2
มองหัวจรดเท้า
“พะ…พี่ราม”
เสียงเรียกชื่อคนตรงหน้าหลุดออกมาจากริมฝีปากสวยอย่างแผ่วเบา ริศาที่ไม่คิดว่าจะได้พบเจอกับคู่หมั้นหนุ่มของตัวเองในที่แบบนี้ก็ถึงกับทำอะไรไม่ถูก ยิ่งเห็นสายตาคมของเขาที่มองมายังเธอด้วยความนิ่งเรียบแต่แฝงไปด้วยความเย้ยหยันเธอก็เกิดอาการประหม่าขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัดเจน
“ฉันอยากให้แม่ฉันมาเห็นเธอในสภาพนี้จัง” คนหน้านิ่งเอ่ยพลางกวาดตามองเธอตั้งแต่หัวจรดเท้า
“ริศามางานวันเกิดเพื่อนค่ะ”
“ฉันจำเป็นต้องรู้เหรอ” รามยกคิ้วพลางถามกลับ
“ริศาแค่ไม่อยากให้พี่เข้าใจผิด”
“ฉันไม่ได้ใส่ใจเธอขนาดนั้น”
“…”
“ฉันแค่คิดว่าแม่ฉันจะรู้สึกยังไง ถ้าได้รู้ว่าคนที่ชื่นชมนักหนากลางวันเป็นคนเรียบร้อย แต่พอตกกลางคืนแล้วกลายเป็น…” รามเว้นวรรคคำพูดเอาไว้ก่อนจะแสยะยิ้มเย้ยหยันให้ริศาอีกครั้ง และมันช่างเป็นรอยยิ้มที่เธอเห็นแล้วรู้สึกเจ็บปวดที่หัวใจยิ่งนัก
“พี่หมายความว่าไงคะ”
“คิดเอาเอง เธอไม่ได้โง่นักหรอก” พูดจบรามก็ทำท่าจะเดินหันหลังออกไปทว่าริศาก็คว้าแขนของเขาเอาไว้ ทำให้เขาต้องหันกลับมามองเธอด้วยสายตาที่ดุดันยิ่งกว่าเดิม
“ปล่อย!” เสียงเข้มเอ่ยบอกกับเธอพลางมองไปยังมือเล็กที่จับแขนของเขาไว้อย่างถือตัว
“ขอโทษค่ะ” ริศาจึงรีบปล่อยมือออกจากเขา ดวงตากลมหลุบลงต่ำอย่างทำตัวไม่ถูก
“ริศาแค่อยากอธิบาย”
“ก็บอกว่าไม่จำเป็น ฉันเชื่อในสิ่งที่ตาฉันเห็น” ไม่เพียงแค่พูดเปล่าสายตาคมปราบยังจดจ้องมองใบหน้าขาวใสก่อนจะเลื่อนลงมาที่ส่วนของอกอวบและก็ทำท่าหันหนีไป ถ้าเธอไม่ได้คิดไปเองก็คล้ายว่าจะเห็นเขาแอบกลืนน้ำลายลงคอไปอยู่อึกนึง
“แค่มาร้านเหล้าก็แปลว่าเป็นคนไม่ดีแล้วเหรอคะ ถ้างั้นพี่รามก็เป็นคนไม่ดีด้วยสินะ” พูดไปแล้วจนจบริศาจึงได้รู้ตัวว่าพูดอะไรผิดไปทำให้ต้องรีบยกมือเล็กขึ้นมาปิดปากตัวเองไว้ เธอไม่ได้คิดที่จะต่อว่าเขาหรืออะไรเพียงแค่อยากจะเปรียบเปรย แต่มันก็ไม่ทันเสียแล้วเพราะคนที่เพิ่งถูกเธอพูดแบบนั้นใส่ไปหันหน้ากลับมาจ้องเธอนิ่ง ก่อนที่จะ…
พรึบ!
“อ๊ะ!” ร่างเล็กของริศาถูกคนตัวโตกว่าเบียดดันเข้าไปหาผนังกำแพง ก่อนที่เขาจะโน้มใบหน้าหล่อเหลาของตัวเองลงมาใกล้ๆเธอจนรู้สึกได้ถึงลมหายใจอุ่นๆ
“ฉันก็ไม่ได้บอกว่าฉันเป็นคนดี” ริมฝีปากหนาพูดพร้อมแสยะยิ้มร้ายก่อนที่เขาจะค่อยๆขยับใบหน้าเข้าใกล้ชิดกับเธออีกจนกระทั่งจมูกของทั้งคู่ชนกัน คนที่ไม่เคยถูกใครจู่โจมอะไรแบบนี้ก็ได้แต่หลับตาปี๋ไม่กล้าแม้แต่จะขยับตัว ร่างเล็กที่สั่นเทาเหมือนลูกแมวรวมถึงลมหายใจที่ติดๆขัดๆเพราะความกลัวของเธอทำให้ชายหนุ่มที่คิดว่าตัวเองเหนือกว่าเกิดความพึงพอใจ
“ริศา”
ทว่าเขาก็แกล้งเธอให้ตกใจกลัวได้เพียงแค่นั้น เพราะยังไม่ทันที่เขาจะทำอะไรต่อก็มีเสียงแหลมเล็กของใครบางคนตะโกนเรียกเธอมาจากอีกทางหนึ่ง ซึ่งมันเป็นเสมือนเสียงสวรรค์ที่ริศานั้นแทบอยากจะคลานก้มลงไปกราบเพราะมาได้ทันเวลาพอดีอย่างกับรู้ใจ
พรึบ!
คนตัวเล็กเมื่อได้สติเพราะได้ยินเสียงเรียกก็รีบขยับตัวออกห่างจากอีกคนทันทีพร้อมทั้งพยายามปรับสีหน้าท่าทางของตัวเองให้กลับมาเป็นปกติเพื่อไม่ให้เพื่อนต้องเป็นห่วง แต่ดูเหมือนใครบางคนที่ยังคงยืนใกล้ๆเธอก็ยังคงมีสีหน้าเรียบเฉยไม่รู้ร้อนรู้หนาวอะไร
“เกิดอะไรขึ้นเหรอริศา” หญิงสาวร่างเล็กแต่แววตาเอาเรื่องเดินดุ่มๆเข้ามาหาเพื่อนพร้อมทั้งส่งสายตาไม่เป็นมิตรให้กับชายอีกคนที่ยังคงยืนอยู่
“มีไม่อะไรหรอกแป้ง เมื่อกี้ฉันจะล้มน่ะพี่เขาเลยมาช่วยไว้”
“จริงเหรอ” แป้งร่ำยังคงมองไปที่ชายคนนั้นอย่างไม่ไว้ใจ
“จริงสิ”
“งั้นเราเข้าไปข้างในกันเถอะ เธอออกมานานแล้วยัยมะนาวก็เป็นห่วง”
“อืม ไปสิ…เอ่อ ขอบคุณนะคะ แล้วก็ขอโทษด้วยที่เดินมาชน” ริศาไม่ลืมที่จะหันไปบอกกับอีกคนด้วยท่าทีเหมือนคนไม่รู้จักกัน
“ไม่จำเป็น” ทว่ารามกลับตอบเธอไปอย่างไม่ใส่ใจพร้อมทั้งมองเธออย่างดูแคลนในแววตาแล้วจึงเป็นฝ่ายหันหลังเดินออกไปก่อน ซึ่งท่าทางเหล่านั้นทำให้คนที่รักเพื่อนอย่างแป้งร่ำเกิดอาการไม่พอใจเป็นที่สุด
“เฮ้ย มองแบบนั้นหมายความว่าไงอ่ะ คิดว่าตัวเองหล่อมากเหรอห๊ะ!” คนเกลียดการมองคนอย่างดูถูกทำท่าจะเดินตามร่างสูงไปเพื่อเอาเรื่อง
“แป้งๆ ไม่เอาๆ” แต่ว่าริศาก็ห้ามไว้
“ดูสายตามันเมื่อกี้สิ ถ้าเป็นผู้หญิงนี่ฉันตบคว่ำไปแล้วนะ ฮึ่ย!”
“กลับโต๊ะกันเถอะ อย่ามีเรื่องเลย” ริศาพยายามปรามเพื่อนให้ใจเย็นก่อนจะพาอีกคนเดินดุ่มๆกลับโต๊ะไป หากขืนยังปล่อยไว้อย่างนี้มีหวังเพื่อนเธอได้ซัดกับผู้ชายเป็นแน่
…โต๊ะวันเกิด…
“ทำไมหน้าบูดงั้นอะยัยแป้ง เกิดอะไรขึ้นเหรอ” ทันทีที่เดินมาถึงโต๊ะมะนาวที่สังเกตเห็นสีหน้าเพื่อนก็เอ่ยถามขึ้น
“ก็เมื่อกี้น่ะสิ ฉันเห็นไอ้ผู้ชายคนนึงกำลังลวนลามริศาอยู่ แถมก่อนที่มันจะเดินหนีไปยังมองยัยนี่เหยียดๆอีกด้วย ฮึ่ย! พอนึกถึงแล้วก็เจ็บใจแทนอยากจะตบหน้าหล่อๆนั่นให้สักฉาด” เล่าไปคนอารมณ์ร้อนก็ขบเขี้ยวเคี้ยวฟันตัวเองไปด้วยความรู้สึกที่ยังโกรธไม่หายง่าย
“เขาไม่ได้ลวนลามฉันสักหน่อยแป้ง”
“ไม่ได้ลวนลามอะไรก็ฉันเห็น…” พูดมาถึงต้องนี้แป้งร่ำที่นึกได้ก็จำต้องหุบปากลง เพราะกลัวว่าพูดออกไปแล้วเพื่อนคนอื่นจะมองริศาไม่ดี แล้วก็กลัวว่าคนตัวเล็กจะอายด้วย
“เขาไม่ได้ลวนลามจริงๆนะ ฉันเดินไม่ระวังเองจนไปชนเขาเกือบล้ม เขาก็เลยรับฉันไว้” ริศาพยายามอธิบายให้เพื่อนเข้าใจแต่ดูเหมือนว่าเพื่อนของเธอจะยังหัวเสียเกินไปอยู่
“ถึงอย่างนั้นก็เถอะ ก็ไม่ควรมองเธอแบบนั้นป่ะ นิสัยไม่ดีใครได้เป็นผัวปวดหัวตายแน่”
“เอาล่ะๆ วันนี้เรามาสนุกกันนะเธอก็ใจเย็นหน่อยแป้ง” มะนาวเอ่ยปรามพลางเอื้อมมือไปลูบที่ไหล่เพื่อนให้ใจเย็นลง และดูเหมือนว่าจะได้ผล
“อืมๆ” แป้งร่ำจึงพยักหน้ารับรู้แต่ก็ยังไม่วายหยิบแก้วตัวเองขึ้นมากระดกพรวดเดียวจนหมดจากนั้นก็หันส่งให้พนักงานรินแก้วต่อไปทันที
ฝ่ายริศาก็ไม่รู้ว่าจะอธิบายกับเพื่อนยังไงว่าทำไมรามถึงมองเธอด้วยสายตาอย่างนั้น แล้วก็ไม่กล้าบอกเพื่อนด้วยว่าคนที่ทำให้เพื่อนโมโหอยู่นั้น คือคู่หมั้นของเธอที่เพื่อนๆอยากเห็นหน้ากันนักหนา ไม่ใช่ว่าเธอไม่อยากแนะนำรามให้กับทุกคนได้รู้จัก แต่ตลอดเวลาที่ผ่านมาเป็นรามเองต่างหากที่แทบจะไม่อยากมาเข้าใกล้เธอเลยยกเว้นเวลาที่แม่เขาบังคับให้พาเธอไปไหนต่อไหน และตัวเขาเองก็ไม่คิดที่จะแนะนำเธอให้ใครรู้จักด้วยเช่นกัน คงมีเพียงเพื่อนเขาไม่กี่คนเท่านั้นที่รู้ว่าเธอเป็นใคร
นึกมาถึงตรงนี้ริศาก็รู้สึกจุกขึ้นมาที่หน้าอกอย่างบอกไม่ถูก…
“ถ้าวันนี้ฉันเมาพวกเธอดูแลฉันด้วยนะ” คนไม่ชอบดื่มเหมือนเพื่อนๆแต่วันนี้นึกอยากลองเมาให้สุดดูสักครั้ง เธอเองก็อยากจะรู้เหมือนกันที่เพื่อนๆชอบพูดกันว่าเมาแล้วภาพตัดมันเป็นยังไง…
…ด้านราม…
“เมื่อกี้ใครว่ะราม หน้าคุ้นๆ” เสือที่ออกไปสูบบุหรี่พร้อมกันกับรามแต่กลับเข้ามาทีหลังเอ่ยถามขึ้น เขาเห็นเพื่อนยืนคุยกับผู้หญิงคนหนึ่งอยู่แต่จำไม่ได้ว่าเป็นใครเพราะไฟในร้านค่อนข้างมืด
“ริศา” รามตอบกลับเสียงเรียบ
“ริศา! น้องริศาคู่หมั้นมึงน่ะนะมาที่นี่ด้วยเหรอว่ะ” เพทายที่นั่งฟังอยู่ก็พลอยสงสัยไปด้วยอีกคน ก็เขาเคยเห็นเธอผ่านๆนั่นออกจะเรียบร้อยพูดน้อยน่ารัก
“เชี้ย! นั่นน้องริศาเหรอ เหมือนคนละคนเลยแม่งสวยเอาเรื่องเลยนะโครตขาว โคตรออร่า อิจฉามึงวะ” เพลย์บอยหนุ่มพูดพลางนึกไปถึงหญิงสาวที่ตัวเองเห็นก่อนหน้านี้ ตอนแรกเขายังคิดว่าถ้าเพื่อนไม่อะไรด้วยจะขอเข้าไปตีสนิทเอง แต่ดันมาเป็นคู่หมั้นของเพื่อนเสียนี่
“มึงอยากได้เหรอ” รามถามหน้านิ่งเช่นเคย
“มึงก็บ้า เป็นคู่หมั้นมึงกูก็ไม่ยุ่งแล้ว แต่ถ้าถอนหมั้นกันเมื่อไหร่ก็ไม่แน่”
“หึ!” รามนึกขำในคำพูดของเพื่อนแต่ก็ไม่ได้คิดอะไร ถึงเสือจะบอกว่าอยากยุ่งกับริศาตอนนี้เลยเขาก็ไม่คิดมากอะไรจริงๆอยู่ดี
“มึงไม่นึกหวงไอ้เสือมันบ้างเหรอราม มึงก็รู้ว่ามันเป็นคนยังไง” เพทายเอ่ยถามแต่รามก็ส่ายหน้าตอบกลับ เขาไม่เคยคิดอะไรกับริศาเลยออกจะเบื่อๆเวลาเห็นหน้าด้วยซ้ำ แต่วันนี้ที่เขาแปลกใจก็คือการได้เจอกับเธอในที่แบบนี้ ทั้งยังการแต่งตัวแต่งหน้าที่แปลกไปกว่าทุกครั้งที่เคยเห็น เขาอดยอมรับไม่ได้ว่าแว๊บแรกที่เห็นเธอเดินมาจากไกลๆเขาเองก็นึกสนใจเหมือนกัน แต่พอเดินไปใกล้ๆแล้วจำได้ว่าเป็นเธอความคิดนั้นก็เปลี่ยนไป ยิ่งตอนที่เข้าไปใกล้ชิดเธอจนจมูกแทบจะชนกันแล้วได้กลิ่นแอลกอฮอล์จากเธอนั้นทำให้เขาคิดขึ้นมาเอาเองทันที ว่าริศาเป็นพวกผู้หญิงแอ๊บใสซื่อแค่ต่อหน้าคนอื่น แต่ความจริงแล้วเธอก็เป็นผู้หญิงกร้านโลกทั่วไปแบบที่เขาเคยเจอคนหนึ่งก็แค่นั้นเอง
“ไอ้รามๆ” ในขณะที่พวกเขากำลังสนทนาหัวข้อเรื่องของริศาคู่หมั้นของเพื่อนกันอยู่นั้น เสือที่สังเกตเห็นโต๊ะข้างๆมองมาที่รามอย่างจงใจเชิญชวนจึงสะกิดเพื่อนให้หันมอง
“อืม กูเห็นแล้ว” คนที่ถูกแอบมองบอกพร้อมกับปรายตาคมมองไปยังผู้หญิงโต๊ะนั้นอย่างจงใจหว่านเสน่ห์นิ่งๆใส่เช่นกัน
“ไม่สนองหน่อยเหรอ” เพลย์บอยหนุ่มถามพลางทำหน้ากรุ้มกริ่มอย่างรู้กันเพราะตัวเองก็สนใจผู้หญิงอีกคนที่อยู่ในโต๊ะนั้น มีแต่เพทายที่นั่งดื่มไปเฉยๆอย่างไม่สนใจใคร
“กูไปก่อน เสร็จธุระอาจจะกลับมา” หลังจากที่สบตากันไปมากับโต๊ะข้างๆอยู่ได้พักใหญ่ก็ถึงเวลาที่รามขอตัวเดินปลีกออกไปนิ่งๆตามแบบของเขา ทว่าเพื่อนๆต่างรู้ดีว่าไอ้ธุระที่ว่าของเขานั้นมันคืออะไร
…ด้านริศา…
“ไหวไหมเนี่ยยัยลูกแมว ฉันบอกให้ยกเบาๆก่อนก็ไม่เชื่อ โอ๊ย! แล้วดูสิเนี่ย เดินยังแทบจะไม่ไหว” เสียงแป้งร่ำบ่นอุบในขณะที่ช่วยกันกับมะนาวประคองริศาเพื่อที่จะเดินไปยังรถของตัวเองซึ่งจอดอยู่ที่ลานจอดรถด้านหลังของร้านเหล้าชื่อดัง
“วันนี้ไปนอนคอนโดฉันแล้วกันนะ” มะนาวเอ่ยบอกเพราะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด
“เอางั้นเหรอ”
“อืม เอางี้แหละ คอนโดฉันใกล้สุดแล้วจากตรงนี้”
“ก็ดีเหมือนกัน เผื่อยัยนี่ตื่นมาแล้วแฮงค์จะได้ช่วยกันดู เพิ่งเคยเมาหนักครั้งแรกด้วยน่าเป็นห่วง”
“โอเค งั้นไปรถฉันกันหมดนี่แหละมีคนขับให้เผื่อเจอด่าน ส่วนรถเธอก็จอดไว้นี่ก่อนเดี๋ยวฉันให้คนมาเอาให้” ว่าแล้วมะนาวกับแป้งร่ำก็ช่วยกันพาริศาที่ตอนนี้เดินแทบจะไม่ตรงทางแต่ก็พยายามพากันเดินไปยังรถของมะนาวที่มีคนขับจอดรออยู่ ซึ่งขณะที่ทั้งสามพากันเดินไปอย่างทุลักทุเลนั้น ก็บังเอิญผ่านไปเจอเข้ากับสองชายหญิงคู่หนึ่งที่กำลังนัวเนียกันอย่างออกรสออกชาติอยู่ข้างรถสปอร์ตหรูคันหนึ่ง
“โรงแรมใกล้ๆแถวนี้ก็มีอดใจไม่ไหวกันเลยหรือไง” ด้วยความปากไวมะนาวจึงพูดพึมพำออกไปอย่างนั้น ทว่าด้วยความที่ลานจอดรถเสียงมันก้องจึงทำให้อีกสองคนนั้นได้ยิน
“เธอว่าอะไรนะยัยเด็กบ้า พูดแบบนี้หมายความว่าไงห๊ะ!” เสียงแหลมของผู้หญิงตวาดถามดังลั่นทำให้แป้งร่ำกับมะนาวต้องหันไปมอง และด้วยความเป็นคนไม่ยอมคนของทั้งสอง ทำให้แววตาที่มองกลับไปดูเอาเรื่องเช่นกัน
“ก็หมายความตามนั้นแหละ” มะนาวตอบกลับอย่างพร้อมบวกโดยที่แป้งร่ำเองก็ไม่นึกกลัวเสียงแหลมๆนั้นเช่นกัน จะมีก็แต่แป้งร่ำที่สะดุดตากับความหล่อออร่าของผู้ชายอีกคน แต่ที่ว่าสะดุดตานั้นใช่ว่าเธอจะสนใจเขา แต่เป็นเพราะว่าผู้ชายคนนั้นเป็นคนเดียวกันกับคนที่เธอคิดว่าจะลวนลามริศาเพื่อนของเธอ
“มะ…มีอะไรกันเหรอ” ริศาที่หูพอจะได้ยินแต่ตาลืมไม่ค่อยขึ้นเอ่ยถามกับเพื่อนๆ
“ฉันจะทำอะไรแล้วมันไปหนักส่วนไหนของพวกเธอ ห๊ะ!”
“หนักหัว ฮือ~ทำไมหัวฉันหนักไปหมดเลยอ่ะแป้ง มะนาว” คนเมาที่กำลังมึนหัวเป็นอย่างมากเอามือเคาะๆที่หัวตัวเองปากก็ร้องถามเพื่อนด้วยความงอแง ทว่าผู้หญิงอีกคนคิดว่าเธอนั้นยอกย้อนจึงจะเดินเข้าใส่หมายจะเอาเรื่อง
“นี่แกกวนประสาทฉันเหรอ”
“พอได้แล้ว” แต่ก่อนที่จะมีเรื่องมีราวกันไปใหญ่โตกว่านี้เสียงเข้มๆของผู้ชายก็เอ่ยปรามขึ้นด้วยใบที่ยังคงเรียบเฉย
“แต่…”
“ถ้าจะมีเรื่องก็มีไป ฉันจะได้กลับ” พูดจบชายหน้านิ่งก็เปิดประตูขึ้นรถไปอย่างไม่สนใจว่าใครจะมีเรื่องอะไรกับใครทั้งนั้น
“ดะ เดี๋ยวรอด้วยสิ” ทว่าฝ่ายหญิงพอเห็นว่าผู้ชายกำลังจะหลุดมือคนที่คิดจะมีเรื่องในตอนแรกก็เปลี่ยนเป็นวิ่งตามเขาขึ้นรถไปทันที โดยที่ก็ยังไม่วายหันมามองตาขวางใส่มะนาวและแป้งร่ำอีกครั้งเพื่อเป็นการส่งท้าย ซึ่งทั้งสองก็มองกลับไปด้วยแววตาเอาเรื่องไม่กลัวเช่นกัน
“ชิ! นึกว่าจะแน่” มะนาวพูดเย้ยพร้อมขำชอบใจ
“ผู้ชายคนนี้นี่แหละที่ฉันบอกว่าเหมือนจะลวนลามยัยลูกแมวนี่อยู่” แป้งร่ำบอกกับมะนาวพร้อมพยักพเยิดหน้าไปทางรถสปอร์ตหรูที่ยังคงจอดอยู่ไม่ได้ขับออกไปไหน
“คนนี้น่ะเหรอ”
“อืม คนนี้แหละฉันจำได้”
“หล่อดีนะฉันว่า”
“มะนาว! หล่อแต่เลวก็ไม่ไหวป่ะเธอ”
“เออๆ งั้นก็ช่างเถอะรีบพาริศากลับกันดีกว่าดูท่าน่าจะไม่ไหวแล้วแหละ”
“ตกลงมีเรื่องอะไรกันเหรอ โอ๊ย! ฉันตาลายมึนหัวไม่หายเลยอ่า ฮือ~~” มะนาวพูดไม่ทันขาดคำคนเมาก็เกิดงอแงขึ้นมาอีก
“ไม่มีอะไรแล้ว ไปๆ กลับกัน” ว่าแล้วทั้งมะนาวและแป้งร่ำก็ช่วยกันพาริศาเดินไปถึงรถคันใหญ่ของมะนาวที่มีคนขับรถจอดรออยู่ในที่สุด แต่ในขณะเดียวกันก็มีสายตามคมกริบของใครบางคนมองตามไปอยู่ตลอด จนกระทั่งพวกเธอพากันเข้าไปอยู่ในรถเรียบร้อยแล้ว เขาถึงได้ขับเคลื่อนรถของตัวเองออกไปเพื่อไปทำภารกิจของตัวเองกับคู่ขาชั่วคราวต่อบ้าง…
และอีกหลายวันผ่านไป… ภายในห้องใหม่ที่ใหญ่และหรูกว่าเดิมแต่มันกลับทำให้ริศาเหงาอย่างบอกไม่ถูก ยิ่งในช่วงเวลาวันหยุดแบบนี้ที่เธอมักจะออกไปเดินหาอะไรอร่อยๆในแบบของเธอกินแต่ที่นี่กลับหาได้ยาก “เฮ้อ~ทำอะไรกินดี” เสียงหวานบ่นพึมพำกับตัวเองอย่างคิดไม่ตก ในตู้เย็นก็มีแต่ของสดเดิมๆที่เธอทำกินมาแล้วสามสี่วัน อยากกินก๋วยเตี๋ยวหรือส้มตำเผ็ดๆที่ชอบก็ต้องขับรถออกไปซื้อซึ่งรถก็ติด ครั้นจะสั่งแบบเดริเวอรี่ก็ไม่ได้รสชาติตามที่ต้องการ มันน่าเบื่อไปหมด แต่…เธอทนได้เพราะอยากให้อีกคนนั้นพอใจครืด~~ครืด~~ เสียงโทรศัพท์ที่วางอยู่บนโต๊ะทำให้ริศาต้องละจากการนึกเมนูและหันไปมองยังหน้าจอ แล้วก็พบว่ามันสายจากเพื่อนชายที่เธอห่างหายจากการพูดคุยไปนานอยู่พอสมควร “ฮัลโหลเต” ริศากดรับสายและกรอกเสียงสดใสใส่ลงไป (ไง ยัยบ้องวันนี้วันหยุดไม่ใช่เหรอ) “ใช่ นายมีอะไรหรือเปล่าคิดถึงฉันเหรอ” (อืม คิดถึงเพื่อนคนสวย) “แหวะ ไม่ต้องมาปากหวาน ฉันไม่ใช่สาวๆของนายที่จะหลงคารมง่ายๆนะ” (หึ! ถ้าเป็นไอ้พี่ชายฉันไม่ต้องพูดก็หลงใช่ไหม) “อะ…อะไรเล่าพูดบ้าอะไรของนายเนี่ย” เสียงใสพูดติดๆขัดๆไปด้วยค
คนตัวสูงที่ยังคงนอนเหยียดขายาวอยู่บนเตียงแต่ไม่ได้ใส่ชุดเดิมบ่งบอกให้รู้ว่าเขาเองก็ไม่ได้อยู่ในห้องนี้ทั้งวัน รามมองมายังริศาที่เปิดประตูเข้ามาด้วยใบหน้าที่ราบเรียบเช่นเคยทว่าข้างๆเขามีโน๊ตบุ๊ควางอยู่ ไม่บอกก็รู้ว่าเขาคงจะทำงานไปด้วยรอเธอไปด้วย “ทำไม?” “ทำไมอะไร” อาการตกใจแปลกๆของริศาทำให้เขาต้องหรี่ตามองแล้วเอ่ยถาม “…” ซึ่งริศาก็ไม่ได้ตอบอะไร เธอเพียงแค่เดินเข้ามาเอาของวางไว้แล้วจะเดินไปเข้าห้องน้ำเพื่อเปลี่ยนชุด “เดี๋ยว” “คะ?” “ทำไมกลับเย็นขนาดนี้” “ริศาเพิ่งเลิกงานค่ะ” “แล้วทำไมต้องทำท่าทางแปลกๆอย่างนั้น” “ไม่มีอะไรค่ะ ริศาไปอาบน้ำก่อนนะคะ” ว่าจบร่างบางก็เดินเข้าห้องน้ำไป รามที่จับสังเกตได้ก็นึกในใจว่าเธอต้องมีอะไรแน่ๆ ริศาใช้เวลาอาบน้ำอยู่สักพักใหญ่ๆก็เดินออกมาพร้อมกับชุดนอนลายการ์ตูนน่ารักแบบที่เธอชอบใส่ แต่พอมองไปที่เตียงก็ยังเจอกับสายตาจับผิดของรามที่มองมาอยู่ “พี่รามมีอะไรหรือเปล่าคะ” “เธอนั่นแหละมีอะไร ทำไมต้องทำหน้าแปลกๆ” “แปลก?...แปลกยังไงค่ะริศาก็ปกติดี” คน(ไม่)ปกติดีทำทีไม่ใส่ใจแล้วเดินไปที่โต๊ะเครื่องแป้งข
หลายวันต่อมา… หลายวันผ่านมาแล้วแต่คนตัวเล็กที่เพิ่งจะเสียครั้งแรกไปยังคงมีความระบมกับช่วงล่างอยู่ไม่หาย ริศาพยายามถ่างขามองตรงนั้นของตัวเองผ่านกระจกในห้องน้ำอย่างทุลักทุเล “ไม่ค่อยแดงแล้วแต่ทำไมยังเจ็บอยู่” ไม่รู้ว่าเป็นเพราะขนาดที่ไม่ธรรมดาของเขาหรือเป็นเพราะเธอเพิ่งจะเคยโดนกันแน่ ทำไมเธอยังคงรู้สึกเจ็บ แต่ที่แน่ๆคนที่เป็นผู้ชายของเธอคนที่ฝากรอยแดงไว้ตามตัวไม่ติดต่อมาหาเธออีกเลยหลังจากวันนั้น ทว่าริศาก็ไม่คิดอะไรมากเธอยังคงคิดว่าเขามีงานยุ่ง ด้วยความไม่อยากให้เขามองว่าเธอเป็นผู้หญิงน่ารำคาญตัวริศาเองก็ไม่ได้ติดต่อไปหาเขาเช่นกัน แต่เธอก็ยังซื้อยาทุกอย่างมากินตามเขาบอกครืด~~~ ในขณะที่เธอกำลังสาละวนอยู่กับการทายาตรงจุดบอบบางอยู่นั้น โทรศัพท์ที่อยู่บนโต๊ะเครื่องแป้งด้านนอกห้องน้ำก็ดังขึ้น เธอจึงรีบจัดแจงเก็บของและตรงดิ่งไปรับสายเผื่อว่าจะเป็นผู้ชายที่เธอรอให้เขาโทรมาอยู่…แต่ว่ามันก็ไม่ใช่ “ว่าไงมะนาว” (ริศาเธอเป็นไงบ้าง ไม่สบายหายหรือยัง) มันเป็นสายของเพื่อนที่เธอโกหกว่าตัวเองไม่สบายจึงไปเรียนไม่ได้หลายวัน “ฉันดีขึ้นแล้ว พรุ่งนี้ก็ไปเรียนได้แล้วแหละ” (โ
“อ๊ะ!” ริศาร้องเสียงหลงเพราะถูกคนเอาแต่ใจใช้มือบีบไปที่หน้าอกของเธออย่างแรง แม้ว่าเธอพยายามจะพูดปรามเขายังไงก็ไม่เป็นผล “พอก่อนค่ะพี่ราม” “อยู่เฉยๆน่า” เขาใช้มือของตัวเองเพียงข้างเดียวรวบทั้งสองแขนของเธอให้ขึ้นไปอยู่เหนือศีรษะอย่างง่ายดาย หลังจากนั้นจึงกดจูบไปที่ริมฝีปากบางของเธออีกครั้ง “อื๊อ~~” มันเป็นจูบที่เร่าร้อนและรุนแรงกว่าครั้งก่อนทำให้คนใต้ร่างเกือบจะหายใจไม่ทัน ดีที่เขายังปราณีให้เธอได้พักบ้าง ทว่าแค่เพียงไม่นานเขาก็บดขยี้ริมฝีปากบางของเธอใหม่ ทำอยู่อย่างนั้นวนไปกระทั่งริมฝีปากสวยของเธอเริ่มชาจากการถูกกดจูบเป็นเวลานานๆ และแม้ว่าคนตัวโตจะนึกสงสาร แต่ก็ช่วยไม่ได้ เพราะปากเธอมันดันหวานถูกใจเขาเองพรึบ! คนตัวเล็กถูกเขาฉุดให้ลุกตามขึ้นมานั่งก่อนที่เขาจะตวัดแขนไปทางด้านหลังเพื่อรูดซิปชุดเดรสลงมา ทุกอย่างมันเร็วไปหมดจนเธอเองก็ไม่ทันตั้งตัว มารู้ตัวอีกที่ก็ตอนที่เขาดึงชุดสีหวานของเธอมากองลงตรงเอวบางเสียแล้ว ซึ่งการกระทำนั้นก็เผยให้เห็นหน้าอกอวบอิ่มที่ตั้งชูชันสู้ตาคนตรงหน้า… “อย่ามองนะคะ” ด้วยความเขินอายเธอพยายามใช้มือขึ้นมาปกปิดแต่ก็ถูกเขาดึงออกและ
ไอริสเดินเข้ามาด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มให้กับทุกคนก่อนที่จะมาหย่อนตัวนั่งลงที่โซฟาตรงข้ามริศาและยื่นกล่องของขวัญให้เจ้าของวันเกิด ซึ่งรามก็รับมาด้วยใบหน้าเรียบนิ่งเหมือนเช่นเคย “สวัสดีค่ะพี่ไอริส” ริศารีบยกมือขึ้นไหว้ทักทายคนมาใหม่อย่างดีใจที่ได้เจอกันอีกครั้ง “สวัสดีจ้ะริศา วันนี้สวยจังนะ” ไอริสเอ่ยชมพลางขยิบตาให้สาวรุ่นน้องอย่างเหมือนจะมีอะไรที่รู้กัน “ยังสวยไม่ได้ครึ่งหนึ่งของพี่ไอริสเลยค่ะ” “ว่าไปนั่น ปากหวานตลอดเลยนะเด็กคนนี้” ไอริสยิ้มหวานชอบใจ โอ๊ะ! แล้วนั่นดื่มอะไรน่ะ น้ำเปล่าเหรอ” “ค่ะ เพิ่งทานอาหารอิ่มได้สักพักเลยดื่มน้ำเปล่าเดี๋ยวจะเปลี่ยนเป็นน้ำอัดลมแล้วค่ะ” “โอ๊ย เด็กอนามัยก็มา ไม่ได้สิวันเกิดเพื่อนพี่ทั้งทีต้องดื่มกันหน่อย” ว่าแล้วไอริสก็ลุกขึ้นจากโซฟาและเดินไปหยิบแก้วค็อกเทลมาสองแก้วยื่นให้ริศาแก้วนึง “เอ่อ…” ริศารับมาแต่ก็ทำท่าเหมือนไม่กล้าดื่ม จนไอริสต้องกระดกแก้วในมือนำก่อนจนหมดและชูให้เธอดู “อร่อยนะ” “…” “ไม่ต้องกลัวหรอก ถ้าเมาเดี๋ยวรามก็ดูแลเองแหละ ใช่ไหมราม” ไอริสหันไปถามกับรามเหมือนเป็นเชิงขออนุญาตให้ริศาดื่
วันต่อมา… หลังจากกลับมาจากมหาลัยในช่วงบ่ายริศาที่ลาหยุดงานพาร์ทไทม์ของตัวเองแล้วก็รีบตรงดิ่งมายังห้องพัก เพื่อจัดแจงเตรียมตัวที่จะไปงานวันเกิดของราม คนตัวเล็กมีความกระตือรือร้นเป็นอย่างมากกับการที่จะได้เจอกับคู่หมั้นหนุ่มในครั้งนี้ เธอทั้งรีบกลับมาเพื่อจะใช้เวลาในการขัดและบำรุงผิวในห้องน้ำ ไหนจะมาร์กหน้านวดหน้าของตัวเองให้ดูใสขึ้น อีกทั้งยังลงทุนซื้อชุดใหม่ในแบบที่เพื่อนแนะนำ ถึงแม้มันจะแพงไปสักหน่อยแต่เพื่อคนที่เธอคิดว่าเขาพิเศษ ครั้งนี้เธอจะกัดฟันยอมจ่ายแม้ว่าในใจจะเสียดายเงินแค่ไหนก็ตาม “สวยสมราคาจริงๆแหะ” เดรสชมพูสีโปรดถูกยกขึ้นมาทาบกับตัวที่หน้ากระจกพร้อมร้อยยิ้มที่ดูสดใสกว่าทุกๆวัน ถึงแม้สีมันจะหวานแหววไปหน่อยทว่าช่วงไหล่กลับปาดลงโชว์ไหปลาร้าสวยและผิวขาวผ่องให้ลุคหวานซ่อนเปรี้ยว เหตุผลที่เธอรีบกลับมาบ่มผิวบำรุงตัวก็เพราะแบบนี้นี่แหละ วันพิเศษของเขาทั้งที งานนี้เธอต้องโชว์ผิวออร่าของตัวเองให้สุด “สั้นไปหรือเปล่านะ” ถึงแม้จะพยายามมั่นใจในตัวเองเข้าไว้อย่างที่เพื่อนๆและไอริสแนะนำแต่เธอก็ยังกังวลในส่วนของกระโปรงที่มันเลยขึ้นมาเหนือเข่าอยู่ดี ริศายืนมองตัวเองคู่กับ