“ท่านพี่นี่ท่านกำลังข่มขู่ข้างั้นหรือเจ้าคะ”
แม่ทัพฟางรู้ดีว่าต่อให้ต้องเลือกนางก็ไม่อยากได้ท่านโหวน้อยที่ดูกะล่อนของสกุลหยวน
“ท่านแม่เจ้าคะ ข้าไม่ได้ชอบ "หยวนเสี่ยวผิง" ท่านวางใจได้ข้าไม่มีทางแต่งกับเขาหรอกเจ้าค่ะ"
“แต่ว่า…เฮ้อ ช่างเถอะหากว่าเจ้าตัดสินใจเช่นนั้นแล้วแม่ก็คงสุดจะห้าม เช่นนั้นแม่จะเขียนจดหมายส่งไปให้ท่านตาเจ้า ท่านพี่ท่านเองก็ส่งไปที่กองทัพเพื่อให้หลงเอ๋อร์ด้วย”
“เจ้าไม่ต้องห่วงหรอก แม้ว่าท่านอ๋องจะทรงกรำศึกหนักขนาดไหนแต่ข้าเชื่อมั่นว่าเขาจะไม่ละทิ้งม่านเอ๋อร์ของพวกเรา เจ้าอย่าลืมสิว่าหลงเอ๋อร์เป็นสหายร่วมศึกของพระองค์”
“ข้าทราบเจ้าค่ะ”
หอหงซื่อ
ก่อนเดินทางเพียงสามวันฟางหลีม่านก็ออกมาเดินเล่นและฟังละครที่โรงละครเลื่องชื่อของซีโจวกับสาวใช้ของนางซึ่งพวกนางมาที่นี่เป็นประจำอยู่แล้วแต่วันนี้กลับมีแขกที่นางเองก็ไม่คิดว่าจะพบที่นี่
“หลีม่าน เจ้าจะรับหมั้นกับท่านอ๋องจอมโหดผู้นั้นจริงเหรอ”
“ท่านโหวน้อย ท่านมาที่นี่ได้เช่นไรกัน”
“หยวนเสี่ยวผิง” ไม่เพียงเข้ามาแต่เขาเดินมานั่งข้าง ๆ นางอีกด้วย หยวนเสี่ยวผิงชอบพอฟางหลีม่านมานานแล้วนับตั้งแต่นางเข้าพิธีปักปิ่น เขาก็ลดนิสัยเจ้าชู้และตามเกี้ยวนางอยู่ร่วมสองปีแต่หลีม่านดูเหมือนว่าจะไม่ได้คิดอะไรกับเขานอกจากเห็นเขาเป็นเพียงสหายเท่านั้น
“ท่านโหวน้อย ข้ารับการหมั้นหมายแล้วมันเกี่ยวอะไรกับท่าน แล้วที่ท่านกล่าวหาอยู่นั้นคือว่าที่คู่หมั้นของข้า เขาเป็นถึงองค์ชายเชียวนะท่านจะมาพูดว่าเขาโหดเหี้ยมเช่นนี้ไม่กลัวตายหรืออย่างไร ต่อให้ตระกูลหยวนทั้งตระกูลมีกี่หัวก็ไม่พอให้ตัดหรอกนะ”
“เจ้าอย่ามาขู่ข้าเลย ได้ข่าวว่าเจ้าเตรียมตัวจะเดินทางไปที่เมืองลู่โจวแล้วงั้นหรือ”
“ท่านโหวน้อยช่างจมูกไวเสียจริงเรื่องนี้ท่านก็ยังรู้”
“เรื่องของเจ้าไม่ว่าอะไรข้าก็รู้ทั้งนั้น แต่ว่าข้าอยากจะมั่นใจจริง ๆ เจ้าจะไปจริงหรือ ที่นั่นมันอยู่ติดกับชายแดนนะ”
“ข้าจะไปที่ใดท่านเกี่ยวอันใดด้วย นี่ท่านโหวน้อยข้าขอเตือนท่านอีกครั้ง ข้ากำลังจะหมั้นหมายแล้วคงไม่เหมาะที่ท่านจะมาพบปะข้าเช่นนี้”
“ตราบใดที่เจ้ายังไม่เข้าพิธีแต่งงานข้าก็ยังมีสิทธิ์ ข้าไม่สนหรอกว่าอีกฝ่ายจะเป็นท่านโหวแม่ทัพ หรือท่านอ๋อง”
หลีม่านกลอกตาไปมา แต่ไหนแต่ไรนางก็ไม่เคยเถียงสู้หยวนเสี่ยวผิงผู้นี้ได้อยู่แล้ว และอีกไม่กี่วันนางก็จะไปจากซีโจวคงไม่ต้องพบกันอีก นางจึงเลือกที่จะไม่ถกเถียงกับเขาเมื่ออีกฝ่ายยอมถอยและเดินออกไปเอง
“คุณหนูเจ้าคะ ท่านโหวน้อยผู้นี้ช่างน่ารำคาญเสียจริง ๆ เลย ตามตื๊อท่านมาหลายปีแล้ว มาวันนี้ยังไม่ยอมแพ้อีก คนอะไรกันเหตุใดท่านเจ้าเมืองจึงไม่สั่งสอนบุตรชายเสียบ้างนะ”
“เอาเถอะ ๆ เจียวจูเจ้าก็อย่าได้โมโหไปเลยอีกไม่กี่วันก็จะเดินทางแล้วคงไม่พบเขาอีกหรอกน่า”
ฟางหลีม่านปลอบเจียวจูที่ยืนไม่พอใจเมื่อท่านโหวหยวนเดินออกจากร้านไป แม้ว่าเขาจะดูเจ้าชู้และไม่เอาไหนแต่ก็นับว่าเขาเป็นบุรุษหนุ่มรูปงามเปี่ยมไปด้วยความรู้ เพียงแค่ไม่ได้เป็นทหารแต่ก็พอมีวรยุทธ์เพราะเรียนกับสำนักศึกษาอันดับหนึ่งและอันที่จริงแล้วเขานิสัยคล้าย ๆ กับฟางหลีม่านอยู่หลายส่วนไม่ว่าจะเป็นเรื่องการท่องเที่ยว รักสนุกและชอบอิสระ
“คุณหนูเจ้าคะ ท่านไม่รีบกลับไปเก็บของหรือเจ้าคะ”
“ไม่ล่ะ ข้าพยายามทำตัวให้เป็นปกติอยู่เจ้าก็เห็นว่าท่านแม่ข้าพอเห็นว่าข้าเริ่มเก็บของนางก็เอาแต่ร้องไห้ ข้าจะเก็บตอนกลางคืนนางจะได้ไม่ต้องคิดมาก ถึงอย่างไรก็ต้องเห็นใจนางหน่อยเพราะพี่ใหญ่เองก็ไม่เคยกลับซีโจวนับตั้งแต่….”
“คุณหนู แต่ก็ยังเหลือคุณหนูสามนะเจ้าคะ”
“อาหรูยังเด็ก แม้ว่านางจะเป็นบุตรสกุลฟางแต่นางก็ยังมีแม่อยู่เจ้าอย่าลืมสิ แต่ท่านแม่ของข้า…”
“เช่นนั้นท่านยังจะจากฮูหยินไปได้ลงคออีกหรือเจ้าคะ ไม่สู้รอท่านอ๋องอยู่ที่นี่”
“เอาล่ะละครจบแล้วพวกเรากลับกันเถอะ ข้าจะไปเตรียมของสำหรับการเดินทางสักหน่อย”
“เจ้าค่ะ”
เหตุใดนางจะไม่รู้ว่าคนในจวนสกุลฟางคิดเช่นไร รวมถึงคนข้างกายนางอย่างเจียวจูด้วย เพียงแต่นางอยากจะออกท่องเที่ยวบ้างก็เท่านั้น อีกอย่างนางเองก็ไม่ได้พบหน้าพี่ชายคนเดียวของนานหลายปีแล้วนับตั้งแต่ที่ท่านอ๋องขออาสาออกศึกพี่ใหญ่ของนางก็ร่วมติดตามเขาดุจเงา
สามวันถัดมา วันเดินทาง
“ดูแลตัวเองให้ดี ท่านตาจะรอรับเจ้าไปที่จวนของเขาก่อนที่หน้าเมืองลู่โจว จงอย่าลืมว่าอย่าสร้างความลำบากใจให้ท่านตานะเข้าใจหรือไม่”
“ท่านแม่ ท่านบอกลูกครั้งนี้เป็นครั้งที่แปดแล้วนะเจ้าคะ ท่านพ่อ ลูกไปก่อนนะเจ้าคะ ฝากดูแลท่านแม่ด้วย”
“ไปเถอะ”
“พี่รอง ท่านดูแลตัวเองดี ๆ ข้าทำขนมมาให้ท่านพกติดตัวไปด้วย”
“อาหรู แม่รองข้าฝากดูแลท่านแม่ด้วยนะเจ้าคะ”
“ม่านเอ๋อร์ เจ้าเดินทางคนเดียวต้องระวังให้มาก ๆ นี่แม่รองให้เจ้าเอาไว้ป้องกันตัว อย่าให้ท่านแม่เจ้าเห็นนางไม่ชอบอะไรเช่นนี้”
“หลงเยี่ยน” ฮูหยินรองยื่นกริชสีเงินอันเล็กสำหรับให้นางพกติดตัวเอาไว้มาให้ หลีม่านหันไปยิ้มให้แม่รองที่ตอนนี้เริ่มน้ำตาคลอเช่นเดียวกับมารดาของนาง แม้ว่านางจะแต่งเข้าจวนมาทีหลังแต่ทั้งสองฮูหยินก็ไม่เคยมีเรื่องบาดหมางกัน
สามพี่น้องที่เติบโตมาพร้อมกันก็รักใคร่กันดีไม่เหมือนกับจวนอื่น ๆ ที่มีฮูหยินหลายคน อาจจะเป็นเพราะเติบโตในจวนแม่ทัพที่เข้มงวด ลูก ๆ ของในจวนจึงไม่เหมือนจวนอื่น
“ท่านแม่รองท่านเองก็รักษาสุขภาพให้ดี”
“อย่าลืมวิชาที่ข้าสอน เอาไว้ใช้ยามจำเป็นนะดูแลตัวเองให้ดี ๆ ไม่ต้องห่วงท่านแม่เจ้า แม่รองจะดูแลนางเป็นอย่างดี”
“ข้าไปก่อนนะเจ้าคะ อาหรูพี่ไปนะ”
“เดินทางปลอดภัยเจ้าค่ะ”
รถม้าและขบวนคุ้มกันของจวนแม่ทัพเดินทางออกจากจวนแล้ว เมื่อขบวนออกจากประตูเมืองมาได้ฟางหลีม่านก็เปิดหน้าต่างมองออกไปด้านนอก
“เจียวจูเจ้าดูสิ เราออกมานอกเมืองแล้วจริง ๆ”
“คุณหนูท่านอย่าเปิดหน้าต่างเช่นนั้นเจ้าค่ะ ไม่งามนะเจ้าคะ”
“เจียวจูที่นี่นอกจากต้นไม้และทหารคุ้มกันก็ไม่มีคนอื่นเลยนะ เจ้าดูสิ”
เจียวจู สาวใช้ของนางกำลังจัดเก็บของจำเป็นอยู่บนรถม้าและค่อย ๆ วางของเพื่อจะมาดูบรรยากาศนอกเมืองที่เต็มไปด้วยป่าเขาและมีถนนเพียงเส้นทางเดียวที่จะพาพวกนางมุ่งไปสู่เมืองลู่โจว
ซึ่งหากนับจากเวลาเดินทางแล้วน่าจะใช้เวลาประมาณสองวันกว่า ๆ ถึงจะถึงเมืองลู่โจวที่ท่านตานางอาศัยอยู่ ส่วนกองทัพของท่านอ๋องและพี่ใหญ่ของนางนั้นอยู่ห่างจากเมืองลู่โจวไปเพียงร้อยลี้เท่านั้น
“คุณหนู นอกเมืองนี่อากาศดีอย่างที่ท่านเคยบอกจริง ๆ เจ้าค่ะ”
“ข้าบอกเจ้าแล้วว่าเจ้าต้องชอบ เอ๊ะนั่นอะไรน่ะ”
รถม้าของคณะสกุลฟางจอดพักที่ศาลาพักม้านอกเมืองเพื่อส่งรายงานให้ยังเจ้าหน้าที่เพื่อให้ทราบว่าผู้ใดจะผ่านเข้าเมืองถัดไป เมื่อฟางหลีม่านเดินลงมาจากรถม้า นางกับเจียวจูก็ต้องตกใจแทบจะล้มเมื่อเห็นว่าผู้ใดที่ตามมา
“คุณหนูเจ้าคะ นั่น….”
“หยวนเสี่ยวผิง เขามาทำอะไรที่นี่กัน”
ท่านอ๋องหันไปสบตากับนางเป็นครั้งแรกในรอบหลาย ๆ วันมานี้ หลีม่านเองก็ไม่กลัวที่จะเผชิญหน้ากับเขาแล้วเช่นกัน“หม่อมฉันเพียงแค่แจ้งให้ทราบ มิได้ขออนุญาตพระองค์นะเพคะ”“เดี๋ยวก่อน! เจ้าจะไปไหน”“จะไปเตรียมของเพื่อไป ว้าย! ห่าวหรานท่านทำอะไรน่ะ”“ข้าจะดูสิว่าผ่านวันนี้ไปเจ้าจะมีแรงลุกจากเตียงกลับไปที่สกุลฟางอยู่หรือไม่”“อย่านะ หยางห่าวหรานท่านปล่อยข้าลงนะ คนบ้าท่านปล่อยข้านะ”“เงียบเถอะเหยาเหยา ยิ่งเจ้าร้องมากเท่าไหร่ข้ายิ่งรู้สึกอยากรังแกเจ้ามากเท่านั้น เพราะฉะนั้นเก็บแรงไว้ร้องครางบนเตียงเถอะ”ท่านอ๋องพาพระชายาเข้ามาในห้องนอนพร้อมกับลงกลอนแน่นหนาเมื่อวางร่างของนางลงที่เตียงได้ก็เริ่มจับนางมากอดและซุกไปทั่วทั้งกายด้วยความคิดถึง“เหยาเหยาเจ้าใจร้ายกับข้าเกินไปแล้ว ไม่คุยกับข้าตั้งสามสี่วันนี่ยังจะหอบลูกหนีไปอีกงั้นหรือ”“อย่านะเพคะ พระองค์มิได้ต้องการ…”“ข้าต้องการ ใครพูดว่าข้าไม่ต้องการกัน เจ้าต่างหากที่เอาแต่ผลักไสข้า ไม่ต้องการข้าแล้วงั้นหรือเจ้าใจร้ายเกินไปแล้ว”“เดี๋ยวก่อนเพคะ คุยกันก่อน”“ไม่ เอาไว้คุยหลังจากนี้เถอะเจ้าจะให้ข้าทนอีกงั้นหรือ ข้าอดทนมากี่วันกี่คืนแล้วเจ้าไม่รู้หรือ เจ
ฮูหยินทั้งสองเดินทางมาเยี่ยมหลีม่านและเมื่อเห็นสีหน้าไม่ดีของพระชายาจึงได้เอ่ยถาม หลีม่านหมดหนทางจึงได้เอ่ยปากปรึกษาเรื่องนี้ไปตอนนี้ลูกทั้งสองกำลังสนุกกับการเล่นดาบไม้และตุ๊กตาผ้าที่ท่านตาและอี้หลงนำมาให้จึงไม่ได้สนใจท่านยายทั้งสองกับท่านแม่ที่อยู่ระเบียงหน้าเรือนรับรองแขก“เช่นนั้นเจ้าก็ลองคิดดูสักหน่อยเถิด แม่ว่าเรื่องนี้ท่านอ๋องก็น่าเห็นใจไม่น้อย คงจะอยากได้บุตรเพิ่มจริง ๆ”“นั่นสิม่านเอ๋อร์ แม่รองคิดว่าที่แม่เจ้าพูดมาก็ถูก หานเยว่กับหลินอิงก็อายุจะสี่ขวบแล้ว เจ้าเว้นช่วงมานานท่านอ๋องก็คงอยากจะได้บุตรเพิ่ม อีกอย่างเจ้าดูสิ ทั้งสองคนติดท่านตากับท่านลุงเช่นนี้ท่านอ๋องก็คงอยากจะมีลูกสาวลูกชายเพิ่มเพื่อจะได้เล่นกับพวกเขาบ้าง”“แต่ว่าพี่ใหญ่กับฉวนหลานเองก็มีบุตรสองคนเช่นกัน เหตุใดพวกเขาไม่มีปัญหาเรื่องนี้เล่าเจ้าคะ”“ไม่ใช่ไม่มีแต่สุขภาพของหลานเอ๋อร์เจ้าก็รู้อยู่นี่นา นางเองก็สุขภาพพึ่งจะฟื้นฟูได้ไม่กี่ปี มีลูกสองคนก็นับว่าเก่งมากแล้ว แต่เจ้าที่สุขภาพแข็งแรงดีอีกอย่างเชื้อพระวงศ์อื่น ๆ ก็มีลูกมากเป็นธรรมดา”“ช่างเถิดเจ้าค่ะ เรื่องนี้เอาไว้ข้าจะคุยกับท่านอ๋องอีกครั้ง”“อืม เช่นนั้นวันน
สี่ปีต่อมา“ยกขาขึ้นสูง ๆ อาเจินไปเอาไม้มา”“แต่ว่าพระชายาเพคะ”“ข้าบอกให้ไปเอาไม้มา”อาเจินหันไปมองท่านหญิงและท่านชายที่ถูกพระชายาทำโทษเพราะแย่งขอเล่นจนทะเลาะกัน ซึ่งนางเคยสอนและตักเตือน “หยางหานเยว่” กับ “หยางหลินอิง” ฝาแฝดแสนซนที่อายุยังไม่ครบสี่ขวบดีก็ซนและเริ่มทะเลาะกัน อาเจินถือไม้ไผ่ที่หลีม่านเคยสั่งให้เหลาเอาไว้มาและถือไว้ เมื่อเด็กน้อยทั้งสองเห็นไม้ในมือท่านแม่ก็เริ่มร้องไห้อีกครั้ง“รู้หรือไม่ว่าทำอะไรผิด”“ฮึก ฮึก ท่านแม่ขอรับลูกสำนึกแล้วแต่ว่า…”“รู้แล้วเหตุใดถึงยังทำอีก แม่เคยพูดแล้วว่าถ้าทะเลาะกันอีกก็ต้องถูกลงโทษ เยว่เอ๋อร์ เจ้าเป็นพี่เจ้าเดินออกมาก่อน”“แต่ข้า…”“อาเยว่ของตา!! เดี๋ยวก่อน ๆ ม่านเอ๋อร์นี่เจ้าทำอะไรน่ะ”“ท่านตา! ฮิือ….”หานเยว่รีบวิ่งไปหาท่านตาทันทีเมื่อเห็นท่านแม่ที่ถลึงตามองด้วยความโกรธ พวกเขารู้ดีว่าท่านแม่จะไม่ทำโทษหากว่ามีแขกมาที่จวน “อิงเอ๋อร์หลานลุงเป็นอะไรไป”“ท่านลุง ฮือ….”“นี่พวกท่าน…. กลับมานี่นะ หานเยว่ หลินอิง”หลินอิงรีบวิ่งไปหาฟางอี้หลงที่เดินมาพร้อมกับท่านตาได้ทันเวลาก่อนที่พวกเขาจะถูกทำโทษ ไม้ไผ่เหลาอย่างดีในมือของหลีม่านสั่นเมื่อเห็นลู
ประทัดหน้าจวนอ๋องเดิมซึ่งเป็นที่พักขององค์หญิงเจ็ด “เอี้ยฉวนหลาน” ดังขึ้นเมื่อขบวนเกี้ยวเจ้าบ่าวมาถึงหน้าประตูจวน องค์รัชทายาทแห่งซีเป่ยมาพร้อมกับชินหยางอ๋องและพระชายาที่เริ่มมีครรภ์โตขึ้นจากเดิมก็หันไปมองทันที“พี่ใหญ่มาแล้วเพคะ”“ฉางซือท่านจะทำจริง ๆ น่ะหรือ นี่เป็นธรรมเนียมของซีโจวท่านเป็นถึงองค์รัชทายาท ที่จริงไม่ต้องทำก็ได้”“ไม่ได้ ๆ ห่าวหรานท่านอย่าได้ปรามาสเรา นี่งานแต่งของหลานเอ๋อร์ทั้งทีข้าในฐานะพี่ชายของนางก็ต้องทำให้ครบพิธี มิเช่นนั้นคงรู้สึกผิดกลับไปซีเป่ยเป็นแน่”“เช่นนั้นก็ตามใจท่านเถอะ ไปเถอะเหยาเหยา เจ้าค่อย ๆ เดินนะ”“เพคะ”ท่านอ๋องไม่ยอมให้พระชายาอยู่ห่างพระวรกายเลยตั้งแต่ครรภ์นางมากขึ้น ทั้งคู่เดินออกมาด้านนอกเพื่อรับแขกที่มาร่วมในงาน ฟางอี้หลงในชุดเจ้าบ่าวหล่อเหลาสง่างามเมื่อลงจากม้ามาคำนับท่านอ๋อง“ยินดีด้วยอี้หลง ในที่สุดก็ถึงวันมงคลเสียที ข้ากับเหยาเหยาขออวยพรให้เจ้าและฉวนหลานมีความสุขยั่งยืนนานลูกหลานเต็มเมือง”“ขอบพระทัยพ่ะย่ะค่ะ”“เจ้าสาวมาแล้ว!”เสียงของแม่สื่อดังออกมาพร้อมกับขบวนเจ้าสาวที่มีสาวใช้ของฉวนหลานพยุงเพื่อพาเจ้าสาวเดินออกมา องค์รัชทายาทของซีเป่ยเ
หลีม่านค่อย ๆ เดินเข้าไปเพื่อถอดชุดเจ้าบ่าวของท่านอ๋องออกแต่นั่นก็ดูเหมือนจะไม่ทันใจของอีกฝ่ายที่ทนเห็นอกอวบอิ่มตรงหน้าที่พุ่งเข้ามาไม่ไหว ปลายเริ่มโลมเลียผ่านชั้นในบางสีแดง มือเริ่มดึงเชือกที่ผูกลำคอและดึงสิ่งที่ปิดกั้นอยู่ออกจนหมด ร่างบางแหงนหงายตามแรงดูดกระชากจากลิ้นสวาทของพระสวามี“อ๊าา ห่าวหราน อ๊าา…”ไม่นานหลีม่านก็ถูกดึงขึ้นมาที่เตียง ชุดที่เหลือถูกสะบัดออกอย่างรวดเร็วจนนางมองตามไม่ทัน ตอนนี้ริมฝีปากของทั้งคู่ประกบเข้าด้วยกันราวกับโหยหามานานแสนนาน ผ้าห่มถูกละเลยอีกทั้งม่านรอบเตียงก็ยังค่อย ๆ ถูกดึงลงมา“อ๊าา ห่าวหราน อื้อ”“เหยาเหยาของข้าช่างงดงามนัก กลิ่นของเจ้าและตัวเจ้าทั้งหอมและหวานมากกว่าครั้งใด ๆ”ท่านอ๋องปวดกายหนึบจนเกือบจะทนไม่ไหว มังกรยักษ์ของพระองค์ไม่เคยเรียกร้องมากถึงเพียงนี้มาก่อนแม้ว่าพระองค์อยากจะค่อย ๆ ทำพิธีส่งตัวไปอย่างช้า ๆ แต่ความเร่าร้อนของพระชายาตรงหน้ากลับไม่เป็นใจเอาเสียเลย“ข้าทนไม่ไหวแล้วเหยาเหยา เริ่มกันเถอะนะ อาา…อุ่นเหลือเกิน ยังแน่นไม่เปลี่ยน อาา…”เสียงครางแหบต่ำทำให้พระชายาเริ่มตอดรับตามจังหวะพร้อมกับเบียดกายเรียกร้องให้ท่านอ๋องชื่นชมส่วนอื่น ซึ่
ท่านอ๋องขึ้นม้าพร้อมกับสายสะพายโบสีแดงที่ฉวนหลานยื่นให้ด้วยสีหน้าหมั่นไส้พี่ชายตัวเองเล็กน้อยแต่ก็ยิ้มให้เขาด้วยความดีใจ“ยินดีด้วยเพคะท่านอ๋อง”“ขอบใจองค์หญิง แล้วพบกันในวังนะ”“เพคะเสด็จพี่รอง”ชินหยางอ๋องยิ้มให้ฉวนหลานก่อนจะค่อย ๆ ดึงบังเหียนของเสี่ยวเซินออกจากจวนสกุลฟาง ขบวนเจ้าสาวของชินหยางอ๋องเริ่มเคลื่อนออกจากจวนสกุลฟางแล้ว ครั้งนี้งานอภิเษกถูกจัดขึ้นในวังหลวงซึ่งฮ่องเต้มีพระราชโองการให้องค์รัชทายาทเป็นผู้จัดการงานทั้งหมดท้องพระโรง เมื่อเจ้าบ่าวรับเจ้าสาวลงจากเกี้ยวก็ค่อย ๆ พยุงนางออกมาและทั้งคู่ก็รับโบแดงซึ่งมีหมัวมัวในวังยื่นให้ ทั้งสองเดินขึ้นบันไดไปยังท้องพระโรงที่มีฝ่าบาทและฮองเฮา แม่ทัพฟางและฮูหยินทั้งสอง แขกเหรื่อในงานพร้อมกับเหล่าขุนนางที่รอร่วมยินดีกับทั้งคู่อยู่ด้านใน เมื่อทั้งสองเข้ามาในท้องพระโรงแล้ว กงกงจึงดำเนินการตามประเพณี“คำนับที่หนึ่ง…คำนับฟ้าดิน”“คำนับสอง คำนับบิดามารดา”“คำนับสาม… คำนับกันและกัน”กงกงเดินนำไม้มงคลมายื่นให้ชินหยางอ๋องก่อนจะกระซิบ“ท่านอ๋องเชิญเปิดผ้าคลุมหน้าเจ้าสาวพ่ะย่ะค่ะ”“ขอบคุณกงกง”หยางห่าวหรานรับไม้บนพานออกมาและค่อย ๆ เปิดหน้าเจ้าส