นับจากวันที่ได้อุปกรณ์ครบ ทุกคนก็เริ่มลงมือทำที่ตากเนื้อแห้งกันอย่างขยันขันแข็ง และเนื่องจากสายเมฆได้วางแผนงานไว้อย่างเป็นระบบ ตั้งแต่ขนาดของโครงไม้ไปจนถึงการตัดผ้าตาข่ายขนาดต่าง ๆ ทำให้แต่ละคนสามารถแบ่งหน้าที่กันทำได้อย่างรวดเร็ว งานจึงคืบหน้าไปได้มากจนน่าตกใจ ลุงเพิ่มเจ้าของร้านชำที่แวะเวียนมาดูความคืบหน้าอยู่บ่อย ๆ ก็ถึงกับพึงพอใจที่สินค้าล็อตแรกเสร็จเร็วกว่าที่คาดไว้มากนัก
“สายเมฆเอ๊ย... ลุงกับป้าต้องขอบใจหนูจริง ๆ นะลูก” ศจีเอ่ยขึ้นมากลางวงขณะที่ทุกคนกำลังนั่งช่วยกันทำงานอยู่ “ถ้าไม่ได้หนูมาช่วยคิดช่วยทำ ป้าคงไม่ได้ลืมตาอ้าปากได้เร็วขนาดนี้หรอก” “เรื่องเล็กน้อยครับป้า” สายเมฆยิ้มตอบอย่างอบอุ่น หัวใจของเขาอ่อนยวบลงเมื่อเห็นแววตาซาบซึ้งของศจี “อย่าลืมสิครับลุงกับป้าคือคนช่วยชีวิตผมไว้นะครับ” “แล้วทำไมสายเมฆถึงได้รู้เรื่องอะไรมากมายอย่างนี้ล่ะลูก” ศจียังคงชวนคุยต่อด้วยความใคร่รู้ “แม่คะ! ก็พี่สายเมฆเขาเคยบอกไว้แล้วไงคะว่าเขาเคยทำงานบริษัทฝรั่ง เขาก็ต้องมีความรู้สิคะ!” ข้าวหอมรีบชิงตอบแทนสายเมฆ เพราะไม่อยากให้แม่ซักไซ้มากไปกว่านี้ เธอกลัวว่าสายเมฆจะหลุดว่าย้อนเวลามา ศจีพยักหน้าหงึก ๆ คล้อยตามพลางเห็นด้วยในเหตุผลของลูกสาว สายเมฆยิ้มบาง ๆ แล้วตอบสำทับอีกที “จริง ๆ แล้วของพวกนี้ผมก็แค่ดัดแปลงมาจากสิ่งที่เคยเห็นน่ะครับ ไม่ได้คิดเองทั้งหมดหรอก อีกอย่างที่ผมคิดว่าผมทำอะไรได้หลาย ๆ อย่าง ก็เพราะผมเรียนหนังสือด้วยแหละครับ การศึกษามันสำคัญจริง ๆ นะครับป้า มันช่วยให้เราได้เปิดหูเปิดตา ทันโลก ทันคน” ทันทีที่สายเมฆพูดถึงเรื่องการศึกษา สีหน้าของศจีและรุจน์ก็พลันเศร้าหมองลงอย่างเห็นได้ชัด แววตาของทั้งคู่ฉายแววเจ็บปวดและผิดหวังในโชคชะตาที่เล่นตลกกับพวกเขา รุจน์ เป็นเด็กเรียนดีประจำหมู่บ้าน ทุกคนในหมู่บ้านต่างก็ตั้งความหวังไว้ว่าเขาจะได้เรียนสูง ๆ และนำความรู้กลับมาพัฒนาหมู่บ้านให้เจริญก้าวหน้า แต่โชคชะตากลับพลิกผันอย่างคาดไม่ถึง เมื่อพ่อของรุจน์พาผู้หญิงคนใหม่เข้ามาในบ้าน ทำให้แม่ของรุจน์ตรอมใจตาย ส่วนผู้หญิงคนใหม่นั้นก็ใจร้าย บังคับให้รุจน์ออกจากโรงเรียนกลางคัน ทุกคนในหมู่บ้านต่างก็พากันสงสารรุจน์ ผู้ใหญ่บ้านพยายามเข้ามาพูดคุยกับพ่อของรุจน์เพื่อขอให้เขากลับไปเรียนต่อ แต่ก็โดนว่ากลับมาว่ายุ่งเรื่องครอบครัวคนอื่น ด้วยเหตุนี้ รุจน์จึงมีวุฒิการศึกษาเพียงแค่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 7 เท่านั้น เช่นเดียวกับ ศจี ที่ครอบครัวของเธอมีฐานะยากจน และมีลูกหลายคน ทางบ้านไม่สามารถส่งเสียให้เรียนได้ครบทุกคน จึงเลือกส่งเพียงลูกชายได้เรียน ส่วนลูกผู้หญิงอย่างศจีต้องช่วยงานบ้านมาตั้งแต่เด็ก ศจีก็เลยจบการศึกษาเพียงชั้นประถมศึกษาปีที่ 7 เช่นเดียวกับรุจน์ เมื่อทั้งสองคนได้แต่งงานใช้ชีวิตร่วมกัน ก็มีความคาดหวังร่วมกันว่าจะส่งเสียลูกสาวคนเดียวอย่างข้าวหอมให้ได้เรียนสูงที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพื่อที่ลูกจะได้ไม่ต้องลำบากเหมือนพวกเขา แต่โชคชะตาก็เหมือนจะเล่นตลกอีกครั้ง เมื่อข้าวหอมกลับเป็นเด็กที่ช่างไม่รักเรียนเอาเสียเลย ทำให้พอจบชั้นประถมศึกษาปีที่ 7 เธอก็ขอออกจากโรงเรียนมาอยู่บ้านเฉย ๆ สร้างความปวดใจให้กับศจีและรุจน์เป็นอย่างมาก สายเมฆเห็นสีหน้าที่เศร้าสร้อยของทั้งคู่เมื่อพูดถึงเรื่องการศึกษา เขาจึงไม่ได้พูดอะไรต่อเพราะกลัวจะเป็นการตอกย้ำความเจ็บปวดในใจของพวกเขา แต่ในความเงียบนั้น สายเมฆกลับครุ่นคิดถึงวิธีที่จะช่วยเหลือครอบครัวนี้ได้มีโอกาสได้เรียนหนังสืออีกครั้ง สายเมฆคิดไม่ตกเรื่องการศึกษาของข้าวหอม รุจน์ และศจี เขารู้ดีว่าด้วยอายุของทั้งสามคนในยุคนี้ การกลับไปเรียนโรงเรียนปกติเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอน ความกังวลเกาะกินในใจจนหาทางออกไม่เจอ เมื่อคิดเท่าไหร่ก็คิดไม่ออก เขาก็เลยขอตัวออกไปเดินเล่นบริเวณรอบ ๆ บ้าน เพื่อหาที่สงบ ๆ คิดอะไรคนเดียว เมื่อมั่นใจว่าลับตาคน เขาก็ตัดสินใจลองเรียก พายุ เทวดาผู้คุมกฎของเขาดูอีกครั้ง แม้จะไม่แน่ใจว่าจะได้ผลหรือไม่ เพราะตั้งแต่มายังโลกมนุษย์ เขาก็ไม่เคยเห็นแม้แต่เงาของพายุเลย “พายุ! พายุ! พายุ! ท่านได้ยินข้าไหม” เขาเรียกซ้ำ ๆ สามสี่ครั้ง แต่ก็ยังไม่มีวี่แววของใครโผล่มา ความหงุดหงิดเริ่มคืบคลานเข้ามายามที่ความพยายามไม่เป็นผล “ไอ้เทวดาบ้า!” สายเมฆสบถออกมาเสียงเข้มอย่างลืมตัว “ไหนแกบอกว่าจะคอยช่วยเหลือฉันอยู่ห่าง ๆ ไง? ฉันมาอยู่ที่นี่ได้เกือบเดือนแล้ว ไม่เห็นแม้แต่หัวแกเลย!” ทันใดนั้นเอง แสงเรืองรองสีฟ้าอ่อนก็ปรากฏขึ้นเบื้องหน้า ก่อนจะก่อตัวเป็นร่างของ พายุ เทวดาหนุ่มผู้มีรอยยิ้มกวนโอ๊ยประดับอยู่บนใบหน้า “แหม! ตั้งแต่มาอยู่เมืองมนุษย์ ปากคอเราะร้ายมากเลยนะท่าน” พายุเอ่ยหยอกล้อด้วยน้ำเสียงสบาย ๆ ไม่ได้ถือสาคำสบถของสายเมฆเลยแม้แต่น้อย “แล้วเรียกข้ามาทำไมล่ะ?” พายุถามต่อด้วยน้ำเสียงกวนประสาทไม่เลิก “อย่าบอกนะว่าไม่อยากเป็นมนุษย์แล้ว? ข้าบอกไว้ก่อนนะ ท่านได้เลือกแล้ว ถ้าครอบครัวนี้ไม่ร่ำรวย ท่านก็ไม่ได้กลับสวรรค์หรอกนะ ฮ่าๆๆๆ” เสียงหัวเราะกวนใจของพายุดังขึ้น ทำให้สายเมฆรู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อยที่ถูกหยอกไม่เลิก “ไม่ใช่!” สายเมฆตอบเสียงห้วน “ข้าแค่อยากให้ท่านช่วยหาข้อมูลบางอย่าง ท่านมีพลังของเทวดานี่ คงไม่ยากอะไรหรอกมั้ง” “แล้วท่านอยากรู้อะไรล่ะ?” พายุถาม ดวงตาจับจ้องไปที่สายเมฆอย่างรู้ทัน “คงไม่ใช่เรื่องล็อตเตอรี่งวดนี้จะออกอะไร หรือหุ้นตัวไหนจะ ‘ทูเดอะมูน’ หรอกนะ? เรื่องพวกนี้ข้าบอกท่านไม่ได้หรอกนะ เพราะมันจะเป็นการโกงมนุษย์คนอื่น ผิดกฎสวรรค์อย่างร้ายแรงเลยล่ะ” พายุอธิบายข้อจำกัดที่เขาสามารถช่วยเหลือได้ให้สายเมฆรับทราบ “ไม่ใช่หรอก” สายเมฆปฏิเสธ ก่อนจะเล่าเรื่องความกังวลเกี่ยวกับการศึกษาของข้าวหอม รุจน์ และศจีให้พายุฟังโดยละเอียด “ข้าแค่อยากรู้เกี่ยวกับระบบการศึกษาของมนุษย์ในยุคนี้ ว่ามีช่องทางไหนที่พวกเขาพอจะเรียนต่อได้บ้าง” “อ้อ... ถ้าแบบนี้ก็พอมีทางช่วยอยู่” พายุพยักหน้าเข้าใจทันที พลางกวาดมือเบา ๆ ในอากาศ ภาพข้อมูลต่าง ๆ ก็ปรากฏขึ้นเบือนหน้าสายเมฆ “ระบบการศึกษาไทยช่วงปี พ.ศ. 2520 น่ะ... ก็มีทั้งโรงเรียนปกติ และก็มีโครงการ การศึกษานอกโรงเรียน หรือที่เรียกสั้น ๆ ว่า กศน. ที่เปิดโอกาสให้คนทุกเพศทุกวัยได้เรียนรู้ และได้รับวุฒิการศึกษาที่เทียบเท่ากับการศึกษาในระบบได้ด้วยนะ...” พายุอธิบายรายละเอียดของระบบการศึกษา รวมถึงช่องทางและเงื่อนไขต่าง ๆ ของ กศน. ให้สายเมฆฟังอย่างชัดเจน ตามข้อมูลที่เขาได้หามาให้ เมื่อให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์เรียบร้อยแล้ว พายุก็ถามไถ่สารทุกข์สุขดิบของสายเมฆอีกเล็กน้อยด้วยท่าทางผ่อนคลาย ก่อนจะโบกมือลาแล้วขอตัวกลับไปยังสวรรค์อย่างเกียจคร้าน เหลือทิ้งไว้เพียงสายเมฆที่ยืนอยู่คนเดียว พร้อมกับข้อมูลอันล้ำค่าที่ส่องประกายความหวังให้แก่เขา ข้าวหอมที่เห็นสายเมฆหายไปนานผิดปกติ ก็เริ่มรู้สึกเป็นห่วงและเดินออกมาตามหาจนพบว่าเขายืนอยู่เงียบ ๆ บริเวณหลังบ้าน “พอดีเลยข้าวหอม” สายเมฆเห็นเธอเดินมาก็ทักขึ้นก่อนด้วยสีหน้าจริงจัง “พี่กำลังจะหาทางเรียกข้าวหอมออกมาปรึกษาอยู่พอดี” “ปรึกษาเรื่องอะไรคะพี่สายเมฆ?” ข้าวหอมถามด้วยความสงสัย “เรื่องเรียนน่ะ” สายเมฆตอบ ก่อนจะเริ่มอธิบายถึงระบบการศึกษานอกโรงเรียน หรือ กศน. ที่เขาเพิ่งได้ข้อมูลมาจากพายุอย่างละเอียด “แล้วทำไมข้าวหอมต้องเรียนด้วยอะพี่สายเมฆ?” ข้าวหอมถามกลับด้วยน้ำเสียงไม่ค่อยเห็นด้วยนัก “พี่ยังไม่ลืมใช่มั้ยว่าก่อนข้าวหอมจะข้ามเวลามายังที่นี่ ข้าวหอมเรียนจบปริญญาโทเลยนะคะ!” เธอเน้นย้ำถึงวุฒิการศึกษาเดิมของเธอ สายเมฆไม่รอช้า ใช้นิ้วดีดหน้าผากมนของข้าวหอมเบา ๆ เป็นการเตือนสติ “แล้วชาตินี้เธอมีใบปริญญาไหมล่ะ? เธอมีวุฒิแค่ ป.7 แล้วเธอจะอยู่ขายที่ตากเนื้อแห้งตลอดไปรึยังไง? เธออยากรวยไม่ใช่เหรอ? เธอมีความรู้ก็จริง แต่เวลาไปสมัครงานหรือแม้แต่ติดต่อลูกค้า เธอคิดว่าเขาจะเชื่อมั่นในตัวเธอไหมถ้าไม่มีอะไรมาการันตี?” ข้าวหอมคิดตามคำพูดของสายเมฆอย่างเงียบ ๆ ก่อนจะพยักหน้า เบา ๆ เธอเข้าใจในสิ่งที่เขาพูดดี แม้จะขี้เกียจแค่ไหน แต่เพื่ออนาคตที่ดีกว่า ก็คงต้องยอมทำ สายเมฆเมื่อเห็นข้าวหอมคล้อยตาม เขาก็เริ่มถามถึงรุจน์และศจีต่อ เพราะไม่แน่ใจว่าทั้งคู่จะอยากเรียนด้วยหรือไม่ ข้าวหอมหลับตาลงเล็กน้อย พยายามใช้ความทรงจำของเจ้าของร่างเดิมอย่างละเอียด และเธอก็พบว่าพ่อกับแม่ของเธอนั้นเป็นคนรักเรียนมาก แต่ด้วยปัจจัยหลาย ๆ อย่างในอดีตทำให้ต้องหยุดเรียนไป ข้าวหอมจึงเล่าเรื่องราวจากความทรงจำทั้งหมดให้สายเมฆฟังด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลง เมื่อสายเมฆได้ข้อมูล เขาก็ปรึกษาหารือกับข้าวหอมอย่างจริงจัง จนได้ข้อสรุปว่า เนื่องจาก กศน. ไม่ได้มีอยู่ทุกหมู่บ้าน แม้จะไม่ต้องเรียนทุกวัน แต่การเดินทางไปเรียนก็คงไม่สะดวกสำหรับทั้งสามคน ดังนั้นพวกเขาจึงตกลงกันว่าจะตั้งใจทำงานเก็บเงินสักปีหนึ่ง เพื่อให้มีทุนรอนเพียงพอ แล้วจึงจะหาทางย้ายไปอยู่ในตัวอำเภอ เพื่อหาช่องทางทำกินที่นั่น และเรียน กศน. ในตัวอำเภอไปพร้อมกัน สายเมฆและข้าวหอมเดินกลับเข้าไปปรึกษาเรื่องแผนการในอนาคตนี้กับรุจน์และศจี ซึ่งทันทีที่ทั้งคู่ได้รู้ถึงแผนการอันยาวไกลนี้ ดวงตาของรุจน์และศจีก็เป็นประกายด้วยความหวังและความตื่นเต้น “แล้วที่ตากเนื้อแห้งของเราล่ะลูก... จะเลิกทำไปเลยเหรอ?” ศจีเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงกังวลเล็กน้อย “เรื่องนี้ผมจะคุยกับคุณลุงคุณป้าพอดีเลยครับ” สายเมฆตอบ “ออเดอร์จากเจ๊จวงที่เราจะไปรับ น่าจะเยอะกว่าของลุงเพิ่มมาก การที่เราทำแค่ไม่กี่คนแบบนี้คงจะทำได้ช้า ผมอยากให้คุณลุงคุณป้าลองหาคนที่ไว้ใจได้ในหมู่บ้านมาช่วยงานอีกสักสามสี่คน เราจะได้ดูหน่วยก้านของพวกเขา ก่อนที่เราจะย้ายไปก็จะได้ยกกิจการตรงนี้ให้เขาดูแลแทนไปเลยครับ” สายเมฆเสนอแผนการอย่างรอบคอบ ศจีและรุจน์มองหน้ากันด้วยความประหลาดใจกับแนวคิดที่ไม่คาดฝัน “ถึงแม้จะดูน่าเสียดายที่ต้องทิ้งสิ่งที่เราสร้างมาตั้งแต่แรก” สายเมฆกล่าวต่อด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “แต่เราไม่สามารถทำทุกอย่างพร้อมกันได้ ถ้าป้าเชื่อใจผม ผมรับรองว่าเมื่อเราย้ายไปอยู่ในเมือง ผมจะหาอาชีพที่ทำรายได้ดีกว่านี้ให้ครอบครัวเราอย่างแน่นอน” ศจีได้ยินดังนั้นก็รู้สึกโล่งใจเป็นอย่างมาก เธอเชื่อมั่นในตัวสายเมฆอย่างประหลาด แต่ในขณะเดียวกันก็รู้สึกสะกิดใจนิด ๆ ที่สายเมฆใช้คำว่า ‘ครอบครัวเรา’ อยู่บ่อยครั้ง ‘ถ้าเขาเป็นหลานเราจริง ๆ ได้แบบนี้ก็ดีสินะ’ ศจีคิดในใจพลางลอบมองสายเมฆด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความเอ็นดูและความรู้สึกที่ยากจะอธิบายหลังจากเปิดร้านในกรุงเทพฯ ได้เพียงสามปี ร้านเสื้อผ้าของข้าวหอ ก็โด่งดังในหมู่ชนชั้นสูงอย่างรวดเร็ว จนเธอต้องขยายสาขาเพิ่มอีกสามแห่ง รวมถึงมีสาขาในห้างสรรพสินค้าชื่อดังอีกด้วยส่วนโรงงานที่รุจน์และศจี พ่อแม่ของเธอดูแลก็ขยายใหญ่โต จนต้องซื้อที่ดินเพิ่มเพื่อสร้างโรงงานใหม่ ส่วนโรงงานเดิมถูกปรับเปลี่ยนให้เป็นที่ผลิตเสื้อผ้าสำหรับร้านของ แก้ว ซึ่งตอนนี้ได้แต่งงานกับธงแล้วข้าวหอมกลายเป็นสาวเนื้อหอมประจำเมืองหลวง ทั้งจากรูปร่างหน้าตา กิริยาวาจาที่งดงาม และรสนิยมการแต่งกายอันโดดเด่น ภาพของเธอปรากฏตามหน้านิตยสารและหนังสือพิมพ์ไม่เว้นแต่ละวัน รวมถึงข่าวซุบซิบเรื่องหนุ่มไฮโซ ดารา ที่พากันมาขายขนมจีบเธอไม่ขาดสายสายเมฆมองดูความสำเร็จของครอบครัวข้าวหอมและทุกคนที่เขาเคยอยู่ด้วย เขารู้สึกภูมิใจอย่างยิ่ง ‘นี่คงถึงเวลาที่เราต้องไปแล้วสินะ’ เขาพึมพำถามตัวเองในใจ“ใช่แล้ว! เจ้าบื้อ!” เสียงดังมาจากด้านหลังสายเมฆ ทำให้เขาต้องหันไปมอง ก็พบว่าพายุ เทวดาผู้คุมกฎของเขายืนอยู่ตรงนั้น“มาไม่ให้สุ้มให้เสียง ตกใจหมดเลย” สายเมฆบ่น “แล้วท่านมาทำไมตอนนี้ มีเรื่องด่วนอะไรหรือเปล่า”“ก็มาหานายนั่นแหละ” พายุตอบพร้อมรอ
ที่ร้านตัดเสื้อของข้าวหอม หลังจากลูกค้าช่วงเช้าที่คึกคักทยอยกลับไปหมด ข้าวหอมกำลังเตรียมตัวจะตักอาหารเที่ยงใส่จาน จู่ ๆ องุ่นก็ก้าวเข้ามาในร้าน“ข้าวหอมหนูกินข้าวก่อนก็ได้จ้ะ เดี๋ยวชั้นนั่งรอ” องุ่นเอ่ยอย่างเกรงใจ เมื่อเห็นข้าวหอมเตรียมจะวางช้อน“ไม่เป็นไรค่ะคุณองุ่น” ข้าวหอมยิ้มและเดินผละออกจากโต๊ะอาหารตรงไปหา “คุณองุ่นมาดูแบบเสื้อใหม่เหรอคะ”“ใช่จ้ะข้าวหอม” องุ่นพยักหน้า “ครั้งก่อนชั้นตามสามีเข้าไปกรุงเทพฯ ใส่ชุดของหนูไปงานเลี้ยง มีแต่คนชมชุดหนูนะ รอบนี้สามีมีงานที่กรุงเทพฯ อีก เลยจะมาดูแบบใหม่ ๆ ไว้เตรียมตัว” องุ่นพูดพลางเปิดดูแคตตาล็อกชุดที่วางบนโต๊ะ “จะว่าไปแล้วก็น่าเสียดายนะจ๊ะ ถ้าร้านหนูอยู่ในกรุงเทพฯ คงมีคนเข้าออกไม่ขาดสายเลยทีเดียว”“ไม่แน่นะคะ หนูอาจย้ายไปในกรุงเทพฯ ก็ได้ค่ะ” ข้าวหอมเอ่ยด้วยความมั่นใจ ความคิดนี้เคยแวบเข้ามาในหัวเธอหลายครั้งแล้ว เพียงแต่รอเวลาที่กิจการในอำเภอจะเข้าที่เข้าทางเสียก่อน“จริงเหรอ!” องุ่นอุทานด้วยความแปลกใจระคนยินดี ดวงตาเป็นประกาย“จริงค่ะ แต่อาจต้องใช้เวลานิดหน่อย” ข้าวหอมอธิบายแผนคร่าว ๆ “เพราะต้องหาที่เปิดร้าน หาพนักงานเพิ่ม และรอจัดระเบียบร้า
“ข้าวหอม อยู่มั้ยจ๊ะ!” เสียงเรียกดังขึ้นแต่เช้า ทำให้ ข้าวหอม ต้องรีบออกมาดู เจ๊จวง ซึ่งตอนนี้เป็นพันธมิตรคู่ค้าสำคัญของโรงงานเสื้อผ้าสำเร็จรูปของข้าวหอมยืนอยู่หน้าบ้าน สีหน้าค่อนข้างเป็นกังวล“อยู่ค่ะเจ๊จวง มีอะไรรึเปล่าคะ อย่าบอกนะว่าชุดล็อตล่าสุดหมดแล้ว” ข้าวหอมทักอย่างอารมณ์ดี เพราะหลังจากโรงงานเสร็จ กิจการเสื้อผ้าสำเร็จรูปก็ไปได้ดีมาก ร้านค้าจากในตัวจังหวัดและต่างอำเภอต่างมาสั่งของเพื่อนำไปขาย ส่วนในอำเภอที่ข้าวหอมอยู่ เธอเลือกส่งให้ร้านเจ๊จวงเพียงที่เดียว เพื่อตอบแทนที่เคยช่วยเหลือกันมา“มีปัญหาแล้วล่ะข้าวหอม ดูนี่สิ!” เจ๊จวงไม่ได้ตอบคำถาม แต่กลับหยิบถุงกระดาษที่ถือมาออกมา แล้วดึงเสื้อผ้าสำเร็จรูปที่อยู่ในถุงให้ข้าวหอมดูข้าวหอมรับเสื้อมาพินิจ เสื้อที่อยู่ในมือมีตะเข็บที่แตกออก ด้ายที่เย็บบางตัวก็ไม่เรียบร้อย รังดุมบางตัวด้ายก็หลุดรุ่ย เธอขมวดคิ้วด้วยความไม่พอใจที่เจอเสื้อไม่ได้มาตรฐานจากโรงงานของตัวเอง แต่เมื่อลองสังเกตดูดี ๆ เธอก็พบว่ากระดุมที่ใช้ รวมถึงซิปและตะขอ แม้จะมีรูปแบบคล้ายกับของโรงงานเธอ แต่ก็ไม่เหมือนกันเสียทีเดียว“เจ๊ไปเอามาจากไหนคะเนี่ย” ข้าวหอมถามเจ๊จวงด้วยความแ
“ปัง ปัง ปัง ปัง!”เสียงจุดประทัดดังกึกก้องทั่วซอย บ่งบอกถึงการเริ่มต้นสิ่งใหม่ที่เป็นมงคล วันนี้เป็นวันเปิดร้านเสื้อผ้าของข้าวหอม หลังจากที่เธอได้ออกแบบร้านด้วยตัวเองแล้ว ลุงเพิ่มก็จัดหาช่างฝีมือดีมาลงมือก่อสร้างตามแบบที่ได้รับ ร้านของข้าวหอมออกแบบตามรสนิยมและความชอบของเธอ ซึ่งส่วนใหญ่ได้รับอิทธิพลจากประสบการณ์ด้านการช้อปปิ้งของเธอเมื่อชาติที่แล้ว ทำให้ร้านมีดีไซน์ที่ดูแปลกตา ล้ำสมัย และน่าดึงดูดใจเป็นอย่างมาก บรรยากาศภายในร้านโปร่งโล่งสบาย มีการจัดวางชุดเสื้อผ้าอย่างเป็นระเบียบ ชวนให้ลูกค้าอยากเดินเข้ามาชม“ข้าวหอม ยินดีด้วยนะจ๊ะ” คุณองุ่น เดินถือแจกันดอกไม้สวยงามเข้ามาแสดงความยินดีเป็นคนแรก ตามมาด้วยบรรดาภรรยาข้าราชการระดับต่าง ๆ และผู้มีฐานะอีกหลายท่านที่มาร่วมแสดงความยินดีกันอย่างคับคั่งเพียงไม่นาน ร้านของข้าวหอมก็ขึ้นชื่อในหมู่คนมีฐานะว่าตัดเย็บเสื้อผ้าได้ประณีตและออกแบบได้ไม่ซ้ำใคร ทำให้มีลูกค้าเข้ามาใช้บริการอย่างต่อเนื่องและจำนวนมาก ช่างตัดเสื้อที่เดิมมีเพียง สาลี่ และแก้ว ซึ่งทำงานกันเองในบ้าน ก็เริ่มจะทำงานไม่ทันตามยอดสั่งซื้อที่เข้ามา ข้าวหอมจึงตัดสินใจขอร้องให้ลุงเพิ่มช่
วันนี้หลังจากเรียน กศน. เสร็จ ทุกคนก็กลับมาพร้อมกันที่บ้าน และเริ่มจับกลุ่มคุยกันถึงงานกลุ่มและการบ้านที่ได้รับมอบหมาย“มันยากจังเลยครับลุง! ยากกว่าตอนเรียนประถมอีก” ธง ที่นั่งก้มหน้าทำการบ้านไปได้สักพักก็บ่นออกมา พร้อมกับทำหน้าหมดอาลัยตายอยาก แก้วซึ่งนั่งอยู่ข้าง ๆ ชะโงกหน้าเข้าไปดูสมุดของธง แล้วเริ่มอธิบายตรงจุดที่ธงติดขัดอย่างใจเย็น“อดทนหน่อยนะเจ้าธง” รุจน์ เห็นท่าทางของธงแล้วก็อดปลอบไม่ได้ “อย่างน้อยขอให้ได้วุฒิ ม.3 ไปก่อน แล้วค่อยมาดูว่าจะเรียนต่อ ปวส. ปวช. หรือจะเรียนสายสามัญต่อ แต่ยังไงก็ต้องเรียนนะ มีความรู้ติดตัวไว้ก็ไม่เสียหายหรอก”“ครับลุง ผมจะพยายามครับ” ธงตอบรับรุจน์อย่างคนหมดแรง“ธงอยากทำอะไรในอนาคตเหรอ” ข้าวหอม เอ่ยถามธงขึ้นมาเบา ๆธงนั่งคิดอยู่นานก็หัวเราะออกมาอย่างขำขันตัวเอง “ไม่รู้สิข้าวหอม ผมไม่เคยมีความคิดความฝันอยากเป็นอะไรเลย ก่อนมาเจอข้าวหอม ผมก็แค่อยากหางานทำเพื่อจะได้มีเงินไปใช้จ่าย ไม่ต้องรบกวนทางบ้านน่ะ” เขาหยุดเล็กน้อย ก่อนจะหันมามองข้าวหอม “แล้วข้าวหอมล่ะ มีความฝันอยากเป็นอะไร?”“ข้าวหอมรักเงิน” ข้าวหอมตอบความฝันตัวเองไปด้วยสายตาเป็นประกายแห่งความสุข “ข้
วันถัดมาหลังจากงานเลี้ยงต้อนรับนายตำรวจจบลง บรรยากาศภายในซอยบ้านของข้าวหอมก็เริ่มคึกคักผิดหูผิดตา มีรถยนต์ส่วนตัวเข้ามาจอดเทียบท่าไม่ขาดสาย ตลอดทั้งวัน ข้าวหอมยังคงดำเนินแผนการโชว์สินค้าในรูปแบบเดิม เธอจัดวางเสื้อผ้าบนราวอย่างเป็นระเบียบ แล้วนำมาให้ลูกค้าผู้หญิงที่แต่งกายภูมิฐานซึ่งทยอยกันเข้ามาชมทีละราว เธออธิบายรายละเอียดของชุดแต่ละชุดอย่างคล่องแคล่ว เมื่อลูกค้าเลือกชุดที่ถูกใจก็จะเขียนหมายเลขชุดที่ต้องการ ก่อนจะไปวัดตัวกับสาลี่ เพื่อปรับขนาดให้พอดีและจ่ายเงินมัดจำเป็นการยืนยันการสั่งซื้อด้วยความที่การช้อปปิ้งและแฟชั่นคือความชอบส่วนตัวของเธอ ข้าวหอมจึงทำหน้าที่นำเสนอสินค้าได้อย่างเป็นธรรมชาติและไหลลื่น เธออธิบายด้วยรอยยิ้มสดใส พลางแนะนำจุดเด่นของชุดแต่ละชุดอย่างละเอียดลออ สิ่งเหล่านี้สร้างความประทับใจให้กับลูกค้าเป็นอย่างมาก เพราะนอกจากจะได้ชุดสวยแล้ว ยังได้รับคำแนะนำที่เป็นกันเองจากเจ้าของร้านอีกด้วยศจีและรุจน์ มองดูลูกสาวคนเก่งอยู่ห่าง ๆ จากมุมหนึ่งของห้องโถง ใบหน้าของทั้งสองเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจในตัวลูกสาวคนนี้เป็นอย่างมาก ส่วนสายเมฆนั้น เขายืนพิงกรอบประตู มองดูข้าวหอมที่กำลั