“จำเอิงได้ไหมคะ” เสียงใสเอ่ยถามพร้อมเดินเข้าประชิดตัวเกือบจะติดกับเขา ทำราวกับว่าสนิทสนมกับเขามานาน
จะไม่สนิทได้ยังไงก็เธอเคยเนื้อแนบเนื้อกับเขามาก่อน…
“…” รามขมวดคิ้วทำหน้างงอยู่พักใหญ่ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าเคยเจอเธอแล้วครั้งนึงในผับแห่งหนึ่งและไปต่อด้วยกัน แต่ก็แค่เพียงครั้งเดียวแล้วก็ไม่เคยติดต่อกับเธออีกเลย
“พี่รามมาทำอะไรที่นี่คะ”
“ธุระ”
“ธุระอะไรน้าในหอนักศึกษา”
“ไม่ใช่เรื่องของเธอ” เสียงเรียบตอบกลับพร้อมเมินหน้าไปทางอื่นอย่างรู้สึกนึกรำคาญอยู่ลึกๆ หญิงสาวที่เห็นท่าทางแบบนั้นก็ชะงักไปชั่วครู่ แต่พอนึกถึงความเร่าร้อนของคนตัวสูงในค่ำคืนนั้นแล้วก็กล้าที่จะเดินหน้าต่อ
“แล้วเสร็จธุระหรือยังคะ ถ้าไม่ได้มีธุระที่ไหนต่อ…ห้องเอิงมีอะไรให้ทำน้า” สาวหน้าหวานจีบปากจีบคอพูดอย่างมีจริตจะก้านเธอรู้ดีว่าชายหนุ่มอย่างเขาชอบอะไรแบบไหน ซึ่งรามเองที่ยืนมองท่าทางพวกนั้นอยู่ก็ไม่ได้เอ่ยตอบอะไร แต่ในหัวกลับนึกไปถึงร่างเล็กอีกคนที่ก็เพิ่งเอ่ยชวนเขาขึ้นไปบนห้องเช่นกัน แต่การชวนในความหมายช่างต่างกันลิบลับกับเธอคนนี้
“ว่าไงคะ สนใจไหม”
รามมองดูนาฬิกาข้อมือก็เห็นว่าเพิ่งจะเที่ยงตรง ยังพอมีเวลา และคนที่อยู่ข้างบนห้องนั้นก็คงจะกำลังอาบน้ำเตรียมตัวอยู่
“อืม” จึงตอบตกลงคนตรงหน้ากลับไปในลำคอ
จะเป็นไรไปถ้าเขาจะหาอะไรสนุกๆทำในระหว่างที่รอคนตัวเล็ก…
ตึก!
ตึก!
หญิงสาวที่อยู่ๆก็เจอคนที่ถูกใจอีกครั้งเดินนวยนาดนำเขาเข้ามาภายในตึกเดียวกันกับริศา ซึ่งห้องของเธอคนนี้อยู่ที่ชั้นสอง ส่วนห้องของริศาอยู่ที่ชั้นสาม
“ขอเวลาสามนาทีนะคะ เก็บของแป๊บเดียว” เสียงหวานเอ่ยบอกกับรามอย่างออดอ้อนก่อนจะเปิดประตูเดินเข้าไปปล่อยให้เขารออยู่ข้างนอกก่อนโดยที่ไม่รู้เลยว่าคนที่เธอบังอาจให้เขารอนั้นเกลียดอะไรที่ลีลาเยอะแบบนี้เป็นที่สุด
“…” ซึ่งพอประตูปิดลงใบหน้าหล่อเหลาของรามก็ดูหงุดหงิดรำคาญใจกับท่าทางพวกนั้นเป็นอย่างมาก เขาไม่ชอบผู้หญิงที่มีจริตเยอะแยะแม้ว่าส่วนมากจะได้ร่วมรักกับพวกเธอเหลานี้บ่อยก็ตาม แต่นั่นก็เป็นเพียงแค่การสนุกชั่วครั้งชั่วคราวเท่านั้น
“เรื่องเยอะ” ไม่ต้องรอให้ถึงสามนาทีตามที่หญิงสาวบอก ร่างสูงของรามก็เปลี่ยนทิศทางเดินไปยังบันไดเพื่อขึ้นไปห้องข้างบนอีกชั้นทันที
แกร๊ก!
เขาเปิดประตูเดินเข้ามาก็เห็นว่าภายในห้องไม่มีคนตัวเล็กอยู่จึงนึกรู้ได้ว่าเธอคงจะอาบน้ำ
“นี่ก็ชักช้า” ปากก็พึมพำบ่นไปแต่ก็เดินไปนั่งที่โซฟาตัวเดิมเพื่อรอเธออยู่ดี
และเพียงไม่กี่นาทีคนตัวเล็กที่เพิ่งอาบน้ำเสร็จก็เดินออกมาพร้อมกับกลิ่นสบู่หอมอ่อนๆลอยฟุ้งไปทั่ว
“โอ๊ะ! พี่ราม ขึ้นมาเร็วจังคะ”
“เร็วอะไร ฉันไปสูบบุหรี่เกือบครึ่งชั่วโมง” เสียงเข้มเอ่ยบอกแต่ตาคมกลับไปโฟกัสตรงขาขาวเนียนที่โผล่พ้นมาจากเสื้อคลุมอาบน้ำลายการ์ตูนน่ารักเสียอย่างนั้น
“มัวยืนทำไม ไปแต่งตัวได้แล้ว” เขาทำทีเป็นเบือนหน้าหนีไปทางอื่น ทว่าความขาวของขาเล็กนั้นยังคงติดตาอยู่ ไหนจะกลิ่นหอมๆจากสบู่นั่นก็อีก แม้จะไม่ได้ชอบผู้หญิงที่ดูจืดชืดอย่างริศาสักเท่าไหร่ แต่เขาก็อดยอมรับไม่ได้เลยว่าเธอมีอะไรบางอย่างที่มันดึงดูดให้เขาต้องมอง
ริศาใช้เวลาแต่งตัวแต่งหน้าไม่ถึงสิบห้านาทีทุกอย่างก็เสร็จเรียบร้อย เธอเป็นคนที่ไม่ได้ชอบแต่งอะไรมากจึงใช้เวลาไม่นาน แต่ไม่น่าเชื่อว่าในเวลาไม่นานที่เธอใช้ไปนั้น มีสายตาคมของรามจ้องมองอยู่ตลอดเวลาโดยที่เธอเองก็ไม่รู้ตัวเลย
“เรียบร้อยแล้วค่ะ ไปกัน”
“อืม”
ภายในรถ…
“พี่รามหาอะไรคะ” ในขณะที่ทั้งสองเข้ามาอยู่ภายในรถแล้วแต่ยังไม่ได้ขับออกไป เพราะรามมัวแต่ก้มๆเงยๆเปิดนั่นเปิดนี่เหมือนหาอะไรอยู่พักใหญ่จนริศาอดไม่ได้ที่จะเอ่ยถาม
“หาแหวน” รามตอบกลับทั้งยังคงควานหาของไปเรื่อยจนกระทั่งไปเจอเข้ากับกล่องกำมะหยี่สีแดงสดที่ซ่อนอยู่ในลิ้นชักลับเล็กๆภายในรถ เขาจึงหยิบมันขึ้นมาเปิดและสวมแหวนนั้นกลับเข้าไปที่นิ้วนางของตัวเอง
“…” ริศาที่นั่งมองอยู่ก็ไม่กล้าพูดหรือถามอะไรต่อ ได้แต่รู้สึกหน่วงๆอยู่ในใจ ถึงจะไม่เคยเห็นเขาใส่มันเลยแต่ก็ไม่คิดว่าเขาจะปล่อยปะละเลยมันจนลืมว่าเก็บเอาไว้ตรงไหน
“…” คนตัวเล็กเอาแต่นั่งนิ่งใช้นิ้วหัวแม่มือลูบไปมาที่แหวนของตัวเองอยู่อย่างนั้นจนกระทั่งรามหันมามอง
“ไม่จำเป็นต้องใส่ตลอดเวลาก็ได้นะ” อยู่ๆเขาก็เอ่ยบอกกับเธอ
“คะ?”
“เธอก็รู้ว่าฉันหมั้นกับเธอเพราะอะไร ไม่จำเป็นต้องใส่มันไว้ตลอดก็ได้ เผื่อมีคนอื่นมาจีบเขาจะได้ไม่ต้องคิดมาก” รามพูดด้วยน้ำเสียงปกติคล้ายจะบอกว่าไม่คิดอะไรหากว่าเธอจะมีคนอื่น แต่เขาช่างไม่รู้เลยว่าคำพูดของเขาทำเอาใจเธอเจ็บร้าวไปหมดจนเธอพูดอะไรแทบจะไม่ออก
“ค่ะ ริศาก็รู้เหมือนกันว่าหมั้นกับพี่เพราะอะไร” เสียงหวานเอ่ยพูดทั้งยังคงมองแหวนหมั้นบนนิ้วนางอยู่เช่นนั้น จนมารู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่มีมือของรามเอื้อมมาจับมือเธอ
“ทำหน้าแบบนี้แสดงว่าไม่ได้หมั้นกับฉันเพราะแค่แม่ฉันมีบุญคุณกับเธอสินะ”
“คะ?”
“แค่บอกว่าชอบฉันมันยากนักหรือไง”
“พะ พูดอะไรคะ” จากที่ตอนแรกนั่งก้มหน้ามองแหวนอยู่ พอได้ยินในสิ่งที่รามพูดริศากลับเงยขึ้นมาทำหน้าเลิ่กลั่กเสียอาการไปหมด เหมือนคนทำอะไรผิดแล้วถูกจับได้
“หึ!” จนคนข้างๆนึกขำ
“เธอชอบฉันเหรอ?”
“เปล่าค่ะ”
“โกหก อาการเธอเวลาเจอฉันมันฟ้อง”
“…” พอถูกซักไซ้ไล่เลียงหนักเข้าริศาก็หมดคำที่จะโต้เถียงกลับ
“ก็แค่พูดมา”
“จะให้พูดยังไงคะ ริศาเป็นผู้หญิง”
“เราหมั้นกันแล้ว ไม่มีใครว่าหรอกน่ะ”
“แต่พี่รามไม่ได้ชอบริศา”
“ฉันก็กำลังเปิดใจให้เธออยู่นี่ไง”
“จะ…จริงเหรอคะ”
“…”
“…”
ภายในรถเกิดความเงียบเข้ามาปกคลุมทันที เพราะรามเองก็ไม่ยอมตอบอะไรกลับไปอีกเช่นกัน เขานั่งมองหน้าเธออยู่อย่างนั้นจนกระทั่ง…
“ตอบมาก่อนว่าชอบฉันใช่ไหม?” รามยังคงถามคำถามเดิมกับเธอ ทว่าดูจริงจังกว่าเดิมเป็นอย่างมาก เขาค่อยๆใช้มือเข้าไปจับที่คางเล็กของเธอให้หันมองหน้าสบตากัน พร้อมกันนั้นก็จ้องหน้ารอคำตอบ
“ค่ะ ริศาชอบพี่” จนในที่สุดคนตัวเล็กก็ยอมเอ่ยปาก นั่นจึงทำให้รามเผยยิ้มออกมาอย่างรู้สึกพอใจและขยับใบหน้าเข้าไปใกล้เธออีกจนปากของทั้งคู่อยู่ติดกัน
เขาแตะริมฝีปากของตัวเองลงบนริมฝีปากบางของเธออยู่อย่างนั้นเนิ่นนานเกือบนาที…
“ก็แค่นั้น” ก่อนจะผละออกมาอย่างอ้อยอิ่งและเอ่ยพูดกับเธอด้วยแววตาที่ดูเปลี่ยนไป
“จะไปกันเลยไหม…หรือจะ”
“ปะ ไปกันเลยก็ได้ค่ะ”
“หึ! นึกว่าอยากจะให้ฉันทำมากกว่านั้นซะอีก”
“พี่ราม!!” ริศามองค้อนอีกคนด้วยใบที่แดงกล่ำเพราะความเขิน ทำให้รามที่มองอยู่ก็ยิ่งนึกขำเข้าไปใหญ่กับอาการที่เธอเป็น จนกระทั่งคนตัวเล็กเริ่มทำสีหน้าบึ้งตึงกลบเกลื่อนเขาจึงได้เลิกแกล้งและขับรถออกไป
@บ้านอัครสิริไพศาล…
ตลอดทางที่รามขับรถพาริศามาภายในรถก็มีแต่ความเงียบมาตลอดทาง ไม่มีใครชวนพูดคุยอะไรกันเหมือนเช่นเคย แต่ทว่าครั้งนี้ริศากลับไม่ได้นั่งตัวเกร็งเหมือนทุกครั้งที่ได้นั่งในรถมากับเขา อาจจะเป็นเพราะว่ารามไม่ได้ทำสีหน้าดุดันใส่เธอเหมือนเช่นแต่ก่อน หรืออาจจะเป็นเพราะความสัมพันธ์ของเธอกับเขาเริ่มดีขึ้นริศาก็ไม่อาจรู้ได้ แต่ที่แน่ๆก็คือเธอรู้สึกดีมากที่เป็นอยู่ตอนนี้
“ถึงแล้วลงสิ หรือว่า…”
“ละ…ลงแล้วค่ะ” ริศาที่รู้ตัวว่าจะถูกแกล้งอีกครั้งรีบขยับตัวลงจากรถและเดินนำเขาไป โดยที่ก็มีร่างสูงของรามเดินตามมาติดๆ
จนกระทั่งทั้งสองเดินเข้ามาภายในตัวบ้าน…
“ริศา มาได้ไงลูก” กรกนกที่ดูเหมือนกำลังนั่งพูดคุยอยู่กับใครอีกคนก็รีบเดินปรี่เข้ามาหาเธอ
“สวัสดีค่ะ เอ่อ…มากับพี่รามค่ะ ป้ากนกไม่ทราบเหรอคะว่าริศาจะมา” ริศาถามกรกนกกลับด้วยความงุนงงกับท่าทางของหญิงวัยกลางคน ที่ดูจะไม่รู้ว่าเธอจะมาที่นี่ในวันนี้
“ฉันไม่ได้บอกใครว่าจะมา” รามบอกกับริศาทว่าสีหน้าและท่าทางเปลี่ยนไปไม่เหมือนกับช่วงก่อนหน้าที่จะเดินเข้ามา ทำให้ริศานึกแปลกใจแต่ก็ไม่ได้คิดอะไรมาก
“ไหนๆมาก็ดีแล้วลูก มานี่เลยป้าจะแนะนำใครให้รู้จัก” กรกนกเดินจูงมือริศาไปยังโซฟาชุดหรูที่มีหญิงสาวอีกคนนั่งอยู่โดยที่ไม่สนใจจะหันไปมองหน้าลูกชายเลย
“ผมไปหาเตก่อนนะ” รามที่ถูกแม่ตัวเองมองเป็นอากาศธาตุจึงขอปลีกตัวเดินขึ้นไปยังด้านบนของบ้าน ซึ่งกรกนกก็ไม่สนใจจะตอบกลับหรือเอ่ยทักทายใดๆเพราะยังคงขุ่นเคืองใจกับลูกชายตั้งแต่ที่เจอกันในครั้งก่อนอยู่
“งอนกันเหรอคะ” ริศาถามกับกรกนกเพราะรู้สึกถึงความผิดปกติ
“ไม่มีอะไรหรอกจ้ะ เออนี่ คนนี้พี่ไอริสนะ ว่าที่สะใภ้ของบ้านป้าอีกคน” กรกนกเปลี่ยนเรื่องคุยด้วยการแนะนำใครอีกคนให้เธอได้รู้จัก ริศาจึงหันไปยิ้มให้หญิงสาวอีกคนพร้อมกับยกมือขึ้นสวัสดี”
“พี่ไอริสเป็นแฟนกับพี่เรียวตะ ริศาเคยเจอหรือยังนะลูก พี่เขาก็เป็นเพื่อนรุ่นเดียวกับพี่รามนะ”
“ยังเลยค่ะ ริศาเคยเจอแค่พี่เพทายกับพี่เสือผ่านๆ” คนตัวเล็กส่ายหน้าปฏิเสธเพราะเธอก็ยังไม่เคยเจอกับไอริสจริงๆ
“จริงสิ ช่วงที่ไอริสมาบ้านป้าบ่อยๆหนูก็ไม่ค่อยได้มาเนาะ”
“ค่ะ”
“น้องริศาน่ารักเหมือนที่คุณน้าคุยไว้จริงๆด้วยค่ะ” ไอริสที่นั่งอยู่เงียบๆในตอนแรกเอ่ยขึ้นพร้อมยิ้มให้ริศาอย่างเป็นมิตร ริศาเองก็ยิ้มตอบกลับไปเช่นกัน และดูเหมือนว่าทั้งสองจะถูกชะตากันและกันเป็นอย่างมาก
“ไอริสเห็นด้วยกับน้าใช่ไหม”
“ค่ะ พอได้เจอตัวจริงก็ยิ่งเห็นด้วยเลยค่ะ” ใบหน้าสวยยิ้มปริ่มพลางมองริศาอย่างรู้สึกนึกเอ็นดูตั้งแต่แรกเห็น
“…” ก็มีแต่ริศาที่นั่งทำหน้างงในขณะที่ไอริสกับกรกนกคุยกัน ซึ่งมันเป็นเรื่องที่เธอไม่เข้าใจไปกับทั้งสองด้วยเลย
“มีอะไรกันเหรอคะ เห็นด้วยอะไรกัน”
“ฮ่าๆ ไม่มีอะไรหรอกน้องริศา พี่หมายถึงว่าพี่เห็นด้วยที่น้ากนกบอกว่าริศาเป็นคนน่ารักน่ะ”
“อ๋อ แหะๆ” พอหญิงสาวอีกคนอธิบายขยายความริศาจึงได้พอเข้าใจ(ในความคิดของเธอเอง) และยิ้มเขินๆที่ถูกชม
“ดีจังวันนี้มากันพร้อมหน้าเลย อยู่ทานข้าวเย็นด้วยกันทุกคนนะ เดี๋ยวรอเรียวตะมาถึงอีกคนก็ครบแล้ว” กรกนกยกยิ้มชื่นใจที่นานๆทีจะได้อยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตา และก็ไม่วายนึกไปถึงสามีของตัวเองด้วยว่าคงจะมีความสุขมากเช่นกัน
ด้านราม…
“มาถูกจังหวะถูกวันซะด้วยนะ” เสียงขบขันปนล้อเลียนของเตมินทร์เอ่ยขึ้นในขณะที่พี่ชายของตัวเองนั่งหน้าตึงอยู่ที่โซฟา
“เงียบแล้วเล่นเกมส์ของแกไป”
“ฮ่าๆ กะจะมาเซอร์ไพรส์แม่แต่ดันมาโดนเซอร์ไพรส์ก่อน”
“บอกให้เงียบ”
“เออๆไม่ล้อแล้วก็ได้” เตมินทร์จำต้องรีบสงบปากคำเอาไว้เพราะถูกสายตาดุๆของพี่ชายมองมาอย่างเอาเรื่องจริงๆ แต่ก็ยังไม่วายแอบอมยิ้มขำๆ
“ว่าแต่นึกยังไงพาริศามา” เตมินทร์เปลี่ยนเรื่องคุย
“ก็แม่บ่นว่าอยากเจอ”
“เลยกะว่าพามาเอาใจ?”
“อืม”
“คิดได้ก็ดี แต่จะให้ดีกว่านี้ถ้าแกเก็บอาการเวลาเจอกับพี่ไอริสได้” ครั้งนี้เตมินทร์พูดจริงจังไม่ได้มีความล้อเล่นอยู่ในแววตาเลยสักนิด
“จะพยายาม” เจ้าของริมฝีปากหนาได้รูปจึงตอบกลับน้องชายไปแต่ภายในหัวยังคงนึกคิด จะทำอย่างไรให้ตัวเองไม่ออกอาการเหมือนทุกครั้ง เขาต้องฝืนทำในสิ่งที่ไม่อยากทำเพื่อให้ทุกคนได้สบายใจ ทั้งที่ใจยังตัดขาดจากความรักไม่ได้แต่ก็ต้องมานั่งปั้นหน้ารับรู้ว่าคนที่ตัวเองรักเป็นของคนอื่นไปแล้ว จะมีใครบ้างที่เห็นใจเขา…
17.00น.
ช่วงเวลาอาหารมื้อเย็นของบ้านมาถึงแล้ว ทุกคนภายในบ้านต่างมารวมตัวกันอยู่บนโต๊ะอาหารหรูขนาดใหญ่ โดยปกติแล้วเวลานี้จะมีแค่เพียงกรกนกกับราเมศที่นั่งทานอาหารด้วยกันเสียเป็นส่วนมาก จะมีพวกลูกๆแวะเวียนมาร่วมโต๊ะบ้างเป็นบางครั้ง แต่ก็น้อยครั้งมากที่จะมากันครบแบบนี้ ด้วยอะไรหลายๆอย่างที่ทุกคนต่างรู้ดี จึงทำให้ไม่ค่อยได้มารวมตัวกัน…
“ข้าวมื้อนี้คงจะอร่อยน่าดูเลยนะคุณ” กรกนกหันคุยกับสามีที่วันนี้ดูจะหน้าตาสดชื่นเป็นพิเศษหลังจากหายจากอาการป่วย แต่ก็ยังมีสีหน้าเพลียๆอยู่บ้าง
“คุณลุงทานเยอะๆนะคะ ริศาทำไข่ตุ๋นนุ่มๆแบบที่คุณลุงชอบไว้ด้วยค่ะ” ริศาเอ่ยบอกพร้อมกับผายมือไปที่ถ้วยไข่ตุ๋นที่เธอขอเป็นคนลงมือทำเอง ราเมศที่เห็นก็ยิ้มชอบใจในความรู้จักใส่ใจคนรอบๆข้างเสมอจากคนตัวเล็กที่เขาเองก็เห็นเธอมาตั้งแต่เด็กๆและรักเหมือนลูกเหมือนหลานคนนึง
“ทำเป็นด้วยเหรอ” รามที่นั่งอยู่ข้างๆกันหันถามขึ้น
“เป็นสิค่ะ แค่พี่รามไม่เคยเห็น”
“ยัยนี่ทำเป็นแทบทุกอย่างแหละ ว่างๆก็ให้ไปทำให้กินสิ” เตมินทร์ยุยงทันที
“นั่นสิ ว่างๆก็ไปทำอาหารให้พี่เขาทานบ่อยๆนะริศา” ราเมศเสริมขึ้นด้วยอีกคน
“ไปได้ค่ะ แต่ว่า…พี่รามจะอยากทานหรือเปล่า” ริศาหันไปยิ้มเขินๆเป็นเชิงขอคำตอบจากคนด้านข้าง ซึ่ง…
“ถ้าเธอทำฉันก็กิน จะไปวันไหนก็บอก” รามก็ตอบกลับโทนเสียงฟังดูอบอุ่นกว่าที่เคย พร้อมกันนั้นก็ยกมือขึ้นไปเกลี่ยไรผมของริศาที่ตกลงมาไปทัดไว้ข้างหูให้ การกระทำของเขาทั้งหมดอยู่ในสายตาทุกคน กรกนกที่ดูจะถูกใจกว่าใครก็หันไปลอบยิ้มให้ไอริสและราเมศเป็นระยะๆ ซึ่งหารู้ไม่ว่าสิ่งที่ลูกชายตัวเองทำนั้นเป็นเพียงแค่การแสดง เขาไม่ได้อยากที่จะทำอะไรเลี่ยนๆแบบนี้เลยแค่ทำไปให้ทุกคนสบายใจ จะมีก็เพียงเตมินทร์เท่านั้นที่รู้ใจเขาที่สุดแต่ทว่าลึกๆแล้วก็แอบสงสารเพื่อนตัวเล็กเหมือนกันที่ดันไม่รู้อะไรเลย
ริศาเอาแต่ยิ้มเขินหน้าแดงที่รามทำเหมือนใส่ใจเธอต่อหน้าคนอื่น แม้ว่าจะรู้สึกแปลกๆอยู่ในใจแต่เธอก็อดยอมรับไม่ได้ว่าเธอชอบรามที่เป็นแบบนี้เอามากๆ… มากเสียจนเธออยากให้เขาเป็นแบบนี้ไปตลอด
และอีกหลายวันผ่านไป… ภายในห้องใหม่ที่ใหญ่และหรูกว่าเดิมแต่มันกลับทำให้ริศาเหงาอย่างบอกไม่ถูก ยิ่งในช่วงเวลาวันหยุดแบบนี้ที่เธอมักจะออกไปเดินหาอะไรอร่อยๆในแบบของเธอกินแต่ที่นี่กลับหาได้ยาก “เฮ้อ~ทำอะไรกินดี” เสียงหวานบ่นพึมพำกับตัวเองอย่างคิดไม่ตก ในตู้เย็นก็มีแต่ของสดเดิมๆที่เธอทำกินมาแล้วสามสี่วัน อยากกินก๋วยเตี๋ยวหรือส้มตำเผ็ดๆที่ชอบก็ต้องขับรถออกไปซื้อซึ่งรถก็ติด ครั้นจะสั่งแบบเดริเวอรี่ก็ไม่ได้รสชาติตามที่ต้องการ มันน่าเบื่อไปหมด แต่…เธอทนได้เพราะอยากให้อีกคนนั้นพอใจครืด~~ครืด~~ เสียงโทรศัพท์ที่วางอยู่บนโต๊ะทำให้ริศาต้องละจากการนึกเมนูและหันไปมองยังหน้าจอ แล้วก็พบว่ามันสายจากเพื่อนชายที่เธอห่างหายจากการพูดคุยไปนานอยู่พอสมควร “ฮัลโหลเต” ริศากดรับสายและกรอกเสียงสดใสใส่ลงไป (ไง ยัยบ้องวันนี้วันหยุดไม่ใช่เหรอ) “ใช่ นายมีอะไรหรือเปล่าคิดถึงฉันเหรอ” (อืม คิดถึงเพื่อนคนสวย) “แหวะ ไม่ต้องมาปากหวาน ฉันไม่ใช่สาวๆของนายที่จะหลงคารมง่ายๆนะ” (หึ! ถ้าเป็นไอ้พี่ชายฉันไม่ต้องพูดก็หลงใช่ไหม) “อะ…อะไรเล่าพูดบ้าอะไรของนายเนี่ย” เสียงใสพูดติดๆขัดๆไปด้วยค
คนตัวสูงที่ยังคงนอนเหยียดขายาวอยู่บนเตียงแต่ไม่ได้ใส่ชุดเดิมบ่งบอกให้รู้ว่าเขาเองก็ไม่ได้อยู่ในห้องนี้ทั้งวัน รามมองมายังริศาที่เปิดประตูเข้ามาด้วยใบหน้าที่ราบเรียบเช่นเคยทว่าข้างๆเขามีโน๊ตบุ๊ควางอยู่ ไม่บอกก็รู้ว่าเขาคงจะทำงานไปด้วยรอเธอไปด้วย “ทำไม?” “ทำไมอะไร” อาการตกใจแปลกๆของริศาทำให้เขาต้องหรี่ตามองแล้วเอ่ยถาม “…” ซึ่งริศาก็ไม่ได้ตอบอะไร เธอเพียงแค่เดินเข้ามาเอาของวางไว้แล้วจะเดินไปเข้าห้องน้ำเพื่อเปลี่ยนชุด “เดี๋ยว” “คะ?” “ทำไมกลับเย็นขนาดนี้” “ริศาเพิ่งเลิกงานค่ะ” “แล้วทำไมต้องทำท่าทางแปลกๆอย่างนั้น” “ไม่มีอะไรค่ะ ริศาไปอาบน้ำก่อนนะคะ” ว่าจบร่างบางก็เดินเข้าห้องน้ำไป รามที่จับสังเกตได้ก็นึกในใจว่าเธอต้องมีอะไรแน่ๆ ริศาใช้เวลาอาบน้ำอยู่สักพักใหญ่ๆก็เดินออกมาพร้อมกับชุดนอนลายการ์ตูนน่ารักแบบที่เธอชอบใส่ แต่พอมองไปที่เตียงก็ยังเจอกับสายตาจับผิดของรามที่มองมาอยู่ “พี่รามมีอะไรหรือเปล่าคะ” “เธอนั่นแหละมีอะไร ทำไมต้องทำหน้าแปลกๆ” “แปลก?...แปลกยังไงค่ะริศาก็ปกติดี” คน(ไม่)ปกติดีทำทีไม่ใส่ใจแล้วเดินไปที่โต๊ะเครื่องแป้งข
หลายวันต่อมา… หลายวันผ่านมาแล้วแต่คนตัวเล็กที่เพิ่งจะเสียครั้งแรกไปยังคงมีความระบมกับช่วงล่างอยู่ไม่หาย ริศาพยายามถ่างขามองตรงนั้นของตัวเองผ่านกระจกในห้องน้ำอย่างทุลักทุเล “ไม่ค่อยแดงแล้วแต่ทำไมยังเจ็บอยู่” ไม่รู้ว่าเป็นเพราะขนาดที่ไม่ธรรมดาของเขาหรือเป็นเพราะเธอเพิ่งจะเคยโดนกันแน่ ทำไมเธอยังคงรู้สึกเจ็บ แต่ที่แน่ๆคนที่เป็นผู้ชายของเธอคนที่ฝากรอยแดงไว้ตามตัวไม่ติดต่อมาหาเธออีกเลยหลังจากวันนั้น ทว่าริศาก็ไม่คิดอะไรมากเธอยังคงคิดว่าเขามีงานยุ่ง ด้วยความไม่อยากให้เขามองว่าเธอเป็นผู้หญิงน่ารำคาญตัวริศาเองก็ไม่ได้ติดต่อไปหาเขาเช่นกัน แต่เธอก็ยังซื้อยาทุกอย่างมากินตามเขาบอกครืด~~~ ในขณะที่เธอกำลังสาละวนอยู่กับการทายาตรงจุดบอบบางอยู่นั้น โทรศัพท์ที่อยู่บนโต๊ะเครื่องแป้งด้านนอกห้องน้ำก็ดังขึ้น เธอจึงรีบจัดแจงเก็บของและตรงดิ่งไปรับสายเผื่อว่าจะเป็นผู้ชายที่เธอรอให้เขาโทรมาอยู่…แต่ว่ามันก็ไม่ใช่ “ว่าไงมะนาว” (ริศาเธอเป็นไงบ้าง ไม่สบายหายหรือยัง) มันเป็นสายของเพื่อนที่เธอโกหกว่าตัวเองไม่สบายจึงไปเรียนไม่ได้หลายวัน “ฉันดีขึ้นแล้ว พรุ่งนี้ก็ไปเรียนได้แล้วแหละ” (โ
“อ๊ะ!” ริศาร้องเสียงหลงเพราะถูกคนเอาแต่ใจใช้มือบีบไปที่หน้าอกของเธออย่างแรง แม้ว่าเธอพยายามจะพูดปรามเขายังไงก็ไม่เป็นผล “พอก่อนค่ะพี่ราม” “อยู่เฉยๆน่า” เขาใช้มือของตัวเองเพียงข้างเดียวรวบทั้งสองแขนของเธอให้ขึ้นไปอยู่เหนือศีรษะอย่างง่ายดาย หลังจากนั้นจึงกดจูบไปที่ริมฝีปากบางของเธออีกครั้ง “อื๊อ~~” มันเป็นจูบที่เร่าร้อนและรุนแรงกว่าครั้งก่อนทำให้คนใต้ร่างเกือบจะหายใจไม่ทัน ดีที่เขายังปราณีให้เธอได้พักบ้าง ทว่าแค่เพียงไม่นานเขาก็บดขยี้ริมฝีปากบางของเธอใหม่ ทำอยู่อย่างนั้นวนไปกระทั่งริมฝีปากสวยของเธอเริ่มชาจากการถูกกดจูบเป็นเวลานานๆ และแม้ว่าคนตัวโตจะนึกสงสาร แต่ก็ช่วยไม่ได้ เพราะปากเธอมันดันหวานถูกใจเขาเองพรึบ! คนตัวเล็กถูกเขาฉุดให้ลุกตามขึ้นมานั่งก่อนที่เขาจะตวัดแขนไปทางด้านหลังเพื่อรูดซิปชุดเดรสลงมา ทุกอย่างมันเร็วไปหมดจนเธอเองก็ไม่ทันตั้งตัว มารู้ตัวอีกที่ก็ตอนที่เขาดึงชุดสีหวานของเธอมากองลงตรงเอวบางเสียแล้ว ซึ่งการกระทำนั้นก็เผยให้เห็นหน้าอกอวบอิ่มที่ตั้งชูชันสู้ตาคนตรงหน้า… “อย่ามองนะคะ” ด้วยความเขินอายเธอพยายามใช้มือขึ้นมาปกปิดแต่ก็ถูกเขาดึงออกและ
ไอริสเดินเข้ามาด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มให้กับทุกคนก่อนที่จะมาหย่อนตัวนั่งลงที่โซฟาตรงข้ามริศาและยื่นกล่องของขวัญให้เจ้าของวันเกิด ซึ่งรามก็รับมาด้วยใบหน้าเรียบนิ่งเหมือนเช่นเคย “สวัสดีค่ะพี่ไอริส” ริศารีบยกมือขึ้นไหว้ทักทายคนมาใหม่อย่างดีใจที่ได้เจอกันอีกครั้ง “สวัสดีจ้ะริศา วันนี้สวยจังนะ” ไอริสเอ่ยชมพลางขยิบตาให้สาวรุ่นน้องอย่างเหมือนจะมีอะไรที่รู้กัน “ยังสวยไม่ได้ครึ่งหนึ่งของพี่ไอริสเลยค่ะ” “ว่าไปนั่น ปากหวานตลอดเลยนะเด็กคนนี้” ไอริสยิ้มหวานชอบใจ โอ๊ะ! แล้วนั่นดื่มอะไรน่ะ น้ำเปล่าเหรอ” “ค่ะ เพิ่งทานอาหารอิ่มได้สักพักเลยดื่มน้ำเปล่าเดี๋ยวจะเปลี่ยนเป็นน้ำอัดลมแล้วค่ะ” “โอ๊ย เด็กอนามัยก็มา ไม่ได้สิวันเกิดเพื่อนพี่ทั้งทีต้องดื่มกันหน่อย” ว่าแล้วไอริสก็ลุกขึ้นจากโซฟาและเดินไปหยิบแก้วค็อกเทลมาสองแก้วยื่นให้ริศาแก้วนึง “เอ่อ…” ริศารับมาแต่ก็ทำท่าเหมือนไม่กล้าดื่ม จนไอริสต้องกระดกแก้วในมือนำก่อนจนหมดและชูให้เธอดู “อร่อยนะ” “…” “ไม่ต้องกลัวหรอก ถ้าเมาเดี๋ยวรามก็ดูแลเองแหละ ใช่ไหมราม” ไอริสหันไปถามกับรามเหมือนเป็นเชิงขออนุญาตให้ริศาดื่
วันต่อมา… หลังจากกลับมาจากมหาลัยในช่วงบ่ายริศาที่ลาหยุดงานพาร์ทไทม์ของตัวเองแล้วก็รีบตรงดิ่งมายังห้องพัก เพื่อจัดแจงเตรียมตัวที่จะไปงานวันเกิดของราม คนตัวเล็กมีความกระตือรือร้นเป็นอย่างมากกับการที่จะได้เจอกับคู่หมั้นหนุ่มในครั้งนี้ เธอทั้งรีบกลับมาเพื่อจะใช้เวลาในการขัดและบำรุงผิวในห้องน้ำ ไหนจะมาร์กหน้านวดหน้าของตัวเองให้ดูใสขึ้น อีกทั้งยังลงทุนซื้อชุดใหม่ในแบบที่เพื่อนแนะนำ ถึงแม้มันจะแพงไปสักหน่อยแต่เพื่อคนที่เธอคิดว่าเขาพิเศษ ครั้งนี้เธอจะกัดฟันยอมจ่ายแม้ว่าในใจจะเสียดายเงินแค่ไหนก็ตาม “สวยสมราคาจริงๆแหะ” เดรสชมพูสีโปรดถูกยกขึ้นมาทาบกับตัวที่หน้ากระจกพร้อมร้อยยิ้มที่ดูสดใสกว่าทุกๆวัน ถึงแม้สีมันจะหวานแหววไปหน่อยทว่าช่วงไหล่กลับปาดลงโชว์ไหปลาร้าสวยและผิวขาวผ่องให้ลุคหวานซ่อนเปรี้ยว เหตุผลที่เธอรีบกลับมาบ่มผิวบำรุงตัวก็เพราะแบบนี้นี่แหละ วันพิเศษของเขาทั้งที งานนี้เธอต้องโชว์ผิวออร่าของตัวเองให้สุด “สั้นไปหรือเปล่านะ” ถึงแม้จะพยายามมั่นใจในตัวเองเข้าไว้อย่างที่เพื่อนๆและไอริสแนะนำแต่เธอก็ยังกังวลในส่วนของกระโปรงที่มันเลยขึ้นมาเหนือเข่าอยู่ดี ริศายืนมองตัวเองคู่กับ