ไม่เสียแรงที่หมอซางได้พยายามทำงานวิจัยเกี่ยวกับอาการผู้ป่วยที่วินิจฉัยโรคไม่ได้จนได้รับคัดเลือกไปฝึกอบรมยังโรงพยาบาลต่างอำเภอต้องเรียกว่าแหล่งชนบทเป็นระยะเวลาหนึ่งอาทิตย์ แต่การไปครั้งนี้หมอไม่ได้ไปคนเดียวทางโรงพยาบาลยังส่งหมอมู่หลันไปกับหมอซางด้วย ทำให้เรื่องนี้ถึงหูลี่ถิงในฐานะคู่หมั้น
ในขณะที่ร่างอรชรกำลังยืนตรวจความเรียบร้อยของหุ่นภายในร้าน ที่พึ่งได้เสื้อผ้าตัวใหม่มาโชว์ เสียงฝีเท้าของใครสักคนก็เดินเข้ามา พร้อมเสียงที่โพล่งขึ้นชัดเจน "ถิงถิง" "แม่ มาได้ยังไงคะ" เธอหันมาแล้วก็รีบถามด้วยความสงสัย ปกติแม่ของเธอจะไม่ค่อยมาหาที่ร้าน แต่วันนี้แม่ดันมาแสดงว่าต้องมีเรื่องแน่นอน "ก็พ่อของลูกนะสิ ได้ข่าวมาว่าหมอซางจะไปอบรมที่ชนบท อีกอย่างต้องไปกับหมอผู้หญิงด้วย พ่อคงไม่ไว้ใจ" "อย่าบอกนะคะว่า ที่แม่มาเพราะอยากให้หนูไปกับเขา หนูไม่ว่างหรอกค่ะ อีกอย่างอาทิตย์นี้เขาจะมีงานแฟชั่นโชว์หนูต้องไปดูความเรียบร้อยของเสื้อผ้า" "แต่" "แม่คะ หมอซางเขาไม่สนใจหนูด้วยซ้ำหมั้นกันมาก็หลายวัน ตั้งแต่วันหมั้นเขาไม่เคยโผล่หัวมาเลย อีกอย่างนะหนูเองก็ไม่ได้ชอบอะไรหมอซางนั่น ที่ต้องทำเพราะหนูรู้สึกผิด แม่หากหนูกอบกู้ชื่อเสียงกลับมาได้หนูสัญญาว่าจะทำให้บริษัทเรากลับมายิ่งใหญ่อีกครั้ง โดยที่ไม่ต้องพึ่งตระกูลซู" "ถิงถิง แต่พ่อสัญญากับฝั่งนั้นไว้แล้วว่าหนูต้องได้แต่งเข้าบ้านนั้นนะ" "คนไม่รักกันจะแต่งงานกันได้ยังไงคะ แม่ก็เห็นว่าหมอซางท่าทางเขารังเกียจหนูจะตายไป" ลี่เหมยถอนหายใจยาว ไม่ใช่ว่าเธอไม่รู้การกระทำที่ผ่านมาก็บ่งบอกทุกอย่างว่าเขาไม่ได้เต็มใจที่จะหมั้น แต่ที่ต้องหมั้น คงเพราะพ่อของเขา ลี่ถิงเดินกลับเข้ามาในห้องทำงานส่วนตัวของเธอ โดยที่คนเป็นแม่เดินตามเข้ามาด้วยเมื่อมาถึงเธอก็เดินไปนั่งที่เก้าอี้พร้อมจะทำงานในส่วนที่เธอรับผิดชอบ ทว่า "ถิงถิง พักนี้ลูกไม่กลับบ้านเลย พ่อเองก็มีเรื่องอยากคุยด้วยเอาเป็นว่าเย็นนี้กลับบ้านหน่อยนะลูก" เธอเงยหน้าขึ้นมามองแม่ แต่ก็จริงที่แม่เธอบอกว่าพักนี้เธอไม่ได้กลับบ้าน ตั้งแต่เสร็จจากงานหมั้นเธอก็เอาแต่ทำงานและพักที่ห้องเสื้อแห่งนี้เพราะมีห้องส่วนตัวไว้หลับนอนอยู่แล้ว "ก็ได้ค่ะ เย็นนี้หนูจะกลับ" เธอรับคำของลี่เหมยจนคนเป็นแม่ต้องยิ้มออกมาด้วยความปรีติ ตั้งแต่เจอเหตุการณ์กับครอบครัวก็ดูเหมือนว่าทุกอย่างจะเปลี่ยนไปด้วย จากที่เคยอยู่พร้อมหน้าก็กลายเป็นว่าต่างคนต่างทำงานหนักขึ้น คงมีแต่ลี่เหมยคนเดียวเท่านั้นที่เป็นกองหลังเพราะตัวเธอไม่ได้มีหน้าที่ทางการงานหน้าที่หลักเป็นแม่บ้านคอยดูแลลูกและสามีอย่างเดียว เย็นวันนี้ บนโต๊ะอาหารเต็มไปด้วยเมนูที่ลูกสาวชื่นชอบ ลี่ถิงไม่ค่อยได้กลับบ้านวันนี้แม่ของเธอเลยจัดอาหารจนเต็มโต๊ะไปหมด "น่าทานมากเลยค่ะ" "ทานเยอะ ๆ นะลูกแม่ว่าช่วงนี้ถิงถิงของแม่ซูบไปเยอะ อย่าโหมงานหนักละเดี๋ยวสุขภาพไม่ดี" "แม่ไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ ลูกสาวแม่แกร่งอยู่แล้ว" "ดี!!" เสียงที่แทรกขึ้นเป็นเสียงของจางเอิน น้ำเสียงเข้มนั้นทำเอารอยยิ้มของลี่ถิงและลี่เหมยหุบลงพร้อมหันมามองคนที่นั่งหัวโต๊ะ "ช่วงนี้แกกับหมอซางพัฒนาไปถึงขั้นไหนแล้ว" "เขาทำงานหนูเองก็ต้องทำงาน อีกอย่างเขาไม่สนใจหนูด้วยซ้ำ" "หากเขาไม่สน แกก็ต้องเป็นฝ่ายเข้าหาเขา ไม่ใช่ว่าต่างคนต่างอยู่หมั้นก็หมั้นแล้ว" "พ่อคะ จะให้หนูไปตามตื๊อคนที่เขาไม่รักนะเหรอ" "กับตงหยางเขาก็มีเมียแล้วเขาก็ไม่สนใจแกนี่ แกยังตามเขาจนเกิดเรื่องแต่หมอซางคือคู่หมั้นแก อย่าบอกนะว่าหน้าบางเพราะเมื่อก่อนแกยังทำให้ฉันขายหน้าอยู่เลย" "พ่อ!!!" ทุกประโยคของพ่อเป็นความจริง แต่ที่มันต่างกันก็คือเธอชอบตงหยางไม่ใช่หมอซาง แม้หมอซางจะดูดีทว่าความรักมันบังคับใจไม่ได้ อีกอย่างตอนนี้เธอก็คิดได้แล้วว่าการตามตื๊อคนที่ไม่รักมันทรมานแค่ไหน "คุณค่ะ" ลี่เหมยเองก็พยายามห้ามทัพกลัวว่ามื้อค่ำวันนี้จะไม่อร่อย แต่ก็คงไม่ทันแล้ว "หนูขอตัวขึ้นห้องก่อนแล้วกัน" "ถิงถิง ลูกยังไม่ทานอะไรเลยนะ" "หนูอิ่มแล้วค่ะ อิ่มจนจุก" ที่พูดเพราะต้องการประชดพ่อเท่านั้น เธอรู้ว่าทุกอย่างที่มันแย่ตอนนี้เป็นเพราะเธอแต่เธอเองก็พยายามปรับตัวใหม่ ทำไมพ่อต้องบังคับและเอาเรื่องอดีตมาตอกย้ำอยู่ร่ำไป ลี่ถิงเดินขึ้นมาที่ห้องส่วนตัว แม้รูปลักษณ์ภายนอกเธอจะดุร้ายแค่ไหนแต่ในใจเธออ่อนแอเต็มที่ แค่แทรกร่างเข้ามาในห้องก็อดไม่ได้ที่จะร้องไห้จนสะอื้น "ฮึก ฮือ ทำไมนะทำไมทุกอย่างต้องเป็นแบบนี้" เธอนอนคว่ำหน้าลงที่หมอนใบใหญ่กดเสียงสะอื้นเอาไว้ไม่ให้ใครได้ยิน แต่จังหวะนั้นเสียงมือถือของเธอก็ดังขึ้น ครืด ครืด ลี่ถิงพลิกตัวกลับมา แล้วเอื้อมมือไปหยิบมือถือที่เก็บไว้ในกระเป๋า เมื่อเห็นเบอร์ที่โทรเข้ามาเป็นเบอร์เพื่อน เธอไม่รอช้าที่จะกดรับ โทรศัพท์ "ว่าไงหนิงเอ๋อ" (วันนี้เธอว่างหรือเปล่า ออกมาจอยกับพวกเราสิ) "ที่ไหน" (ร้านเดิน รีบ ๆ มานะฉันจะรอ) "ได้ ๆ " ในเมื่อกลับมาที่บ้านก็เจอเรื่องเครียดการไปปาร์ตี้ข้างนอกก็น่าจะช่วยให้เธอลืมเรื่องที่พ่อตำหนิได้บ้าง อย่างน้อย ๆ มันก็ช่วยให้เธอได้ผ่อนคลาย อีกทั้งหลายวันมานี้เธอเองก็เอาแต่ง่วนอยู่กับงานไม่ได้ไปปาร์ตี้กับเพื่อนที่ไหน ลี่ถิงเดินทางมาที่ร้านใช้เวลาไม่ถึงหนึ่งชั่วโมงเมื่อรถหรูเลี้ยวเข้าลานจอดเธอก็มุ่งหน้าเข้าไปในผับ เสียงเพลงกำลังบรรเลงอย่างครึกครื้นประจวบกับแสงสีที่วิ๊บวั๊บ แสงไฟที่พอสลัวทำให้เธอมองเห็นคนที่โบกมือให้เธออยู่ที่ชั้นสอง เมื่อมาถึงโต๊ะคนที่นั่งรออยู่ก่อนหน้าคือหนิงเอ๋อและแฟนเขาและยังมีเพื่อนของห่าวอี้อีกคนที่เป็นผู้จัดการแผนกของบริษัท "นั่งก่อนสิ" "ฉันนึกว่าเธอมากับพี่อี้สองคน" "ก็พี่เกอนะสิเขาเป็นคนเลี้ยงเห็นว่าคนน้อยก็เลยเชิญเธอมาด้วย" "อ้อ" สายตาของฉีเกอมองลี่ถิงอย่างวาวโรจน์ไม่ใช่ว่าเขาไม่รู้ว่านี่คือคู่หมั้นหมอซาง ทว่าความสวยเซ็กซี่ของลี่ถิงมันดันสะกดสายตาคนตรงหน้า จังหวะที่ดื่มกันอยู่เหมือนโลกมันจะกลมก็หมอซางที่พึ่งได้รับคัดเลือกให้ไปอบรมกับหมอหลัน ก็ชวนเพื่อน ๆ เหล่าแพทย์มาเลี้ยงที่นี่พอดี และมันบังเอิญไปกว่านั้นคือนั่งชั้นเดียวกันริมฝีปากหว่านพรมไปทุกสัดส่วน อีกมือก็ลูบไล้ไปตามผิวเนื้อ จนลิ้นอุ่นเลียมาถึงยอดเชอรี่สีหวานก่อนจะดูดดึงหนัก ๆ "อ๊ะ" ร่างกายของเธอสะดุ้งตามเล็กน้อยยอดดอกชูชันขึ้นมาราวกับรอคอยการปลุกเร้า แค่เห็นอย่างนั้นก็เพิ่มอารมณ์ชายในร่างได้เป็นอย่างดีมือหนาเริ่มไล่ระดับต่ำลงมาเรื่อย ๆ จนมาถึงเนินอวบอิ่ม เพียงแค่เขาสัมผัส เธอก็สะดุ้งตัวตามแล้ว"ฮึก อ๊า หมอซาง" เธอรู้สึกอายแต่วินาทีนี้ไม่อาจจะข่มใจได้ คงปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปตามที่ใจปรารถนาแค่สัมผัสจุดอ่อนไหวก็รับรู้ได้ว่า ความต้องการของเธอมันถึงขีดสุด น้ำสีเหลวไหลออกมาจนชุ่มราวกับน้ำหล่อลื่นชั้นดี รู้ทั้งรู้ว่าเธอต้องการมันมากแค่ไหนแต่เขาก็เหมือนจะแกล้งเธออยู่ร่ำไป หมอซางไม่ได้สอดอวัยวะที่พองโตเต็มที่เข้าไปสัมผัส แต่กลับใช้เพียงนิ้วเรียวยาวสอดเข้าไปสำรวจ"อ๊ะ" ภายในอุ่นอย่างบอกไม่ถูกแถมมันยังหดเกร็งบีบรัดนิ้วมือเขาแน่น ทำเอาความรู้สึกชายตอนนี้มันวิ่งพล่าน จนต้องกัดฟันแน่น"อื้อ อืม ตรงนั้น มัน " เธออยากบอกว่าเสียวซ่านใจแทบขาดเพียงแค่นิ้วเรียวของเขาแทรกลึกลงไปพร้อมทั้งขยับเข้าออกเบิกทางให้รับท่อนเอ็นที่แข็งขืนตอนนี้เสียงเปียกลื่นของเหลวจากเรีย
หมอซางตามฉีเกอมาทางห้องน้ำ แต่ภาพที่เห็นตรงหน้าคือเขากำลังพยุงร่างของจางลี่ถิงให้ลุกขึ้นเหมือนเตรียมท่าจะออกไปจากตรงนี้เห็นท่าว่าจะไม่ดี จริงอยู่ว่าหมอไม่ชอบเธอเท่าไรนักแต่ก็ไม่อาจจะทนเห็นเธอตกอยู่ในอันตรายได้ "ขอโทษนะครับ" ฉีเกอหันมามองตามเสียงเพียงแค่เห็นหมอซางใบหน้าเขาก็ซีดเผือดขึ้นทันที"หมอซางคุณก็มาที่นี่ด้วยเหรอ""ผมมารับเธอกลับบ้าน" ลี่ถิงในตอนนี้เธอดูหื่นหอบเริ่มเม้มริมฝีปากแน่น หมอซางเห็นอย่างนั้นก็ถอนหายใจจากนั้นก็รีบไปดึงตัวเธอมาซบที่อกตัวเอง"เอ่อ งั้นผมขอตัวกลับก่อนแล้วกัน" ฉีเกอคงรู้ชะตาตัวเอง หากฝืนอยู่นานมีหวังถูกจับได้ว่าตัวเองเป็นคนวางยาจางลี่ถิงหมอซางพาจางลี่ถิงมาที่รถระหว่างที่พยุงร่างของเธอแทรกเข้าไปในนั้น ลี่ถิงก็ดึงหมอมาจูบอย่างชนิดที่ว่าห้ามตัวเองไม่อยู่ฮึก"ทำบ้าอะไรของเธอ" หมอซางตั้งสติได้รีบผละใบหน้าออกมายืนตัวตรง ในขณะที่ร่างของลี่ถิงอ่อนปวกเปียกดวงตาฉ่ำปรืออยู่แบบนั้น"หมอช่วยฉันด้วย" เธอรู้ว่าไม่อาจควบคุมตัวเองได้ร่างกายมันร้อนผ่าวไปหมด ส่วนหมอซางก็รู้ว่าเธอโดนวางยาจริง ๆ เมื่อยืนมองอยู่สักพักก็รีบขึ้นไปที่ฝั่งคนขับเคลื่อนรถออกจากที่ วินาทีที่คิดอะไร
"หมอซางนั่นคู่หมั้นนายหรือเปล่า" หนึ่งในเพื่อนหมอทักขึ้นเมื่อเห็นร่างอรชรในชุดเกาะอกสีแดงกำลังนั่งดื่มกับเพื่อนของเธอ ทำเอาหมอซางต้องหันมามองจากนั้นก็หลบสายตาไป เหมือนกับว่าหมอไม่ได้เห็นความสำคัญเธออยู่แล้ว"นายจะไม่เข้าไปทักเธอหน่อยเหรอ""คงไม่จำเป็น อีกอย่างเธอก็มากับเพื่อน" ช่างเป็นคู่หมั้นที่ไม่เหมือนคู่อื่น ๆ สักนิดสิ่งที่หมอแสดงออกตอนนี้ทำให้เพื่อนร่วมงานต้องหันมามองหน้ากันด้วยความสงสัย ส่วนหมอหลันเธอไม่รู้หรอกว่าสาเหตุที่แท้จริงที่หมอซางยอมหมั้นเพราะอะไรกันแน่อย่าว่าแต่กลุ่มของหมอซางที่เห็นจางลี่ถิง หนิงเอ๋อก็ตาดีไม่ใช่หน่อยขนาดไฟสลัววิ๊บวั๊บก็ยังอุตส่าห์เห็นหมอซางหน้าหล่อนั่งอยู่"ถิงถิง นั่นคู่หมั้นเธอไม่ใช่หรือไง" หนิงเอ๋อโน้มตัวลงมากระซิบที่ข้างหูเพื่อน ทำให้จางลี่ถิงต้องหันไปมอง เมื่อเห็นว่าเป็นเขาจริง ๆ เธอก็หันกลับมาพร้อมกระซิบตอบเพื่อน"ช่างเขาเถอะ เขาเองก็คงไม่สนใจฉันหรอกเราต่างคนต่างมาอย่าไปสนใจเขาเลย" เมื่อพูดแบบนั้นก็ยกค็อกเทลขึ้นมาจิบ โดยไม่สนใจหมอซางที่นั่งอยู่อีกฟากฝั่งเวลาผ่านไปสักพักจางลี่ถิงดูท่าจะได้ที่แอลกอฮอล์ในร่างเริ่มทำงาน ดวงตาเริ่มพร่ามัวเล็กน้อยจนเธ
ไม่เสียแรงที่หมอซางได้พยายามทำงานวิจัยเกี่ยวกับอาการผู้ป่วยที่วินิจฉัยโรคไม่ได้จนได้รับคัดเลือกไปฝึกอบรมยังโรงพยาบาลต่างอำเภอต้องเรียกว่าแหล่งชนบทเป็นระยะเวลาหนึ่งอาทิตย์ แต่การไปครั้งนี้หมอไม่ได้ไปคนเดียวทางโรงพยาบาลยังส่งหมอมู่หลันไปกับหมอซางด้วย ทำให้เรื่องนี้ถึงหูลี่ถิงในฐานะคู่หมั้นในขณะที่ร่างอรชรกำลังยืนตรวจความเรียบร้อยของหุ่นภายในร้าน ที่พึ่งได้เสื้อผ้าตัวใหม่มาโชว์ เสียงฝีเท้าของใครสักคนก็เดินเข้ามา พร้อมเสียงที่โพล่งขึ้นชัดเจน"ถิงถิง""แม่ มาได้ยังไงคะ" เธอหันมาแล้วก็รีบถามด้วยความสงสัย ปกติแม่ของเธอจะไม่ค่อยมาหาที่ร้าน แต่วันนี้แม่ดันมาแสดงว่าต้องมีเรื่องแน่นอน"ก็พ่อของลูกนะสิ ได้ข่าวมาว่าหมอซางจะไปอบรมที่ชนบท อีกอย่างต้องไปกับหมอผู้หญิงด้วย พ่อคงไม่ไว้ใจ""อย่าบอกนะคะว่า ที่แม่มาเพราะอยากให้หนูไปกับเขา หนูไม่ว่างหรอกค่ะ อีกอย่างอาทิตย์นี้เขาจะมีงานแฟชั่นโชว์หนูต้องไปดูความเรียบร้อยของเสื้อผ้า""แต่""แม่คะ หมอซางเขาไม่สนใจหนูด้วยซ้ำหมั้นกันมาก็หลายวัน ตั้งแต่วันหมั้นเขาไม่เคยโผล่หัวมาเลย อีกอย่างนะหนูเองก็ไม่ได้ชอบอะไรหมอซางนั่น ที่ต้องทำเพราะหนูรู้สึกผิด แม่หากหนูกอบก
#งานหมั้นไม่คิดเลยว่าเวลาจะเดินทางมาเร็วขนาดนี้ เพียงสองอาทิตย์ที่ลี่ถิงได้ทำงานที่ตัวเองรักเกือบเสร็จและยังทำการตัดเสื้อผ้าตัวเองและเสื้อผ้าหมอซาง เพื่อที่ใช้ในพิธีหมั้นจนเสร็จบรรยากาศในงานเต็มไปด้วยผู้คนมากมาย ระดับสองตระกูลดังเกี่ยวดองทั้งที มีหรือจะไม่ใหญ่โตจางลี่ถิงสวมชุดกี่เผ่าสีแดงม้วนผมปักเครื่องประดับด้วยมุข แม้จะดูเรียบแต่เธอก็ยังสวยสง่าดั่งนางพญาก็ว่าได้ ปากที่แดงเข้ากับชุดบวกกับผิวที่ขาวดุจไข่มุกมันยิ่งส่งเสริมกันไม่น้อย ส่วนหมอซางเขาเองก็อยู่ในชุดกึ่งสมัยนิยมสวมเสื้อสูทสีอ่อนดูหล่อสง่าเช่นกันทั้งคู่ยกน้ำชาตามประเพณีมีสวมแหวนเพชรเม็ดงาม แต่เชื่อเถอะว่าคู่บ่าวสาวคู่นี้ไม่มีแม้รอยยิ้มใด ๆ หากจะบอกว่าเขาทั้งสองไม่เคยสร้างความหวานใด ๆ เหมือนคู่อื่นก็น่าจะถูก มีแต่รอเวลาที่จะหมั้นให้เสร็จ ๆ ไปก็เท่านั้นเอง"นี่ยายแจ๋น งานหมั้นพี่ชายทั้งทีทำไมไม่ยิ้มหน่อยละ" คนที่ถือแก้วไวน์เดินเข้ามาคุยกับซูซ่านก็คือตงฉิน แน่นอนว่าเขาได้รับเชิญในนามตระกูลกู้ ส่วนตงหยางคงไม่ต้องบอกแม้เชิญเขาก็ไม่มา อีกอย่างตระกูลซูก็รู้ดีว่าระหว่างตระกูลจางกับตงหยางมีปัญหากันอยู่"จะให้ฉันยิ้มได้ยังไง คนที่ย
ห้องเสื้อLEETHINGเย็นของวันนี้ขณะที่ลี่ถิงกำลังง่วนอยู่กับแบบร่างเสื้อผ้าที่เธอเองต้องรับผิดชอบ หญิงสาวขะมักเขม้นอย่างตั้งใจ หวังเป็นอย่างยิ่งว่าผลงานชิ้นนี้จะช่วยกอบกู้ชื่อเสียงของเธอกลับมาได้เช่นกันระหว่างนั้นเองชิงชิงเด็กในร้านก็เดินเข้ามาพร้อมประโยครายงานที่ราบเรียบ"คุณลี่ถิงค่ะ มีคนมาขอพบค่ะ""ใคร""ไม่เคยเห็นมาก่อนค่ะ แต่ท่าทางดูดีหล่อด้วยค่ะ" ประโยครายงานของพนักงานในร้านทำเอาลี่ถิงย่นหัวคิ้วเข้าหากัน ปกติแล้วเธอไม่เคยมีแขกผู้ชายมาขอพบ หากจะมีก็มีแต่ผู้หญิงที่เป็นลูกค้าของทางร้านเมื่อวางทุกอย่างที่ถืออยู่ไว้แล้ว ก็ลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็วแล้วมุ่งหน้าออกไปจากห้องส่วนตัว แต่ชายร่างสูงที่ยืนเด่นเป็นสง่าหันหลังให้เธออยู่นั้น เธอรู้ได้ทันทีว่าเป็นเขา หมอซาง"คุณมาทำอะไรที่นี่" ประโยคแรกของลี่ถิงทำเอาหมอซางที่ยืนหันหลังอยู่ต้องหันหน้ามามอง"นี่เป็นประโยคเด็ดของทางร้านงั้นเหรอ ปกติเขามีแต่ยินดีที่ลูกค้าเข้าร้าน" คำพูดที่แสนเย็นชาบวกกับใบหน้านิ่งสนิท ทำเอาลี่ถิงต้องยกมือมากอดอกตนเองไว้แน่น มองเขาด้วยความสงสัย"พ่อฉันบอกว่าให้มาตัดชุดวันงานหมั้น""ตัดชุด?" ลี่ถิงถามย้ำอีกครั้ง เธอแปลกใ