“มิได้พ่ะย่ะค่ะพระวรกายของพระองค์มีค่าดุจทองคำ กระหม่อมเป็นเพียงผู้น้อย...”
“ช่างเถอะ ๆ เจ้าออกไปได้แล้ว”
“พ่ะย่ะค่ะ”
ท่านอ๋องหันไปมองตามหลี่เหยาที่เดินออกจากห้องไปและหันกลับมาคิด แม้ว่าหลี่เหยาจะสวมผ้าคลุมที่ปิดช่วงปากเอาไว้แต่สายตากลับทำให้เขารู้สึกคุ้นเคยราวกับเคยเห็นสายตาคู่นี้มาก่อนเพียงแต่นึกไม่ออก
แม้ว่าตอนนี้จะไม่ได้กลิ่นกายเหมือนกับวันแรกที่พบหลี่เหยาแต่กลิ่นนั้นก็ยังติดจมูกของเขาราวกับฝังเป็นความทรงจำ
“เห็นทีข้าคงบาดเจ็บจนเลอะเลือน”
ห้องยา
“เหยา…. หลี่เหยา!!”
“อ้อ ว่าอย่างไรนะ”
“ข้าถามว่าเจ้าจะฝากยาให้ข้าเอาไปให้พี่อี้หลงหรือไม่”
“อ้อ มะ ไม่ต้องหรอก”
“เช่นนั้นก็ได้ ถ้าอย่างนั้นข้าไปก่อนละขอบใจเจ้ามากเลยสำหรับยานี้เอาไว้ข้าพบท่านรองแม่ทัพ…ถวายบังคมท่านอ๋อง”
ท่านอ๋องและฟางอี้หลงเดินเข้ามาพอดี เมื่อหลี่เหยาเงยหน้าไปเห็นท่านอ๋องที่แต่งกายชุดลำลองเดินเข้ามากับพี่ใหญ่ของนางก็ทำเอาหัวใจนางเต้นแรงดุจกลองศึกอีกครั้ง นางยังไม่เคยเห็นเขาสวมชุดอื่นมาก่อนและยังเกล้าผมเผยใบหน้าที่หล่อเหลาราวเซียนปั้นนั้นด้วย
“ถะ ถวายบังคมท่านอ๋องพ่ะย่ะค่ะ”
“ลุกขึ้นเถอะ”
“พี่อี้หลงท่านมาพอดีเลยหลี่เหยาเอาแต่ถามหาท่านกับข้าทุกวัน”
“อะไรนะ ข้างั้นหรือ”
ท่านอ๋องที่ยืนอยู่หันไปมองหน้าอี้หลงที่หันมามองเขาเช่นกันและหันไปมองหลี่เหยาทันที
“เจ้ามีอะไรกับข้าหรือหลี่เหยา”
“เอ่อ นี่เป็นยาแก้พิษและยาสมานแผลที่ข้าทำขึ้นมา”
“โอ้โหหลี่เหยา นี่เจ้าลำเอียงนี่นาเห็นชัด ๆ เลยว่ายาที่ให้รองแม่ทัพดีกว่าข้า มียาถอนพิษด้วย”
ท่านอ๋องหันไปมองหน้าของหลี่เหยาที่ลอบยิ้มและหน้าแดงนิด ๆ เขาไม่รู้ว่าตัวเองเป็นอะไร แต่เพียงแต่เห็นหน้าหมอหลี่เหยาคนนี้ในตอนนี้กลับรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาเล็กน้อย และยิ่งคำพูดขององครักษ์ข้างกายที่พูดออกมานั่นด้วย
“ขอบใจมากนะหลี่เหยา เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าตัวข้ามีพิษอยู่”
“คือว่าท่านหมอจวงแจ้งข้ามาเมื่อวันก่อนขอรับว่าท่านรองแม่ทัพได้รับพิษจากข้าศึกดังนั้น…”
“แหมหลี่เหยา นี่ถ้าหากว่าเจ้าเป็นสตรีข้าคงคิดว่าเจ้าแอบชอบพี่อี้หลงแล้วล่ะนะ”
“ต้าเป่า เจ้าพูดบ้าอะไรกัน!!”
ท่านอ๋องถลึงตามองไปยังหลี่เหยาที่ยืนยิ้ม เมื่อเห็นแบบนี้เขากลับรู้สึกไม่พอใจมากขึ้น แต่คนตรงหน้าเป็นผู้ชายเหมือนกับเขา จะเป็นไปได้เช่นไรที่เขาจะรู้สึกเช่นนี้ เมื่อหันไปมองรองแม่ทัพของเขาก็รู้สึกว่าทั้งคู่เพียงแค่พูดกันเล่น ๆ เช่นกัน แต่หมอหลี่เหยาที่ยืนตรงหน้าเขากลับยืนยิ้ม
“พอได้แล้ว!!”
“ท่านอ๋อง พระองค์มาที่นี่ก็เพื่อจะให้หลี่เหยาทำแผลให้มิใช่หรือพ่ะย่ะค่ะ”
“เช่นนั้นกระหม่อมจะเร่งเตรียมของ”
“ไม่ต้องต้าเป่าวันนี้เจ้าทำ รีบเอาของแล้วตามข้ามา”
หลี่เหยาหันไปมองทั้งต้าเป่าและอี้หลงด้วยความแปลกใจ ซึ่งทั้งสองก็รู้สึกไม่ต่างกันเมื่อท่านอ๋องเดินออกจากกระโจมของหมอหลี่เหยาออกไปด้วยท่าทางหงุดหงิด
“เพราะเจ้านั่นแหละต้าเป่าพูดจาไม่เข้าท่า ท่านอ๋องเลยโกรธเลย”
“ข้าพูดอะไรเสียที่ไหนก็แค่หยอกหลี่เหยาเล่น ๆ เอง ก็จริงนี่นาที่เขาถามหาท่านน่ะ”
“พูดมาก รีบเอายาไปให้ท่านอ๋องเร็ว ๆ เข้า”
“ก็ได้ ๆ ส่งมาให้ข้าเถอะหลี่เหยาข้าจัดการเองแทนเจ้าเองวันนี้”
“ขอบคุณพี่ต้าเป่า”
ต้าเป่าเดินออกไปจากกระโจมแล้ว ตอนนี้เหลือเพียงนางและฟางอี้หลงที่อยู่ตรงนี้
“ขอบใจเจ้ามากนะหลี่เหยาสำหรับยา ส่วนท่านอ๋องเจ้าไม่ต้องกลัวพระองค์มากหรอกพระองค์มิใช่ปีศาจอย่างที่ร่ำลือกัน เจ้าเองก็รักษาให้ท่านอ๋องมาตั้งสิบกว่าวันไม่สังเกตหรอกหรือ”
“เรื่องนั้นข้าทราบขอรับ เพียงแต่ว่ายัง…”
“ข้าเข้าใจ เอาล่ะหากไม่มีอะไรแล้วเจ้าก็พักผ่อนเถอะวันนี้ไม่ต้องไปทำแผลให้ท่านอ๋องแล้วนี่”
“ขอรับ”
กระโจมท่านอ๋อง
“ท่านอ๋อง กระหม่อมมาทำแผลพ่ะย่ะค่ะ”
ท่านอ๋องถอดชุดออกแล้วและหันมามองต้าเป่าที่เดินเข้ามาเพียงคนเดียว
“อี้หลงล่ะ ไปที่ใด”
“เอ่อ…. พี่อี้หลงอยู่คุยกับหลี่เหยาที่กระโจมพ่ะย่ะค่ะ”
ท่านอ๋องหันมาส่งสายตาดุกับต้าเป่า เหตุใดวันนี้เขาจึงรู้สึกขัดหูขัดตาองครักษ์ข้างกายนักก็มิรู้ได้ หรือเป็นเพราะตั้งแต่ที่เขาพูดเพ้อเจ้อออกมา
“คุยอะไรกัน มีอะไรต้องคุย”
“ไม่แน่ใจพ่ะย่ะค่ะแต่ว่าหลี่เหยาถามหาพี่อี้หลงตลอด หากว่าไม่เห็นเขาอยู่กับกระหม่อม นี่ถ้าเป็นสตรีกระหม่อมคงคิดว่าหลี่เหยาชอบพี่อี้หลงเป็นแน่พ่ะย่ะค่ะ”
“พูดจาเหลวไหล!!”
ต้าเป่าตกใจจนเกือบทำยาและผ้าพันแผลนั้นหล่นเมื่อท่านอ๋องจู่ ๆ ก็โพล่งตะเบ็งเสียงออกมาเสียงดัง
“ทะ ท่านอ๋องต้องทำแผลนะพ่ะย่ะค่ะ”
“ข้ายังไม่อยากทำเจ้าออกไปก่อน”
“แต่ว่า…”
“มันหน้าที่อันใดของเจ้า ไปเรียกหลี่เหยามา ข้าอยากตัดไหมบ้านี่ออกแล้ว รำคาญ!!”
“พ่ะย่ะค่ะ”
ต้าเป่ารีบเดินออกจากห้องไปทันที เขาพึ่งเคยเห็นท่านอ๋องทรงกริ้วมากก็ครานี้ซึ่งไม่รู้เช่นกันว่าเกิดอะไรขึ้น
“หรือว่าไปลาดตระเวนกับพี่อี้หลงแล้วพบอะไรเข้าหรือไม่นะ”
กระโจมหมอหลวง
“หลี่เหยา”
“อ้าวพี่ต้าเป่า มาทำอะไรหรือ”
“เร็ว ๆ เข้าเจ้ารีบเอาเครื่องมือถอดไหมไปด้วย”
“อ้าวไหนท่านบอกว่า…”
“ไม่มีใครบอกหรอกข้าเกือบจะตายคากระโจมแล้วเชียวท่านอ๋องบอกว่าให้เรียกเจ้าไปตัดไหมให้พระองค์หน่อย”
“อะไรกันเหตุใดจึงได้รีบร้อนนักล่ะ”
“ไม่รู้แต่เจ้ารีบไปก่อนเถอะข้าช่วยถือ ตามมาเร็ว ๆ เข้า”
"อ่อ เอ่อ…ก็ได้ ๆ"
หลี่เหยาถูกต้าเป่าดึงตัวกึ่งลากเข้าไปยังกระโจมของท่านอ๋องเมื่อทั้งคู่เข้ามาที่ห้องด้านหลังท่านอ๋องที่หันมามองเห็นทั้งคู่วิ่งหอบเข้ามาและหันไปเห็นต้าเป่าที่จับมือของหลี่เหยาวิ่งเข้ามาก็เกิดอารมณ์หงุดหงิดอีกครั้ง
“พวกเจ้าทำอะไรกัน ต้าเป่านั่นคืออะไร…”
“ท่านอ๋อง กระหม่อมรีบไปพาหลี่เหยามาทำแผลตามรับสั่งแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
ดูเหมือนต้าเป่าเองก็จะไม่ทราบว่าท่านอ๋องกำลังโมโห เขานำกล่องยาของหลี่เหยามาวางบนโต๊ะขณะที่อีกฝ่ายยืนหอบอยู่ใกล้ ๆ ท่านอ๋องจ้องไปที่มือของต้าเป่าซึ่งตอนนี้หลี่เหยารู้ตัวแล้วจึงรีบดึงออกมาทันที
“ทะ ท่านอ๋อง จะให้กระหม่อมตัดไหมเลยหรือพ่ะย่ะค่ะ”
“ใช่ เจ้าถามทำไม ไม่อย่างนั้นข้าจะให้คนไปตามเจ้ามาหรือ ต้าเป่า!!”
“พ่ะย่ะค่ะ”
“เสร็จธุระแล้วก็รีบออกไปเฝ้าหน้ากระโจม”
“พ่ะย่ะค่ะ หลี่เหยาข้าไปก่อนนะ”
หลี่เหยาที่ยังหอบอยู่ค่อย ๆ ซับเหงื่อจากหน้าผาก ท่านอ๋องหันไปมองและรู้สึกว่ายิ่งมองก็ยิ่งรู้สึกแปลก ๆ กับหมอคนนี้ราวกับว่า…ตอนนี้เขายังไม่มั่นใจแต่ก็เกือบจะมั่นใจว่าหลี่เหยาผู้นี้น่าจะไม่ใช่ผู้ชาย
“เชิญพระองค์มานั่งที่เตียงเถอะพ่ะย่ะค่ะ”
“เจ้าไม่ถอดผ้าปิดหน้าออกก่อนหรือ หายใจสะดวกหรือไม่”
“มะ ไม่เป็นไรพ่ะย่ะค่ะ ใส่ไว้เช่นนี้กระหม่อมสะดวกมากกว่า”
ท่านอ๋องเริ่มถอดชุดอีกครั้ง เขารู้สึกว่าหลี่เหยามองเขาด้วยสายตาแปลก ๆ ก่อนจะหลบเลี่ยงไปจัดเครื่องมือแทน ทุกการกระทำถูกจับตามองจากหยางห่าวหรานแม้ว่าหลี่เหยาจะรู้สึกว่าถูกเขาจดจ้องอยู่แต่นางก็พยายามที่จะไม่แสดงพิรุธใด ๆ ออกมาให้เขาเห็น
“ข้าพร้อมแล้ว”
“พ่ะย่ะค่ะ”
ท่านอ๋องเดินไปนั่งที่เตียง นางเดินถือเครื่องมือสำหรับถอดไหมและผ้าเพื่อคอยซับแผล เมื่อมองไปเห็นบาดแผลนั้นก็อดชื่นชมตัวเองไม่ได้ว่าเย็บแผลได้สวยกว่าทุกครั้ง
“กระหม่อมจะเริ่มเลยนะพ่ะย่ะค่ะ หากว่าพระองค์เจ็บก็บอกจะได้ฝังเข็มเพื่อระงับอาการปวด”
“ข้ามิได้อ่อนแอถึงเพียงนั้น”
“เช่นนั้นเริ่มเลยนะพ่ะย่ะค่ะ”
หยางห่าวหรานหันไปมองดวงตากลมโตตรงหน้าที่เริ่มแกะแผลของเขาแต่เขาสะดุ้งเฮือกขึ้นมาเพราะไม่คิดว่ามันจะเจ็บ เขาตกใจและเผลอไปคว้าผ้าที่ผูกเอาไว้ที่ใบหน้าของหลี่เหยาจนมันหลุดออกมา เผยให้เห็นใบหน้าของนาง
“โอ๊ย!!…หลี่เหยา”
“ท่านอ๋อง!!”
ท่านอ๋องหันไปสบตากับนางเป็นครั้งแรกในรอบหลาย ๆ วันมานี้ หลีม่านเองก็ไม่กลัวที่จะเผชิญหน้ากับเขาแล้วเช่นกัน“หม่อมฉันเพียงแค่แจ้งให้ทราบ มิได้ขออนุญาตพระองค์นะเพคะ”“เดี๋ยวก่อน! เจ้าจะไปไหน”“จะไปเตรียมของเพื่อไป ว้าย! ห่าวหรานท่านทำอะไรน่ะ”“ข้าจะดูสิว่าผ่านวันนี้ไปเจ้าจะมีแรงลุกจากเตียงกลับไปที่สกุลฟางอยู่หรือไม่”“อย่านะ หยางห่าวหรานท่านปล่อยข้าลงนะ คนบ้าท่านปล่อยข้านะ”“เงียบเถอะเหยาเหยา ยิ่งเจ้าร้องมากเท่าไหร่ข้ายิ่งรู้สึกอยากรังแกเจ้ามากเท่านั้น เพราะฉะนั้นเก็บแรงไว้ร้องครางบนเตียงเถอะ”ท่านอ๋องพาพระชายาเข้ามาในห้องนอนพร้อมกับลงกลอนแน่นหนาเมื่อวางร่างของนางลงที่เตียงได้ก็เริ่มจับนางมากอดและซุกไปทั่วทั้งกายด้วยความคิดถึง“เหยาเหยาเจ้าใจร้ายกับข้าเกินไปแล้ว ไม่คุยกับข้าตั้งสามสี่วันนี่ยังจะหอบลูกหนีไปอีกงั้นหรือ”“อย่านะเพคะ พระองค์มิได้ต้องการ…”“ข้าต้องการ ใครพูดว่าข้าไม่ต้องการกัน เจ้าต่างหากที่เอาแต่ผลักไสข้า ไม่ต้องการข้าแล้วงั้นหรือเจ้าใจร้ายเกินไปแล้ว”“เดี๋ยวก่อนเพคะ คุยกันก่อน”“ไม่ เอาไว้คุยหลังจากนี้เถอะเจ้าจะให้ข้าทนอีกงั้นหรือ ข้าอดทนมากี่วันกี่คืนแล้วเจ้าไม่รู้หรือ เจ
ฮูหยินทั้งสองเดินทางมาเยี่ยมหลีม่านและเมื่อเห็นสีหน้าไม่ดีของพระชายาจึงได้เอ่ยถาม หลีม่านหมดหนทางจึงได้เอ่ยปากปรึกษาเรื่องนี้ไปตอนนี้ลูกทั้งสองกำลังสนุกกับการเล่นดาบไม้และตุ๊กตาผ้าที่ท่านตาและอี้หลงนำมาให้จึงไม่ได้สนใจท่านยายทั้งสองกับท่านแม่ที่อยู่ระเบียงหน้าเรือนรับรองแขก“เช่นนั้นเจ้าก็ลองคิดดูสักหน่อยเถิด แม่ว่าเรื่องนี้ท่านอ๋องก็น่าเห็นใจไม่น้อย คงจะอยากได้บุตรเพิ่มจริง ๆ”“นั่นสิม่านเอ๋อร์ แม่รองคิดว่าที่แม่เจ้าพูดมาก็ถูก หานเยว่กับหลินอิงก็อายุจะสี่ขวบแล้ว เจ้าเว้นช่วงมานานท่านอ๋องก็คงอยากจะได้บุตรเพิ่ม อีกอย่างเจ้าดูสิ ทั้งสองคนติดท่านตากับท่านลุงเช่นนี้ท่านอ๋องก็คงอยากจะมีลูกสาวลูกชายเพิ่มเพื่อจะได้เล่นกับพวกเขาบ้าง”“แต่ว่าพี่ใหญ่กับฉวนหลานเองก็มีบุตรสองคนเช่นกัน เหตุใดพวกเขาไม่มีปัญหาเรื่องนี้เล่าเจ้าคะ”“ไม่ใช่ไม่มีแต่สุขภาพของหลานเอ๋อร์เจ้าก็รู้อยู่นี่นา นางเองก็สุขภาพพึ่งจะฟื้นฟูได้ไม่กี่ปี มีลูกสองคนก็นับว่าเก่งมากแล้ว แต่เจ้าที่สุขภาพแข็งแรงดีอีกอย่างเชื้อพระวงศ์อื่น ๆ ก็มีลูกมากเป็นธรรมดา”“ช่างเถิดเจ้าค่ะ เรื่องนี้เอาไว้ข้าจะคุยกับท่านอ๋องอีกครั้ง”“อืม เช่นนั้นวันน
สี่ปีต่อมา“ยกขาขึ้นสูง ๆ อาเจินไปเอาไม้มา”“แต่ว่าพระชายาเพคะ”“ข้าบอกให้ไปเอาไม้มา”อาเจินหันไปมองท่านหญิงและท่านชายที่ถูกพระชายาทำโทษเพราะแย่งขอเล่นจนทะเลาะกัน ซึ่งนางเคยสอนและตักเตือน “หยางหานเยว่” กับ “หยางหลินอิง” ฝาแฝดแสนซนที่อายุยังไม่ครบสี่ขวบดีก็ซนและเริ่มทะเลาะกัน อาเจินถือไม้ไผ่ที่หลีม่านเคยสั่งให้เหลาเอาไว้มาและถือไว้ เมื่อเด็กน้อยทั้งสองเห็นไม้ในมือท่านแม่ก็เริ่มร้องไห้อีกครั้ง“รู้หรือไม่ว่าทำอะไรผิด”“ฮึก ฮึก ท่านแม่ขอรับลูกสำนึกแล้วแต่ว่า…”“รู้แล้วเหตุใดถึงยังทำอีก แม่เคยพูดแล้วว่าถ้าทะเลาะกันอีกก็ต้องถูกลงโทษ เยว่เอ๋อร์ เจ้าเป็นพี่เจ้าเดินออกมาก่อน”“แต่ข้า…”“อาเยว่ของตา!! เดี๋ยวก่อน ๆ ม่านเอ๋อร์นี่เจ้าทำอะไรน่ะ”“ท่านตา! ฮิือ….”หานเยว่รีบวิ่งไปหาท่านตาทันทีเมื่อเห็นท่านแม่ที่ถลึงตามองด้วยความโกรธ พวกเขารู้ดีว่าท่านแม่จะไม่ทำโทษหากว่ามีแขกมาที่จวน “อิงเอ๋อร์หลานลุงเป็นอะไรไป”“ท่านลุง ฮือ….”“นี่พวกท่าน…. กลับมานี่นะ หานเยว่ หลินอิง”หลินอิงรีบวิ่งไปหาฟางอี้หลงที่เดินมาพร้อมกับท่านตาได้ทันเวลาก่อนที่พวกเขาจะถูกทำโทษ ไม้ไผ่เหลาอย่างดีในมือของหลีม่านสั่นเมื่อเห็นลู
ประทัดหน้าจวนอ๋องเดิมซึ่งเป็นที่พักขององค์หญิงเจ็ด “เอี้ยฉวนหลาน” ดังขึ้นเมื่อขบวนเกี้ยวเจ้าบ่าวมาถึงหน้าประตูจวน องค์รัชทายาทแห่งซีเป่ยมาพร้อมกับชินหยางอ๋องและพระชายาที่เริ่มมีครรภ์โตขึ้นจากเดิมก็หันไปมองทันที“พี่ใหญ่มาแล้วเพคะ”“ฉางซือท่านจะทำจริง ๆ น่ะหรือ นี่เป็นธรรมเนียมของซีโจวท่านเป็นถึงองค์รัชทายาท ที่จริงไม่ต้องทำก็ได้”“ไม่ได้ ๆ ห่าวหรานท่านอย่าได้ปรามาสเรา นี่งานแต่งของหลานเอ๋อร์ทั้งทีข้าในฐานะพี่ชายของนางก็ต้องทำให้ครบพิธี มิเช่นนั้นคงรู้สึกผิดกลับไปซีเป่ยเป็นแน่”“เช่นนั้นก็ตามใจท่านเถอะ ไปเถอะเหยาเหยา เจ้าค่อย ๆ เดินนะ”“เพคะ”ท่านอ๋องไม่ยอมให้พระชายาอยู่ห่างพระวรกายเลยตั้งแต่ครรภ์นางมากขึ้น ทั้งคู่เดินออกมาด้านนอกเพื่อรับแขกที่มาร่วมในงาน ฟางอี้หลงในชุดเจ้าบ่าวหล่อเหลาสง่างามเมื่อลงจากม้ามาคำนับท่านอ๋อง“ยินดีด้วยอี้หลง ในที่สุดก็ถึงวันมงคลเสียที ข้ากับเหยาเหยาขออวยพรให้เจ้าและฉวนหลานมีความสุขยั่งยืนนานลูกหลานเต็มเมือง”“ขอบพระทัยพ่ะย่ะค่ะ”“เจ้าสาวมาแล้ว!”เสียงของแม่สื่อดังออกมาพร้อมกับขบวนเจ้าสาวที่มีสาวใช้ของฉวนหลานพยุงเพื่อพาเจ้าสาวเดินออกมา องค์รัชทายาทของซีเป่ยเ
หลีม่านค่อย ๆ เดินเข้าไปเพื่อถอดชุดเจ้าบ่าวของท่านอ๋องออกแต่นั่นก็ดูเหมือนจะไม่ทันใจของอีกฝ่ายที่ทนเห็นอกอวบอิ่มตรงหน้าที่พุ่งเข้ามาไม่ไหว ปลายเริ่มโลมเลียผ่านชั้นในบางสีแดง มือเริ่มดึงเชือกที่ผูกลำคอและดึงสิ่งที่ปิดกั้นอยู่ออกจนหมด ร่างบางแหงนหงายตามแรงดูดกระชากจากลิ้นสวาทของพระสวามี“อ๊าา ห่าวหราน อ๊าา…”ไม่นานหลีม่านก็ถูกดึงขึ้นมาที่เตียง ชุดที่เหลือถูกสะบัดออกอย่างรวดเร็วจนนางมองตามไม่ทัน ตอนนี้ริมฝีปากของทั้งคู่ประกบเข้าด้วยกันราวกับโหยหามานานแสนนาน ผ้าห่มถูกละเลยอีกทั้งม่านรอบเตียงก็ยังค่อย ๆ ถูกดึงลงมา“อ๊าา ห่าวหราน อื้อ”“เหยาเหยาของข้าช่างงดงามนัก กลิ่นของเจ้าและตัวเจ้าทั้งหอมและหวานมากกว่าครั้งใด ๆ”ท่านอ๋องปวดกายหนึบจนเกือบจะทนไม่ไหว มังกรยักษ์ของพระองค์ไม่เคยเรียกร้องมากถึงเพียงนี้มาก่อนแม้ว่าพระองค์อยากจะค่อย ๆ ทำพิธีส่งตัวไปอย่างช้า ๆ แต่ความเร่าร้อนของพระชายาตรงหน้ากลับไม่เป็นใจเอาเสียเลย“ข้าทนไม่ไหวแล้วเหยาเหยา เริ่มกันเถอะนะ อาา…อุ่นเหลือเกิน ยังแน่นไม่เปลี่ยน อาา…”เสียงครางแหบต่ำทำให้พระชายาเริ่มตอดรับตามจังหวะพร้อมกับเบียดกายเรียกร้องให้ท่านอ๋องชื่นชมส่วนอื่น ซึ่
ท่านอ๋องขึ้นม้าพร้อมกับสายสะพายโบสีแดงที่ฉวนหลานยื่นให้ด้วยสีหน้าหมั่นไส้พี่ชายตัวเองเล็กน้อยแต่ก็ยิ้มให้เขาด้วยความดีใจ“ยินดีด้วยเพคะท่านอ๋อง”“ขอบใจองค์หญิง แล้วพบกันในวังนะ”“เพคะเสด็จพี่รอง”ชินหยางอ๋องยิ้มให้ฉวนหลานก่อนจะค่อย ๆ ดึงบังเหียนของเสี่ยวเซินออกจากจวนสกุลฟาง ขบวนเจ้าสาวของชินหยางอ๋องเริ่มเคลื่อนออกจากจวนสกุลฟางแล้ว ครั้งนี้งานอภิเษกถูกจัดขึ้นในวังหลวงซึ่งฮ่องเต้มีพระราชโองการให้องค์รัชทายาทเป็นผู้จัดการงานทั้งหมดท้องพระโรง เมื่อเจ้าบ่าวรับเจ้าสาวลงจากเกี้ยวก็ค่อย ๆ พยุงนางออกมาและทั้งคู่ก็รับโบแดงซึ่งมีหมัวมัวในวังยื่นให้ ทั้งสองเดินขึ้นบันไดไปยังท้องพระโรงที่มีฝ่าบาทและฮองเฮา แม่ทัพฟางและฮูหยินทั้งสอง แขกเหรื่อในงานพร้อมกับเหล่าขุนนางที่รอร่วมยินดีกับทั้งคู่อยู่ด้านใน เมื่อทั้งสองเข้ามาในท้องพระโรงแล้ว กงกงจึงดำเนินการตามประเพณี“คำนับที่หนึ่ง…คำนับฟ้าดิน”“คำนับสอง คำนับบิดามารดา”“คำนับสาม… คำนับกันและกัน”กงกงเดินนำไม้มงคลมายื่นให้ชินหยางอ๋องก่อนจะกระซิบ“ท่านอ๋องเชิญเปิดผ้าคลุมหน้าเจ้าสาวพ่ะย่ะค่ะ”“ขอบคุณกงกง”หยางห่าวหรานรับไม้บนพานออกมาและค่อย ๆ เปิดหน้าเจ้าส