"เฮือก!!" ร่างเล็กผวาอย่างแรงพร้อมกับดีดตัวลุกขึ้นนั่งแล้วหันมองไปรอบๆ "นี่มันห้องเรานี่นา แล้วมะ...เมื่อคืน..."
เธอนึกย้อนถึงเหตุการณ์เมื่อคืนที่เธอกำลังจะถูกกลุ่มวัยรุ่นกระทำอนาจารเธอ แต่แล้วเธอก็เป็นลมหมดสติไป พอตื่นมาเธอก็มาโผล่อยู่ที่คอนโดของตัวเอง "เกิดอะไรขึ้น!!" เธอรีบสำรวจดูตามร่างกายของตัวเองทันที ก็พบว่าร่างกายของเธอมีเพียงรอยฟกช้ำตามแขนและคอ ส่วนล่างของเธอก็ไม่รู้สึกเจ็บอะไร หญิงสาวงงหนักมากกว่าเดิมเพราะไม่รู้ว่าเธอกลับมาอยู่ที่คอนโดได้ยังไง ใครเป็นคนไปช่วยเธอไว้ ณวินาทีนั้นเหมือนเธอรู้สึกว่าตัวเองกำลังฝันไป แต่ความจริงแล้วมันไม่ใช่ฝันทุกอย่างมันเป็นเรื่องจริง เพราะหลักฐานที่อยู่บนตัวของเธอก็เป็นคำตอบได้อย่างดีอยู่แล้ว ด้วยความร้อนใจเธอจึงรีบก้าวขาลงจากเตียงแล้วเดินออกไปนอกห้องทันที ด้านนอกเธอไม่พบใครเลยนอกจากกระดาษโน๊ตใบเล็กๆใบนึงที่แปะอยู่หน้าตู้เย็น ( ยังไม่ต้องไปเรียนจนกว่าจะหายดี นี่เป็นคำสั่ง ) เธอวางกระดาษโน๊ตในมือลงก่อนจะหันมองไปรอบๆตัว ทุกอย่างมันก็ดูปกติดีแต่ทำไมเธอรู้สึกเหมือนว่ากำลังมีคนจับจ้องการกระทำของเธอทุกฝีก้าว เพียงแต่เธอไม่รู้ว่าใครที่กำลังจับจ้องเธออยู่ "นะ....นี่มันอะไรกัน เกิดอะไรขึ้นกับฉันกันแน่" ในตอนแรกเธอรู้สึกว่าคอนโดหลังนี้เป็นพื้นที่ที่ปลอดภัยที่สุดสำหรับเธอ แต่ตอนนี้เธอกลับรู้สึกว่าคอนโดหลังนี้มันอันตรายที่สุดเลย "ใช่! ฉันต้องย้ายออก" ว่าแล้วเธอก็รีบไปเก็บเสื้อผ้าใส่กระเป๋าสะพายของตัวเองทันที ก่อนจะรีบลงไปเช็คเอาท์ด้านล่างด้วยความร้อนใจ หญิงสาวใส่เสื้อผ้ามิดชิดอีกทั้งยังใส่แว่นตาดำเพื่อปกปิดรอยช้ำบนใบหน้า ป้องกันไม่ให้ใครเห็นว่าเธอไปเจออะไรมาเธอจำเป็นต้องทำแบบนี้ ( ข่าวด่วน!! พบศพชายวัยรุ่นถูกฆ่าตายที่ซอกตึก พลเมืองดีได้ให้ข้อมูลมาว่าวัยรุ่นกลุ่มนี้มักจะมั่วสุมเสพยาเสพติดเป็นประจำ ตำรวจสันนิษฐานว่าอาจจะเสพยาแล้วเกิดอาการหลอนจากนั้นก็ฆ่ากันเอง ) ข่าวประกาศออกมาจากทางทีวีทำให้หญิงสาวต้องหยุดชะงักยืนดู ยิ่งไปกว่านั้นคือสถานที่ที่กำลังถูกถ่ายทอดอยู่บนหน้าจอทีวีนั้น มันเป็นสถานที่เดียวกันกับที่เธอถูกพวกกลุ่มวัยรุ่นลากเข้าไป "เฮือก!!" สายตาของหญิงสาวเบิกโพลงเมื่อหน้าจอทีวีฉายรูปภาพของชายวัยรุ่นทั้งสามคนที่ถูกฆาตกรรมตาย ปรากฏว่าเป็นผู้ชายทั้งสามคนที่กำลังจะข่มขืนเธอเมื่อวานนี้ แต่วันนี้ตำรวจพบศพแล้ว สิ่งนี้ทำให้เธอรู้สึกหวาดกลัวมากกว่าเดิม ทันทีที่เช็คเอาท์กับพนักงานเสร็จเรียบร้อยแล้วเธอก็รีบเดินออกมาจากคอนโดทันที "นี่มันเกิดอะไรขึ้น ใครเป็นคนฆ่าสามคนนั้น" หญิงสาวเดินออกมาเหมือนกับคนสติหลุด หรือว่าจะเป็นเธอที่เป็นคนฆ่าทั้งสามคนนั้น แต่มันจะเป็นไปได้ยังไงในเมื่อเธอเป็นลมไป พอตื่นขึ้นมาอีกทีก็อยู่ที่ห้องของตัวเองแล้ว มันต้องมีอะไรลึกลับซับซ้อนมากกว่านี้แน่นอน เรื่องที่เพื่อนร่วมห้องของเธอได้หายออกไปทีละคนก็ผุดเข้ามาในหัวของเธอทันที ไหนจะรูมเมทคนล่าสุดของเธอที่ถูกซ้อมอาการปางตายอีก เวลาต่อมา ตอนนี้ก็ได้ที่พักใหม่แล้วเป็นโรงแรมอยู่ใกล้ๆกับมหาวิทยาลัยที่เธอเรียนอยู่ ซึ่งแน่นอนเธอไม่ต้องนั่งรถอีกแล้วเพราะแค่เดินไปก็ถึงแล้ว มันจะทำให้เธอปลอดภัยมากขึ้นไปอีกเพราะไม่ต้องเดินทางไกล ครืด ครืด "เฮือก!" ร่างเล็กสะดุ้งอย่างแรงเมื่อเสียงโทรศัพท์ของเธอสั่นดังขึ้นมา เสียงเรียกเข้า >>> MOM "ค่ะแม่" ( อยู่ที่ไหนล่ะเนี่ย ยังไม่เลิกเรียนหรือไงโทรไปตั้งหลายสายแล้วทำไมไม่รับ ) ทันทีที่เธอกดรับปลายสายก็ต่อว่าเข้ามาทันที "วันนี้ไม่ได้ไปเรียนค่ะแม่ มีปัญหานิดหน่อย" ( เมื่อไหร่จะกลับมาล่ะ ) "...." หญิงสาวถอนหายใจออกมาอย่างแรง ก่อนจะพูดตอบกลับปลายสายไปว่า "แม่มีอะไรคะ?" ( เรื่องนั้นที่เคยคุยกันเอาไว้ยังไม่มีการยกเลิกหรอกนะ ทันทีที่แกกลับมาจากต่างประเทศงานหมั้นจะถูกจัดขึ้นทันที ) "ถ้าอย่างนั้นก็รอเก้อกันไปเถอะค่ะ เพราะหนูจะไม่กลับ!" พูดจบเธอก็ตัดสายทิ้งไปทันที ผ่านมาสองปีแล้วนึกว่าเรื่องนี้จะจบลงไปแล้วซะอีก ที่ไหนได้ทุกอย่างกลับถูกเลื่อนไปรอจนกว่าเธอจะกลับไปเมืองไทย "ให้มันได้แบบนี้สิ อย่าหวังเลยว่าหนูจะกลับไป เหอะ!" เธอเค้นหัวเราะผ่านลำคอ เพราะสมเพชชีวิตของตัวเอง อยู่ที่นี่ก็เจออะไรต่อมิอะไรจนเธอรู้สึกหวาดผวากับคนรอบตัวไปหมด จะกลับเมืองไทยก็เจอแต่เรื่องอะไรอีกก็ไม่รู้เหมือนกัน "ถ้าไม่มีหนูแม่ก็หาคนอื่นไปแต่งงานแทนสิคะ!" เธอไม่เข้าใจเลยว่าทำไมแม่ของเธอถึงต้องมาบังคับให้เธอแต่งงานกับใครไม่รู้ที่เธอไม่รู้จักเลย อุตส่าห์หนีมาไกลถึงต่างประเทศแต่ก็ยังมีเรื่องวุ่นวายเข้ามาให้เธอปวดหัวได้ไม่เว้นแต่ละวัน "น่าสังเวชเป็นบ้า เหอะ!" เธอสบถออกมาพร้อมกับยกแก้วน้ำเมาขึ้นดื่มรวดเดียวจนหมดแก้ว จะมีอะไรคลายเครียดได้ดีไปกว่าน้ำเมานี่ล่ะ4ปีต่อมา สองพี่น้องกระทิงและน้องฟ้าครามเติบโตกันมาอย่างมีคุณภาพ เพราะได้รับการสั่งสอนเป็นอย่างดีจากผู้เป็นแม่และพ่อ กระทิงทำหน้าที่พี่ชายได้ดีมากคอยปกป้องและดูแลน้องทุกครั้งที่น้องถูกแกล้งหรือรังแก ทั้งสองคนเรียนอยู่โรงเรียนเดียวกัน กระทิงเข้าชั้นประถมแล้วแต่ฟ้าครามยังเรียนอยู่อนุบาลอยู่เลย“ผมไปเรียนก่อนะครับคุณแม่” กระทิงเดินมาหาผู้เป็นแม่ก่อนจะยกมือไหว้โค้งก้มสวัสดีอย่างนอบน้อม น้องสาวเมื่อเห็นพี่ชายทำแบบนั้นก็รีบทำตามทันที“สวัสดีค่ะคุณแม่”“สวัสดีจ้า ตั้งใจเรียนกันนะลูก”“ครับคุณแม่” กระทิงจูงมือน้องสาวไปขึ้นรถที่ผู้เป็นพ่อสตาร์ตจอดรออยู่หน้าบ้าน “ไปกันเถอะครับคุณพ่อ เดี๋ยวจะไปโรงเรียนสาย”“ขึ้นรถเลยครับเด็กๆ เดี๋ยวพ่อจะรีบซิ่งรถพาไปโรงเรียนเดี๋ยวนี้เลย”“ครับ//ค่ะ”ครามขับรถพาลูกๆ ไปส่งโรงเรียนตามปกติ จากนั้นก็ขับรถไปทำงานที่บริษัทของตัวเอง ตกเย็นก็ขับรถไปรับลูกๆ กลับมาที่บ้านตามปกติ เขาทำแบบนี้เป็นประจำตั้งแต่น้องกระทิงเริ่มเข้าโรงเรียน ไม่ได้ให้ลูกๆ ขึ้นรถรับส่งไป เพราะเขาอยากมั่นใจว่าทุกวันเขาไปส่งลูกๆ ถึงโรงเรียนอย่างปลอดภัยแล้ว อีกอย่างโรงเรียนของทั้งสองก็เป็นทางผ่านบริษัท
6 เดือนต่อมา อุแว้ อุแว้ อุแว้“คุณแม่ครับน้องฟ้าครามร้องอีกแล้วครับ” กระทิงน้อยวิ่งมาบอกผู้เป็นแม่เมื่อน้องสาวตื่นร้องเสียงดัง“พ่อล่ะลูก อยู่ตรงนั้นหรือเปล่า” เธอหันไปพูดกับลูกชาย“ไม่ครับ คุณพ่อไปเข้าห้องน้ำ”“อ๋อ งั้นหนูไปดูน้องก่อนนะครับ เดี๋ยวแม่ตามไป” พิงค์วางมือจากงานตรงหน้า รีบล้างมือจนสะอาดจากนั้นก็สาวเท้ายาวๆ เดินเข้าไปด้านในแง้ แง้ แง้“โอ๋ ๆ ๆ ไม่ร้องนะคะคนดีของแม่” พิงค์อุ้มลูกน้อยขึ้นมาพาดอกแล้วลูบหลังปลอบเบาๆ“ลูกตื่นเหรอพิงค์” ครามรีบเดินออกมาอย่างรีบร้อน“อืม…”“ขอโทษนะพอดีว่าฉันปวดท้องหนักอะ เลยรีบไปห้องน้ำ”“ไม่เป็นไรหรอก”ครามหยุดงานมาคอยช่วยพิงค์ดูแลลูกเพราะเธอไม่ได้จ้างพี่เลี้ยง ส่วนป้าศรีก็ต้องทำงานบ้านของตัวเองเหมือนกัน รอจนกว่าน้องฟ้าครามจะโตกว่านี้อีกนิดเขาถึงจะกลับไปทำงานเหมือนเดิม เพราะตอนนี้พิงค์ต้องคอยดูแลลูกสองคนพร้อมกันน้องกระทิงก็ต้องไปโรงเรียนทุกวัน“แล้วนี่น้องฟ้าครามเป็นอะไรตื่นหรอ”“ฉี่แตกน่ะ นายเปลี่ยนผ้าปูที่นอนให้ใหม่หน่อยสิ”“ได้ๆ แป๊บนึงนะ” ครามรีบจัดแจงปูผ้าที่นอนให้กับลูกน้อยใหม่อีกครั้ง จากนั้นพิงค์ก็พาลูกสาวตัวน้อยลงไปนอนบนเบาะเหมือนเดิ
พิงค์ Talk ฉันมาอยู่ที่บ้านของคีร่าหลายวันแล้ว แต่ละวันลูกชายแทบจะไม่อยู่บ้านเลยเพราะลุงกับป้าพาออกเที่ยวทุกวัน ความจริงครามก็ชวนฉันออกเที่ยวเหมือนกันแต่ฉันขี้เกียจไปเพราะมันต้องเดิน ฉันรู้สึกหนักตัวเองจนไม่อยากจะเดินออกไปไหนเลย ถึงจะท้องได้แค่ห้าเดือนแต่ท้องของฉันมันขยายออกมาพอควรเลยแถมมีรอยแตกที่สีข้างอีก เดาได้เลยว่าหน้าท้องของฉันจะต้องแตกลายแน่นอนตอนท้องน้องกระทิงช่วงนี้ฉันยังท้องไม่โตเท่าไหร่ แต่อาจจะเป็นเพราะท้องแรกด้วยท้องเลยไม่ค่อยขยายใหญ่เท่าไหร่ แต่พอมาท้องคนนี้เป็นท้องคนที่สองหน้าท้องที่เคยขยายใหญ่อยู่แล้วมันก็ขยายออกมาอีก“พิงค์”“หือว่าไง” ฉันขานรับครามพลางเหลียวหลังไปมองยังต้นเสียงที่เรียกฉัน “เรียกทำไม?”“เปล่า นึกว่าหายไปไหน” ครามเดินมานั่งลงตรงข้างๆ ฉัน“อยู่ในบ้านมันอุดอู้น่ะ ฉันก็เลยออกมานั่งเล่นอยู่ในสวน บรรยากาศดีเนอะ”“อยากออกไปไหนไหมล่ะ เดี๋ยวฉันพาไป”“ไม่ล่ะ ฉันขี้เกียจเดินอ่ะไม่อยากไปไหนเลย”“อยู่ในบ้านเบื่อจะแย่”“….” ฉันไม่ได้ตอบอะไรครามไป มันก็จริงอย่างที่เขาพูดนั่นแหละอยู่ในบ้านก็เบื่อจะแย่แต่จะให้ออกไปไหนฉันก็ขี้เกียจ มันคงเป็นอารมณ์ของฉันที่รู้สึกเบื่อ
เวลาผ่านไป เมืองนอกสองสามีภรรยากับลูกชายอีกหนึ่งคนพากันเดินลงเครื่องทันทีที่เครื่องบินลงจอดบนรันเวย์เรียบร้อยแล้ว การมาในครั้งนี้ทั้งสองไม่ได้บอกใครเลยเพราะต้องการที่จะมาเซอร์ไพรส์สองลุงป้าพี่มัวแต่ทำงานไม่มีเวลาพักผ่อนถ้าได้เห็นหน้าหลานคงจะรู้สึกดีมีความสุขน่าดูเลยทั้งสองมีลูกไม่ได้เพราะโรคประจำตัวบางอย่าง ร่างกายของคีร่าไม่แข็งแรงมากพอที่จะอุ้มท้องได้ และภูริก็มีโรคบางอย่างที่ทำให้น้ำเชื้อของเขาไม่แข็งแรง ถึงจะอยากมีลูกแค่ไหนแต่ถ้าร่างกายไม่แข็งแรงทั้งสองก็ไม่อยากเสี่ยง เพราะมันเกี่ยวกับชีวิตของเด็กคนหนึ่งด้วย“ฮายคุณป้าคีร่า” กระทิงน้อยวิ่งเข้าไปในบ้านด้วยความดีใจ ทันทีที่รถจอดดับสนิทอยู่ที่หน้าบ้าน ก่อนที่พิงค์และครามจะเดินตามเข้าไปทีหลัง“ว๊ายกระทิงน้อยหลานป้า มาได้ยังไงครับเนี่ย” คีร่าหันมามองด้วยความตกใจเมื่อเห็นหลานชายกำลังวิ่งเข้าไปหาตน ในใจนึงก็คิดว่าตนเองพักผ่อนน้อยจนละเมอไปหรือเปล่า แต่พอกระทิงสวมกอดเท่านั้นแหละรู้เลยว่ามันเป็นความจริงไม่ใช่ละเมอ“มาเซอร์ไพรส์ป้าคีร่าได้ยังไงล่ะครับ โรงเรียนของกระทิงปิดเทอมแล้วคุณพ่อกับคุณแม่ก็เลยจะพามาเที่ยวที่บ้านของป้าคีร่านานๆ เลยคร
4 เดือนต่อมา โรงพยาบาล “ยินดีด้วยนะครับ คุณได้ผู้หญิงนะครับ ต้องสวยเหมือนคุณแม่แน่ๆ เลย” คุณหมอเอ่ยพูดด้วยสีหน้าที่ยิ้มแย้ม พลางเลื่อนอุปกรณ์อัลตร้าซาวด์ไปรอบๆ ท้องใหญ่เพื่อตรวจดูร่างกายของเด็กทารกในครรภ์ “น้องแข็งแรงปกติดีนะครับไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง ต่อไปก็มาพบหมอตามนัดเหมือนเดิมนะครับ ช่วงนี้หมอจะนัดบ่อยหน่อยเพราะใกล้คลอดแล้ว อีกอย่างหมอจะได้อัลตร้าซาวด์ดูน้องด้วยว่าพัฒนาการไปถึงไหนแล้ว” หมออธิบาย“ค่ะคุณหมอ”หลังจากเสร็จสิ้นการมาพบหมอในครั้งนี้ ครามก็พาพิงค์แวะไปที่โรงเรียนของลูกชายเพราะถึงเวลาเลิกเรียนพอดีจะได้รับแกกลับมาพร้อมกันเลยโรงเรียนอนุบาลคอนแวนต์ “นั่งรออยู่ที่รถนี่แหละ เดี๋ยวฉันลงไปรับลูกเอง” พูดจบครามก็เปิดประตูลงจากรถไปทันที ปล่อยให้พิงค์นั่งรออยู่ในรถคนเดียวในโรงเรียนมีเด็กเล็กเยอะแยะมากมาย เขากลัวว่าจะมีเด็กวิ่งซนมาชนพิงค์เข้าเลยให้เธอนั่งรออยู่ในรถดีกว่า“คุณพ่อคร้าบ” ทันทีที่กระทิงน้อยเห็นพ่อของตัวเองก็รีบวิ่งเข้ามาหาพร้อมกับกระโดดกอดคอพ่อของตนเองด้วยความดีใจ “คุณแม่ไม่ได้มาด้วยหรอกครับ”“มาครับผมคุณแม่นั่งรออยู่ในรถ พ่อไม่ได้ให้คุณแม่ลงมาด้วยกลัวว่าจะมีคนเดินมา
ร่างบางกระตุกยิ้มก่อนจะก้มลงดูดเลียที่ปลายหัวบานฉ่ำ ลิ้นเรียวเล็กตวัดเลียไปมาอย่างมูมมาม ทำเอาร่างหนาที่นอนอยู่เกร็งไปทั้งตัวเพราะความเสียว สองมือกอบกุมดุ้นใหญ่ส่วนล่างชักรูดเป็นจังหวะพร้อมๆ กับลิ้นที่กำลังตวัดเลียไปมา“อื้ม พิงค์อ่าส์ เธอแม่ง ซี๊ด!” ครามได้แต่นอนร้องครวญคราง เพราะทุกช่วงจังหวะที่ลิ้นตวัดเลียโดนส่วนหัวมันทำเอาเขาแทบขาดใจ“อื้ม…” พิงค์ครางออกมาเบาๆ พลางไล่ดูดเลียตามลำท่อนใหญ่ไปเรื่อยๆ“พะ พอก่อนอ่าส์ มันจะแตกอื้ม ฉันอยากแตกในตัวเธอมากกว่า” ครามหยุดทุกอย่างด้วยมือของเขา ก่อนที่ร่างหนาจะดันตัวให้ลุกขึ้นผลักตัวของพิงค์ให้นอนราบกับเตียงแทน แล้วขึ้นไปคร่อมตัวของเธอโดยที่ตัวเขาเองทิ้งน้ำหนักตัวลงไปหาเธอเพียงเล็กน้อย “ยั่วเก่งนักนะ รู้ว่าทำแรงไม่ได้แต่ก็ยังจะยั่ว มันน่านัก!” ครามเม้มปากแน่นเพราะรู้สึกมันเขี้ยวจนอยากจะจับพิงค์กระแทกให้หนักๆ ไปซะเดี๋ยวนี้เลย แต่ติดตรงที่ว่าเธอกำลังท้องอยู่“ฉันเปล่าสักหน่อย ฉันยังไม่ได้ทำอะไรเลยนะ” พิงค์ทำท่าทางเล่นหูเล่นตา ทำให้ครามที่รู้สึกมันเขี้ยวอยู่แล้วอยากจะขยี้เธอมากขึ้นไปอีก“ให้มันได้อย่างนี้สิ” ครามพูดข่มเสียง ก่อนจะไล่ซุกไซร้ตามซอกค