LOGINจริง ๆ แล้ว เงินก้อนนั้น เธอไม่ได้ต้องการเพื่อตัวเองเธอต้องการเพื่อเฟิงจิ่งซินต่างหากในอนาคต เมื่อเฟิงจิ่งซินโตขึ้นมาบ้างแล้ว เธอจะมอบเงินและสิ่งของทั้งหมดที่เฟิงถิงเซินให้เธอแก่เฟิงจิ่งซินมีของพวกนี้แล้ว ไม่ว่าเฟิงจิ่งซินจะเผชิญกับอะไรในอนาคต เธอก็จะได้มีความมั่นใจและทางเลือกที่มากขึ้นหลังจากนั้นไม่กี่วัน ไม่รู้ว่าเฟิงถิงเซินกลับประเทศมาแล้วหรือเปล่า เพราะจู่ ๆ หรงฉือก็ได้รับโทรศัพท์จากทนายของเฟิงถิงเซิน บอกว่าสัญญาเงินหนึ่งแสนห้าหมื่นล้านบาททางฝั่งเขาร่างเสร็จเรียบร้อยแล้ว เขาอยากจะส่งให้เธอดูก่อน หากมีปัญหาอะไร จะได้รีบปรึกษาและจัดการให้เรียบร้อยโดยเร็วที่สุดพอได้ยินทนายของเฟิงถิงเซินพูดแบบนี้ หรงฉือยังนึกว่าในข้อตกลงจะมีเนื้อหาที่เกี่ยวข้องอีกเยอะเพราะถึงอย่างไร เงินที่เฟิงถิงเซินต้องจ่ายตั้งหนึ่งแสนห้าหมื่นล้านบาทเชียวเงินจำนวนมากแบบนี้ เขาจะยื่นข้อเสนออีกสักหน่อย เธอก็พอจะเข้าใจได้แต่เนื้อหาที่ทนายของเฟิงถิงเซินส่งมาให้กลับสั้นมาก ข้อเรียกร้องของเฟิงถิงเซินมีเพียงข้อเดียว นั้นก็คือขอให้ในครึ่งปีนี้เธอห้ามฟ้องหย่าเขานี่ยังคงเป็นข้อเรียกร้องที่เฟิงถิงเซินเสนอขึ้นม
เมื่อรู้ว่าหรงฉืออยากจะฟ้องหย่า คุณยายหรงก็เห็นด้วยหลังจากที่คุยกับคุณยายเสร็จ หรงฉือก็หมุนตัวขึ้นไปชั้นบน ขณะที่เธอกำลังจะโทรศัพท์ไปหาเผยซวี่เฉิน เพื่อคุยเรื่องฟ้องหย่า ก็ได้รับข้อความที่เฟิงถิงเซินส่งมา[ผมไม่สามารถรีบกลับไปได้ทันเวลา เป็นความผิดของผมเอง ขอโทษนะ]หรงฉืออ่าน แต่ไม่ได้ตอบกลับหลังจากนั้นไม่นาน เฟิงถิงเซินก็ส่งข้อความที่สองเข้ามา [ไม่ฟ้องหย่าได้ไหม? ถ้าคุณตอบรับข้อเสนอนี้ของผม ผมจะให้เงินค่าชดเชยคุณหนึ่งแสนห้าหมื่นล้านบาท]หรงฉืออ่านแล้ว ก็ยังไม่ตอบกลับความจริงแล้วเธอรู้ว่าทำไมเฟิงถิงเซินถึงไม่อยากให้เธอฟ้องหย่าหากเธอฟ้องหย่าแล้วข่าวหลุดออกไป สถานะที่หลินอู๋เป็นมือที่สามก็จะถูกเปิดโปง หากมีคนที่มีเจตนายุยงปลุกปั่น อย่าว่าแต่หน้าที่การงานของเฟิงถิงเซินเองเลย แม้แต่เส้นทางอาชีพทางการเมืองของพ่อเขา ก็ล้วนได้รับผลกระทบไปด้วยหากเรื่องมาถึงจุดนี้จริง เพื่ออนาคตของตระกูลเฟิง คาดว่าคุณย่าเฟิงและซางเซี่ยนคงมาหาเธอเพราะเรื่องนี้แน่...และตระกูลเฟิงก็เป็นผู้มีพระคุณต่อตระกูลหรงของพวกเขาอยู่ไม่น้อยหรงฉือนั่งอยู่ที่เดิม คิดเรื่องพวกนี้อยู่นานไม่ขยับไปไหนเลยเวลานี้ เ
เรื่องของทางฝั่งหลินอู๋ หรงฉือไม่รู้อะไรเลยช่วงนี้เธออารมณ์ดีเป็นพิเศษ เพราะอาการของคุณยายหรงดีขึ้นเรื่อย ๆ โดยรวมเกือบจะหายดีแล้วเพียงแต่ ช่วงตัดสินใจก่อนการหย่าระหว่างเธอกับเฟิงถิงเซินในครั้งนี้ก็ผ่านมาเกินครึ่งหนึ่งแล้วแต่เฟิงถิงเซินยังไม่กลับมาจากการทำงานต่างเมืองเลยเมื่อไม่กี่วันก่อน ได้ยินเฟิงจิ่งซินบอกว่าตอนนี้เฟิงถิงเซินยุ่งมาก และยังไม่แน่ชัดว่าจะสามารถกลับประเทศมาได้เมื่อไรเมื่อเห็นเวลาผ่านไปวันแล้ววันเล่า ช่วงตัดสินใจก่อนการหย่าของพวกเขาก็เหลืออีกไม่กี่วันแล้ว หรงฉือลังเลอยู่เล็กน้อย จากนั้นก็ส่งข้อความไปหาเฟิงถิงเซิน[คุณจะกลับมาเมื่อไร?]หลังจากที่ส่งข้อความออกไป จนกระทั่งวันรุ่งขึ้น เธอจึงจะได้รับการตอบกลับ[ไม่เร็วขนาดนั้น]หรงฉือขมวดคิ้ว แล้วส่งข้อความไปทันทีว่า [รีบกลับมาก่อนช่วงตัดสินใจจะสิ้นสุดลงได้ไหม?]เฟิงถิงเซิน [ขอโทษนะ ไม่แน่ใจ]หรงฉือเห็น ก็คลึงหว่างคิ้ว ไม่ได้ตอบอะไรกลับไปอีกผ่านไปสักพักหนึ่ง คาดว่าเฟิงถิงเซินคงจะรู้สึกได้ว่าเธอโกรธแล้ว จึงส่งข้อความมาอีกว่า [โกรธเหรอ?]หรงฉือไม่ตอบกลับเขาเธอมองหน้าจอโทรศัพท์ หลังจากนั้นไม่นาน เธอก็เริ่มพ
คาดไม่ถึงเลยว่าหลินอู๋จะรู้เรื่องนี้มาตั้งแต่แรกแล้วแต่เธอไม่เคยพูดถึงมันกับพวกเขามาก่อนที่เธอไม่พูด เพราะไม่สนใจเรื่องนี้เหมือนอย่างที่พูดกับซุนลี่เหยาแบบนั้นจริง ๆ เหรอ?หากหลังจากที่เธอรู้เรื่องนี้ แล้วถามเฟิงถิงเซินให้ชัดเจน จนมั่นใจว่าเฟิงถิงเซินมีเหตุผลที่ให้เพชรกับหรงฉือ เช่นนั้นก็ไม่จำเป็นต้องใส่ใจกับเรื่องนี้มากเกินไปแล้วจริง ๆ แบบนี้แล้ว ในกรณีที่พวกเขาไม่เป็นฝ่ายพูดถึง หลินอู๋ก็ไม่เป็นฝ่ายพูดกับพวกเขา ก็พอจะสมเหตุสมผลอยู่บ้างแต่เพชรเม็ดนั้นถึงอย่างไรก็มีมูลค่ากว่าสองหมื่นล้านบาท ซึ่งมากกว่าของทั้งหมดที่ซวิ่นตู้และเฟิงถิงเซินเคยให้หลินอู๋รวมกันเสียอีก...เมื่อรู้ว่าทุกคนให้ความสนใจกับเพชรเม็ดนี้ที่หายไปอย่างมาก พอรู้ว่าเฟิงถิงเซินให้เพชรนี้แก่คนอื่นไปแล้ว หลินอู๋กลับยังเอาแต่เงียบไว้ แบบนี้ก็ดูจะไม่ค่อยสมเหตุสมผลสักเท่าไรหากหลินอู๋คิดว่าความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับเฟิงถิงเซินนั้นดีมากพอ จนทำให้เธอมีความมั่นใจและคิดว่าหลังจากที่เธอแต่งงานกับเฟิงถิงเซิน สิ่งที่เธอได้รับย่อมมีมากกว่านี้อย่างแน่นอน มากถึงขนาดสามารถไม่สนใจเพชรเม็ดนี้ได้เลย งั้นการที่หลินอู๋ไม่พูดถึงเรื่อง
เซี่ยงหรูฟางได้ยินแบบนั้น ไม่คิดอะไรมาก ก็พูดขึ้นทันทีว่า “มีอะไรอยากพูดก็พูดออกมาตรง ๆ เลย พอดีตอนนี้ในบ้านมีคนอยู่เยอะขนาดนี้ จะได้ให้ทุกคนช่วยกันแนะนำลูกหน่อย”ซุนลี่เหยาได้ยิน ก็ลังเลเล็กน้อย สุดท้ายยังคงพูดออกมาว่า “คือว่า... คือว่าก่อนหน้านี้พี่เขยซื้อเพชรเม็ดหนึ่งมูลค่าสองหมื่นกว่าล้านบาทไม่ใช่เหรอ? ช่วง...ช่วงก่อนหน้านี้หนูได้ยินเฟิงจิ่งซินยัยเด็กบ้านั่นพูดว่า ความจริงแล้วเพชรเม็ดนั้นพี่เขยให้หรงฉือเป็นของขวัญวันเกิดเมื่อไม่นานก่อนหน้านี้แล้ว...”ทุกคนที่อยู่ตรงนั้น รวมทั้งเซี่ยงหรูฟางด้วย ต่างก็จดจ่ออยู่กับเรื่องหย่าของเฟิงถิงเซินและหรงฉือสำหรับเรื่องที่ซุนลี่เหยาอยากจะพูด พวกเขาไม่สนใจเลยหลังจากที่ซุนลี่เหยาพูดจบ คนที่อยู่ตรงนั้นต่างตกตะลึง และสงสัยว่าตัวเองฟังผิดไปหลังจากตอบสนองกลับมา เซี่ยงหรูฟางก็ขมวดคิ้ว แล้วตำหนิเสียงดังลั่นว่า “นี่จะเป็นไปได้อย่างไร เหยาเหยา ลูกอย่ามาพูดมั่ว ๆ นะ!”ซุนลี่เหยารีบพูดขึ้นว่า “หนูไม่ได้พูดมั่ว เป็นเรื่องจริง! หนู...หนูจะเอาเรื่องแบบนี้มาล้อเล่นได้อย่างไรกันละคะ?!”ความจริงแล้ว หลังจากที่ซุนลี่เหยาพูดออกมา และทุกคนที่อยู่ตรงนั้นตั้
ครั้งนี้เฟิงถิงเซินทำงานต่างเมืองแค่สามสี่วันก็กลับมาแล้วตอนที่เขากลับมาเป็นตอนเย็นของวันศุกร์คนตระกูลหลินและตระกูลซุนได้รับข่าว ต่างก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก“กลับมาก็ดีแล้ว แบบนี้สัปดาห์หน้าเขากับหรงฉือจะได้หย่ากันอย่างราบรื่นเสียที”ทว่า สิ่งที่พวกเขาคาดไม่ถึงก็คือ ในเช้าวันอาทิตย์เฟิงถิงเซินกลับออกไปทำงานต่างเมืองอีกครั้งเวลากลับยังไม่แน่นอนเหมือนเดิมคราวนี้ เซี่ยงหรูฟางร้อนใจแล้ว “ไม่สิ ถิงเซินไปทำงานต่างเมืองอีกแล้วเหรอ?”เธออดพูดกับหลินอู๋ไม่ได้ว่า “เสี่ยวอู๋ เธอคุยกับถิงเซินหน่อยดีไหม? ไม่อย่างนั้นเป็นแบบนี้ต่อไป พวกเธอจะได้แต่งงานกันเมื่อไรล่ะ?”เซี่ยงหรูฟางสองแม่ลูกเป็นคนที่พอมีเรื่องก็จะใจร้อนง่ายจริง ๆ หากเป็นเวลาปกติ หลินลี่หลานคงไม่พูดอะไรจริง ๆ เพราะเธอคิดว่าหากหลินอู๋เอ่ยปาก ก็จะกระทบความสัมพันธ์ของเธอกับเฟิงถิงเซินได้แต่เฟิงถิงเซินกับหรงฉือเคยพลาดช่วงตัดสินใจหลายครั้งแล้วปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไปไม่ใช่วิธีแก้ปัญหาจริง ๆ ดังนั้นเธอก็เลยอดเอ่ยปากไม่ได้ว่า “ใช่ เสี่ยวอู๋ ถ้างั้นเธอลองหาโอกาสคุยกับถิงเซินสักหน่อยดีไหม?”หลินอู๋ได้ยินแบบนั้น สีหน้าก็เรียบเฉย







