“เช่าชุด?” เขาถามเพื่อความแน่ใจแล้วขับรถออกไป
“ค่ะ...เช่าชุดใส่ไปงานแต่งงาน ธีมงานขาว-ชมพู ก็เลยว่าจะไปหาดูที่ร้านนี้ ถ้าสั่งออนไลน์ก็กลัวจะไม่ตรงปกค่ะ”
“ถ้างั้นผมเลือกร้านให้เอาไหม?”
“เอ่อ...ไม่เป็นไรค่ะ”
“ไม่เชื่อเซนส์ผมเหรอ” เขายิ้มทั้งที่ตายังมองไปยังถนนตรงหน้า “หรือถ้าห่วงเรื่องเงิน เรื่องนั้นผมจัดการให้ได้”
“เราเพิ่งรู้จักกันคุณไม่ต้องเปย์ให้ขนาดนี้ก็ได้ค่ะ” เธอไม่ชอบรับของจากคนแปลกหน้าด้วย กลัวถูกทวงทีหลังอีกต่างหาก
“ก็ผมไม่อยากเป็นแค่คนรู้จัก”
“คุณนี่...จะจีบเหรอ” ธีรยาดันแว่นตาขึ้นชิดใบหน้า “ถ้าเห็นฉันเป็นของแปลกก็ไม่ต้องมาจีบเลยนะ”
“ก็แปลกจนน่าสนใจไง” เขาพูดไปตามตรงแล้วขับรถไปห้างสรรพสินค้าหรูหรา เมื่อจอดรถเรียบร้อยก็เดินมาเปิดประตูรถให้หญิงสาวลงมา
“มาเถอะ ผมไม่พาไปฆ่าไปแกงหรอก ตัวแค่นี้กินไม่อิ่ม” เขายิ้มกริ่มพลางกวาดสายตามอง “แต่ถ้าอย่างอื่นก็ไม่แน่...”
“คุณนี่... หน้าตาก็ดี ปากร้ายชะมัด”
“ยอมรับว่าผมหน้าตาดีแล้วสิ”
ธีรยาไม่เคยเจอคนหน้าหนาแบบนี้มาก่อน จู่ๆ ก็ถูกเขาคว้าข้อมือไว้ หญิงสาวตกใจแล้วดึงมือกลับ
“แค่จะให้คุณเดินมาทางผม” เขาหัวเราะในลำคอ “ไปครับ ห้องเสื้อร้านนั้นผมรู้จักกับเจ้าของร้าน เสื้อผ้าของเขาใช้ได้ทีเดียว”
โจวเจียอีเป็นคนที่ ‘เวลาเป็นเงินเป็นทอง’ เขาไม่ได้ว่างแต่เพราะ ‘สนใจ’ หญิงสาวคนนี้จริงๆ ก่อนหน้านี้มารดาก็เคยเปรยให้ฟังแต่เขาไม่ได้ใส่ใจ จน ‘บังเอิญ’ ได้พบกัน ครั้งแรกแรมในคืนนั้น ต่อมาที่โรงพยาบาลเพราะลูกน้องของเขาก่อเรื่อง หากไม่ไปจัดการเองก็เกรงว่าจะเสียภาพพจน์ไปถึงบริษัท และอีกครั้งที่ไม่คิดว่าจะได้เจอลูกสาวของเพื่อนแม่ แม้รู้ว่าเป็นลูกบุญธรรมเพราะเธอเป็นเด็กกำพร้าก็ตาม
ชายหนุ่มเดินเข้าไปในห้องเสื้อแห่งหนึ่ง พนักงานออกมาต้อนรับอย่างดี ธีรยาทำตาปริบๆ เธอเองก็พอใจกับเสื้อผ้าที่มองเห็นอยู่ในตอนนี้ แน่นอนว่ามันดูดีกว่าที่เธอเคยเลือกๆ ตามร้านเสื้อผ้าออนไลน์
“อยากให้ผมช่วยเลือกไหม?” เขาถามแล้วจับไหล่เธอมาตรงราวเสื้อผ้า “ธีมขาว-ชมพู จะว่าไปก็เหมาะกับคุณนะ เอาเป็นชุดเดรสสั้นหรือยาวดี แต่ขาสั้นแบบนี้ใส่เดรสสั้นน่ารักกว่า”
“ที่บ้านคุณเขาล้อกันเรื่องรูปร่างเป็นเรื่องสนุกปากหรือไง พ่อคนตัวสูง!”
“ก็คุณขาสั้นจะให้ผมเรียกว่าอะไร” เขาขมวดคิ้วทำหน้างง “แม่ผมก็ยังพูดแบบนี้”
คราวนี้ธีรยาไม่รู้จะเถียงยังไงดี เขาอาจใช้คำพูดแบบชินปาก โดยไม่รู้ว่าไปกระทบจิตใจคนอื่น แต่เธอก็ตัวเตี้ยสำหรับเขาจริงๆ
“เดรสสั้นก็ได้ค่ะ” เธอตัดสินใจ เลือกๆให้มันจบๆ เถอะ “คุณมาเลือกเสื้อผ้าให้ผู้หญิงบ่อยเหรอ”
“ครับ” เขาตอบแล้วมองหน้าหญิงสาว “มากับแม่ แม่ชอบให้มาเลือกเสื้อผ้าเป็นเพื่อน พ่อผมเสียแล้วก็ผมก็เลยพยายามดูแลท่านให้มากขึ้น แต่ระยะหลังมานี้ก็ไม่ค่อยได้ออกมาเป็นเพื่อนแม่เท่าไหร่ ตอนนี้แม่มาอยู่เมืองไทย ได้เจอเพื่อนสนิท แม่ก็คงไม่เหงาแล้วล่ะครับ”
ธีรยาพยักหน้าเข้าใจ แม้เธอเป็นเด็กกำพร้าแต่ก็เข้าใจเรื่องพวกนี้ได้ ไม่ได้รู้สึกว่าการพูดเรื่องพวกนี้กระทบกระเทือนจิตใจแต่อย่างใด เธอเริ่มมองเขาดีขึ้นแต่ก็ไม่เทใจให้เต็มร้อย เธอเลือกชุดเดรสที่โจวเจียอีเลือกให้แล้วเข้าไปลองเปลี่ยนดู
“ใส่แล้วก็ออกมาให้ผมดูด้วยสิ” เขาพูดปนหัวเราะ
“ต้องดูด้วยเหรอ” เธอพูดเสียงสูงออกมาจากห้องเปลี่ยนเสื้อผ้า
“ก็ผมอยากรู้ว่าสายตาผมยังดีอยู่หรือเปล่า” เขาหัวเราะแล้วหยิบมือถือออกมาอ่านข้อความ ทว่าไม่นาทีต่อมาหญิงสาวก็เดินออกมาจากห้องลองชุด ชายหนุ่มถึงกับนิ่งงันไป
พอเห็นเขาเงียบ ธีรยาก็ใจคอไม่ดี เธอหมุนซ้ายหมุนขวาอย่างไม่มั่นใจนัก
“ไม่เหมาะเหรอคะ งั้นเอาชุดอื่นดีกว่า”
“ไม่เหมาะจริงๆ คุณใส่ชุดนี้แล้วสวยกว่าเจ้าสาวแน่” เขาทำหน้าจริงจัง “อีกอย่าง...ผมหวง”
“คุณมีสิทธิ์อะไรมาหวงฉัน” ธีรยาหัวเราะออกมา คนๆนี้ก็ทำเรื่องให้ชวนหัวเราะจริงๆ
“สิทธิ์ของคนจีบไง” เขาทำหน้าดุ แล้วลุกขึ้นยืนดันร่างเล็กกลับเข้าไปในห้องลองชุดอีกที
สองมือเรียวเล็กยกขึ้นดันแผงอกของเขา แต่เขาจับไหล่เธอแล้วหันหน้าเข้าหากระจกบานใหญ่
“นี่คือสิ่งที่คนอื่นเห็นเหมือนที่ผมเห็น” น้ำเสียงเขาแหบพร่าอยู่บ้าง “หน้าอกคุณมันล้นออกมาแบบนี้ ถ้าอยากใส่ชุดนี้จริงๆ ก็ใส่ให้ผมดูคนเดียวก็แล้วกัน”
“เปลี่ยนชุดก็ได้” เธอพึมพำเสียงเบา ลมหายใจอุ่นร้อนของเขาทำเธอรู้สึกหวิวๆ ชอบกล
“ดี” เขาพยักหน้ารับแล้วอดอดเลียริมฝีปากไม่ได้ คนตัวเล็กซ่อนรูปจริงๆ หน้าอกก็อิ่มจนน่ากินชะมัด! “คุณอยู่ในนี้แหละ ผมไปหยิบชุดใหม่ให้เอง”
ไม่รู้ทำไมเธอถึงยอมทำตามที่เขาสั่ง เขาหายออกไปไม่กี่นาทีก็หิ้วชุดเดรสมาอีกสองสามชุด เธอรับไว้แล้วส่งสายตาให้เขาออกไป แต่อีกฝ่ายยังคงตีมึนอยู่ในห้องลองชุด
“ออกไปสิ”
“คุณก็เปลี่ยนชุดสิ” เขายังตีมึนอยู่ “ชุดนี้ซิปอยู่ด้านหลัง คุณจะใส่ยังไง”
“เอ่อ...ก็ใส่ได้...”
“งั้นก็เปลี่ยนเลยสิ”
ธีรยาจำใจผลักผ้าม่านแล้วเข้าไปเปลี่ยนชุดลองชุดใหม่ ซิปซ่อนอยู่ด้านหลังเธอจึงโผล่หน้ามา เมื่อเห็นเขายังอยู่ก็หันหลังให้เขา เพียงแค่นี้โจวเจียอีก็รู้ว่าต้องทำอย่างไร เขาสาวเท้าเข้าไปใกล้แล้วรูดซิปด้านหลังให้ ปลายนิ้วแตะแผ่นหลังเหมือนไม่ตั้งใจแต่ทำให้หญิงสาวหน้าแดงขึ้นมาทันที
“โอเค.” เขาพูดสั้นๆแต่เรียกสติของหญิงสาว เธอหันกลับมาเผชิญสายตากับเขา โจวเจียอีกวาดตามองอย่างพอใจแล้วพยักหน้ารับ “แบบนี้ค่อยดีขึ้นหน่อย มิดชิดดี”
“นึกว่าผู้ชายชอบผู้หญิงแต่งตัวเซ็กซี่ๆเสียอีก”
“ชอบ” เขาผงกศีรษะรับ “แต่ผมชอบไว้ดูคนเดียวไม่แบ่งคนอื่น”
ปลายนิ้วเชยคางหญิงสาวขึ้น ธีรยายังไม่ทันตั้งตัว ริมฝีปากร้อนก็กดทับลงมาอย่างรวดเร็ว ดวงตากลมเบิกกว้างอย่างตกใจ ในขณะที่ดวงตาของเขาจ้องมองอย่างเป็นเจ้าของ ใช้ปลายลิ้นแยกกลีบปากสวยก่อนแทรกเข้าไปชิมความหวานจากโพรงปากสาว
“อื้อ” ธีรยาเริ่มขยับตัวหนีแต่แขนข้างหนึ่งโอบรัดเธอไว้ไม่ให้ถอยห่าง เขาจูบจนพอใจแล้วจึงยอมผละจากริมฝีปากของหญิงสาว
“คุณ!” เธอทั้งโกรธทั้งอาย แต่เขากลับยกนิ้วโป้งเช็ดริมฝีปากให้อย่างใส่ใจ
“คุณถือดียังไงมาจูบฉัน!”
“แค่ทำให้แน่ใจว่าผมรู้สึกยังไงกับคุณ” เขายิ้ม แต่เป็นรอยยิ้มที่ธีรยารู้สึกร้อนๆหนาวๆ ชอบกล “ตอนแรกผมแค่รู้สึกว่าคุณน่าสนใจ แต่ตอนนี้ผมมั่นใจว่าผมชอบคุณ”
“!”
เสียงลูกน้องตะโกนเตือน ธีรยากับโจวเจียอีหันไปมองพร้อมกัน เซียงซีฮันที่คิดว่าแอบหนีไปตอนชุลมุนกลับโผล่เข้ามาเหมือนสุนัขจนตรอก เขายกปืนเล็งมาทางโจวเจียอี เพียงเสียววินาที เพียงแค่การกระพริบตา ทุกอย่างเกิดขึ้นรวดเร็วอย่างไม่น่าเชื่อ เสียงปืนดังขึ้นสองนัด โจวเจียอีเบิกตากว้างไม่คิดว่าเลือดสีสดไหลทะลักจากรูกระสุนนั้นจะมาจากร่างของธีรยา “หมิว! บ้าจริง คุณมาบังกระสุนทำไม” “ไม่รู้ ขามันไปเอง” เธอเจ็บจนน้ำตาร่วงแถมเขายังตะคอกใส่อีก ไม่รู้ว่าเพราะเธอตัวเตี้ยหรือเพราะเจียงซีฮันเสียจังหวะเล็งเป้า กระสุนนัดแรกไปทางไหนไม่รู้ แต่นัดที่สองหัวไหล่ของเธอได้ “หมิว...” เขาอุ้มเธอเข้าไปในรถและสั่งให้ลูกน้องขับรถไปทันที “คุณทำแบบนี้ทำไม” “คุณจะบาดเจ็บไม่ได้” ธีรยาพูดขณะโจวเจียอีใช้เสื้อนอกของเขากดห้ามเลือด “คุณต้องบริจาคตับให้น้องชาย ห้ามคุณเป็นอันตรายหรือเสียเลือดเด็ดขาด” “หมิว” เขาครางออกมา ไม่คิดว่าเธอจะใส่ใจเรื่องนี้มากถึงขนาดนี้ “ตำแหน่งที่บาดเจ็บไม่อันตรายแต่คุณต้องช่วยกดห้ามเลือดไว้ก่อน” เ
ธีรยากลืนโจ๊กลงคอแล้วก็อดคิดถึงอีริคไม่ได้ เธอมั่นใจว่าเขามาช่วย แต่..เขาช่วยเพราะหน้าที่หรือเพราะเป็นห่วงเธอจริงๆ ผู้ชายที่อยากแต่งงานกับเธอ แต่ไม่เคยบอกรักเธอสักคำ จริงอยู่ว่าการกระทำสำคัญกว่าคำพูด แต่ความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับเขามันเกิดจากเซ็กส์ชั่วคืน หากไม่เพราะ ‘บังเอิญ’ พบกันอีก คนที่ทำงานให้ห้องแล็บอย่างเธอก็คงไม่ได้พบนักธุรกิจระดับพันล้านที่แสนเอาแต่ใจจอมเผด็จการคนนั้น เธอยกมือแตะสร้อยที่สวมอยู่ เขาสวมสร้อยเส้นนี้ให้เธอตั้งแต่วันไปงานแต่งงานก้องภพแล้วก็ไม่เอาสร้อยคืน จากคนไม่ใส่เครื่องประดับก็ใส่จนเคยตัว เขาช่างเป็นคนนิสัยแย่ที่สุดที่มาเปลี่ยนชีวิตที่แสนเรียบง่ายของเธอ เหมือนน้ำตาหยดจะร่วงหล่น เธอกลั้นสะอื้นแล้วกลืนอาหารลงคอ อย่างไรก็ต้องดูแลตัวเองไม่ให้เป็นภาระหากต้องหนี เธอก็ต้องมีแรงหนี. ... โจวเจียอีก้าวเข้ามาในคฤหาสน์หลังงามชานเมืองกรุงเทพฯ ดูเหมือนเจ้าของบ้านไม่แปลกใจที่ได้เห็นเขานัก “รวดเร็วสมกับเป็นประธานโจว” เจียงซีฮันเอ่ยแล้วผายมือเชิญให้เขานั่งที่เก้าอี้ตรงข้าม “อยากเจอผมก็มาเชิญผมสิ
“แต่งงานโดยไม่รู้ว่าตัวเองรู้สึกยังไงเนี้ยนะ” คุณกานดาเค้นเสียงหัวเราะ “จะทำตัวเหมือนพ่อหรือไง พอเวลาเจอคนที่ตัวเองรักก็แอบเลี้ยงไว้ข้างนอก” “แม่ครับ มันไม่ใช่แบบนั้น ผมแค่ไม่มั่นใจความรู้สึกตัวเอง ผมรู้แค่ว่าผมชอบเวลาอยู่กับเธอ มีความสุขทุกครั้งที่เห็นเธอยิ้ม และอยากไม่ต้องการให้ใครแตะต้องเธออยากครอบครองเธอเพียงคนเดียว” คุณกานดาฟังแล้วก็พยักหน้า“แม่กับพ่อแต่งงานกันเพราะความเหมาะสมและผลประโยชน์ แต่แม่ก็รักพ่อจากใจจริง ไม่อย่างนั้นคงไม่ยอมจากบ้านเกิดไปอยู่ที่จีน ไปเป็นคนแปลกหน้าที่นั้น ความจริงแม่รู้อยู่แล้วว่าพ่อมีคนที่ชอบอยู่ แต่ต้องแต่งงานกับแม่ แต่เพราะแม่รักพ่อของลูกมากถึงได้หลอกตัวเองว่าพ่อแกรักแม่จริงจัง ทำเป็นไม่รู้เรื่องที่พ่อแกเลี้ยงผู้หญิงไว้นอกบ้าน” “แม่รู้อยู่แล้ว” “อืม...ไม่ใช่ว่าแม่ใจดำไม่อยากช่วยเด็ก แต่เห็นหน้าเด็กคนนั้นก็ตอกย้ำว่าพ่อแกนอกใจแม่ ไม่สิ พ่อแกไม่ได้รักแม่อยู่แล้วจะเรียกว่านอกใจก็ไม่ได้ เพราะเหตุนี้แม่ไม่อยากเห็นผู้หญิงคนไหนต้องมาเจอแบบแม่อีก ลูกอยากช่วยหนูหมิว เป็นเรื่องที่ควรทำแต่ถ้าลูกไม่รักผ
“ค่ะ พี่รู้ว่าน้องหมิวไม่ได้คิดอะไร และน้องหมิวเองก็มีแฟนแล้ว แต่พี่เตือนด้วยความหวังดี ยังไงเสียทั้งหมิวและพี่ก้องก็ยังทำงานอยู่โรงพยาบาลเดียวกัน แม้ว่าจะอยู่กันคนละแผนกก็ตาม”“ค่ะ” ขนมที่ว่าอร่อยก็กร่อยจนกลืนไม่ลง ธีรยาคิดหาวิธีออกจากสถานการณ์แสนอึดอัดอย่างนี้ โชคดีที่มีข้อความส่งเข้ามา เธอหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาอ่านดูข้อความเจสัน : วันนี้ผมยังเจ็บแผลอยู่ จะให้ลูกน้องไปรับคุณธีรยานะครับหมอหมิว : ไม่เป็นไรค่ะ หมิวออกมากินกาแฟกับพี่เข็ม...ภรรยาพี่หมอก้องภพค่ะ สักประเดี๋ยวจะเดินทางไปบ้านคุณแม่กานดาแล้วเจสัน : คุณธีรยาส่งโลเคชั่นมาครับ ผมให้ลูกน้องขับรถไปรับหมอหมิว : โอเค.ค่ะเขมิกาจิบกาแฟจนหมดแก้ว แล้วมองธีรยาที่ก้มหน้าก้มตากดส่งข้อความ จะว่าเธอเป็นคนใจร้ายก็ยอม แต่ตอนนี้เธอมีฐานะเป็น ‘ภรรยา’ ของก้องภพอย่างถูกต้องตามกฎหมาย เธอสามารถทำอะไรที่ควรทำได้อย่างเต็มที่ รวมทั้งประกาศให้ผู้หญิงตรงหน้ารู้ถึงสถานะของเธอด้วยธีรยาส่งข้อความเรียบร้อยก็เงยหน้าขึ้นพร้อมยิ้มบางๆ แล้วเอ่ยขึ้น “หมิวขอโทษนะคะ พอดีมีธุระด่วนค่ะ”“ตายจริง นึกว่าเป็นวันหยุดเสียอีก”“วันหยุดค่ะ แต่พอดีมีธุระด่วนต้องไปค
“ถ้าไม่มีอะไร เราต้องกลับไปทำงานต่อ” “ยัยหมิว!” “จะเรียกทำไม” เธอขึงตาใส่แล้วพูดอย่างเพิ่งนึกได้ “นายทำเจสันเจ็บ คราวนี้ดูแลเขาด้วย” “อ้าว ทำไมต้องเป็นเราล่ะ” “ได้ ถ้าอย่างนั้นหมิวไปดูแลเอง” “โอ๊ย! ถ้างั้นหมิวไม่ต้องไป เราไปเอง!” เจสันกลั้นยิ้มขำ จะบอกว่าไม่ต้องดูแลเขาก็ได้ ขนาดถูกยิงกระสุนทะลุท้อง เขายังนอนพักฟื้นคนเดียว แต่แค่คิดอยากแกล้งเพื่อนของคุณธีรยาจึงไม่ปฏิเสธข้อเสนอนี้ “คุณธีรยาใกล้เลิกงานแล้ว ผมรอส่งคุณธีรยาก่อนดีกว่าครับ” “ไม่ต้อง วันนี้หมิวจะไปบ้านคุณแม่” “คุณแม่?” ปกป้องถามอย่างงุนงง “หมายถึงแม่ของอีริคนะ” คราวนี้หญิงสาวหน้าแดงขึ้นมา “นี่ถึงขั้นไปเจอญาติผู้ใหญ่กันแล้วเหรอ” ปกป้องทำหน้ายุ่งแต่ในใจแอบเจ็บอยู่ไม่น้อย ความหวังให้เธอเป็น ‘แฟน’ ของเขา “ก็...เกี่ยวอะไรกับนายด้วยเล่า เอาล่ะๆ หมิวไปทำงานต่อแล้ว เจสันกลับไปพักผ่อนเถอะ ประเดี๋ยวแผลจะอักเสบเอา” “ครับ ถ้าอย่างนั้นผมให้บอดี้การ์ดคนอื่นมาดูแลคุณธีรย
คนตัวสูงรั้งร่างบอบบางเข้ามากอด“ผมอยากกลับไปห้องของเราจัง” “อย่าดื้อค่ะ” โจวเจียอีเงยหน้าหัวเราะแล้วยกมือสองมือประคองใบหน้าหวานสบตากับดวงตาหลังแว่นตาแสนเชย แต่ภายใต้ดวงตาใสกระจ่างคือความอ่อนโยนอย่างที่เขาไม่เคยได้รับจากใครมาก่อน “คราวนี้คุณเชื่อใจผมได้หรือยัง ผมไม่เคยมีใครและไม่เคยซุกเมียเก็บไว้” แน่นอนว่าเขาไม่อยากเป็นเหมือนพ่อ และไม่อยากเห็นคนที่เขารักต้องทุกข์ใจเช่นที่แม่เขาต้องเผชิญ รัก...เขารู้จักคำนี้จริงๆหรือ? “จะรับไว้พิจารณานะคะ” “โธ่ หมิว...” เขาครางอย่างอ่อนใจ “เอาไว้หมิวหาเวลาเรียนภาษาจีนก่อน เวลาคุณพูดอะไร หมิวจะได้ฟังออกว่าคุณไม่ได้ปิดบังอะไรอีก” “ได้ ผมสอนให้เอง”“ค่าสอนแพงไหมคะ ระดับประธานโจวมาสอนเอง หมิว จะจ่ายไม่ไหวเอานะสิ”“อื้ม...ผมคิดเป็นอย่างอื่นก็แล้วกัน”สายตากรุ้มกริ่มของเขาทำให้หญิงสาวเขินหน้าแดง เธอทุบอกเขาแก้เขินแล้วหมุนตัวเดินกลับเข้ามาในห้องพักผู้ป่วย วันนี้เกิดเรื่องมากมาย แต่มันก็คุ้มค่าที่ได้รู้ว่าเขาไม่ได้มีใครอื่นซุกซ่อนไว้จริงๆ.