เขามากด้วยตัณหา เธอถวิลหาเงินตรา เมื่อเส้นทางของคนทั้งสองมาบรรจบกัน ทุกอย่างก็ลงตัว แต่แล้วสัญญาลับก็พรากให้ทั้งสองออกจากกัน *** วายุชายหนุ่มที่ไม่คิดจะมีความรัก มีเพียงตัณหา เขายอมจ่ายไม่อั้น ถ้าเขาพอใจ เธอหญิงสาวที่ถึงตาจน ต้องยอมทอดกายให้เขา เพียงเพราะต้องการเงิน เขารู้เธอมีลูก เขาไม่ติด แต่ทำไมเขารู้สึกว่าเธอเป็นสาวบริสุทธิ์ แล้วเด็กคนนั้นลูกใคร ความสงสัยยิ่งทวีคูณไปอีก เมื่อไปเจอรูปถ่ายขณะที่เธอกำลังท้องถ่ายกับพี่ชายของเขา เขาเลวถึงขั้นนอนกับพี่สะใภ้ด้วยเชียวหรือ
view more“กฎของคุณมีอะไรบ้างคะ ถ้าไม่ยากฉันยินดีรับงานนี้” หญิงสาวถาม ตอนนี้เธอเผชิญหน้ากับชายหนุ่ม ผู้ชายคนนี้เจ๊เพ็ญบอกว่าเขาเป็นเสี่ยกระเป๋าหนัก ที่ยอมจ่ายเงินเพื่อแลกกับความสุขบนเตียง
“ผมจะบอกก็ต่อเมื่อคุณรับงานของผม”
เรื่องกฎเหล็กของเขา เธอก็พอรู้มาบ้าง เพียงแต่อยากได้ยินจากปากของคนตรงหน้ามากกว่าได้ยินจากคนอื่น
“ถ้าฉันไม่รับล่ะคะ”
“ผมไม่เคยบังคับใครนะ”
วายุชายหนุ่มอายุ 32 ปี ทายาทเจ้าของโรงพยาบาลเอกชนขนาดใหญ่ และเป็นเจ้าของบริษัทนำเขาอุปกรณ์การแพทย์ เขาเป็นคนรักสนุก ไม่คิดจริงจังกับใคร ผู้หญิงที่ผ่านมาทุกคนล้วนเต็มใจที่จะอยู่ในกฎที่เขาตั้งขึ้น แต่ครั้งนี้ เขารู้สึกพอใจกับผู้หญิงที่กำลังยืนตรงอยู่ตรงหน้า เขารู้สึกประทับใจเธอตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็นในสถานบันเทิงแห่งหนึ่ง
ชายหนุ่มอยากได้เธอมาเป็นผู้หญิงของเขา วายุให้เพื่อนติดต่อแต่เธอปฏิเสธเขาไปแล้วในครั้งแรก หลังจากนั้นเขาก็ยังให้ลูกน้องสืบเรื่องของหญิงสาวต่อ จนรู้ว่าตอนนี้เธอกำลังเดือดร้อนเรื่องเงิน
“ฉันคงไม่กล้ารับงานนี้ ตราบใดที่ฉันยงไม่รู้กฎ”
“ถ้าไม่รับก็กลับไปได้ ผมไม่อยากเสียเวลา แต่บอกก่อนว่าถ้าออกไปแล้วคุณจะไม่ได้กลับเข้ามาอีก เวลาไม่กี่วันคุณคงหาเงินมากอย่างนั้นไม่ได้หรอก”
“คุณรู้?”
“ใช่ ผมไม่เคยนอนกับใครโดยไม่สืบประวัติหรอกนะ”
“ถ้าอย่างนั้น คุณก็คงรู้ว่าฉันมีลูกแล้ว”
“นั่นเป็นเรื่องดี เพราะมันหมายถึงคุณมีประสบการณ์มาแล้ว”
“ฉันนึกว่าคุณชอบผู้หญิงบริสุทธิ์เสียอีก”
“ผมจ่ายเงินเพื่อซื้อความสุข ผู้หญิงเวอร์จิ้นพวกนั้นจะเอาประสบการณ์จากไหนมากันล่ะ จริงไหม” เขาถามหญิงสาว
“มันก็จริงนะคะ”
“ผมต้องเข้าประชุม ถ้าคุณตัดสินใจได้แล้วก็ให้บอกภูวิศ เขาจะจัดการทุกอย่างแทนผม”
หญิงสาวเดินออกมาจากห้องของชายหนุ่มด้วยใบหน้าเครียด เธอคิดไม่ตกว่าจะรับงานของเขาหรือเปล่า เงินค่าจ้างที่เขาเสนอมากถึงหนึ่งแสนบาท ภายในเวลาไม่กี่วันนี้เธอจะหาเงินจำนวนมากอย่างนั้นได้ที่ไหน แต่ติดอยู่เรื่องเดียว เธอกลัวว่าถ้าเขารู้ทีหลังแล้วจะเรียกเงินคืน
สามวันแล้วที่พลอยนาราออกจากโรงพยาบาล เธอนอนพักอยู่ที่ห้องคนเดียวจนเบื่อเย็นนี้วายุนัดกับเธอไว้ว่าจะพาไปหาพิมพ์พิชาที่โรงเรียนเพราะวันนี้เป็นการสอบวันสุดท้ายวายุจอดรถที่หน้าโรงเรียนแล้วพลอยนาราเป็นคนลงไปรับ“คุณแม่” พิมพ์พิชาวิ่งเข้ามาด้วยความดีใจสองแม่ลูกกอดกันกลมด้วยความคิดถึง กว่าพลอยนาราจะพาลูกสาวกลับมาที่รถก็นานหลายนาที“คุณแม่ขา น้องพราวขอไปเที่ยวทะเลได้ไหมคะ”“หนูอยากไปมากไหมคะน้องพราว”“ค่ะน้องพราวอยากไป”“ถ้าคุณแม่ไม่ไปด้วยน้องพราวจะว่าอะไรไหมคะ”“น้องพราวอยากให้คุณแม่ไปด้วย แต่คุณย่าบอกว่าคุณแม่พึ่งหายป่วยก็เลยต้องพักผ่อน”“ค่ะคุณแม่ต้องพักผ่อน” พลอยนาราบอกลูกสาว“เอาไว้คราวหน้าเราไปกันอีกก็ได้นะครับน้องพราว เดี๋ยวลุงจะเป็นคนพาไปเอง” วายุช่วยพูดเพราะกลัวว่าพิมพ์พิชาจะงอแงเพราะไม่มีแม่ไปด้วย“จริงนะคะคุณลุง”“จริงครับ” วายุรีบตอบ“ครั้งนี้น้องพราวไปเที่ยวให้สนุก แล้วกลับมาเล่าให้คุณแม่ฟังด้วยนะคะ”“ได้ค่ะคุณแม่”พลอยนาราไม่เคยให้ลูกสาวไปอยู่กับคนอื่นนานหลายวันอย่างนี้มาก่อน อยากมากก็แค่นอนที่บ้านยายสายทิพย์ แต่ครั้งนี้เธอยอมให้พิมพ์พิชาไปกับครอบครัวของวายุก็เพราะไว้ใจเขาและ
พลอยนาราตื่นมาอีกทีตอนสายของวันอาทิตย์ พอลืมตาขึ้นมาก็ต้องตกใจเพราะสภาพห้องที่อยู่ตอนนี้ดูยังไงก็ไม่ใช่ห้องพักของตัวเองเธอมองหาลูกสาว ไปทั่วห้อง“นาราตื่นแล้วเหรอ”“คุณวิน น้องพราวล่ะคะ”“ไม่ต้องทำหน้าตกใจอย่างนั้นหรอก ผมพาน้องพราวไปอยู่ที่บ้านผม”วายุเล่าเหตุการณ์ให้กับเธอฟังอย่างละเอียด แต่พลอยนาราก็ยังเป็นห่วงเพราะเธอกับลูกไม่เคยต้องอยู่ห่างกันแบบนี้“คุณวินคะ นาราอยากเจอลูก”“คุณเป็นไข้หวัดใหญ่นะนารา ไม่กลัวน้องพราวจะติดจากคุณเหรอ”“แล้วทำไมคุณไม่กลัว” เพราะตอนนี้เขานั่งเบียดเธอจนชิดอยู่บนเตียง“ผมฉีดวัคซีนแล้ว”“ฉีดแล้วก็ติดได้นะคะ นาราว่าคุณถอยออกไปดีกว่า”“เป็นห่วงผมเหรอ”“ค่ะ”เธอยอมรับตามตรง“รอให้หายดีก่อน ผมจะพาน้องพราวมาหาเอง ช่วงนี้ก็วิดีโอคอลหากันไปก่อน”“น้องพราวไม่มีโทรศัพท์”วายุหยิบโทรศัพท์ที่ตัวเองซื้อให้พลอยนารามากดโทรออก เพียงไม่นานปลายสาวก็กดรับ“คุณแม่”พลอยนาราและพิมพ์พิชาคุยกันอยู่นาน วายุนั่งมองแล้วอมยิ้ม สองแม่ลูกพึ่งห่างกันไม่ถึง 24 ชั่วโมงแต่ทั้งสองคุยกันเหมือนกันว่าไม่ได้เจอกันนานเป็นเดือนกว่าจะยอมวางสายก็ตอนที่พยาบาลเข้ามาวัดไข้“คุณพยายาลค่ะ ฉันจะกลับบ
“นารา ให้ผมไปส่งคุณกับลูกนะครับ” วายุขับรถมาส่งพลอยนาราที่หน้าโรงเรียนหลังจากที่เขากับเธอพากันขึ้นสวรรค์ไปไม่รู้กี่รอบต่อกี่รอบ“ไม่เป็นไรค่ะคุณวิน นาราเดินกลับสะดวกกว่า”“ผมอยากรู้ว่าคุณพักที่ไหน”“เอาไว้วันหลังนาราจะบอกนะคะ คุณวินรีบออกรถเถอะค่ะ” พลอยนาราลงจากรถแล้วโบกมือให้เขารีบไปเพราะเวลาเลิกเรียนแบบนี้หน้าโรงเรียนรถจะติดมากกว่าปกติ“คุณแม่มาแล้ว” เสียงตะโกนอย่างดีใจของพิมพ์ชาดังมาตั้งแต่เธอยังเดินไปไม่ถึงตัว“น้องพราว”“สวัสดีค่ะคุณแม่” เด็กหญิงยกมือไหว้อ่อนช้อยเพราะได้ยายทิพย์คอยสอนเรื่องมารยาท“คิดถึงน้องพราวจังเลยค่ะ”“น้องพราวก็คิดถึงคุณแม่ค่ะ”พลอยนาราหอมแก้มลูกสาวฟอดใหญ่ก่อนจะพากันเดินกลับห้องพักที่อยู่ถัดไปอีกแค่สอยเดียว“วันนี้คุณแม่ออกไปทำธุระมา เลยซื้อขนมมาฝากน้องพราวเยอะแยะเลย เดี๋ยวน้องพราวทำการบ้านเสร็จ ทานข้าวแล้วเรามาทานเค้กกันดีไหมคะ”“น้องพราวขอทานเค้กก่อนได้ไหมคะคุณแม่”“ไม่ได้ค่ะลูก หนูต้องทานข้าวก่อนนะคะ”พิมพ์พิชาพยักหน้า แต่สายตาก็แอบมองกล่องเค้กในมืออย่างไม่ละสายตาพลอยนารากับลูกสาวมาอยู่ห้องเช่าได้เกือบครึ่งเดือนแล้ว ช่วงแรกพิมพ์พิชานั้นยังปรับตัวไม่ค่อยไ
ลานจอดรถของคอนโดมิเนียมหรูในเช้าวันทำงาน มีเพียงรถของวายุแล่นเข้ามาจอดแค่คันเดียวเท่านั้น เขามองหน้าพลอยนาราแล้วกระตุกยิ้ม“คุณวินคะ” พลอยนาราเห็นว่าเขายังไม่เครื่องจึงเรียนเบาๆ“นารา ผมว่าเราลองเปลี่ยนบรรยากาศกันดีไหม”“คะ” คิ้วสวยขมวดจนชิด“ผมหมายถึงตอน นี้ตรงนี้”“คุณวิน นาราไม่เอาด้วยหรอกนะคะ” หญิงสาวพยายามจะเปิดประตู“ทำไมละ ผมว่าตื่นเต้นดีออก” เขาหัวเราะ ชายหนุ่มเพียงแค่คิดเล่นๆ แต่สีหน้าของพลอยนาราดูกังวลจนอดขำไม่ได้วายุก้มหน้ามาใกล้จนพลอยนาราถอยไปจนชิดขอบประตู“อย่านะคะคุณวิน” เธอร้องห้าม“กลัวอะไรขนาดนั้น ผมแค่จะช่วยปลดเข็มขัดเองนะนารา”พลอยนาราถอนหายใจเมื่อเขาปลดเข็มขัดออกอย่างที่บอก“ขอบคุณนะคะ” เธอโล่งในที่วายุไม่ทำแบบที่พูด“ขึ้นห้องเถอะนารา ขืนอยู่ต่อผมคงอดใจไม่ไหวแน่”วายุไม่ปล่อยให้เวลาผ่านไปอย่างเปล่าประโยชน์ แค่ประตูลิฟต์ปิดเขาก็ดึงหญิงสาวเข้ามาจูบอย่างไม่ทันตั้งตัวพลอยนาราดิ้นขลุกขลักเพราะกลัวว่าคนอื่นจะมาเห็น แต่แรงน้อยนิดไม่อาจต้านแรงของวายุได้ ในที่สุดก็ยอมให้ลิ้นสากเข้ามาในโพรงปาก กระหวัดกับลิ้นเล็กอย่างเลี่ยงไม่ได้“อื้ม” มือเล็กพยายามผลักหน้าอกที่เต็มไปด้วยม
บรรยากาศในห้องรับแขกของบ้านหลังใหญ่ตอนนี้เต็มไปด้วยความเครียด หลังจากทุกคนได้ฟังพินัยกรรมของนายแพทย์ตะวันซึ่งระบุไว้ว่า ถ้าเสียชีวิตทรัพย์สมบัติของเขาจะตกเป็นของภรรยาและลูกสาวไม่เคยมีใครรู้เรื่องลูกของตะวันมาก่อน เขาแอบไปมีลูกกับใครที่ไหนเป็นคำถามที่ทุกคนต้องช่วยกันหาคำตอบ เพราะตอนที่ภรรยาของตะวันเสียชีวิตเธอก็ไม่ได้ตั้งครรภ์แต่อย่างใด“แม่คะ ฟ้าว่า พี่ซันอาจแค่เตรียมไว้ เผื่อมีลูกหรือเปล่าคะ”“แต่มันแปลกนะ ฟ้า ถ้าเขียนเผื่อไว้อย่างนั้น ก็ไม่ควรระบุว่าลูกสาว แต่นี่เหมือนซันจะรู้ว่าตัวเองมีลูกสาว แม่ว่ามันฟังดูผิดปกติไปหน่อย”“นั่นสิ พ่อว่ามันผิดปกตินะ”“ขอโทษนะครับคุณพ่อ คุณแม่ ถ้าสิ่งที่ผมจะพูดจะทำให้ซันเสียหาย” วรากรกล่าวขอโทษก่อนที่จะพูดสิ่งที่ตัวเองคิดออกไป“พี่กร จะพูดอะไรคะ” ฑิฆัมพรหันมาถามสามี“ถ้าเผื่อซันจะแอบไปมีลูกกับคนอื่น”“พี่กร”“ฟ้า อย่าพึ่งโมโหสิ พี่ก็แค่สันนิษฐานเท่านั้น”“มันจะเป็นแบบนั้นได้ยังไงคะพี่กร เราทุกคนก็รู้ว่าซันกับลดารักกันมากแค่ไหน ซันไม่มีทางนอกใจลดาเด็ดขาด”“วินล่ะลูก คิดยังไงกับเรื่องนี้” วสันติ์หันมาถามลูกชายที่เอาแต่นั่งเงียบ“ถ้าพี่ซันทำอย่างนั้นจร
“คุณลุงวินคะ ที่ห้องคุณลุงก็มียุงเยอะเหรอคะ” พิมพ์พิชาถามขณะที่กำลังนั่งทานอาหารเช้าฝีมือพลอยนารา ซึ่งซื้อของสดมาเตรียมไว้ตั้งแต่เมื่อวานวายุได้แต่ยิ้มเพราะไม่รู้ว่าที่พิมพ์พิชาพูดนั้นหมายถึงอะไร เขามองหน้าพลอยนารา ส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือ“ค่ะ น้องพราว เมื่อคืนคุณลุงคงนอนแล้วลืมปิดหน้าต่าง ยุงเลยมากัดคอ”พอรู้ความหมายที่เด็กน้อยพูดแล้ววายุก็หัวเราะทันที“คุณลุงอย่าลืมทายานะคะ ให้คุณแม่ช่วยทาก็ได้นะคะ คุณแม่ทายาเก่ง”“จริงเหรอครับ คุณลุงคงต้องให้คุณแม่ของน้องพราวช่วยทายาให้แล้วล่ะครับ”“คุณแม่ขา ช่วยทายาให้คุณลุงด้วยนะคะ น้องพราวไม่อยากให้คอคุณลุงมีรอย”“ค่ะน้องพราว เดี๋ยวทานข้าวเสร็จะแม่จะทายาให้คุณลุงเองนะคะ”พิมพ์พิชาทานอาหารเช้าเสร็จแล้วก็รีบกลับเขาไปดูการ์ตูนให้นอนปล่อยให้ผู้ใหญ่สองอยู่ตามลำพัง“นารา อย่าลืมทายาให้ผมนะ ผมอยากรู้จังว่ายาที่น้องพราวว่ามันจะดีแค่ไหน”“มันมีที่ไหนล่ะคะยาแบบนั้น”“นั่นสินะ” วายุเดินอ้อมมากอดด้านหลังขณะที่พลอยนารากำลังล้างจาน“คุณวินอย่าทำแบบนี้”“แบบนี้แบบไหน ผมก็แค่อยากช่วยคุณล้างจานเองนะครับ หรือคุณคิดว่าผมจะทำอะไรในห้องครัวแบบนี้”พลอยนารารู้ว่าเข
Mga Comments