เฟิงถิงเซินวางแก้วน้ำในมือลง ก่อนเอ่ยอย่างเกรงใจ “การได้เล่นหมากล้อมกับผู้อาวุโสฉิน ถือเป็นเกียรติของผมต่างหากครับ”เฟิงถิงเซินเดินเข้ามา นั่งลงที่ฝั่งตรงข้ามของผู้อาวุโสฉินแล้วพูดว่า “เช่นนั้นผู้อาวุโสฉินโปรดชี้แนะด้วยนะครับ”พวกหลินอู๋กับเฮ่อฉางปั่วต่างพากันมาดูการแข่งหมากล้อมหรงฉือกับอวี้มั่วซวินก็มาดูด้วยเช่นกันแต่ทว่า พวกเขายืนอยู่ด้านหลังของผู้อาวุโสฉินพวกหลินอู๋กับเฮ่อฉางปั่วล้วนเล่นหมากล้อมเป็นเมื่อเห็นหรงฉือเข้ามา ท่าทางดูตั้งอกตั้งใจดูมาก ราวกับว่าเธอก็เล่นหมากล้อมเป็นเหมือนกัน เฮ่อฉางปั่วจึงเดินเข้าไปหาพวกเขาเขาถามหรงฉือ “เล่นหมากล้อมเป็นด้วยเหรอครับ?”หรงฉือ “พอเป็นนิดหน่อยค่ะ”อวี้มั่วซวิน “...”ไม่ใช่พอเป็นนิดหน่อย แต่ว่า ‘เก่งมาก’ ต่างหากหากแต่เขาไม่ได้พูดมันออกมาอาจเป็นเพราะทั้งคู่ยังไม่ค่อยคุ้นเคยกันนักทิศทางการเดินหมากของทั้งผู้อาวุโสฉินกับเฟิงถิงเซินในตอนแรกเริ่มล้วนค่อนข้างเลือนรางไม่ชัดเจนแต่ไม่นาน อาจเป็นเพราะค่อย ๆ เดาทางอีกฝ่ายได้แล้ว ผู้อาวุโสฉินจึงเป็นฝ่ายจู่โจมมากกว่าส่วนเฟิงถิงเซิน เขาสลายการโจมตีจากผู้อาวุโสฉินไปพลาง พยายามหาเส้นทาง
ผ่านไปสักครู่หนึ่ง หลักจากผู้อาวุโสจี้ทักทายบรรดาแขกเหรื่อแล้ว ก็เดินเข้าไปยังพื้นที่ส่วนตัวผ่านโถงทางเดินหรงฉือ อวี้มั่วซวิน เฟิงถิงเซินและเฮ่อฉางปั่ว รวมถึงพวกตระกูลหลินและตระกูลซุนล้วนเข้าไปด้านในพร้อมกันด้วยคนที่เข้าไปด้านในมีเยอะมากพอสมควร เมื่อตระกูลหลินกับตระกูลซุนอยู่ด้านในนั้น พวกเขาจึงดูกลมกลืนไปกับทุกคนบรรดาแขกพากันนั่งลงในลานสวนและเฉลียงยาว จากนั้นคนรับใช้ก็ยกน้ำชาและของว่างเข้ามาผู้อาวุโสจี้กับคุณยายหรงพูดคุยกันอย่างสุขใจนอกจากคุณยายหรงแล้ว ผู้อาวุโสจี้ยังมีสหายที่ดีอีกสองท่านซึ่งมีชื่อเสียงในด้านการวาดภาพพู่กันจีนเช่นกันเมื่อคุยกันถูกคอจนถึงจุดหนึ่ง ผู้อาวุโสจี้และเพื่อนสองคนของเขาก็ตัดสินใจว่าจะวาดภาพสด ๆ ในงานสักภาพ ซ้ำยังเชิญชวนให้คุณยายหรงมาร่วมวาดด้วยกันจากนั้น ผู้อาวุโสจี้พูดออกคำสั่งต่อจี้ชิงเยว่ “ชิงเยว่ ช่วยไปเอาพู่กัน น้ำหมึก กระดาษกับแท่นฝนหมึกในห้องหนังสือมาให้ปู่ที”จี้ชิงเยว่ “ครับ”หลังวาดภาพเสร็จ ผู้อาวุโสจี้ก็เอ่ยชื่นชมผลงานภาพวาดของคุณยายหรงไม่ขาดปากผู้อาวุโสจี้กับคุณยายหรงจึงเริ่มคุยกันเกี่ยวกับภาพวาดนั้นหรงฉือกับอวี้มั่วซวินไม่ได้เข
หลินอู๋เผยท่าทางเกรงใจและสุภาพเรียบร้อยพลางเอ่ย “ผู้อาวุโสชมเกินไปแล้วค่ะ”ผู้อาวุโสจี้มองเฮ่อฉางปั่วกับเหรินจี่เฟิง รวมถึงพวกจี้ชิงเยว่ แล้วเอ่ยด้วยใบหน้ายิ้ม ๆ “พวกนายก็ต้องรีบกันแล้วนะ”ในเวลานี้เอง จี้หวนอิงก็ได้พาพวกหรงฉือกับอวี้มั่วซวินเข้ามาพอดีจี้หวนอิงพูดกับท่านผู้อาวุโสจี้ว่า “คุณพ่อครับ คนนี้คือหลานคนเล็กตระกูลอวี้ ช่วงนี้บริษัทฉางโม่ของเขาพัฒนาก้าวหน้าอย่างยิ่งยวดทีเดียว เขาเป็นหนึ่งในไม่กี่คนที่ทางประเทศของเราต้องการสนับสนุนเป็นพิเศษในอนาคตไม่กี่ปีข้างหน้าครับ”เขาแนะนำหรงฉือต่อ “ส่วนคนนี้คือหรงฉือ นักพัฒนาซอฟต์แวร์ที่สำคัญของฉางโม่ครับ เธอเป็นคนมีพรสวรรค์ที่หาได้ยากยิ่งในแวดวงเทคโนโลยี ฉางโม่มีวันนี้ได้ เสี่ยวฉือเองก็มีส่วนช่วยไว้มากเหมือนกันครับ”ผู้อาวุโสทั้งหลายล้วนแล้วแต่ค่อนข้างมีใจผูกติดอยู่กับเรื่องอนาคตของประเทศชาติเมื่อได้ฟังจี้หวนอิงพูดเช่นนี้ รอยยิ้มของผู้อาวุโสจี้ยิ่งดูเป็นกันเองมากขึ้นหลายส่วน เขาเอ่ย “ดีมาก ประเทศเรามีคนที่ยอดเยี่ยมอยู่มากมายอย่างนี้ ต่อไปต้องเจริญ ๆ ยิ่ง ๆ ขึ้นไปแน่นอน”จี้หวนอิงก็แนะนำคุณยายหรงให้ท่านผู้อาวุโสจี้ได้รู้จักด้วยท่า
“พี่ฉางปั่ว”เมื่อเห็นเฮ่อฉางปั่วกลับมา ซุนลี่เหยาก็เอ่ยเรียกเสียงอ่อนเสียงหวานเฮ่อฉางปั่วพยักหน้าอย่างเย็นชาเห็นว่าเฟิงถิงเซินชะเง้อมองหาคนอยู่ ซุนเยว่ชิงจึงกล่าว “เมื่อกี้มีสายโทรเข้ามา เสี่ยวอู๋เลยออกไปคุยโทรศัพท์น่ะค่ะ”เฟิงถิงเซินกล่าว “ครับ ผมทราบแล้ว”เพิ่งจะสิ้นเสียงของเขา ก็มีเสียงฮือฮาดังมาจากในที่ไม่ไกลที่แท้เป็นผู้อาวุโสจี้ที่ออกมาจากด้านในแล้วจี้หวนอิงกับจี้ชิงเยว่จากตระกูลจี้ก็อยู่ด้วยเช่นกันแขกเหรื่อมาเยือนกันเยอะ หลังจากเสียงอื้ออึงของฝูงชนซาลง ผู้อาวุโสจี้ถึงค่อยเอ่ยปากกล่าวขอบคุณแขกเหรื่อที่ให้เกียรติมาร่วมงานตำแหน่งที่หรงฉือกับอวี้มั่วซวินยืนนั้นค่อนข้างอยู่ห่างออกไปทางด้านหลังเล็กน้อย แต่ทว่า จี้หวนอิงยังคงสังเกตเห็นพวกเขาอยู่ดีอวี้มั่วซวินนำของขวัญมามอบให้ในนามของท่านผู้อาวุโสตระกูลอวี้ จี้ชิงเยว่ได้แจ้งเรื่องนี้กับจี้หวนอิงและท่านผู้อาวุโสแล้วแต่เรื่องที่หรงฉือตามมาด้วยนั้น เขากลับไม่รู้เมื่อเห็นใบหน้าของหรงฉือ จี้หวนอิงจึงหันมาส่งยิ้มและพยักหน้าให้เธอก่อนหน้านี้หรงฉือไม่รู้ความสัมพันธ์ระหว่างจี้หวนอิงกับผู้อาวุโสจี้เลยจริง ๆครั้นเห็นเขาทั
เห็นเฮ่อฉางปั่วไปคุยกับหรงฉืออย่างคาดไม่ถึง เธอก็เบิกตากว้าง อดไม่ได้ที่จะถามฉีอวี้หมิง "ทำไมพี่ฉางปั่วถึงไปคุยกับเธอล่ะ?"ไม่รอให้ฉีอวี้หมิงพูด เธอก็เดินไปทางด้านนั้นทันทีซุนเยว่ชิงขวางเธอไว้ พูดอย่างใจเย็น "พวกเขากำลังคุยเรื่องงาน""คุยเรื่องงานเหรอคะ?""อืม"ซุนลี่เหยาเม้มปาก แค่นเสียงครั้งหนึ่ง จึงเพิ่งระงับอารมณ์ได้ แต่สายตากลับยังจ้องไปทางหรงฉือกับเฮ่อฉางปั่วตลอดวันนี้หรงฉือสวมชุดกระโปรงยาวฤดูหนาว แม้จะไม่ได้แต่งตัวเป็นพิเศษ แต่ก็ยังโดดเด่นมาก เธอกับเฮ่อฉางปั่วยืนคู่กัน ก็ดูเหมาะสมกันอย่างบอกไม่ถูกซุนลี่เหยามองเห็นแบบนี้ แม้จะรู้ว่าระหว่างพวกเขาไม่มีทางเป็นไปได้ แต่ในใจเธอก็ยังไม่สบายใจเล็กน้อยเธออดไม่ได้ที่จะดึงแขนเสื้อของฉีอวี้หมิง "พี่อวี้หมิง พวกเขากำลังคุยอะไรกันเหรอคะ? ทำไมคุยนานขนาดนี้?"ความรู้สึกที่ซุนลี่เหยามีต่อเฮ่อฉางปั่ว แทบจะไม่ได้ปิดบังเลยเขารู้จักเฮ่อฉางปั่วมาหลายปี ย่อมรู้ว่าเฮ่อฉางปั่วไม่ได้ชอบเด็กผู้หญิงที่มีนิสัยเป็นคุณหนูเอาแต่ใจแบบเธอยิ่งไปกว่านั้น ท่าทีปฏิเสธของเฮ่อฉางปั่วก็ชัดเจนมากเช่นกันเขายิ้มพูด "เรื่องงาน ก็แบบนี้ทั้งนั้นนี่""งั้น
เหรินจี่เฟิงนึกเรื่องที่เมื่อครู่พวกหลินลี่ไห่บอกว่าหลินอู๋กับเฟิงถิงเซินก็จะมาด้วยเขาลุกขึ้นพูด "ได้ อีกเดี๋ยวพอปู่นายเสร็จธุระแล้ว ค่อยส่งข้อความหาฉันได้ไหม?""ได้"เหรินจี่เฟิงกับเหยาซินปั๋วออกไปก่อนทันทีที่พวกเขาออกมาด้านนอก เฮ่อฉางปั่วกับฉีอวี้หมิงก็มาถึงแล้วตระกูลหลินกับตระกูลซุนเข้ามาทักทายพวกเขาทันทีเฮ่อฉางปั่วกับหลินลี่ไห่จับมือกันฉีอวี้หมิงมองซ้ายขวา “ถิงเซินกับหลินอู๋ล่ะ? พวกเขายังไม่...”พูดยังไม่ทันจบ เขาก็เห็นหรงฉือ"บ้าเอ๊ย!"คิดไม่ถึงว่าเธอก็มาด้วยเฮ่อฉางปั่วไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น มองตามสายตาของเขาไป ก็เห็นร่างของหรงฉือเช่นกันดวงตาของเขามืดครึ้มลงหลายส่วนในตอนนี้เอง อวี้มั่วซวินก็กำลังเดินไปทางหรงฉือกับคุณยายหรงพอดีเฮ่อฉางปั่วหันหน้ากลับมา พูดกับพวกฉีอวี้หมิงกับหลินลี่ไห่ "ผมไปทักทายฝั่งนั้นก่อนนะครับ"พูดจบก็แยกตัวไปแล้ว"ประธานอวี้ คุณหรง"อวี้มั่วซวินกับหรงฉือได้ยินเสียงของเขา ก็หันกลับมาอวี้มั่วซวิน "ที่แท้ก็ประธานเฮ่อ"ได้ยินนามสกุลเฮ่อของคนที่เข้ามา นึกถึงคำพูดของหรงอวิ๋นเฮ่อกับหรงฉ่างเซิ่งก่อนหน้านี้ คุณยายหรงก็อดไม่ได้ที่จะมองเฮ่อฉางป