บทนำ
@บ้านอัครสิริไพศาล
ภายในคฤหาสน์หลังใหญ่ของครอบครัวอัครสิริไพศาล…ในวันนี้มีพิธีการจัดงานหมั้นเล็กๆที่มีกันแค่คนสนิทมานั่งเป็นสักขีพยาน ทุกคนต่างยิ้มแย้มกันหน้าชื่นตาบานเพราะนานๆทีจะมีงานมงคลที่หน้ายินดีเช่นนี้เกิดขึ้น ผิดกับลูกชายคนโตของบ้านซึ่งรับหน้าที่เป็นเจ้าบ่าวแต่กลับมีสีหน้าเรียบนิ่งไม่ยินดียินร้ายอะไรกับใครทั้งนั้น และเหตุที่เป็นอย่างนั้นก็เพราะว่า เขาไม่เต็มใจ
“สวมแหวนให้น้องสิราม” เสียงกรกนกผู้เป็นแม่เอ่ยบอกกับรามินทร์ลูกชายคนโตที่เอาแต่นั่งนิ่งไม่สนใจแม้แต่จะมองผู้หญิงที่นั่งอยู่ตรงหน้าไม่ว่าเธอจะสวยน่ารักขนาดไหนก็ตาม แต่สำหรับเขาเธอมันก็แค่ผู้หญิงคนหนึ่งที่ครอบครัวของเขาเอ็นดู และแน่นอนว่าไม่รวมถึงเขา
“ครับ” แต่ด้วยความที่ขัดผู้เป็นแม่ไม่ได้จึงต้องยอมจำใจหยิบกล่องกำมะหยี่สีแดงสดที่ภายในบรรจุแหวนทองคำขาวประดับเพรชเม็ดงามขึ้นมาก่อนจะสวมใส่แหวนวงนั้นให้กับนิ้วเรียวสวยของผู้หญิงที่ไม่ได้รักเพื่อให้พิธีการผ่านพ้นไป
“ถึงตาหนูสวมแหวนให้พี่เขาบ้างแล้วลูก” เป็นเสียงของนิภาฝ่ายของแม่เจ้าสาวเอ่ยบอกกับลูกของตัวเองบ้าง ริศาผู้ซึ่งเป็นเจ้าสาวจึงยิ้มตอบกลับและหยิบแหวนอีกวงที่วางอยู่ในกล่องขึ้นมาสวมใส่ให้กับเจ้าบ่าวตรงหน้าเช่นกัน
และในขณะที่หญิงสาวสวมใส่แหวนให้เขานั้นใบหน้าหล่อเหลาของอีกคนก็เอาแต่หันมองไปทางอื่น ชายหนุ่มจงใจแสดงให้เธอได้รับรู้ว่า…เขาไม่เคยเต็มใจที่จะหมั้นกับเธอเลย ไม่เคยเลยสักนิด
และถึงเธอจะรู้อยู่แล้วว่าระหว่างเธอกับเขาที่หมั้นกันนั้นเกิดจากความต้องการของทางผู้ใหญ่ แต่พอเห็นเขาหมางเมินกับเธอเช่นนี้แล้วมันก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกน้อยใจในโชคชะตาของตัวเอง…
พรึบ!
จนกระทั่งช่วงเวลาที่หน้าอึดอัด(ของรามินทร์)ได้ผ่านพ้นไป ร่างสูงก็ไม่รอช้าที่จะลุกขึ้นและทำท่าจะก้าวเดินออกไปจากตรงนั้น
“นั่นลูกจะไปไหน” ทว่าผู้เป็นแม่ก็เรียกดักเอาไว้ก่อน
“เสร็จพิธีแล้วนี่ครับ”
“แต่เรายังไม่ได้ทานข้าวพร้อมกันเลย”
“ผมตามใจแม่ได้แค่นี้จริงๆ มีธุระต้องไปทำต่อ” พูดจบร่างสูงก็เดินหันหลังออกไปจากตรงนั้นทันทีโดยไม่ร่ำลาใครสักคนแม้กระทั้งพ่อแม่ของตัวเอง ทิ้งให้ริศาที่เป็นเจ้าสาวมองตามหลังเขาไปด้วยความรู้สึกหลากหลายที่มีอยู่ภายในอก…
“พี่เขามีธุระด่วนที่สนามแข่งน่ะลูก เราเข้าไปทานข้าวกันเถอะ ป้าให้คนจัดโต๊ะไว้แล้ว” ด้วยกลัวว่าว่าที่ลูกสะใภ้จะรู้สึกไม่ดี กรกนกจึงรีบเดินเข้าไปหาและพาเปลี่ยนเรื่องคุยให้อีกคนเลิกสนใจในการกระทำของลูกชายตัวดีซึ่งมันก็ไม่ได้ผล แต่ใบหน้าสะสวยก็ยังคงยิ้มตอบกลับและพยักหน้ารับอย่างเหมือนจะเข้าใจ ทุกคนทั้งหมดตรงนั้นจึงพากันย้ายที่เข้าไปนั่งในส่วนของโต๊ะอาหารเพื่อร่วมกันรับประทานอาหารตามแพลนเดิมที่ได้วางไว้หลังจากเสร็จสิ้นพิธีสวมแหวน
ฝ่ายริศาถึงแม้จะทำเหมือนไม่ได้คิดมากอะไร แต่ภายในหัวกลับคิดวกไปวนมาถึงเรื่องที่ตัวเองต้องมาหมั้นกับคนที่ไม่แม้แต่จะให้เกียรติเธอเลย
เธอรู้ว่าเขาไม่ได้คิดอะไรกับเธอไปมากกว่าคนรู้จัก เขาไม่ให้สถานะแม้แต่น้องสาวถึงแม่เธอกับแม่เขาจะเป็นเพื่อนสนิทที่รักกันมากก็ตาม แต่ถึงเธอจะรู้แบบนั้นแล้ว…แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ สิ่งเดียวที่เธอจะทำได้ก็คือ…ทำให้แม่และคนที่มีบุญคุณกับเธออย่างกรกนกได้สบายใจ
ชีวิตเธอนอกจากมีแม่ที่เลี้ยงเธอมาเพียงคนเดียวแล้ว ก็ยังมีกรกนกที่ช่วยเหลือและซัพพอร์ตเรื่องการศึกษาของเธอมาตลอดจนเธอได้เข้าเรียนในมหาลัยดีๆอย่างเช่นทุกวันนี้ นั่นจึงเป็นสาเหตุให้เธอรักและเครพผู้หญิงคนนี้เหมือนดั่งแม่อีกคน
“กินเยอะๆนะลูก…ริศา”
กรกนกเองก็รักและเอ็นดูเธอเหมือนลูกสาวแท้ๆอีกคนหนึ่งเช่นกัน นั่นก็เป็นเพราะว่ากรกนกกับแม่ของเธอเติบโตมาพร้อมกันและฝ่าฟันชีวิตมาด้วยกันจนกระทั่งกรกนกได้มาพบรักกับราเมศ หนุ่มใหญ่พ่อหม้ายลูกติดนักธุรกิจนำเข้ารถหรูรายใหญ่ของประเทศ พอมีชีวิตที่ดีขึ้นแต่กรกนกก็ไม่เคยลืมเผื่อแผ่มาถึงเพื่อนสนิทเพียงคนเดียวอย่างแม่ของเธอเลย
กระทั่งเมื่อแม่ของเธอมีครอบครัวและกำลังจะสร้างเนื้อสร้างตัวแต่ทว่าก็เหมือนฟ้ากลั่นแกล้งให้พ่อของเธอต้องพบเจอกับอุบัติเหตุจนถึงกับเสียชีวิตในขณะที่เธอยังคงอยู่ในท้องแม่ได้เพียงแค่ห้าเดือน ริศาเกิดมาก็ไม่เคยเห็นหน้าพ่อเลย แต่เธอก็ไม่ได้รู้สึกขาดอะไรเพราะยังมีแม่และครอบครัวของกรกนกที่รักและดีกับเธอมาตลอด (ยกเว้นคู่หมั้นหน้านิ่งของเธอไว้คนหนึ่ง)
นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมเธอถึงยอมหมั้นกับคนที่ไม่ได้รักเธอ เธอแค่อยากให้แม่ของเธอกับผู้มีพระคุณได้สบายใจและมีความสุข ทว่าเอาจริงๆแล้วมันก็ไม่ใช่เพียงแค่นั้นหรอก มันยังมีอะไรอีกอย่างที่มากกว่านั้น…มากกว่าการทดแทนบุญคุณและทำให้สบายใจ…
“เฮ้! นั่งเหม่ออะไรอยู่ยัยบ้อง” เสียงเอ่ยทักของใครบางคนทำให้ร่างเล็กถึงกับสะดุ้งและหันไปมอง หลังจากทานอาหารเสร็จเธอก็เดินมานั่งเล่นอยู่ภายในสวนใหญ่หลังคฤหาสน์คนเดียวเพื่อคิดอะไรๆไปเรื่อยเปื่อย
“เต ตกใจหมด” ปากเล็กขยับเอ่ยบอกกับคนที่เดินมานั่งลงข้างๆเธอพร้อมกับยู่หน้าใส่แบบที่ชอบทำ คนคนนั้นก็คือเตมินทร์ ลูกชายคนเล็กของบ้านอัครสิริไพศาล หรือน้องชายของรามคู่หมั้นหมาดๆของเธอ
“เป็นอะไรมานั่งเหม่อคนเดียว”
“เปล่า”
“ก็เห็นอยู่ยังจะมาเปล่าอีก”
“…”
“คิดมากเรื่องไอ้พี่ชายฉันเหรอ?”
“ไม่ใช่สักหน่อย”
“โกหกใครก็โกหกได้ แต่เธอจะโกหกคนที่โตมากับเธออย่างฉันไม่ได้หรอกนะริศา” เสียงนุ่มอบอุ่นเอ่ยบอกกับเธอพลางยื่นมือไปโยกศีรษะทุยเล่น ริศาที่ถูกรู้ทันก็ได้แต่เบือนหน้าหนีหลบไปทางอื่น ด้วยความที่โตมาด้วยกันจึงมีอะไรหลายๆอย่างที่เตมินทร์รู้ทันเธอ และใช่…เขารู้ทันด้วยว่าริศาคิดอะไรกับพี่ชายของตัวเอง ถึงคนตัวเล็กจะไม่เคยเอ่ยหรือเปิดเผยความในใจออกมา แต่มีหรือคนที่อยู่กับเธอทุกช่วงเวลาอย่างเขาจะรู้ไม่ทัน
“พี่ชายฉันมันก็เป็นคนแบบนั้นเอง เธอก็หน้าจะรู้”
“อืม ฉันรู้แต่เขาก็หน้าจะ…” ใบหน้าสะสวยหม่นหมองลงเมื่อนึกถึงการกระทำของอีกฝ่ายในช่วงกลางวันที่ผ่านมา พลันดวงตากลมสวยก็มองไปยังแหวนที่นิ้วนางข้างซ้ายซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของการถูกตีตรา มันคงจะดีกว่าถ้าคนที่สวมใส่ให้มีใจกับเธอสักนิดนึง
“ชะ ช่วยด้วย!!”
อยู่ๆภาพเหตุการณ์ในวัยเยาว์ก็วิ่งวนเข้ามาในหัวของเธอ…
ภาพของเด็กหญิงคนหนึ่งที่ดำผุดดำว่ายอยู่ในสระว่ายน้ำขนาดใหญ่อย่างสนุกสนาน พลันอยู่ๆก็เกิดอาการขาแข็งเกร็งจนไม่สามารถพาตัวเองกลับมาที่ขอบสระได้
ซ่า~~~~~
ไวกว่าความคิด เด็กหนุ่มที่นั่งเล่นเกมส์แข่งรถในมือถืออยู่อย่างไม่สนใจใครกลับเป็นคนแรกที่กระโจนลงน้ำไปและช่วยเธอขึ้นมา
“แค่ก! แค่ก!”
“ริศา เป็นอะไรมากไหมลูก”
“ยัยบ้องเป็นอะไรหรือเปล่า”
“พาหลานไปข้างในบ้านก่อนเถอะคุณ”
ท่ามกลางเสียงเอะอะโวยวายแย่งกันเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง แต่ดวงตากลมสวยกลับมองแต่ใบหน้าเรียบนิ่งของใครบางคนที่ช่วยเธอเอาไว้ ถึงแม้เขาคนนั้นจะไม่มีสีหน้าหรือแววตาเป็นห่วงเป็นใยเธอเหมือนๆกับทุกคน ทว่าสิ่งที่เขาได้ทำมันกลับเป็นสิ่งที่เธอจำได้ตลอดมา…
“ขอบคุณนะคะ…พี่ราม”
และอีกหลายวันผ่านไป… ภายในห้องใหม่ที่ใหญ่และหรูกว่าเดิมแต่มันกลับทำให้ริศาเหงาอย่างบอกไม่ถูก ยิ่งในช่วงเวลาวันหยุดแบบนี้ที่เธอมักจะออกไปเดินหาอะไรอร่อยๆในแบบของเธอกินแต่ที่นี่กลับหาได้ยาก “เฮ้อ~ทำอะไรกินดี” เสียงหวานบ่นพึมพำกับตัวเองอย่างคิดไม่ตก ในตู้เย็นก็มีแต่ของสดเดิมๆที่เธอทำกินมาแล้วสามสี่วัน อยากกินก๋วยเตี๋ยวหรือส้มตำเผ็ดๆที่ชอบก็ต้องขับรถออกไปซื้อซึ่งรถก็ติด ครั้นจะสั่งแบบเดริเวอรี่ก็ไม่ได้รสชาติตามที่ต้องการ มันน่าเบื่อไปหมด แต่…เธอทนได้เพราะอยากให้อีกคนนั้นพอใจครืด~~ครืด~~ เสียงโทรศัพท์ที่วางอยู่บนโต๊ะทำให้ริศาต้องละจากการนึกเมนูและหันไปมองยังหน้าจอ แล้วก็พบว่ามันสายจากเพื่อนชายที่เธอห่างหายจากการพูดคุยไปนานอยู่พอสมควร “ฮัลโหลเต” ริศากดรับสายและกรอกเสียงสดใสใส่ลงไป (ไง ยัยบ้องวันนี้วันหยุดไม่ใช่เหรอ) “ใช่ นายมีอะไรหรือเปล่าคิดถึงฉันเหรอ” (อืม คิดถึงเพื่อนคนสวย) “แหวะ ไม่ต้องมาปากหวาน ฉันไม่ใช่สาวๆของนายที่จะหลงคารมง่ายๆนะ” (หึ! ถ้าเป็นไอ้พี่ชายฉันไม่ต้องพูดก็หลงใช่ไหม) “อะ…อะไรเล่าพูดบ้าอะไรของนายเนี่ย” เสียงใสพูดติดๆขัดๆไปด้วยค
คนตัวสูงที่ยังคงนอนเหยียดขายาวอยู่บนเตียงแต่ไม่ได้ใส่ชุดเดิมบ่งบอกให้รู้ว่าเขาเองก็ไม่ได้อยู่ในห้องนี้ทั้งวัน รามมองมายังริศาที่เปิดประตูเข้ามาด้วยใบหน้าที่ราบเรียบเช่นเคยทว่าข้างๆเขามีโน๊ตบุ๊ควางอยู่ ไม่บอกก็รู้ว่าเขาคงจะทำงานไปด้วยรอเธอไปด้วย “ทำไม?” “ทำไมอะไร” อาการตกใจแปลกๆของริศาทำให้เขาต้องหรี่ตามองแล้วเอ่ยถาม “…” ซึ่งริศาก็ไม่ได้ตอบอะไร เธอเพียงแค่เดินเข้ามาเอาของวางไว้แล้วจะเดินไปเข้าห้องน้ำเพื่อเปลี่ยนชุด “เดี๋ยว” “คะ?” “ทำไมกลับเย็นขนาดนี้” “ริศาเพิ่งเลิกงานค่ะ” “แล้วทำไมต้องทำท่าทางแปลกๆอย่างนั้น” “ไม่มีอะไรค่ะ ริศาไปอาบน้ำก่อนนะคะ” ว่าจบร่างบางก็เดินเข้าห้องน้ำไป รามที่จับสังเกตได้ก็นึกในใจว่าเธอต้องมีอะไรแน่ๆ ริศาใช้เวลาอาบน้ำอยู่สักพักใหญ่ๆก็เดินออกมาพร้อมกับชุดนอนลายการ์ตูนน่ารักแบบที่เธอชอบใส่ แต่พอมองไปที่เตียงก็ยังเจอกับสายตาจับผิดของรามที่มองมาอยู่ “พี่รามมีอะไรหรือเปล่าคะ” “เธอนั่นแหละมีอะไร ทำไมต้องทำหน้าแปลกๆ” “แปลก?...แปลกยังไงค่ะริศาก็ปกติดี” คน(ไม่)ปกติดีทำทีไม่ใส่ใจแล้วเดินไปที่โต๊ะเครื่องแป้งข
หลายวันต่อมา… หลายวันผ่านมาแล้วแต่คนตัวเล็กที่เพิ่งจะเสียครั้งแรกไปยังคงมีความระบมกับช่วงล่างอยู่ไม่หาย ริศาพยายามถ่างขามองตรงนั้นของตัวเองผ่านกระจกในห้องน้ำอย่างทุลักทุเล “ไม่ค่อยแดงแล้วแต่ทำไมยังเจ็บอยู่” ไม่รู้ว่าเป็นเพราะขนาดที่ไม่ธรรมดาของเขาหรือเป็นเพราะเธอเพิ่งจะเคยโดนกันแน่ ทำไมเธอยังคงรู้สึกเจ็บ แต่ที่แน่ๆคนที่เป็นผู้ชายของเธอคนที่ฝากรอยแดงไว้ตามตัวไม่ติดต่อมาหาเธออีกเลยหลังจากวันนั้น ทว่าริศาก็ไม่คิดอะไรมากเธอยังคงคิดว่าเขามีงานยุ่ง ด้วยความไม่อยากให้เขามองว่าเธอเป็นผู้หญิงน่ารำคาญตัวริศาเองก็ไม่ได้ติดต่อไปหาเขาเช่นกัน แต่เธอก็ยังซื้อยาทุกอย่างมากินตามเขาบอกครืด~~~ ในขณะที่เธอกำลังสาละวนอยู่กับการทายาตรงจุดบอบบางอยู่นั้น โทรศัพท์ที่อยู่บนโต๊ะเครื่องแป้งด้านนอกห้องน้ำก็ดังขึ้น เธอจึงรีบจัดแจงเก็บของและตรงดิ่งไปรับสายเผื่อว่าจะเป็นผู้ชายที่เธอรอให้เขาโทรมาอยู่…แต่ว่ามันก็ไม่ใช่ “ว่าไงมะนาว” (ริศาเธอเป็นไงบ้าง ไม่สบายหายหรือยัง) มันเป็นสายของเพื่อนที่เธอโกหกว่าตัวเองไม่สบายจึงไปเรียนไม่ได้หลายวัน “ฉันดีขึ้นแล้ว พรุ่งนี้ก็ไปเรียนได้แล้วแหละ” (โ
“อ๊ะ!” ริศาร้องเสียงหลงเพราะถูกคนเอาแต่ใจใช้มือบีบไปที่หน้าอกของเธออย่างแรง แม้ว่าเธอพยายามจะพูดปรามเขายังไงก็ไม่เป็นผล “พอก่อนค่ะพี่ราม” “อยู่เฉยๆน่า” เขาใช้มือของตัวเองเพียงข้างเดียวรวบทั้งสองแขนของเธอให้ขึ้นไปอยู่เหนือศีรษะอย่างง่ายดาย หลังจากนั้นจึงกดจูบไปที่ริมฝีปากบางของเธออีกครั้ง “อื๊อ~~” มันเป็นจูบที่เร่าร้อนและรุนแรงกว่าครั้งก่อนทำให้คนใต้ร่างเกือบจะหายใจไม่ทัน ดีที่เขายังปราณีให้เธอได้พักบ้าง ทว่าแค่เพียงไม่นานเขาก็บดขยี้ริมฝีปากบางของเธอใหม่ ทำอยู่อย่างนั้นวนไปกระทั่งริมฝีปากสวยของเธอเริ่มชาจากการถูกกดจูบเป็นเวลานานๆ และแม้ว่าคนตัวโตจะนึกสงสาร แต่ก็ช่วยไม่ได้ เพราะปากเธอมันดันหวานถูกใจเขาเองพรึบ! คนตัวเล็กถูกเขาฉุดให้ลุกตามขึ้นมานั่งก่อนที่เขาจะตวัดแขนไปทางด้านหลังเพื่อรูดซิปชุดเดรสลงมา ทุกอย่างมันเร็วไปหมดจนเธอเองก็ไม่ทันตั้งตัว มารู้ตัวอีกที่ก็ตอนที่เขาดึงชุดสีหวานของเธอมากองลงตรงเอวบางเสียแล้ว ซึ่งการกระทำนั้นก็เผยให้เห็นหน้าอกอวบอิ่มที่ตั้งชูชันสู้ตาคนตรงหน้า… “อย่ามองนะคะ” ด้วยความเขินอายเธอพยายามใช้มือขึ้นมาปกปิดแต่ก็ถูกเขาดึงออกและ
ไอริสเดินเข้ามาด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มให้กับทุกคนก่อนที่จะมาหย่อนตัวนั่งลงที่โซฟาตรงข้ามริศาและยื่นกล่องของขวัญให้เจ้าของวันเกิด ซึ่งรามก็รับมาด้วยใบหน้าเรียบนิ่งเหมือนเช่นเคย “สวัสดีค่ะพี่ไอริส” ริศารีบยกมือขึ้นไหว้ทักทายคนมาใหม่อย่างดีใจที่ได้เจอกันอีกครั้ง “สวัสดีจ้ะริศา วันนี้สวยจังนะ” ไอริสเอ่ยชมพลางขยิบตาให้สาวรุ่นน้องอย่างเหมือนจะมีอะไรที่รู้กัน “ยังสวยไม่ได้ครึ่งหนึ่งของพี่ไอริสเลยค่ะ” “ว่าไปนั่น ปากหวานตลอดเลยนะเด็กคนนี้” ไอริสยิ้มหวานชอบใจ โอ๊ะ! แล้วนั่นดื่มอะไรน่ะ น้ำเปล่าเหรอ” “ค่ะ เพิ่งทานอาหารอิ่มได้สักพักเลยดื่มน้ำเปล่าเดี๋ยวจะเปลี่ยนเป็นน้ำอัดลมแล้วค่ะ” “โอ๊ย เด็กอนามัยก็มา ไม่ได้สิวันเกิดเพื่อนพี่ทั้งทีต้องดื่มกันหน่อย” ว่าแล้วไอริสก็ลุกขึ้นจากโซฟาและเดินไปหยิบแก้วค็อกเทลมาสองแก้วยื่นให้ริศาแก้วนึง “เอ่อ…” ริศารับมาแต่ก็ทำท่าเหมือนไม่กล้าดื่ม จนไอริสต้องกระดกแก้วในมือนำก่อนจนหมดและชูให้เธอดู “อร่อยนะ” “…” “ไม่ต้องกลัวหรอก ถ้าเมาเดี๋ยวรามก็ดูแลเองแหละ ใช่ไหมราม” ไอริสหันไปถามกับรามเหมือนเป็นเชิงขออนุญาตให้ริศาดื่
วันต่อมา… หลังจากกลับมาจากมหาลัยในช่วงบ่ายริศาที่ลาหยุดงานพาร์ทไทม์ของตัวเองแล้วก็รีบตรงดิ่งมายังห้องพัก เพื่อจัดแจงเตรียมตัวที่จะไปงานวันเกิดของราม คนตัวเล็กมีความกระตือรือร้นเป็นอย่างมากกับการที่จะได้เจอกับคู่หมั้นหนุ่มในครั้งนี้ เธอทั้งรีบกลับมาเพื่อจะใช้เวลาในการขัดและบำรุงผิวในห้องน้ำ ไหนจะมาร์กหน้านวดหน้าของตัวเองให้ดูใสขึ้น อีกทั้งยังลงทุนซื้อชุดใหม่ในแบบที่เพื่อนแนะนำ ถึงแม้มันจะแพงไปสักหน่อยแต่เพื่อคนที่เธอคิดว่าเขาพิเศษ ครั้งนี้เธอจะกัดฟันยอมจ่ายแม้ว่าในใจจะเสียดายเงินแค่ไหนก็ตาม “สวยสมราคาจริงๆแหะ” เดรสชมพูสีโปรดถูกยกขึ้นมาทาบกับตัวที่หน้ากระจกพร้อมร้อยยิ้มที่ดูสดใสกว่าทุกๆวัน ถึงแม้สีมันจะหวานแหววไปหน่อยทว่าช่วงไหล่กลับปาดลงโชว์ไหปลาร้าสวยและผิวขาวผ่องให้ลุคหวานซ่อนเปรี้ยว เหตุผลที่เธอรีบกลับมาบ่มผิวบำรุงตัวก็เพราะแบบนี้นี่แหละ วันพิเศษของเขาทั้งที งานนี้เธอต้องโชว์ผิวออร่าของตัวเองให้สุด “สั้นไปหรือเปล่านะ” ถึงแม้จะพยายามมั่นใจในตัวเองเข้าไว้อย่างที่เพื่อนๆและไอริสแนะนำแต่เธอก็ยังกังวลในส่วนของกระโปรงที่มันเลยขึ้นมาเหนือเข่าอยู่ดี ริศายืนมองตัวเองคู่กับ