รถสองแถวค่อย ๆ เคลื่อนตัวออกจากท่ารถที่ตลาดช้า ๆ ทิ้งความจอแจไว้เบื้องหลัง รุจน์นั่งเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่างรถ ท่าทางของเขาดูครุ่นคิดและเงียบผิดปกติ สายเมฆที่นั่งอยู่ข้าง ๆ สังเกตเห็นแววตาของรุจน์แล้ว ก็พอจะคาดเดาได้ว่าระหว่างรุจน์กับลำดวนคงมีเรื่องราวบางอย่างที่ลึกซึ้งเกินกว่าคนรู้จักทั่วไป
‘แล้วเราควรจะบอกข้าวหอมเรื่องนี้ดีไหมนะ? จะเป็นการยุ่งเรื่องครอบครัวคนอื่นเกินไปรึเปล่า? หากมันไม่มีอะไรจริง ๆ จะกลายเป็นการทำให้น้าศจีต้องระแวงเปล่า ๆ รึเปล่า?’ สายเมฆคิดวนไปมาในหัวอย่างหนักใจ เขาพยายามพิจารณาถึงผลกระทบที่จะตามมา ก่อนจะตัดสินใจว่าเขายังจะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้ในตอนนี้ อย่างไรเสีย เขาก็ยังเป็นคนนอก แต่ถ้าหากมีอะไรไม่น่าไว้วางใจเกิดขึ้นจริง ๆ เขาค่อยบอกข้าวหอมทีหลัง ‘ช่วยไม่ได้นี่นา ถ้าครอบครัวนี้ไม่กลับไปร่ำรวย เขาก็คงอดกลับสวรรค์น่ะสิ’ ความคิดเรื่องภารกิจกลับสวรรค์ผุดขึ้นมาในใจ ทำให้เขารู้สึกว่ามีความชอบธรรมที่จะสอดส่องและดูแลครอบครัวนี้ต่อไป เมื่อรถสองแถวมาถึงปากทางเข้าหมู่บ้าน รุจน์กับสายเมฆก็ช่วยกันแบกข้าวของที่ซื้อมามากมายเดินกลับบ้าน แม้ของจะหนักและทางเดินจะค่อนข้างไกล แต่ทั้งคู่ก็ดูเหมือนจะไม่เหน็ดเหนื่อย อาจเป็นเพราะการได้ตกลงจะทำการค้ากับเจ๊จวงทำให้ทั้งคู่ลืมความเหนื่อย พอมาถึงบ้าน ข้าวหอมและแม่ที่วันนี้ไม่ได้ออกไปทำนา ได้จัดเตรียม และแตงโมหั่นเป็นชิ้นพอดีคำสีแดงสดไว้รอรับทั้งคู่แล้ว “พ่อขา เหนื่อยไหมคะ?” ข้าวหอมรีบถามด้วยความเป็นห่วง เธอเตรียมจะเข้าไปกอดพ่อด้วยความคิดถึง รุจน์เบี่ยงตัวหลบเล็กน้อยอย่างสุภาพ “ข้าวหอม ตัวพ่อมีแต่ฝุ่นเต็มไปหมดเลยลูก เดี๋ยวพ่อไปอาบน้ำก่อนนะ” ข้าวหอมทำหน้ายู่เล็กน้อยอย่างไม่ค่อยพอใจที่ไม่ได้กอดพ่อ แต่ก็ยอมยกเหยือกน้ำเย็นมาให้พ่อดื่มแทน ศจีมองภาพสองพ่อลูกด้วยรอยยิ้มเปี่ยมสุขในหัวใจ หลังจากรุจน์และสายเมฆอาบน้ำชำระร่างกายจนสดชื่นแล้ว ก็ออกมานั่งเล่าเรื่องราวที่ไปตลาดในเมืองมาให้ข้าวหอมกับศจีฟังอย่างออกรส พวกเขาเล่าถึงการได้พบกับเจ๊จวงเจ้าของร้านในตลาด และการตกลงที่จะทำการค้าขายที่ตากเนื้อแห้งกับเจ๊จวง ข้าวหอมและศจีได้ฟังก็ดีใจกันยกใหญ่ ที่จะได้มีช่องทางหารายได้เพิ่มขึ้นอีกทางหนึ่ง ระหว่างที่ทุกคนกำลังสนทนาอย่างมีความสุขอยู่นั้น เสียงเครื่องยนต์ของรถเก๋งคันหนึ่งก็ดังขึ้น และมีรถเก๋งคันหรูมาจอดเทียบอยู่ตรงหน้าบ้าน รถยนต์เป็นของหายากในหมู่บ้านนี้ การมาของมันจึงดึงดูดสายตาของทุกคนให้หันไปมอง พร้อมกับมีผู้หญิงคนหนึ่งสวมเสื้อยืดรัดรูป กางเกงขาม้าที่ดูทันสมัยเกินกว่าจะเป็นชุดของสาวบ้านนอกทั่วไป ก็ได้เดินลงมาจากรถคันนั้นด้วยท่วงท่ามั่นใจ ‘โอ้โห! สาวชนบทยุค’ 70 นี่แต่งตัวดีขนาดนี้เชียวเรอะเนี่ย?’ ข้าวหอมมองการแต่งตัวของผู้หญิงคนนั้น แล้วพลันนึกถึงตอนที่เธอจัดงานปาร์ตี้ย้อนยุค’ 70 กับเพื่อน ๆ เสื้อผ้าแบบนี้มันล้ำเกินไปสำหรับคนชนบทรึเปล่านะ ‘ผู้หญิงคนนี้แต่งตัวดีจริง อะไรจริง ว่าแต่... เธอมาบ้านเราทำไมกันนะ?’ ผู้หญิงคนนั้นเดินผ่านหน้าข้าวหอมและศจีตรงไปหารุจน์ทันที สายเมฆที่กำลังกินแตงโมอยู่พยายามทำตัวไร้ตัวตนคอยสังเกตุเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้น “พี่รุจน์... ลำดวนเอาของมาฝากค่ะ” น้ำเสียงหวานหยดย้อยชวนฟังของผู้หญิงคนนั้นเอ่ยทักทายรุจน์ พร้อมทั้งยื่นถุงของฝากที่ดูดีมีราคาให้เขา “ขอโทษด้วยนะคะที่ไม่ได้บอกก่อนว่าจะมา” ข้าวหอมมองภาพนั้นด้วยความแปลกใจ ‘เสียงก็เพราะ แต่ทำไมฉันรู้สึกว่ายัยนี่ไม่ธรรมดาเลยนะ ถ้าเป็นยุคของฉัน ยัยนี่คงเป็นตัวอิจฉาขั้นเทพแน่ ๆ’ ‘แกล้งทำเป็นไม่เห็นฉันกับแม่เหรอ? รู้จักข้าวหอมตัวแสบน้อยเกินไปแล้ว!’ ข้าวหอมคิดในใจ พลางเดินเข้าไปเบียดแทรกตัวระหว่างลำดวนกับรุจน์อย่างจงใจ “สวัสดีค่ะคุณป้า” ข้าวหอมกล่าวทักทายลำดวนด้วยน้ำเสียงสุภาพกึ่งยียวน พร้อมเน้นคำว่า “ป้า” อย่างชัดเจน “หนูชื่อข้าวหอม เป็นลูกพ่อรุจน์นะคะ” ลำดวนหันมามองข้าวหอมด้วยแววตาไม่พอใจนักที่อยู่ ๆ ก็เดินมาเบียดเธอออกจากรุจน์ แถมยังเรียกเธอว่าป้าอีก แต่ถึงแม้จะรู้สึกหงุดหงิดแค่ไหน เธอก็ต้องฝืนยิ้มและทักทายข้าวหอมไป เพราะไม่อยากให้รุจน์รู้สึกไม่ดี “สวัสดีจ้ะ หนูข้าวหอม” ลำดวนตอบกลับ พร้อมเน้นคำว่า “น้า” เพื่อแก้ลำข้าวหอม “น้า ชื่อลำดวนจ้ะ เป็นคนสนิทของพ่อหนูไง” เธอจงใจเน้นคำว่า 'คนสนิท' เพื่อประกาศสถานะของตัวเองกับรุจน์ ข้าวหอมได้ยินดังนั้นก็รู้สึกไม่พอใจอย่างรุนแรง เธอหันไปหารุจน์ทันทีด้วยสีหน้าบึ้งตึง “พ่อคะ ทำไมหนูไม่เคยได้ยินชื่อของ ป้า คนนี้เลยคะ? แล้วพ่อไปสนิทกับเขาตั้งแต่เมื่อไหร่?” รุจน์เห็นสถานการณ์กำลังจะตึงเครียดขึ้น เขาจึงเดินเข้ามาแตะบ่าข้าวหอมเบา ๆ เพื่อปลอบใจ “อืม... เคยสนิทกันนานมาแล้วลูก ตั้งแต่ก่อนที่พ่อจะเจอแม่หนูอีก” รุจน์พยายามอธิบายด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล แต่ก็แฝงความหนักแน่น “ที่หนูไม่เคยได้ยินก็ไม่แปลกหรอกลูก เพราะตอนนี้ไม่ได้สนิทกันแล้วไง” คำพูดของรุจน์ทำให้ข้าวหอมที่กำลังอารมณ์เสียรู้สึกโล่งอกขึ้นเล็กน้อยและอารมณ์ดีขึ้นทันตาเห็น สายเมฆที่ยืนอยู่ใกล้ ๆ ได้ยินบทสนทนาทั้งหมด เขาสังเกตเห็นแววตาของลำดวนที่เต็มไปด้วยความโมโห และท่าทางของรุจน์ที่พยายามตัดบทอย่างชัดเจน ‘ผู้หญิงคนนี้คือคนที่ลุงรุจน์พยายามเลี่ยงจริง ๆ ด้วย... แต่ดูท่าทางแล้วคงไม่จบง่าย ๆ’ สายเมฆคิดในใจพลางเหลือบมองข้าวหอมที่อารมณ์ดีขึ้นอย่างรวดเร็ว รุจน์หันไปพูดกับลำดวนด้วยน้ำเสียงที่ห่างเหิน “ลำดวน พี่ขอบใจมากสำหรับของฝากนะ แต่พอดีตอนนี้พี่มีธุระที่ต้องคุยกันในครอบครัว ไม่สะดวกต้อนรับแขกเท่าไหร่ ต้องขอโทษด้วยนะ” ลำดวนหน้าเสียทันทีเมื่อถูกรุจน์ปฏิเสธอย่างไม่ไว้หน้า เธอฝืนยิ้มเล็กน้อย ก่อนจะหมุนตัวเดินจากไปอย่างเงียบ ๆ แต่ก่อนจะขึ้นรถ เธอก็หันกลับมามองรุจน์อีกครั้งแล้วบอกว่า “เดี๋ยวลำดวนจะกลับมาเยี่ยมอีกนะคะ” ‘โอ้โห! พ่อเราช่างพูดไม่ไว้หน้ายัยลำดวนเลยแฮะ!’ ข้าวหอมเห็นรุจน์ปฏิเสธลำดวนอย่างเด็ดขาดก็พลันนึกถึงชาติก่อน ที่พ่อของเธอถูกสาว ๆ สวย ๆ มากมายยื่นใบสมัครขอเป็น "เด็กในสังกัด" แต่ก็มักจะโดนพ่อปฏิเสธอย่างไม่ไว้หน้าเช่นกัน เมื่อนึกได้แบบนี้ เธอก็รู้สึกโล่งอกไปเปลาะหนึ่งว่าพ่อในชาตินี้ของเธอก็คงจะไม่นอกใจแม่อย่างแน่นอน เมื่อลำดวนขับรถจากไปแล้ว ข้าวหอมทำท่าจะเอ่ยปากถามพ่อถึงเรื่องผู้หญิงคนนั้น แต่สายเมฆเห็นเข้าเสียก่อน เขาจึงรีบดึงแขนข้าวหอมเบี่ยงออกมาจากตรงนั้นทันที โดยอ้างว่าจะให้ไปช่วยดูอุปกรณ์สำหรับทำที่ตากเนื้อแห้งที่เพิ่งซื้อมาจากในเมือง “พี่สายเมฆจะดึงแขนข้าวหอมออกมาทำไมเนี่ย!” ข้าวหอมพูดกับสายเมฆด้วยน้ำเสียงไม่พอใจเล็กน้อยที่ถูกขัดจังหวะ “ข้าวหอมกำลังจะถามพ่อเรื่องผู้หญิงคนนั้นพอดีเลยนะ!” “ข้าวหอมไม่เห็นสีหน้าของพ่อข้าวหอมรึไง” สายเมฆหันมามองข้าวหอมด้วยสายตาจริงจัง “ข้าวหอมไม่คิดว่าเวลานี้ควรเป็นเวลาที่พ่อกับแม่ต้องปรับความเข้าใจกันเองรึยังไง? เราออกมาแหละดีที่สุดแล้ว” ข้าวหอมได้ฟังเหตุผลของสายเมฆก็อารมณ์เย็นลงทันที เธอพยักหน้ารับอย่างเข้าใจ ก่อนจะนั่งเหม่อมองไปข้างหน้าพักหนึ่ง ความสงสัยยังคงกัดกินในใจ เธอหันกลับมาถามสายเมฆด้วยน้ำเสียงใคร่รู้ “พี่สายเมฆ... พี่ว่าพ่อกับผู้หญิงคนนั้นรู้จักกันได้ยังไงคะ? ทั้งสองคนดูแตกต่างกันมากเลยนะ” “เขาเป็นเพื่อนกันตั้งแต่เด็กน่ะ” สายเมฆตอบอย่างใจเย็น “แล้วก็แยกย้ายกันไปใช้ชีวิต ตอนนี้คุณลำดวนเขากลับมาเยี่ยมบ้านน่ะ” “อ๋อ...” ข้าวหอมพยักหน้าเข้าใจ ก่อนที่ความคิดบางอย่างจะแล่นเข้ามาในหัว เธอจ้องหน้าสายเมฆอย่างจับผิด “แต่เดี๋ยวนะพี่สายเมฆ! พี่รู้ได้ยังไงว่าเขาเป็นคนในหมู่บ้าน!?” ข้าวหอมคาดคั้นเสียงสูง เมื่อถูกจับได้ สายเมฆจึงได้เล่าเรื่องที่เขาเจอลำดวนที่ตลาด และได้ยินชื่อเธอจากเพื่อนของลำดวนให้ข้าวหอมฟังตั้งแต่ต้นจนจบ “งั้นก็อาจเป็นคนรักเก่าพ่อก็ได้เนอะ” ข้าวหอมพึมพำกับตัวเองเบา ๆ เมื่อได้ฟังเรื่องราวทั้งหมด เธอไม่รู้ว่าในยุคนี้ความสัมพันธ์ของผู้ชายกับผู้หญิงมันเปิดกว้างแค่ไหน และเรื่องราวความรักในอดีตของผู้ใหญ่เป็นอย่างไร แต่ถ้าจากยุคที่เธอจากมา การที่คนรักเก่ากลับมาเจอกันแล้วสปาร์คกันอีกครั้งจนถึงขั้นต้องไปหย่ากับคู่ของตัวเองนั้นมีให้เห็นเกลื่อนกลาด บางทีก็มีทะเลาะกันจนได้ออกรายการข่าวก็ยังมี ถึงแม้เธอจะเชื่อมั่นในตัวพ่อของเธอว่าจะไม่วอกแวก แต่บางทีถ้าบรรยากาศและสถานการณ์เป็นใจ อะไร ๆ ก็เกิดขึ้นได้ทั้งนั้น เธอเริ่มรู้สึกร้อนใจขึ้นมาอีกครั้ง “พี่สายเมฆ... พี่เคยมีแฟนไหม?” ข้าวหอมถามขึ้นมาทันที เพราะเธออยากรู้ความรู้สึกของผู้ชายในสถานการณ์แบบนี้ เธอกลัวว่าพ่อของเธอจะยังรักลำดวนอยู่ลึก ๆ “แล้วถ้าพี่กับแฟนห่างกันไปนาน ๆ แล้วกลับมาเจอกันอีกครั้ง พี่จะยังรู้สึกกับเขาอยู่ไหมคะ?” ‘เหอะ... มีความรักเหรอ?’ สายเมฆพึมพำในใจอย่างขมขื่น ‘ชั้นจะไปมีได้ยังไงล่ะ? ชั้นเล่นซนหน่อยเดียวก็โดนขังในกรอบรูปนั้นตั้งหลายสิบปี พอให้พรแม่ของเธอเสร็จก็โดนถอดพลังวิเศษ ส่งมาอยู่โลกมนุษย์กับเธอนี่ไง’ เขาคิดในใจอย่างอดโมโหไม่ได้ ก่อนจะปรับสีหน้าให้เป็นปกติและตอบข้าวหอมไปว่า “พี่ไม่เคยมีความรักน่ะ” ข้าวหอมมองหน้าสายเมฆอย่างไม่เชื่อคำพูด “ไม่เชื่อหรอก! อย่างพี่เนี่ยนะไม่เคยมีแฟน? ก่อนย้อนเวลามาก็ไม่มีเหรอ?” “ไม่มี” สายเมฆตอบสั้น ๆ “โห! พี่นี่ใช้ความหล่อไม่คุ้มเอาซะมาก ๆ เลยนะ” ข้าวหอมแซวเสียงสูง ดวงตาเป็นประกายด้วยความอยากแกล้ง “พี่รู้ปะ หน้าตาแบบพี่ หุ่นแบบพี่นะ ถ้าเจอเพื่อนในแก๊งข้าวหอมนี่แทบจะแย่งกันจีบพี่เลยน้า ข้าวหอมเสียดายความหล่อพี่จริง ๆ!” สายเมฆก้มหน้างุด ใบหูแดงก่ำอย่างเห็นได้ชัด ข้าวหอมเห็นแล้วก็หลุดยิ้มออกมาเล็กน้อย พลางพูดกับตัวเองเบา ๆ ‘เชื่อแล้วว่าไม่เคยมีแฟน โดนแซวแค่นี้แก้มแดงเป็นลูกตำลึงสุกเชียว’ “แล้วพี่สายเมฆว่า... ยัยป้าลำดวนนั่นจะทำให้พ่อกับแม่ผิดใจกันไหมคะ? เห้อ... เทพเทวดาก็เหลือเกินเชียว ชีวิตฉันกำลังจะดี ดันส่งยัยป้านั่นมาอีก!” สายเมฆสะดุ้งเล็กน้อย ‘ยัยบ้า! เธอกำลังด่าชั้นอยู่นะ!’ เขานึกในใจ ก่อนจะปรับสีหน้าให้จริงจังและตอบข้าวหอมไปว่า “ถ้าพ่อกับแม่เธอรักและเข้าใจกันดี กี่สิบลำดวนก็ไม่สามารถทำอะไรให้ผิดใจกันได้หรอก แต่ถ้าเขาไม่ได้รักกันแล้ว ไม่ต้องมีลำดวนก็มีปัญหาอยู่ดี” ข้าวหอมได้ยินคำตอบที่ตรงไปตรงมาของสายเมฆก็พยักหน้าเห็นด้วย เพราะมันคือความจริงที่เธอเองก็รู้ดี ทางด้านรุจน์กับศจี หลังจากสายเมฆพาข้าวหอมเดินเลี่ยงออกไปแล้ว รุจน์ก็เดินเข้าไปกุมมือศจีอย่างอ่อนโยน เขารู้ดีว่าภรรยาต้องได้ยินทุกคำพูดที่ลำดวนกล่าว และคงมีความรู้สึกบางอย่างในใจ “ลำดวนกับผมเคยคบกันน่ะศจี” รุจน์เริ่มต้นอธิบายด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลและจริงใจ “แต่ต่อมาที่บ้านเขาอยากให้แต่งงานกับเถ้าแก่ในเมือง เราก็เลยเลิกกันไป วันนี้ผมไปตลาด เจอเขาที่แวะซื้อขแงกลับมาดยี่ยมบ้านพอดี” และรุจน์ก็เล่า้หตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้น ศจียิ้มบาง ๆ แล้วบีบมือรุจน์เบา ๆ เป็นเชิงปลอบโยน “คุณ... จริง ๆ คุณไม่ต้องอธิบายเรื่องนี้กับฉันก็ได้” เธอมองเข้าไปในดวงตาของสามีด้วยความรักและความเข้าใจ “เราอยู่กันมาจนลูกโตแล้ว คุณคิดยังไงทำไมฉันจะดูไม่ออก อย่าห่วงเลย เรื่องคุณลำดวนฉันไม่คิดอะไรเลยจริง ๆ ค่ะ” รุจน์โล่งใจเป็นอย่างมากที่ไม่ได้ทำให้ศจีต้องรู้สึกไม่สบายใจหรือเข้าใจผิดในเรื่องนี้ ความรักและความเชื่อใจที่ภรรยามีให้ ทำให้เขารู้สึกอบอุ่นในหัวใจ เขาสัญญากับตัวเแงว่าจะไม่มีวันทำลายความเชื่อใจของภรรยาลงเด็ดขาดหลังจากเปิดร้านในกรุงเทพฯ ได้เพียงสามปี ร้านเสื้อผ้าของข้าวหอ ก็โด่งดังในหมู่ชนชั้นสูงอย่างรวดเร็ว จนเธอต้องขยายสาขาเพิ่มอีกสามแห่ง รวมถึงมีสาขาในห้างสรรพสินค้าชื่อดังอีกด้วยส่วนโรงงานที่รุจน์และศจี พ่อแม่ของเธอดูแลก็ขยายใหญ่โต จนต้องซื้อที่ดินเพิ่มเพื่อสร้างโรงงานใหม่ ส่วนโรงงานเดิมถูกปรับเปลี่ยนให้เป็นที่ผลิตเสื้อผ้าสำหรับร้านของ แก้ว ซึ่งตอนนี้ได้แต่งงานกับธงแล้วข้าวหอมกลายเป็นสาวเนื้อหอมประจำเมืองหลวง ทั้งจากรูปร่างหน้าตา กิริยาวาจาที่งดงาม และรสนิยมการแต่งกายอันโดดเด่น ภาพของเธอปรากฏตามหน้านิตยสารและหนังสือพิมพ์ไม่เว้นแต่ละวัน รวมถึงข่าวซุบซิบเรื่องหนุ่มไฮโซ ดารา ที่พากันมาขายขนมจีบเธอไม่ขาดสายสายเมฆมองดูความสำเร็จของครอบครัวข้าวหอมและทุกคนที่เขาเคยอยู่ด้วย เขารู้สึกภูมิใจอย่างยิ่ง ‘นี่คงถึงเวลาที่เราต้องไปแล้วสินะ’ เขาพึมพำถามตัวเองในใจ“ใช่แล้ว! เจ้าบื้อ!” เสียงดังมาจากด้านหลังสายเมฆ ทำให้เขาต้องหันไปมอง ก็พบว่าพายุ เทวดาผู้คุมกฎของเขายืนอยู่ตรงนั้น“มาไม่ให้สุ้มให้เสียง ตกใจหมดเลย” สายเมฆบ่น “แล้วท่านมาทำไมตอนนี้ มีเรื่องด่วนอะไรหรือเปล่า”“ก็มาหานายนั่นแหละ” พายุตอบพร้อมรอ
ที่ร้านตัดเสื้อของข้าวหอม หลังจากลูกค้าช่วงเช้าที่คึกคักทยอยกลับไปหมด ข้าวหอมกำลังเตรียมตัวจะตักอาหารเที่ยงใส่จาน จู่ ๆ องุ่นก็ก้าวเข้ามาในร้าน“ข้าวหอมหนูกินข้าวก่อนก็ได้จ้ะ เดี๋ยวชั้นนั่งรอ” องุ่นเอ่ยอย่างเกรงใจ เมื่อเห็นข้าวหอมเตรียมจะวางช้อน“ไม่เป็นไรค่ะคุณองุ่น” ข้าวหอมยิ้มและเดินผละออกจากโต๊ะอาหารตรงไปหา “คุณองุ่นมาดูแบบเสื้อใหม่เหรอคะ”“ใช่จ้ะข้าวหอม” องุ่นพยักหน้า “ครั้งก่อนชั้นตามสามีเข้าไปกรุงเทพฯ ใส่ชุดของหนูไปงานเลี้ยง มีแต่คนชมชุดหนูนะ รอบนี้สามีมีงานที่กรุงเทพฯ อีก เลยจะมาดูแบบใหม่ ๆ ไว้เตรียมตัว” องุ่นพูดพลางเปิดดูแคตตาล็อกชุดที่วางบนโต๊ะ “จะว่าไปแล้วก็น่าเสียดายนะจ๊ะ ถ้าร้านหนูอยู่ในกรุงเทพฯ คงมีคนเข้าออกไม่ขาดสายเลยทีเดียว”“ไม่แน่นะคะ หนูอาจย้ายไปในกรุงเทพฯ ก็ได้ค่ะ” ข้าวหอมเอ่ยด้วยความมั่นใจ ความคิดนี้เคยแวบเข้ามาในหัวเธอหลายครั้งแล้ว เพียงแต่รอเวลาที่กิจการในอำเภอจะเข้าที่เข้าทางเสียก่อน“จริงเหรอ!” องุ่นอุทานด้วยความแปลกใจระคนยินดี ดวงตาเป็นประกาย“จริงค่ะ แต่อาจต้องใช้เวลานิดหน่อย” ข้าวหอมอธิบายแผนคร่าว ๆ “เพราะต้องหาที่เปิดร้าน หาพนักงานเพิ่ม และรอจัดระเบียบร้า
“ข้าวหอม อยู่มั้ยจ๊ะ!” เสียงเรียกดังขึ้นแต่เช้า ทำให้ ข้าวหอม ต้องรีบออกมาดู เจ๊จวง ซึ่งตอนนี้เป็นพันธมิตรคู่ค้าสำคัญของโรงงานเสื้อผ้าสำเร็จรูปของข้าวหอมยืนอยู่หน้าบ้าน สีหน้าค่อนข้างเป็นกังวล“อยู่ค่ะเจ๊จวง มีอะไรรึเปล่าคะ อย่าบอกนะว่าชุดล็อตล่าสุดหมดแล้ว” ข้าวหอมทักอย่างอารมณ์ดี เพราะหลังจากโรงงานเสร็จ กิจการเสื้อผ้าสำเร็จรูปก็ไปได้ดีมาก ร้านค้าจากในตัวจังหวัดและต่างอำเภอต่างมาสั่งของเพื่อนำไปขาย ส่วนในอำเภอที่ข้าวหอมอยู่ เธอเลือกส่งให้ร้านเจ๊จวงเพียงที่เดียว เพื่อตอบแทนที่เคยช่วยเหลือกันมา“มีปัญหาแล้วล่ะข้าวหอม ดูนี่สิ!” เจ๊จวงไม่ได้ตอบคำถาม แต่กลับหยิบถุงกระดาษที่ถือมาออกมา แล้วดึงเสื้อผ้าสำเร็จรูปที่อยู่ในถุงให้ข้าวหอมดูข้าวหอมรับเสื้อมาพินิจ เสื้อที่อยู่ในมือมีตะเข็บที่แตกออก ด้ายที่เย็บบางตัวก็ไม่เรียบร้อย รังดุมบางตัวด้ายก็หลุดรุ่ย เธอขมวดคิ้วด้วยความไม่พอใจที่เจอเสื้อไม่ได้มาตรฐานจากโรงงานของตัวเอง แต่เมื่อลองสังเกตดูดี ๆ เธอก็พบว่ากระดุมที่ใช้ รวมถึงซิปและตะขอ แม้จะมีรูปแบบคล้ายกับของโรงงานเธอ แต่ก็ไม่เหมือนกันเสียทีเดียว“เจ๊ไปเอามาจากไหนคะเนี่ย” ข้าวหอมถามเจ๊จวงด้วยความแ
“ปัง ปัง ปัง ปัง!”เสียงจุดประทัดดังกึกก้องทั่วซอย บ่งบอกถึงการเริ่มต้นสิ่งใหม่ที่เป็นมงคล วันนี้เป็นวันเปิดร้านเสื้อผ้าของข้าวหอม หลังจากที่เธอได้ออกแบบร้านด้วยตัวเองแล้ว ลุงเพิ่มก็จัดหาช่างฝีมือดีมาลงมือก่อสร้างตามแบบที่ได้รับ ร้านของข้าวหอมออกแบบตามรสนิยมและความชอบของเธอ ซึ่งส่วนใหญ่ได้รับอิทธิพลจากประสบการณ์ด้านการช้อปปิ้งของเธอเมื่อชาติที่แล้ว ทำให้ร้านมีดีไซน์ที่ดูแปลกตา ล้ำสมัย และน่าดึงดูดใจเป็นอย่างมาก บรรยากาศภายในร้านโปร่งโล่งสบาย มีการจัดวางชุดเสื้อผ้าอย่างเป็นระเบียบ ชวนให้ลูกค้าอยากเดินเข้ามาชม“ข้าวหอม ยินดีด้วยนะจ๊ะ” คุณองุ่น เดินถือแจกันดอกไม้สวยงามเข้ามาแสดงความยินดีเป็นคนแรก ตามมาด้วยบรรดาภรรยาข้าราชการระดับต่าง ๆ และผู้มีฐานะอีกหลายท่านที่มาร่วมแสดงความยินดีกันอย่างคับคั่งเพียงไม่นาน ร้านของข้าวหอมก็ขึ้นชื่อในหมู่คนมีฐานะว่าตัดเย็บเสื้อผ้าได้ประณีตและออกแบบได้ไม่ซ้ำใคร ทำให้มีลูกค้าเข้ามาใช้บริการอย่างต่อเนื่องและจำนวนมาก ช่างตัดเสื้อที่เดิมมีเพียง สาลี่ และแก้ว ซึ่งทำงานกันเองในบ้าน ก็เริ่มจะทำงานไม่ทันตามยอดสั่งซื้อที่เข้ามา ข้าวหอมจึงตัดสินใจขอร้องให้ลุงเพิ่มช่
วันนี้หลังจากเรียน กศน. เสร็จ ทุกคนก็กลับมาพร้อมกันที่บ้าน และเริ่มจับกลุ่มคุยกันถึงงานกลุ่มและการบ้านที่ได้รับมอบหมาย“มันยากจังเลยครับลุง! ยากกว่าตอนเรียนประถมอีก” ธง ที่นั่งก้มหน้าทำการบ้านไปได้สักพักก็บ่นออกมา พร้อมกับทำหน้าหมดอาลัยตายอยาก แก้วซึ่งนั่งอยู่ข้าง ๆ ชะโงกหน้าเข้าไปดูสมุดของธง แล้วเริ่มอธิบายตรงจุดที่ธงติดขัดอย่างใจเย็น“อดทนหน่อยนะเจ้าธง” รุจน์ เห็นท่าทางของธงแล้วก็อดปลอบไม่ได้ “อย่างน้อยขอให้ได้วุฒิ ม.3 ไปก่อน แล้วค่อยมาดูว่าจะเรียนต่อ ปวส. ปวช. หรือจะเรียนสายสามัญต่อ แต่ยังไงก็ต้องเรียนนะ มีความรู้ติดตัวไว้ก็ไม่เสียหายหรอก”“ครับลุง ผมจะพยายามครับ” ธงตอบรับรุจน์อย่างคนหมดแรง“ธงอยากทำอะไรในอนาคตเหรอ” ข้าวหอม เอ่ยถามธงขึ้นมาเบา ๆธงนั่งคิดอยู่นานก็หัวเราะออกมาอย่างขำขันตัวเอง “ไม่รู้สิข้าวหอม ผมไม่เคยมีความคิดความฝันอยากเป็นอะไรเลย ก่อนมาเจอข้าวหอม ผมก็แค่อยากหางานทำเพื่อจะได้มีเงินไปใช้จ่าย ไม่ต้องรบกวนทางบ้านน่ะ” เขาหยุดเล็กน้อย ก่อนจะหันมามองข้าวหอม “แล้วข้าวหอมล่ะ มีความฝันอยากเป็นอะไร?”“ข้าวหอมรักเงิน” ข้าวหอมตอบความฝันตัวเองไปด้วยสายตาเป็นประกายแห่งความสุข “ข้
วันถัดมาหลังจากงานเลี้ยงต้อนรับนายตำรวจจบลง บรรยากาศภายในซอยบ้านของข้าวหอมก็เริ่มคึกคักผิดหูผิดตา มีรถยนต์ส่วนตัวเข้ามาจอดเทียบท่าไม่ขาดสาย ตลอดทั้งวัน ข้าวหอมยังคงดำเนินแผนการโชว์สินค้าในรูปแบบเดิม เธอจัดวางเสื้อผ้าบนราวอย่างเป็นระเบียบ แล้วนำมาให้ลูกค้าผู้หญิงที่แต่งกายภูมิฐานซึ่งทยอยกันเข้ามาชมทีละราว เธออธิบายรายละเอียดของชุดแต่ละชุดอย่างคล่องแคล่ว เมื่อลูกค้าเลือกชุดที่ถูกใจก็จะเขียนหมายเลขชุดที่ต้องการ ก่อนจะไปวัดตัวกับสาลี่ เพื่อปรับขนาดให้พอดีและจ่ายเงินมัดจำเป็นการยืนยันการสั่งซื้อด้วยความที่การช้อปปิ้งและแฟชั่นคือความชอบส่วนตัวของเธอ ข้าวหอมจึงทำหน้าที่นำเสนอสินค้าได้อย่างเป็นธรรมชาติและไหลลื่น เธออธิบายด้วยรอยยิ้มสดใส พลางแนะนำจุดเด่นของชุดแต่ละชุดอย่างละเอียดลออ สิ่งเหล่านี้สร้างความประทับใจให้กับลูกค้าเป็นอย่างมาก เพราะนอกจากจะได้ชุดสวยแล้ว ยังได้รับคำแนะนำที่เป็นกันเองจากเจ้าของร้านอีกด้วยศจีและรุจน์ มองดูลูกสาวคนเก่งอยู่ห่าง ๆ จากมุมหนึ่งของห้องโถง ใบหน้าของทั้งสองเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจในตัวลูกสาวคนนี้เป็นอย่างมาก ส่วนสายเมฆนั้น เขายืนพิงกรอบประตู มองดูข้าวหอมที่กำลั