หญิงสาวอดหัวเราะเพื่อนไม่ได้ ก่อนหันมองรอบห้องที่กว้างขวางและสะดวกสบาย สไตล์ไทยผสมโมเดิลที่ให้ความรู้สึกลงตัวทุกซอกทุกมุม
“บรรยากาศดี๊ดี”
เธอเดินไปหยุดมองทิวทัศน์ของลำธารสวยขนาดใหญ่ท่ามกลางภูเขาเขียวขจีเบื้องหน้า ทั้งๆที่ยังสวมผ้าขนหนูแค่ผืนเดียว ด้วยความที่คิดไปเองว่าคงไม่มีใครเห็น
“อากาศเย็นสบายดีจัง กลิ่นดอกไม้ก็หอมตลบอบอวลไปหมด แชื่นใจสุดๆ น้ำในลำธารก็ใสน่าเล่นชะมัดเลย เฮ้อ สงสัยฉันจะหลงเสน่ห์เมืองนี้เข้าแล้วสินะ”
เจ้าหล่อนจ้องมองไปยังลำธารสวยขนาดใหญ่ ที่มีทั้งแก่งและกลุ่มโขดหินตั้งเรียงรายไปทั่ว เวลาเย็นย่ำเช่นนี้ แสงอาทิตย์อุ่นๆที่สาดส่องลงมายิ่งทำให้ผืนน้ำสวยงามระยิบระยับ
“เอ๊ะ...ทางนั้น” แพรทองพยายามจ้องมองผานไปยังริมลำธารฝั่งตรงข้าม เธอจึงได้เห็นบ้านพักหลังใหญ่ที่ซ่อนตัวอยู่ภายใต้หมู่ไม้เขียวครึ้ม “มีบ้านอยู่ตรงนั้นใช่มั้ยนะ หรือว่าเป็นรีสอร์ทเหมือนกัน”
หญิงสาวพยายามจ้องมองบ้านพักหลังนั้น เพื่อดูว่ามีใครอยู่หรือไม่ แต่เพ่งเท่าไหร่ก็ไม่ได้ผล เธอไม่เห็นใครแม้แต่คนเดียว
ทว่า...หากเจ้าหล่อนยืนอยู่ในบ้านพักหลังนั้น เจ้าหล่อนก็จะรู้ว่าสามารถมองเห็นเรือนพักของเธอได้ชัดเจน และเห็นเธอผู้นั้นที่ยืนอยู่ริมหน้าต่าง ขณะมีผ้าขนหนูผืนเล็กพันรอบกาย
“ใครวะ!!!” เขาถามออกมา ขณะทอดสายตามองเรือนพักฝั่งตรงขาม ปากนั้นดูดบุหรี่เป่าควันฉุย “เอากล้องส่องทางไกลมาให้กูหน่อยซิ”
ชายหนุ่มท่าทางกวนๆ แต่งตัวเซอร์ๆด้วยกางเกงยีนและเสื้อยืดคอย้วย แต่ทำตัวเหมือนเจ้าพ่อ ยื่นมือไปรับกล้องส่องทางไกลจากหนึ่งในลูกน้องสองคนที่ส่งให้
“ก็คุณวันวิสากำลังจะแต่งงาน สงสัยจะเป็นแขกของเธอครับ”
“เออ! กูรู้น่า ไม่ต้องย้ำว่าวันวิสาจะแต่งงาน” อัคนียกกล้องส่องทางไกลแล้วส่องไปยังรีสอร์ทฝั่งตรงข้ามซึ่งมีหญิงสาวยืนอยู่ที่ริมหน้าต่างของเรือนพักที่ใกล้ริมน้ำที่สุด “คิดแล้วของขึ้นว่ะ กูทั้งหล่อทั้งรวย ดีกว่าผัวมันตั้งเยอะ ทำไมมันไม่เลือกกูวะ คอยดู กูจะฉุดอีวันวิสาคืนเข้าหอนี่แหละ”
อัคนีพูดจบก็หัวเราะลั่น ลูกน้องสองคนที่คอยตามเจ้านายเหมือนหูดก็พลอยหัวเราะไปด้วย เพราะเดี๋ยวเจ้านายจะเคืองเอา หากไม่มีอารมณ์ร่วม
“เจ็บใจฉิบ...” อัคนีสบถแต่คำนั้น ก่อนอึ้งไปหลายอึดใจเมื่อเห็นใบหน้าและสรีระหญิงสาวในกล้องส่องทางไกลแจ่มชัด เขาพูดออกมาอีกครั้งอย่างทึ่งๆ “สวย....สวยเป็นบ้าเลยว่ะ สวยฉิบ...สวยอย่างกับนางฟ้า”
“นางฟ้า! ตกลงใครเหรอครับเจ้านาย ขอผมดูบ้างสิ”
อัคนีลดกล้องส่องทางไกลลงแล้วหันไปตบหัวลูกน้องคนนั้นอย่างแรง
“อย่าเสือก พวกมึงไปยืนไกลๆกูเลยไป ถ้าไม่อยากโดนถีบ”
“แล้วเรื่องฉุด...”
“กูบอกว่าอย่าเสือกไง” ชายหนุ่มตวาดลั่น ลูกน้องสองคนก็ถอยล่นกลับไปยืนที่มุมห้องอย่างสงบเสงี่ยมเจียมตัว ส่วนอัคนียกกล้องขึ้นส่องอีกครั้ง หากแต่คราวนี้ เจ้าหล่อนหายไปจากตรงนั้นแล้ว
“อ้าว หายไปแล้ว ผู้หญิงคนนี้ใครวะ” เขาพูดแค่คำนั้น ราวกับเพ้อ “ทำไม...ทำไมหัวใจกูเต้นแรงขนาดนี้วะ” หญิงสาวที่เขาไม่รู้จัก เจ้าหล่อนลบความรู้สึกที่เขาชอบวันวิสาไปจนหมดใจเลยทีเดียว แค่ชั่ววินาที เพียงแค่เขาเห็นหน้าเธออย่างนั้นหรือ
“ตกลงเฮียจะฉุดมั้ยครับ”
“ฉุดสิ” เขายิ้มมุมปาก แววตาดูร้าย “คืนนี้ถ้ากูไม่ได้เมีย อย่าเรียกกูว่าเฮียอัคนีอีกนะโว้ย”
ชายหนุ่มผู้หล่อเหลา คมเข้ม แต่ร้ายสุดและเกเรที่สุดในอำเภอ จนผู้คนระอาเอือม ไม่อยากมีเรื่องด้วย นั่นเพราะเขาเป็นลูกชายคนเดียวของกำนันโรจน์ ผู้ทรงอิทธิพลและร่ำรวยที่สุดในเมืองนี้นั่นเอง
และเจ้าอัคนีนี่แหละ ที่เป็นไม้เบื่อไม้เมากับนาคินทร์มาตั้งแต่เด็ก หรือเรียกง่ายๆว่าเป็นศัตรูกันนั่นเอง
“ชุดนี้สวยมั้ย?”
แพรทองลองชุดที่จะใส่ร่วมงานแต่งในตอนเช้าวันพรุ่งนี้ ซึ่งเป็นชุดราตรีสั้นสีครีมแนบลำตัว ตัดเย็บโดยใช้ผ้าลูกไม้สวยงามที่ดูหรูเรียบ แต่ความจริงแล้วก็แค่ชุดราคาพันกว่าบาทเท่านั้นเอง
“สวย เซ็กซี่ มีคลาส แกปล่อยผมเลยนะ ไม่ต้องรวบ รับรองเพื่อนเจ้าบ่าวตะลึงกันเป็นแถวๆแน่”
“บ้า ไม่ได้ใส่มาโชว์ใคร” แพรทองหันไปมองตัวเองให้กระจกต่อ ขณะวิมาลาที่ตื่นเพราะปวดฉี่และทำธุระเสร็จแล้ว กระโดดลงเตียงเพื่อจะนอนต่อ “เฮ้ยแก อย่านอนสิ ไปช่วยยัยสาทำอะไรบ้างดีกว่า เผื่อยังมีอะไรที่ยังไม่เสร็จ”
“เออสิ ก็ยัยสาวิตรีน่ะมันชอบคินมาตั้งแต่เด็กแล้ว พอโตขึ้นมันก็ร้องจะฆ่าตัวตายถ้าไม่ให้มันแต่งงานกับคิน”“ว๊ายตาย อยากมีผัวจนตัวสั่นเลยเหรอ”“แล้วทำไมเขาตกลงล่ะ” แพรทองเองที่อยากรู้ “หรือว่าตอนนั้นก็แอบมีใจให้ยัยนั่นอยู่เหมือนกัน”“ฉันว่าไม่ใช่ เดาว่าคินทำตามที่พ่อต้องการ และตอนนั้นเขาก็ไม่ได้มีใครด้วย ไม่เหมือนตอนนี้...”วินาทีนั้นเองที่เสียงเคาะประตูดังขึ้น...ก่อนชายหนุ่มจะก้าวเข้ามาในห้อง ด้วยท่าทีตื่นเต้นดีใจ“วุฒิ กลับมาแล้วหรือคะ”“ใช่ ผมได้หลักฐานมาแล้วนะ แล้วก็จัดการส่งให้ตำรวจแล้ว ตอนนี้นายอัคนีถูกเรียกไปสอบสวนแล้ว”ทั้งสามสาวพากันดีใจเฮละโล “แล้วภาพจากกล้องวงจรปิดที่รีสอร์ทเราล่ะ?”“แน่นอน” ชาญวุฒิหมายมั่นปั้นมือ “ภาพจากกล้องวงจรปิดมัดตัวนายอัคนีแบบดิ้นไม่หลุดเลยล่ะ”“อะไรนะ นี่มีภาพจากกล้องวงจรปิดด้วยเหรอ” แพรทองถามอย่างตื่นเต้น “จริงเหรอยัยสา?”“ใช่ ไม่ต้องห่วงนะ ถึงพ่อมันจะใหญ่แค่ไหน แต่ถ้าหลักฐานมันชัดขนาดนี้ มันก็หนีคุกหนีตะรางไม่พ้นหรอก” วันวิสาพูดด้วยความสะใจ “โทษฐานที่มันล้วงคองูเห่า”ใครบอกว่าล้วงคองูเห่า...มันล้วงคองูจงอางต่างหาก!!!“อ้อ สาจ๊ะ ได้ข่าวเรื่องบ
เธอลูบไล้ใบหน้าหล่อเหลาของเขาอย่างโหยหา “อะไรคะ”“ถ้าเราสองคนอยู่ด้วยกันในคืนพระจันทร์เต็มดวง แสงจันทร์จะล้างคำสาปในตัวผมจนหมดสิ้น แล้วผมจะกลายเป็นมนุษย์เต็มตัว ไม่ต้องเป็นงูอีกแล้ว”“หืม...” หญิงสาวรู้สึกตื่นตะลึงเป็นอย่างมาก “จริงหรือคะ?”“จริง คุณจะช่วยล้างคำสาปให้ผมรึเปล่า”“ช่วยสิคะ แล้วฉันต้องทำยังไง”“คุณก็แค่รักผมให้มากๆ และยอมให้ผมทำอะไรกับคุณก็ได้ในคืนนั้น”“ทำอะไรก็ได้ หมายถึงกัดรึคะ” เจ้าหล่อนยิ้มยั่ว“มั้ง” เขายิ้มพรายก่อนก้มลงจุมพิตที่ปลายจมูกสวยของหญิงสาว “แต่อีกตั้งเดือนกว่าจะถึงวันเพ็ญ คุณก็ต้องยอมเป็นเมียงูไปก่อนนะ”“ใครบอกคะ ฉันลาพักร้อนได้แค่สิบห้าวันเท่านั้น แล้วตอนนี้ก็ใช้ไปตั้งสามวันแล้วนะคะ ฉันคงต้องกลับกรุงเทพฯก่อนถึงวันเพ็ญ”“ผมไม่ยอมให้คุณไปไหนหรอก”“ก็คอยดูว่าฉันจะไปได้รึเปล่า ฉันไม่ได้มีคู่หมั้นอย่างใครบางคนนี่คะ” เจ้าหล่อนแสร้งพูดเรื่องนี้อีกครั้ง เพื่อเตือนความจำของเขา“พรุ่งนี้ผมกูกถอนหมั้นแล้วคุณ”หญิงสาวขมวดคิ้วมุ่น “เหรอ?”เขายิ้มร่า ดูกะล่อนไม่เบา “ไม่เชื่อคุณก็คอยดูแล้วกัน”“อืม....อ้า!!!...” เขาใช้จังหวะที่หญิงสาวเผลอ ก้าวล้ำเข้าไปภายในของเจ้า
วันวิสาและวิมาลามองหน้ากัน รู้สึกทะแม่งๆกับท่าทางของเพื่อนสาวที่ไม่เคยสนใจผู้ชายคนไหนมาก่อน“อ๊ะๆ ทำไมห่วงนายคินขนาดนั้นยะ มีอะไรในกอไผ่รึเปล่าเนี่ยคู่นี้” วันวิสาแซว แพรทองทำหน้าแทบไม่ถูก เธอหันไปมองคนที่นอนอยู่บนเตียง อย่างรู้สึกสำนึกผิด“วิ แกอย่าโกรธฉันนะ”วิมาลาจ้องแพรทองนิ่ง ก่อนเอ่ยเสียงขรึม “ไปถึงไหนกันแล้วล่ะ”แพรทองก้มหน้านิดๆ เธอจะพูดอย่างไรดี ให้เพื่อนเสียใจน้อยที่สุด และไม่เกลียดโกรธเธอที่แย่งผู้ชายที่เธอหมายปองไปแต่เจ้าหล่อนไม่ทันจะตอบเพื่อน เสียงเคาะประตูดังขึ้นเสียก่อน วันวิสาเป็นคนเดินไปเปิดประตูให้แขกที่ทุกคนกำลังรอคอย“นาคินทร์!!!” เขากลับมาแล้ว ในสภาพที่ปกติ ไม่ได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด “ทุกอย่างเรียบร้อย คลิปของคุณถูกทำลายแล้ว ตอนนี้สองคนนั้นอยู่ที่โรงพักแล้ว ยอมออกไปมอบตัวด้วยตัวเอง”“จริงหรือคะ!!!” วิมาลาดีใจจนเกือบจะกรี๊ดออกมา “ขอบคุณนะคะคุณคิน คุณนี่ทั้งหล่อทั้งเก่งเลยค่ะ แล้ววิจะเลี้ยงข้าวนะคะ”“แล้วคินทำยังไงให้พวกนั้นมันยอมมอบตัวได้” วันวิสาถามอย่างใคร่รู้นาคินทร์หันมองหญิงสาวที่กุมความลับเขาไว้ เธอยิ้มนิดๆให้เขา“ก็ไม่ได้ทำอะไร พวกมันคงสำนึกผิดเองมั้ง”“
“คุณอย่าชะล่าใจนะ หมองูคนนั้นท่าทางน่ากลัวจะตายไป บางทีเขาอาจจะมีคาถาอาคมแก่กล้าจนคุณนึกไม่ถึงก็ได้”เขาหัวเราะ “เอาเป็นว่า เรามาคอยดูกันคืนนี้ดีมั้ย ผมเองก็อยากจะรู้เหมือนกันว่ามันจะเก่งสักแค่ไหน”“คุณนี่นะ ยังจะปากดีอีก ฉันว่าคืนนี้คุณอย่าอยู่ที่เมืองนี้เลย ไปไหนก็ได้ ให้มันไกลๆ เชียงใหม่เชียงราย หรือ...”“ไม่ ผมจะอยู่ที่นี่” เขาจับมือเธอแล้วบีบแน่น “ผมวางแผนจะออกไปเล่นงานลูกน้องไอ้อัคนีคืนนี้ ผมนัดแนะกับงูตัวอื่นๆไว้แล้ว พวกเขาเตรียมตัวกันหมดแล้ว ผมไปไหนไม่ได้หรอก”“คุณนี่ดื้อจริงๆเลย” เธอเริ่มจะหัวเสียแล้ว “เออ อยากทำอะไรก็ทำเถอะค่ะ ฉันไม่ยุ่งด้วยแล้ว ขอตัวก่อน เดี๋ยวยัยสาจะมารับไปเยี่ยมยัยวิที่โรงพยาบาล”เจ้าหล่อนหมุนตัวหันหลังให้ชายหนุ่ม เขาคว้าข้อมือเธอไว้“ผมไม่ยอมตายง่ายๆหรอกนะคุณ มีเมียสวยขนาดนี้จะทิ้งให้เป็นหม้ายได้ยังไง คืนนี้รอฟังข่าวดีนะ”ในที่สุดเธอก็แพ้เขา ยอมปล่อยเขาไป ตามที่เขาต้องการ เธอกลับมาอาบน้ำแต่งตัวที่บ้านพักเรียบร้อย ไม่นานนัก วันวิสาก็โทรศัพท์ให้เธอออกไปรอที่ลานจอดรถด้านหน้ารีสอร์ทขณะเดินออกจากเรือนพัก เธอเห็นหมองู เสี่ยอาทรและลูกน้องสามสี่คน กำลังจัดเตรี
“ถึงอย่างนั้นฉันก็ไม่สบายใจอยู่ดี”ชายหนุ่มคว้ามือเธอมาจูบแน่น ก่อนเงยหน้ามองด้วยสายตาออดอ้อน “ผมรักคุณนะ รักคุณมากจริงๆ อดทนอีกนิด แล้วผมจะจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อย รับรองว่าสาวิตรีจะทิ้งผมทันทีเลย”เธอหน้าตื่น “คุณจะทำยังไงคะ หรือว่าคุณจะเผยตัวตน”เขาส่ายหน้า “มันมีวิธีที่ง่ายกว่านั้น”ขณะนั้นเอง บริเวณด้านหน้าของตัวอาคารกลางของรีสอร์ท ได้มีคนกลุ่มหนึ่งเดินออกมา หนึ่งในนั้น มีบิดามารดาของวันวิสา และเสี่ยอาทร บิดาของอัคนีและสาวิตรีเดินมาด้วยกัน ดูจากสีหน้าท่าทางของทุกคน เหมือนมีเรื่องกังวลใจหนักหนา“มีเรื่องอะไรรึเปล่า เสี่ยอาทรถึงมาที่นี่”“ใครคะ”“โน่น พ่อของนายอัคนีตัวแสบ”“อ่อ ว่าที่พ่อตาคุณ”“เอ๊ะนั่น!” ชายหนุ่มไม่ได้สนใจเสี่ยอาทรเท่ากับชายชราอีกคน ที่สวมชุดขาวทั้งตัวและมีหนาวเคราขาวรกรุงรัง “หมองู”“ว่าไงนะคะ” เจ้าหล่อนหันไปมองตามสายตาของชายหนุ่มทันที “หมายความว่าไงคะ เสี่ยอาทรพาหมองูมาที่นี่ทำไมคะ”“คุณจะกลับห้องพักไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าไม่ใช่เหรอ ลงไปได้แล้ว เดี๋ยวผมจะไปคุยกับพวกเขาหน่อย เผื่อมีอะไรจะช่วยได้”หญิงสาวรู้สึกเป็นห่วงเขา แต่ก็ยอมทำตามที่เขาสั่ง เธอลงจากรถไปด้
“แต่พี่ชายตรียังอยู่โรงพยาบาลอยู่เลยนะครับ”“พี่หินฟื้นแล้วค่ะ พ้นขีดอันตรายแล้วด้วย ตรีบอกป๊ากับม๊าแล้ว ท่านทั้งสองก็ไม่ได้ขัดข้องอะไรนะคะ”แต่คนที่ขัดข้องคือว่าที่เจ้าบ่าวนี่แหละ เขายิ้มแทบไม่ออก ที่ยอมหมั้นในเวลานั้นก็เพราะบิดาใกล้เสียชีวิต อยากให้ท่านมีความสุขและสบายใจที่ลูกชายกำลังจะเป็นฝั่งเป็นฝา ไม่คิดว่าเรื่องมันจะเลยเถิดขนาดนี้“ไหนๆก็หมั้นกันมาตั้งหลายปีแล้ว แต่งกันสักที จะได้ไม่เป็นขี้ปากชาวบ้านเขา แม่ว่าจะไปสู่ขอน้องตรีอย่างเป็นทางการในสัปดาห์หน้า ลูกคิดว่าไงจ๊ะ”“ผมยังไม่พร้อมครับ” เขาพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง สายตาคมดุหันมองหญิงสาวที่นั่งอยู่ตรงหน้า เจ้าหล่อนทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ทันที“แล้วเมื่อไหร่จะพร้อมล่ะลูก นี่ลูกพูดแบบนี้มาหลายครั้งแล้วนะ น้องตรีเสียหายมากนะลูก ถูกคนเขาเม้าท์ไปทั่วว่าลูกไม่เอา...”“คุณน้าคะ...” เจ้าหล่อนสะอื้นฮึกฮักขึ้นมาจนทำให้มารดาของชายหนุ่มสงสาร คว้ามากอดแนบอก “ไม่เป็นไรค่ะ ตรีรอได้ นานแค่ไหนก็จะรอ”“ไม่เอานะลูก ไม่ร้องนะหนูตรี ยังไงพี่คินก็ต้องแต่งกับหนูตรีนะ”นาคินทร์ลอบถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย เขาควรต้องจัดการเรื่องนี้ให้เร็วที่สุด เพราะคนที่เ