนี้เป็นเพราะตงหยางแท้ ๆ ที่ทำให้ฉันต้องเดือดร้อน"(นายจะมาโทษพี่ใหญ่ได้ยังไง ก็เรื่องทั้งหมดยัยลี่ถิงเป็นคนก่อขึ้นทั้งนั้น แต่ก็เอาเถอะเธอเองคงสำนึกแล้วละ หวังว่านายจะเป็นคนที่เปลี่ยนแปลงเธอแล้วกัน)"ตงฉิน หากนายโทรมาเพื่อพูดเรื่องนี้ละก็
จางลี่ถิงเดินมาทางโต๊ะของหมอซาง มาถึงก็หยุดเท้านิ่งอีกมือก็จับมือของหนิงเอ๋อไว้แน่น"คุณหมอมาทานข้าวหรือคะ" เธอยิ้มออกมาจนเห็นฟันขาว ส่วนหมอซางก็ช้อนสายตาขึ้นมามอง เมื่อเห็นใบหน้าสีขาวปากแดงระเรื่อแล้วหมอก็พับเมนูอาหารก่อนจะวางมันไว้ตรงหน้าแล้วพูดขึ้น"ก็เห็นนี่ว่ามาทานอาหาร หรือเธอเห็นเป็นอย่างอื่น""นั่นสิคะ แล้วนี่....." เธอหันมาทางหมอหลันจากนั้นก็กลอกตาไปทางหมอซางอีกครั้ง"จะไม่แนะนำให้รู้จักหน่อยเหรอ" ก็หมอซางนิ่งราวกับหุ้นใบหน้าไม่เป็นมิตรกับเธอ ลี่ถิงเธอรู้เลยแกล้งแหย่หมอเล่น"ไม่จำเป็นหรอกมั้ง""ไม่จำเป็นได้ยังไงคะหมอ เรากำลังจะหมั้นกันนะ"คำพูดของเธอทำเอาหมอหลันตกใจมาก หัวใจดวงนั้นเหมือนหล่นไปอยู่ที่ตาตุ่ม ไม่เคยรู้มาก่อนว่าหมอซางจะมีคู่หมั้นแล้ว"เธอมาทานข้าวไม่ใช่หรือไง ก็ไปซะสิ""คุณหมอจะไม่ชวนลี่ถิงนั่งด้วยเหรอคะ นี่ว่าที่คู่หมั้นคุณหมอนะ" คราวนี้เป็นหนิงเอ๋อที่พูด ทำเอาหมอต้องหันมามองหน้าคนที่ยืนข้าง ๆจางลี่ถิง ความคิดของหมอก็คงจะคิดว่าเพื่อนกันไม่ต่างกันเท่าไร"เออ งั้นเชิญพวกคุณสองคนนั่งด้วยกันสิคะ" คุณหมอสาวสวยคงทำตัวไม่ถูกก็คนที่พึ่งเดินเข้ามาเขาเปิดตัวชัดว่าเป็นว่าท
วันถัดมาก๊อก ก๊อก ก๊อกเสียงเคาะประตูห้องส่วนตัวของหมอซางรัวสนั่น ดูเหมือนว่าคนที่ยืนเคาะอยู่ข้างนอกกำลังร้อนรุ่มใจ จนคุณหมอหนุ่มหน้าเข้มต้องช้อนสายตาขึ้นมาที่ประตูห้องแล้วเอ่ยอนุญาต"เข้ามา"เสียงสนรองเท้ากระแทกลงที่พื้นบ่งบอกว่าคนที่กำลังมุ่งหน้าเข้ามานั้นเร่งรีบขนาดไหน"พี่ซาง พี่คิดอะไรอยู่ ทำไมถึงยอมหมั้นกับยายมารร้ายนั้นได้"เสียงที่เปล่งออกมาบ่งบอกความไม่พอใจถึงขีดสุด ทำให้หมอซางที่กำลังจะตรวจเอกสารต้องวางทุกอย่างลง แล้วถอนหายใจยาวจ้องมองใบหน้าสวยของน้องสาวไม่ลดละ"เธอคิดว่าพี่ชอบผู้หญิงแบบนั้นเหรอ ที่ต้องยอมเพราะพี่ไม่มีทางเลือกพ่อจะไม่สนับสนุนโรงพยาบาล คนที่เดือดร้อนคือพี่""ทำไมพ่อร้ายขนาดนั้น ก็รู้อยู่ว่าพี่ไม่ได้รักยัยปากแดงลี่ถิงสักหน่อย""ช่างเถอะก็แค่หมั้นกันไว้ยังไม่ได้แต่ง""เพราะพี่หยางคนเดียวที่ทำให้พี่เดือดร้อนแบบนี้""เอาเถอะน่ะ คงเป็นกรรมของพี่เองแหละ"พอหมอซางพูดแบบนั้น ซูซ่านก็ทำหน้ามุ้ยลงทันที ก็แน่แหละเธอไม่ชอบจางลี่ถิงและไม่อยากให้พี่ชายเพียงคนเดียวต้องมาชีวิตกับคนพรรค์นั้นเวลาเดินทางมาสักพักใหญ่หลังจากที่นั่งคุยกับพี่ชายแล้ว ซูซ่านก็ขอตัวกลับแต่เธอไม่ได้ก
ห้องเสื้อLEETHINGเย็นของวันนี้ขณะที่ลี่ถิงกำลังง่วนอยู่กับแบบร่างเสื้อผ้าที่เธอเองต้องรับผิดชอบ หญิงสาวขะมักเขม้นอย่างตั้งใจ หวังเป็นอย่างยิ่งว่าผลงานชิ้นนี้จะช่วยกอบกู้ชื่อเสียงของเธอกลับมาได้เช่นกันระหว่างนั้นเองชิงชิงเด็กในร้านก็เดินเข้ามาพร้อมประโยครายงานที่ราบเรียบ"คุณลี่ถิงค่ะ มีคนมาขอพบค่ะ""ใคร""ไม่เคยเห็นมาก่อนค่ะ แต่ท่าทางดูดีหล่อด้วยค่ะ" ประโยครายงานของพนักงานในร้านทำเอาลี่ถิงย่นหัวคิ้วเข้าหากัน ปกติแล้วเธอไม่เคยมีแขกผู้ชายมาขอพบ หากจะมีก็มีแต่ผู้หญิงที่เป็นลูกค้าของทางร้านเมื่อวางทุกอย่างที่ถืออยู่ไว้แล้ว ก็ลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็วแล้วมุ่งหน้าออกไปจากห้องส่วนตัว แต่ชายร่างสูงที่ยืนเด่นเป็นสง่าหันหลังให้เธออยู่นั้น เธอรู้ได้ทันทีว่าเป็นเขา หมอซาง"คุณมาทำอะไรที่นี่" ประโยคแรกของลี่ถิงทำเอาหมอซางที่ยืนหันหลังอยู่ต้องหันหน้ามามอง"นี่เป็นประโยคเด็ดของทางร้านงั้นเหรอ ปกติเขามีแต่ยินดีที่ลูกค้าเข้าร้าน" คำพูดที่แสนเย็นชาบวกกับใบหน้านิ่งสนิท ทำเอาลี่ถิงต้องยกมือมากอดอกตนเองไว้แน่น มองเขาด้วยความสงสัย"พ่อฉันบอกว่าให้มาตัดชุดวันงานหมั้น""ตัดชุด?" ลี่ถิงถามย้ำอีกครั้ง เธอแปลกใ
#งานหมั้นไม่คิดเลยว่าเวลาจะเดินทางมาเร็วขนาดนี้ เพียงสองอาทิตย์ที่ลี่ถิงได้ทำงานที่ตัวเองรักเกือบเสร็จและยังทำการตัดเสื้อผ้าตัวเองและเสื้อผ้าหมอซาง เพื่อที่ใช้ในพิธีหมั้นจนเสร็จบรรยากาศในงานเต็มไปด้วยผู้คนมากมาย ระดับสองตระกูลดังเกี่ยวดองทั้งที มีหรือจะไม่ใหญ่โตจางลี่ถิงสวมชุดกี่เผ่าสีแดงม้วนผมปักเครื่องประดับด้วยมุข แม้จะดูเรียบแต่เธอก็ยังสวยสง่าดั่งนางพญาก็ว่าได้ ปากที่แดงเข้ากับชุดบวกกับผิวที่ขาวดุจไข่มุกมันยิ่งส่งเสริมกันไม่น้อย ส่วนหมอซางเขาเองก็อยู่ในชุดกึ่งสมัยนิยมสวมเสื้อสูทสีอ่อนดูหล่อสง่าเช่นกันทั้งคู่ยกน้ำชาตามประเพณีมีสวมแหวนเพชรเม็ดงาม แต่เชื่อเถอะว่าคู่บ่าวสาวคู่นี้ไม่มีแม้รอยยิ้มใด ๆ หากจะบอกว่าเขาทั้งสองไม่เคยสร้างความหวานใด ๆ เหมือนคู่อื่นก็น่าจะถูก มีแต่รอเวลาที่จะหมั้นให้เสร็จ ๆ ไปก็เท่านั้นเอง"นี่ยายแจ๋น งานหมั้นพี่ชายทั้งทีทำไมไม่ยิ้มหน่อยละ" คนที่ถือแก้วไวน์เดินเข้ามาคุยกับซูซ่านก็คือตงฉิน แน่นอนว่าเขาได้รับเชิญในนามตระกูลกู้ ส่วนตงหยางคงไม่ต้องบอกแม้เชิญเขาก็ไม่มา อีกอย่างตระกูลซูก็รู้ดีว่าระหว่างตระกูลจางกับตงหยางมีปัญหากันอยู่"จะให้ฉันยิ้มได้ยังไง คนที่ย
ไม่เสียแรงที่หมอซางได้พยายามทำงานวิจัยเกี่ยวกับอาการผู้ป่วยที่วินิจฉัยโรคไม่ได้จนได้รับคัดเลือกไปฝึกอบรมยังโรงพยาบาลต่างอำเภอต้องเรียกว่าแหล่งชนบทเป็นระยะเวลาหนึ่งอาทิตย์ แต่การไปครั้งนี้หมอไม่ได้ไปคนเดียวทางโรงพยาบาลยังส่งหมอมู่หลันไปกับหมอซางด้วย ทำให้เรื่องนี้ถึงหูลี่ถิงในฐานะคู่หมั้นในขณะที่ร่างอรชรกำลังยืนตรวจความเรียบร้อยของหุ่นภายในร้าน ที่พึ่งได้เสื้อผ้าตัวใหม่มาโชว์ เสียงฝีเท้าของใครสักคนก็เดินเข้ามา พร้อมเสียงที่โพล่งขึ้นชัดเจน"ถิงถิง""แม่ มาได้ยังไงคะ" เธอหันมาแล้วก็รีบถามด้วยความสงสัย ปกติแม่ของเธอจะไม่ค่อยมาหาที่ร้าน แต่วันนี้แม่ดันมาแสดงว่าต้องมีเรื่องแน่นอน"ก็พ่อของลูกนะสิ ได้ข่าวมาว่าหมอซางจะไปอบรมที่ชนบท อีกอย่างต้องไปกับหมอผู้หญิงด้วย พ่อคงไม่ไว้ใจ""อย่าบอกนะคะว่า ที่แม่มาเพราะอยากให้หนูไปกับเขา หนูไม่ว่างหรอกค่ะ อีกอย่างอาทิตย์นี้เขาจะมีงานแฟชั่นโชว์หนูต้องไปดูความเรียบร้อยของเสื้อผ้า""แต่""แม่คะ หมอซางเขาไม่สนใจหนูด้วยซ้ำหมั้นกันมาก็หลายวัน ตั้งแต่วันหมั้นเขาไม่เคยโผล่หัวมาเลย อีกอย่างนะหนูเองก็ไม่ได้ชอบอะไรหมอซางนั่น ที่ต้องทำเพราะหนูรู้สึกผิด แม่หากหนูกอบก
"หมอซางนั่นคู่หมั้นนายหรือเปล่า" หนึ่งในเพื่อนหมอทักขึ้นเมื่อเห็นร่างอรชรในชุดเกาะอกสีแดงกำลังนั่งดื่มกับเพื่อนของเธอ ทำเอาหมอซางต้องหันมามองจากนั้นก็หลบสายตาไป เหมือนกับว่าหมอไม่ได้เห็นความสำคัญเธออยู่แล้ว"นายจะไม่เข้าไปทักเธอหน่อยเหรอ""คงไม่จำเป็น อีกอย่างเธอก็มากับเพื่อน" ช่างเป็นคู่หมั้นที่ไม่เหมือนคู่อื่น ๆ สักนิดสิ่งที่หมอแสดงออกตอนนี้ทำให้เพื่อนร่วมงานต้องหันมามองหน้ากันด้วยความสงสัย ส่วนหมอหลันเธอไม่รู้หรอกว่าสาเหตุที่แท้จริงที่หมอซางยอมหมั้นเพราะอะไรกันแน่อย่าว่าแต่กลุ่มของหมอซางที่เห็นจางลี่ถิง หนิงเอ๋อก็ตาดีไม่ใช่หน่อยขนาดไฟสลัววิ๊บวั๊บก็ยังอุตส่าห์เห็นหมอซางหน้าหล่อนั่งอยู่"ถิงถิง นั่นคู่หมั้นเธอไม่ใช่หรือไง" หนิงเอ๋อโน้มตัวลงมากระซิบที่ข้างหูเพื่อน ทำให้จางลี่ถิงต้องหันไปมอง เมื่อเห็นว่าเป็นเขาจริง ๆ เธอก็หันกลับมาพร้อมกระซิบตอบเพื่อน"ช่างเขาเถอะ เขาเองก็คงไม่สนใจฉันหรอกเราต่างคนต่างมาอย่าไปสนใจเขาเลย" เมื่อพูดแบบนั้นก็ยกค็อกเทลขึ้นมาจิบ โดยไม่สนใจหมอซางที่นั่งอยู่อีกฟากฝั่งเวลาผ่านไปสักพักจางลี่ถิงดูท่าจะได้ที่แอลกอฮอล์ในร่างเริ่มทำงาน ดวงตาเริ่มพร่ามัวเล็กน้อยจนเธ
ริมฝีปากหว่านพรมไปทุกสัดส่วน อีกมือก็ลูบไล้ไปตามผิวเนื้อ จนลิ้นอุ่นเลียมาถึงยอดเชอรี่สีหวานก่อนจะดูดดึงหนัก ๆ "อ๊ะ" ร่างกายของเธอสะดุ้งตามเล็กน้อยยอดดอกชูชันขึ้นมาราวกับรอคอยการปลุกเร้า แค่เห็นอย่างนั้นก็เพิ่มอารมณ์ชายในร่างได้เป็นอย่างดีมือหนาเริ่มไล่ระดับต่ำลงมาเรื่อย ๆ จนมาถึงเนินอวบอิ่ม เพียงแค่เขาสัมผัส เธอก็สะดุ้งตัวตามแล้ว"ฮึก อ๊า หมอซาง" เธอรู้สึกอายแต่วินาทีนี้ไม่อาจจะข่มใจได้ คงปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปตามที่ใจปรารถนาแค่สัมผัสจุดอ่อนไหวก็รับรู้ได้ว่า ความต้องการของเธอมันถึงขีดสุด น้ำสีเหลวไหลออกมาจนชุ่มราวกับน้ำหล่อลื่นชั้นดี รู้ทั้งรู้ว่าเธอต้องการมันมากแค่ไหนแต่เขาก็เหมือนจะแกล้งเธออยู่ร่ำไป หมอซางไม่ได้สอดอวัยวะที่พองโตเต็มที่เข้าไปสัมผัส แต่กลับใช้เพียงนิ้วเรียวยาวสอดเข้าไปสำรวจ"อ๊ะ" ภายในอุ่นอย่างบอกไม่ถูกแถมมันยังหดเกร็งบีบรัดนิ้วมือเขาแน่น ทำเอาความรู้สึกชายตอนนี้มันวิ่งพล่าน จนต้องกัดฟันแน่น"อื้อ อืม ตรงนั้น มัน " เธออยากบอกว่าเสียวซ่านใจแทบขาดเพียงแค่นิ้วเรียวของเขาแทรกลึกลงไปพร้อมทั้งขยับเข้าออกเบิกทางให้รับท่อนเอ็นที่แข็งขืนตอนนี้เสียงเปียกลื่นของเหลวจากเรีย
หมอซางตามฉีเกอมาทางห้องน้ำ แต่ภาพที่เห็นตรงหน้าคือเขากำลังพยุงร่างของจางลี่ถิงให้ลุกขึ้นเหมือนเตรียมท่าจะออกไปจากตรงนี้เห็นท่าว่าจะไม่ดี จริงอยู่ว่าหมอไม่ชอบเธอเท่าไรนักแต่ก็ไม่อาจจะทนเห็นเธอตกอยู่ในอันตรายได้ "ขอโทษนะครับ" ฉีเกอหันมามองตามเสียงเพียงแค่เห็นหมอซางใบหน้าเขาก็ซีดเผือดขึ้นทันที"หมอซางคุณก็มาที่นี่ด้วยเหรอ""ผมมารับเธอกลับบ้าน" ลี่ถิงในตอนนี้เธอดูหื่นหอบเริ่มเม้มริมฝีปากแน่น หมอซางเห็นอย่างนั้นก็ถอนหายใจจากนั้นก็รีบไปดึงตัวเธอมาซบที่อกตัวเอง"เอ่อ งั้นผมขอตัวกลับก่อนแล้วกัน" ฉีเกอคงรู้ชะตาตัวเอง หากฝืนอยู่นานมีหวังถูกจับได้ว่าตัวเองเป็นคนวางยาจางลี่ถิงหมอซางพาจางลี่ถิงมาที่รถระหว่างที่พยุงร่างของเธอแทรกเข้าไปในนั้น ลี่ถิงก็ดึงหมอมาจูบอย่างชนิดที่ว่าห้ามตัวเองไม่อยู่ฮึก"ทำบ้าอะไรของเธอ" หมอซางตั้งสติได้รีบผละใบหน้าออกมายืนตัวตรง ในขณะที่ร่างของลี่ถิงอ่อนปวกเปียกดวงตาฉ่ำปรืออยู่แบบนั้น"หมอช่วยฉันด้วย" เธอรู้ว่าไม่อาจควบคุมตัวเองได้ร่างกายมันร้อนผ่าวไปหมด ส่วนหมอซางก็รู้ว่าเธอโดนวางยาจริง ๆ เมื่อยืนมองอยู่สักพักก็รีบขึ้นไปที่ฝั่งคนขับเคลื่อนรถออกจากที่ วินาทีที่คิดอะไร
"หมอซางนั่นคู่หมั้นนายหรือเปล่า" หนึ่งในเพื่อนหมอทักขึ้นเมื่อเห็นร่างอรชรในชุดเกาะอกสีแดงกำลังนั่งดื่มกับเพื่อนของเธอ ทำเอาหมอซางต้องหันมามองจากนั้นก็หลบสายตาไป เหมือนกับว่าหมอไม่ได้เห็นความสำคัญเธออยู่แล้ว"นายจะไม่เข้าไปทักเธอหน่อยเหรอ""คงไม่จำเป็น อีกอย่างเธอก็มากับเพื่อน" ช่างเป็นคู่หมั้นที่ไม่เหมือนคู่อื่น ๆ สักนิดสิ่งที่หมอแสดงออกตอนนี้ทำให้เพื่อนร่วมงานต้องหันมามองหน้ากันด้วยความสงสัย ส่วนหมอหลันเธอไม่รู้หรอกว่าสาเหตุที่แท้จริงที่หมอซางยอมหมั้นเพราะอะไรกันแน่อย่าว่าแต่กลุ่มของหมอซางที่เห็นจางลี่ถิง หนิงเอ๋อก็ตาดีไม่ใช่หน่อยขนาดไฟสลัววิ๊บวั๊บก็ยังอุตส่าห์เห็นหมอซางหน้าหล่อนั่งอยู่"ถิงถิง นั่นคู่หมั้นเธอไม่ใช่หรือไง" หนิงเอ๋อโน้มตัวลงมากระซิบที่ข้างหูเพื่อน ทำให้จางลี่ถิงต้องหันไปมอง เมื่อเห็นว่าเป็นเขาจริง ๆ เธอก็หันกลับมาพร้อมกระซิบตอบเพื่อน"ช่างเขาเถอะ เขาเองก็คงไม่สนใจฉันหรอกเราต่างคนต่างมาอย่าไปสนใจเขาเลย" เมื่อพูดแบบนั้นก็ยกค็อกเทลขึ้นมาจิบ โดยไม่สนใจหมอซางที่นั่งอยู่อีกฟากฝั่งเวลาผ่านไปสักพักจางลี่ถิงดูท่าจะได้ที่แอลกอฮอล์ในร่างเริ่มทำงาน ดวงตาเริ่มพร่ามัวเล็กน้อยจนเธ
ไม่เสียแรงที่หมอซางได้พยายามทำงานวิจัยเกี่ยวกับอาการผู้ป่วยที่วินิจฉัยโรคไม่ได้จนได้รับคัดเลือกไปฝึกอบรมยังโรงพยาบาลต่างอำเภอต้องเรียกว่าแหล่งชนบทเป็นระยะเวลาหนึ่งอาทิตย์ แต่การไปครั้งนี้หมอไม่ได้ไปคนเดียวทางโรงพยาบาลยังส่งหมอมู่หลันไปกับหมอซางด้วย ทำให้เรื่องนี้ถึงหูลี่ถิงในฐานะคู่หมั้นในขณะที่ร่างอรชรกำลังยืนตรวจความเรียบร้อยของหุ่นภายในร้าน ที่พึ่งได้เสื้อผ้าตัวใหม่มาโชว์ เสียงฝีเท้าของใครสักคนก็เดินเข้ามา พร้อมเสียงที่โพล่งขึ้นชัดเจน"ถิงถิง""แม่ มาได้ยังไงคะ" เธอหันมาแล้วก็รีบถามด้วยความสงสัย ปกติแม่ของเธอจะไม่ค่อยมาหาที่ร้าน แต่วันนี้แม่ดันมาแสดงว่าต้องมีเรื่องแน่นอน"ก็พ่อของลูกนะสิ ได้ข่าวมาว่าหมอซางจะไปอบรมที่ชนบท อีกอย่างต้องไปกับหมอผู้หญิงด้วย พ่อคงไม่ไว้ใจ""อย่าบอกนะคะว่า ที่แม่มาเพราะอยากให้หนูไปกับเขา หนูไม่ว่างหรอกค่ะ อีกอย่างอาทิตย์นี้เขาจะมีงานแฟชั่นโชว์หนูต้องไปดูความเรียบร้อยของเสื้อผ้า""แต่""แม่คะ หมอซางเขาไม่สนใจหนูด้วยซ้ำหมั้นกันมาก็หลายวัน ตั้งแต่วันหมั้นเขาไม่เคยโผล่หัวมาเลย อีกอย่างนะหนูเองก็ไม่ได้ชอบอะไรหมอซางนั่น ที่ต้องทำเพราะหนูรู้สึกผิด แม่หากหนูกอบก
#งานหมั้นไม่คิดเลยว่าเวลาจะเดินทางมาเร็วขนาดนี้ เพียงสองอาทิตย์ที่ลี่ถิงได้ทำงานที่ตัวเองรักเกือบเสร็จและยังทำการตัดเสื้อผ้าตัวเองและเสื้อผ้าหมอซาง เพื่อที่ใช้ในพิธีหมั้นจนเสร็จบรรยากาศในงานเต็มไปด้วยผู้คนมากมาย ระดับสองตระกูลดังเกี่ยวดองทั้งที มีหรือจะไม่ใหญ่โตจางลี่ถิงสวมชุดกี่เผ่าสีแดงม้วนผมปักเครื่องประดับด้วยมุข แม้จะดูเรียบแต่เธอก็ยังสวยสง่าดั่งนางพญาก็ว่าได้ ปากที่แดงเข้ากับชุดบวกกับผิวที่ขาวดุจไข่มุกมันยิ่งส่งเสริมกันไม่น้อย ส่วนหมอซางเขาเองก็อยู่ในชุดกึ่งสมัยนิยมสวมเสื้อสูทสีอ่อนดูหล่อสง่าเช่นกันทั้งคู่ยกน้ำชาตามประเพณีมีสวมแหวนเพชรเม็ดงาม แต่เชื่อเถอะว่าคู่บ่าวสาวคู่นี้ไม่มีแม้รอยยิ้มใด ๆ หากจะบอกว่าเขาทั้งสองไม่เคยสร้างความหวานใด ๆ เหมือนคู่อื่นก็น่าจะถูก มีแต่รอเวลาที่จะหมั้นให้เสร็จ ๆ ไปก็เท่านั้นเอง"นี่ยายแจ๋น งานหมั้นพี่ชายทั้งทีทำไมไม่ยิ้มหน่อยละ" คนที่ถือแก้วไวน์เดินเข้ามาคุยกับซูซ่านก็คือตงฉิน แน่นอนว่าเขาได้รับเชิญในนามตระกูลกู้ ส่วนตงหยางคงไม่ต้องบอกแม้เชิญเขาก็ไม่มา อีกอย่างตระกูลซูก็รู้ดีว่าระหว่างตระกูลจางกับตงหยางมีปัญหากันอยู่"จะให้ฉันยิ้มได้ยังไง คนที่ย
ห้องเสื้อLEETHINGเย็นของวันนี้ขณะที่ลี่ถิงกำลังง่วนอยู่กับแบบร่างเสื้อผ้าที่เธอเองต้องรับผิดชอบ หญิงสาวขะมักเขม้นอย่างตั้งใจ หวังเป็นอย่างยิ่งว่าผลงานชิ้นนี้จะช่วยกอบกู้ชื่อเสียงของเธอกลับมาได้เช่นกันระหว่างนั้นเองชิงชิงเด็กในร้านก็เดินเข้ามาพร้อมประโยครายงานที่ราบเรียบ"คุณลี่ถิงค่ะ มีคนมาขอพบค่ะ""ใคร""ไม่เคยเห็นมาก่อนค่ะ แต่ท่าทางดูดีหล่อด้วยค่ะ" ประโยครายงานของพนักงานในร้านทำเอาลี่ถิงย่นหัวคิ้วเข้าหากัน ปกติแล้วเธอไม่เคยมีแขกผู้ชายมาขอพบ หากจะมีก็มีแต่ผู้หญิงที่เป็นลูกค้าของทางร้านเมื่อวางทุกอย่างที่ถืออยู่ไว้แล้ว ก็ลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็วแล้วมุ่งหน้าออกไปจากห้องส่วนตัว แต่ชายร่างสูงที่ยืนเด่นเป็นสง่าหันหลังให้เธออยู่นั้น เธอรู้ได้ทันทีว่าเป็นเขา หมอซาง"คุณมาทำอะไรที่นี่" ประโยคแรกของลี่ถิงทำเอาหมอซางที่ยืนหันหลังอยู่ต้องหันหน้ามามอง"นี่เป็นประโยคเด็ดของทางร้านงั้นเหรอ ปกติเขามีแต่ยินดีที่ลูกค้าเข้าร้าน" คำพูดที่แสนเย็นชาบวกกับใบหน้านิ่งสนิท ทำเอาลี่ถิงต้องยกมือมากอดอกตนเองไว้แน่น มองเขาด้วยความสงสัย"พ่อฉันบอกว่าให้มาตัดชุดวันงานหมั้น""ตัดชุด?" ลี่ถิงถามย้ำอีกครั้ง เธอแปลกใ
วันถัดมาก๊อก ก๊อก ก๊อกเสียงเคาะประตูห้องส่วนตัวของหมอซางรัวสนั่น ดูเหมือนว่าคนที่ยืนเคาะอยู่ข้างนอกกำลังร้อนรุ่มใจ จนคุณหมอหนุ่มหน้าเข้มต้องช้อนสายตาขึ้นมาที่ประตูห้องแล้วเอ่ยอนุญาต"เข้ามา"เสียงสนรองเท้ากระแทกลงที่พื้นบ่งบอกว่าคนที่กำลังมุ่งหน้าเข้ามานั้นเร่งรีบขนาดไหน"พี่ซาง พี่คิดอะไรอยู่ ทำไมถึงยอมหมั้นกับยายมารร้ายนั้นได้"เสียงที่เปล่งออกมาบ่งบอกความไม่พอใจถึงขีดสุด ทำให้หมอซางที่กำลังจะตรวจเอกสารต้องวางทุกอย่างลง แล้วถอนหายใจยาวจ้องมองใบหน้าสวยของน้องสาวไม่ลดละ"เธอคิดว่าพี่ชอบผู้หญิงแบบนั้นเหรอ ที่ต้องยอมเพราะพี่ไม่มีทางเลือกพ่อจะไม่สนับสนุนโรงพยาบาล คนที่เดือดร้อนคือพี่""ทำไมพ่อร้ายขนาดนั้น ก็รู้อยู่ว่าพี่ไม่ได้รักยัยปากแดงลี่ถิงสักหน่อย""ช่างเถอะก็แค่หมั้นกันไว้ยังไม่ได้แต่ง""เพราะพี่หยางคนเดียวที่ทำให้พี่เดือดร้อนแบบนี้""เอาเถอะน่ะ คงเป็นกรรมของพี่เองแหละ"พอหมอซางพูดแบบนั้น ซูซ่านก็ทำหน้ามุ้ยลงทันที ก็แน่แหละเธอไม่ชอบจางลี่ถิงและไม่อยากให้พี่ชายเพียงคนเดียวต้องมาชีวิตกับคนพรรค์นั้นเวลาเดินทางมาสักพักใหญ่หลังจากที่นั่งคุยกับพี่ชายแล้ว ซูซ่านก็ขอตัวกลับแต่เธอไม่ได้ก
จางลี่ถิงเดินมาทางโต๊ะของหมอซาง มาถึงก็หยุดเท้านิ่งอีกมือก็จับมือของหนิงเอ๋อไว้แน่น"คุณหมอมาทานข้าวหรือคะ" เธอยิ้มออกมาจนเห็นฟันขาว ส่วนหมอซางก็ช้อนสายตาขึ้นมามอง เมื่อเห็นใบหน้าสีขาวปากแดงระเรื่อแล้วหมอก็พับเมนูอาหารก่อนจะวางมันไว้ตรงหน้าแล้วพูดขึ้น"ก็เห็นนี่ว่ามาทานอาหาร หรือเธอเห็นเป็นอย่างอื่น""นั่นสิคะ แล้วนี่....." เธอหันมาทางหมอหลันจากนั้นก็กลอกตาไปทางหมอซางอีกครั้ง"จะไม่แนะนำให้รู้จักหน่อยเหรอ" ก็หมอซางนิ่งราวกับหุ้นใบหน้าไม่เป็นมิตรกับเธอ ลี่ถิงเธอรู้เลยแกล้งแหย่หมอเล่น"ไม่จำเป็นหรอกมั้ง""ไม่จำเป็นได้ยังไงคะหมอ เรากำลังจะหมั้นกันนะ"คำพูดของเธอทำเอาหมอหลันตกใจมาก หัวใจดวงนั้นเหมือนหล่นไปอยู่ที่ตาตุ่ม ไม่เคยรู้มาก่อนว่าหมอซางจะมีคู่หมั้นแล้ว"เธอมาทานข้าวไม่ใช่หรือไง ก็ไปซะสิ""คุณหมอจะไม่ชวนลี่ถิงนั่งด้วยเหรอคะ นี่ว่าที่คู่หมั้นคุณหมอนะ" คราวนี้เป็นหนิงเอ๋อที่พูด ทำเอาหมอต้องหันมามองหน้าคนที่ยืนข้าง ๆจางลี่ถิง ความคิดของหมอก็คงจะคิดว่าเพื่อนกันไม่ต่างกันเท่าไร"เออ งั้นเชิญพวกคุณสองคนนั่งด้วยกันสิคะ" คุณหมอสาวสวยคงทำตัวไม่ถูกก็คนที่พึ่งเดินเข้ามาเขาเปิดตัวชัดว่าเป็นว่าท
ปึก บรึ้น"ไอ้หมอบ้า หากจะไม่ไปส่งถึงบ้านทำไมไม่บอกแต่ครั้งแรกเล่า" โทสะมีมากจนเธอต้องโพล่งเสียงตามหลังรถของเขา ลี่ถิงยืนหันหน้าหันหลังหากจะโทรไปหาพ่อก็น่าจะเกิดปัญหาแน่ เธอตัดสินใจเรียกแท็กซี่ให้ไปส่งที่บ้านแทนหมอซางกลับมาที่โรงพยาบาลใบหน้าของหมอค่อนข้างเครียดเพราะรายงานที่ต้องสรุปการส่งนั้นเกิดปัญหาเล็กน้อย อีกทั้งตัวเองก็เป็นถึงหนึ่งในผู้บริหารโรงพยาบาล หากเกิดข้อผิดพลาดอาจจะทำให้โรงพยาบาลเดือดร้อนได้ระหว่างที่กำลังก้มหน้าก้มตาดูที่แฟ้มปึกใหญ่ เสียงมือถือของเขาก็ดังขึ้นครืด ครืดหมอซางเอื้อมมือไปหยิบมือถือที่วางไว้บนโต๊ะข้าง ๆ เขา แต่ก็ไม่ได้มองดูเบอร์ว่าใครที่โทรเข้ามา เมื่อกดรับเท่านั้น( หมอซางได้ยินข่าวว่านายจะแต่งกับยัยมารร้ายลี่ถิงเหรอ)"ไปได้ข่าวมาจากไหน"(วงในเขาลือกันทั่ว ตระกูลจางถือว่าฉลาดพอตัวที่เอาลูกสาวมาถวายตระกูลซู)"เหอะ เรื่องนี้เป็นเพราะตงหยางแท้ ๆ ที่ทำให้ฉันต้องเดือดร้อน"(นายจะมาโทษพี่ใหญ่ได้ยังไง ก็เรื่องทั้งหมดยัยลี่ถิงเป็นคนก่อขึ้นทั้งนั้น แต่ก็เอาเถอะเธอเองคงสำนึกแล้วละ หวังว่านายจะเป็นคนที่เปลี่ยนแปลงเธอแล้วกัน)"ตงฉิน หากนายโทรมาเพื่อพูดเรื่องนี้ละก็