Share

บทที่ 5

Author: ปอเปี๊ยะสตรอว์เบอร์รี
กู้เวินเหยียนกำหมัดแน่น มองเสิ่นเจียรุ่ยด้วยสายตาโกรธจัด

เสิ่นเจียรุ่ยรู้ว่าเขากำลังอยากจะพูดอะไร

เธอหอบหายใจแรงหนึ่งครั้ง ราวกับหมดเรี่ยวแรงทั้งตัวแล้วทรุดตัวนั่งลงกับพื้น

เธอยกมือขึ้นนวดหูที่โดนเขาตบจนหูอื้อ

เธอนั่งมองกองเสื้อผ้าที่ตกอยู่บนพื้น แล้วค่อย ๆ พับมันขึ้นมาใหม่อีกครั้ง

“นายรอให้ได้หย่ากับฉัน แล้วไปแต่งงานกับฟางจินเซี่ยอยู่เไม่ใช่เหรอ?”

“ทำเรื่องนี้ให้เสร็จ ก็จะเหลืออีกแค่สองเรื่องแล้วนะ นายจะยอมปล่อยให้ทุกอย่างที่ทำมาก่อนหน้านี้เสียเปล่าเหรอ? พูดตามตรง สองเรื่องแรกที่นายทำ ฉันไม่พอใจเลย… หรือว่า นายไม่อยากหย่ากับฉันแล้วกันแน่?”

พูดจบ เธอก็เงยหน้าขึ้นมองเข้าไปในดวงตาของเขา

เพียงเห็นดวงตาคมเข้มของเขา คล้ายหมึกเข้มถูกแต้มด้วยชั้น ๆ ของความเยาะเย้ย

“เสิ่นเจียรุ่ย คนเรามันมีค่าก็ตรงที่รู้จักตัวเอง น่าเสียดาย…เธอไม่มีเลย”

“เรื่องที่สามนี่ ฉันตกลงทำให้เธอ แต่จำไว้ให้ดีนะ ตระกูลเสิ่นปกป้องเธอไม่ได้แล้ว ถ้าเธอกล้าแตะต้องจินเซี่ยอีกครั้ง ฉันจะทำให้เธอตายไม่เหลือซาก!”

เสิ่นเจียรุ่ยก้มหน้าหัวเราะเยาะทั้งที่ขมขื่นในใจ

คำขู่แรง ๆ ใครจะพูดไม่เป็นกันล่ะ?

ตอนที่พวกเขาสองคนทะเลาะกันหนักที่สุด กู้เวินเหยียนก็ไม่เคยเป็นคู่ต่อสู้ของเธอได้เลย

ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่า อีกไม่นานเธอก็จะทำตามที่เขาต้องการได้เอง โดยไม่จำเป็นต้องให้เขาลงมือด้วยซ้ำ

กู้เวินเหยียนโทรปลอบฟางจินเซี่ยอยู่พักหนึ่ง จนเธออารมณ์ดีขึ้น

ภายใต้การจัดการของเขา ได้กลับประเทศล่วงหน้า

เสิ่นเจียรุ่ยมองเขาที่คอยปกป้องอย่างระมัดระวัง แล้วในใจก็ขมเหมือนกลืนบอระเพ็ดเข้าไป

ที่แท้กู้เวินเหยียนไม่ใช่คนที่ไม่รู้จักรักใคร

แค่เขาไม่รักเธอก็เท่านั้นเอง

ตอนที่กู้เวินเหยียนกลับมาจากข้างนอก เสื้อผ้าของเสิ่นเจียรุ่ยก็ยังเก็บไม่เสร็จ

เขาทนดูต่อไปไม่ไหว จึงดึงเธอลุกขึ้น แล้วก้มตัวเก็บของเอง

“ไร้ประโยชน์จริง ๆ ของแค่นิดเดียว เธอกลับเก็บตั้งนานยังไม่เสร็จอีก ไม่รู้ก็คงคิดว่าเธอใกล้จะตายแล้ว ถึงได้ไม่มีแรงอะไรขนาดนี้”

เสิ่นเจียรุ่ยเกิดสนใจขึ้นมาที่จะหยอกล้อเขา

“ใช่เลย ฉันใกล้จะตายแล้ว แล้วไงล่ะ? ถ้าฉันตายไปจริง ๆ นายจะเสียใจไหม ที่ปฏิบัติกับฉันแบบนี้ตอนฉันยังมีชีวิตอยู่?”

กู้เวินเหยียนชะงักไปหนึ่งวินาที พอเงยหน้าขึ้นมาอีกครั้งก็มีแต่ความเย้ยหยันเต็มใบหน้า

“เสียใจ? เธอนี่คิดไปไกลเลย ถ้าเธอตายละก็ ฉันคงจุดประทัดฉลองสามวันสามคืน เชิญคนทั้งเมืองเจียงเฉิงมากินเลี้ยงดื่มฉลองกันให้หมด”

เสิ่นเจียรุ่ยหัวเราะจนน้ำตาไหล พร้อมทั้งกุมท้องน้อยไว้

“กู้เวินเหยียน ปากนายร้ายจริงนะ ยังไงพวกเราก็เคยนอนด้วยกันมาแล้วนะ”

เสิ่นเจียรุ่ยไม่ได้หยุดอยู่ที่นี่

เพราะเธอรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าร่างกายของตัวเองถึงขีดจำกัดแล้ว

กลับมาที่เจียงเฉิงแล้ว เธอก็นอนซมไปอีกหนึ่งสัปดาห์

ทุกครั้งหลังทำรังสีบำบัด ผมของเธอก็ร่วงไปด้วยความเร็วที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่า

ตอนที่กู้เวินเหยียนโทรเร่งให้เธอทำสองเรื่องสุดท้าย เธอก็แอบไปร้องไห้อยู่ในห้องน้ำทั้งบ่าย

ร้องไห้เสร็จแล้ว เธอก็แต่งตัวปกปิดตัวเองเต็มที่แล้วรีบไปห้างเพื่อซื้อวิกผมหนึ่งอัน

“เธอตัดผมเหรอ?”

เสิ่นเจียรุ่ยไม่ตอบคำถามของเขา แล้วก็ตรงขึ้นรถของเขาไปเลย

“ไปเถอะ”

กู้เวินเหยียนขมวดคิ้ว โดยไม่รู้ตัวก็อยากจะเอื้อมไปแตะวิกผมของเสิ่นเจียรุ่ย แต่เธอกลับหลบอย่างรวดเร็ว

“รีบอยู่นะ นายจะไปไหมเนี่ย?”

กู้เวินเหยียนขึ้นรถตามไปทันทีแล้วพูดว่า “บอกให้รู้ด้วยความหวังดีนะ ว่ากว่าจะครบช่วงพิจารณาเหลือไม่ถึงเจ็ดวันแล้ว เรื่องอีกสองอย่างที่เหลือ เธอต้องรีบคิดได้แล้ว”

เสิ่นเจียรุ่ยไม่ตอบเขา แต่จ้องมองออกไปนอกหน้าต่างตลอด

เมื่อก่อนเธอมัวแต่ยุ่ง ยุ่งกับการโกรธกู้เวินเหยียน ยุ่งกับการพยายามให้เขามองเห็นเธอ จนมองข้ามความงดงามมากมายของเจียงเฉิง

เธอเคยคิดว่า แค่ยืนอยู่ในระดับเดียวกับกู้เวินเหยียน ก็จะสามารถจับมือกันชมวิวเดียวกันได้

แต่ความจริงคือ ต่อให้ยืนอยู่ข้างกัน ถ้าเขาไม่ได้รัก เขาก็จะทำเป็นมองไม่เห็นเธออยู่ดี

แต่สำหรับคนที่เขารัก เขายอมโค้งคำนับ ลดทิฐิและศักดิ์ศรีของตัวเองเพื่อเธอได้

ข้อที่สี่ที่เสิ่นเจียรุ่ยขอ ก็คือให้กู้เวินเหยียนพาเธอไปสวนสนุก

“เด็กน้อยจริง ๆ!”

กู้เวินเหยียนมองเธอด้วยสายตาดูแคลนหนึ่งครั้ง
Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • จดหมายฉบับสุดท้าย   บทที่ 25

    เห็นเขากลายเป็นแบบนี้ จี้ถันอิ่งดีใจสุด ๆ เลยถ้าไม่ติดว่าถ่ายรูปไม่ได้ล่ะก็ เธอคงจะถ่ายภาพหนึ่งเอาไปเผาส่งให้เสิ่นเจียรุ่ยที่อยู่ใต้ดินดูด้วยแน่ ๆมองไปที่ จี้ถันอิ่ง เขาเลียริมฝีปากที่แห้งแตกของตัวเองเบา ๆ“เชือกแดงล่ะ?”จี้ถันอิ่งไม่ได้พูดถึงเชือกแดงแม้แต่นิดเดียว เพียงแต่ก้มลงหยิบสมุดโน้ตเล่มหนึ่งออกมาจากกระเป๋าเท่านั้นกู้เวินเหยียนจับจ้องทุกการเคลื่อนไหวบนมือของเธอโดยไม่กะพริบตาเลยแม้แต่นิดเดียวจี้ถันอิ่งยกสมุดบันทึกไปแนบกับผนังกระจก“นี่คืออะไร?” กู้เวินเหยียนไม่เข้าใจสิ่งที่เขาอยากดูคือเชือกแดงจี้ถันอิ่งไม่พูดอะไร เพียงแค่เปิดสมุดโน้ตให้เขาดูเท่านั้นพอเห็นเนื้อหาในสมุดโน้ต กู้เวินเหยียนก็เบิกตากว้างขึ้นมาทันทีทุกหน้า ทุกบรรทัด ถูกเขียนด้วยลายมือที่คด ๆ งอ ๆ เต็มไปหมดจี้ถันอิ่งไม่ได้พูดอะไรเลย แต่เขากลับควบคุมริมฝีปากของตัวเองไม่ให้สั่นได้ไม่อยู่ผ่านไปครู่หนึ่ง จี้ถันอิ่งก็เอ่ยขึ้นช้า ๆ“กู้เวินเหยียน ตอนแรกที่คุณได้รับจดหมายนั้น มันไม่ใช่เจียรุ่ยเป็นคนเขียนเลย คุณย่อมไม่รู้หรอกว่า ตอนนั้นเธอเจ็บแค่ไหน ทรมานมากแค่ไหน แต่เธอก็ยังพยายามสุดชีวิตเขียนคำพวกนี้ลงไ

  • จดหมายฉบับสุดท้าย   บทที่ 24

    เขาค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นมาช้า ๆ“ยังดีกว่าอะไรล่ะ?”ได้ยินน้ำเสียงเย็นชาเวลาที่เขาเอ่ยถามออกมาคนที่พูดประโยคนั้นถึงกับเงียบไปเหมือนกลายเป็นใบ้ ดวงตาหดหลบเล็กน้อยก่อนจะถอยไปซ่อนด้านหลังทันทีเห็นดังนั้น กู้เวินเหยียนแค่นหัวเราะเยือกเย็นออกมา"ทำไมล่ะ? ไม่กล้าพูดแล้วเหรอ? หรือว่ากำลังเสียใจที่ตอนนั้นไม่ให้ลูกนอกสมรสคนนั้นกลับมา?"พ่อของเขามีลูกนอกสมรส เรื่องนี้ ที่แท้ทั้งบ้านตระกูลกู้ต่างก็รู้กันหมด มีเพียงเขาคนเดียวที่ไม่รู้เลยตอนนั้นเขาแค่ประสบอุบัติเหตุรถชนจนตาบอดชั่วคราว แต่ทุกคนกลับเริ่มคิดหาวิธีให้เขาลงจากตำแหน่ง ถอนตัวออกมาเพื่อให้คนอื่นขึ้นแทนถ้าไม่ใช่เพราะเสิ่นเจียรุ่ยคอยดูแลอย่างใกล้ชิด ไม่ใช่เพราะเธออยู่เคียงข้างพาเขาก้าวผ่านทุกอย่าง เขาเกรงว่าคงถูกคนพวกนี้ฉีกทึ้งจนไม่เหลือชิ้นดีไปนานแล้วพอคิดมาถึงตรงนี้ บริเวณกลางอกของเขาก็ปวดหน่วงบีบแน่นขึ้นมาอีกครั้งมองดูแต่ละคนที่ล้วนเบิกตากว้างด้วยความตกใจราวกับตกใจว่าเขารู้เรื่องนี้ได้อย่างไรกันบนใบหน้าของกู้เวินเหยียนยิ่งเย็นเยียบจนทำให้คนมองรู้สึกขนลุกสั่น“ฉันไม่เพียงแค่จะไม่ยกเสิ่นซื่อกรุ๊ปให้คนตระกูลกู้ แต่ฉันยังจะไ

  • จดหมายฉบับสุดท้าย   บทที่ 23

    “เสิ่นเจียรุ่ย ให้ฉันช่วยแก้แค้นแทนเธอได้ไหม?” เขาพูดออกมาเบา ๆทันทีที่พูดจบ เขาก็ยกขวดเหล้าที่อยู่บนโต๊ะขึ้นมา ฟาดใส่หัวตัวเองดัง “กัง! กัง!” หลายครั้งอย่างแรงเลือดสดไหลออกมาทันที ย้อมเสื้อเชิ้ตสีขาวของเขาให้กลายเป็นสีแดงเขากอดรูปไว้อาลัยของเสิ่นเจียรุ่ยแล้วนอนลงบนโซฟา ทันใดนั้นเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นมา“ขอโทษครับประธานกู้ โทรศัพท์ที่ติดต่อเข้ามาเรื่องประกาศตามหานั้นดังไม่หยุดเลย แต่ไม่มีสักรายที่เป็นเชือกแดงเส้นที่คุณต้องการครับ”“รู้แล้ว”เขาหลับตาลงด้วยความเจ็บปวดวินาทีถัดมา เขาก็สั่งให้ผู้ช่วยจองตั๋วเครื่องบินทันทีในเมื่อหาเส้นเดิมกลับมาไม่ได้ เขาก็จะไปขอเชือกแดงเส้นใหม่ที่เหมือนกันทุกประการมาใส่ไม่กี่ชั่วโมงต่อมา เครื่องบินก็ลงจอด กู้เวินเหยียนฝ่าภูเขาและสายน้ำมาจนถึงตีนเขาได้ยินชาวบ้านบอกว่าศาลานั้นสร้างอยู่บนยอดเขามีเพียงผู้ที่ตั้งใจอธิษฐานด้วยความศรัทธา และเป็นผู้มีวาสนาดีเท่านั้น จึงจะได้รับการพบหน้ากู้เวินเหยียนไม่เอ่ยสักคำ ก้มหน้าเดินมุ่งหน้าไปข้างหน้าเงียบ ๆเขาไม่หยุดพักแม้แต่วินาทีเดียว แม้หน้าผากยังพันผ้าก๊อซอยู่ก็ตาม หลายครั้งที่อาการเวียนหัวถาโถมเ

  • จดหมายฉบับสุดท้าย   บทที่ 22

    ในโทรศัพท์ของกู้เวินเหยียน มีข้อความอวยพรวันเกิดส่งเข้ามามากมายเขาเพิ่งนึกขึ้นได้อย่างเลื่อนลอยว่าวันนี้เป็นวันเกิดของเขาเองเขาราวกับกลายเป็นเครื่องจักรที่ไร้ความรู้สึก ปล่อยให้สมองหยุดทำงานไปนิ้วของเขาเลื่อนหน้าจอไปเรื่อย ๆ อย่างไม่รู้ตัว แล้วไม่รู้เป็นเพราะอะไร กลับเลื่อนไปเจอข้อความเก่าที่เสิ่นเจียรุ่ยเคยส่งมาให้เขา2024.5.27 00:00“กู้เวินเหยียน สุขสันต์วันเกิดนะ”2023.5.27 00:00“กู้เวินเหยียน สุขสันต์วันเกิดนะ”2022.5.27 00:00“กู้เวินเหยียน สุขสันต์วันเกิดนะ”……ตัวอักษรบนหน้าจอโทรศัพท์ราวกับเป็นสัตว์ร้ายที่พร้อมจะกลืนกินเขาเขารู้สึกหนาวเย็นไปทั้งตัว ราวกับถูกสัตว์ร้ายที่มองไม่เห็นฉีกกัดอย่างโหดร้าย ความเจ็บปวดแผ่ซ่านไปทั่วแขนขาและทุกกระดูกในร่างกาย จนร่างทั้งร่างสั่นไหวโดยไม่อาจควบคุมได้โทรศัพท์หลุดจากฝ่ามือของเขา ร่วงตกกระแทกพื้นอย่างแรงหรือควรจะบอกว่าเสิ่นเจียรุ่ยรู้จักเขาดีเกินไปกันแน่?เธอรู้ดีว่าแม้จะส่งมา เขาก็จะไม่เปิดดูอยู่ดีหรือเป็นเพราะเขาเองที่สะเพร่ามากเกินไปเขาไม่เคยสังเกตเลยว่าทุกปีในวันเกิดของเขา เธอคือคนแรกที่อวยพรให้เสมอหัวใจของเขาเจ็

  • จดหมายฉบับสุดท้าย   บทที่ 21

    กู้เวินเหยียนขังฟางจินเซี่ยเอาไว้ในวิลลาหลังนี้ยึดโทรศัพท์ของเธอไป เอาของทุกอย่างของเธอไปหมด และไม่เหลืออาหารอะไรไว้ในห้องเลยสักอย่างไม่สนเสียงร้องตะโกนของเธอ แล้วล็อกประตูแน่นหนาจากนั้นเขาก็หมุนตัวเดินจากไปโทรศัพท์ของเขาเกือบจะโดนผู้ช่วยโทรเข้ามาจนระเบิดแล้วพอเขารับสาย ผู้ช่วยก็โล่งอกขึ้นมาทันที“ประธานกู้ ในที่สุดคุณก็รับสายแล้วครับ มีเรื่องใหญ่ต้องให้คุณรีบกลับมาจัดการด่วนครับ!”กู้เวินเหยียนไม่ตอบอะไร สีหน้าก็ไร้อารมณ์ ขณะออกคำสั่งไปยังปลายสาย“ไปซื้อเหล้ามาสักสองสามลัง ส่งไปที่บ้านฉัน”พูดจบเขาก็ตัดสายทันที แล้วไม่สนใจโทรศัพท์อีกเลยหน้าต่างห้องถูกเขาปิดตายสนิท ม่านก็ปิดแน่นจนแสงลอดไม่ได้ เขากอดหมอนที่เสิ่นเจียรุ่ยเคยใช้ แล้วสูดดมกลิ่นที่ยังติดอยู่บนหมอนนั้นอย่างละโมบแต่ไม่นานเขาก็พบว่า แม้แต่กลิ่นเฉพาะตัวของเสิ่นเจียรุ่ย ก็ยังค่อย ๆ จางหายไปทีละน้อยเขาทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว อารมณ์ที่กดไว้เนิ่นนานถาโถมใส่เขาเหมือนคลื่นมหึมาจนพังทลายหมดสิ้นเขาตะโกนเรียกชื่อเสิ่นเจียรุ่ยด้วยความเจ็บปวดจนใจแทบขาด ไม่เคยมีสักครั้งที่เขาปรารถนาให้เวลาย้อนกลับไปได้มากเท่าตอนนี้…ตอนท

  • จดหมายฉบับสุดท้าย   บทที่ 20

    เขาคุกเข่าทรุดกึ่งนั่งยอง ร่างทั้งร่างชาไร้ความรู้สึก ราวกับเป็นเพียงเปลือกกายที่ไร้วิญญาณเขาหยิบเงินกงเต็กออกมาอย่างระมัดระวัง แล้วโยนลงไปในกะทะไฟเขาอยากรู้ว่าฝังศพเสิ่นเจียรุ่ยไว้ที่ไหนเขาคิดถึงเธอมากเหลือเกิน จนทั้งคืนทั้งคืนก็แทบไม่ได้นอนเลยเขาไปถามผู้ช่วยของเขาแต่เขากลับบอกเขาว่า ข่าวการเสียชีวิตของเสิ่นเจียรุ่ย เป็นสิ่งที่เขาได้รับมาจากจดหมายปริศนาฉบับหนึ่งในจดหมายนั้นมีรูปถ่ายใบยกเลิกบัตรประชาชนของเสิ่นเจียรุ่ย รวมทั้งประวัติการรักษาของเธอ นอกจากรูปหลุมศพที่มีเพียงชื่อปรากฏอยู่แล้ว ก็ไม่เหลือข้อมูลอื่นใดอีกเลยเขาเองก็ไม่รู้ว่าเสิ่นเจียรุ่ยถูกฝังไว้ที่ไหนกู้เวินเหยียนเมื่อได้ยินก็ราวกับถูกสายฟ้าฟาดใส่แต่พอผ่านไปไม่นาน เขาก็นึกถึงผู้หญิงคนนั้นขึ้นมาอีก จี้ถันอิ่ง ผู้ที่เอาแต่แก้แค้นเขาอย่างบ้าคลั่งเธอเป็นเพื่อนของเสิ่นเจียรุ่ย แน่นอนว่าเธอต้องรู้ว่าเสิ่นเจียรุ่ยถูกฝังไว้ที่ไหนไม่แน่ว่าเสิ่นเจียรุ่ยอาจเป็นคนที่เธอเป็นคนฝังด้วยตัวเองก็ได้เขารีบพุ่งตรงไปที่บ้านของจี้ถันอิ่งโดยไม่คิดแม้แต่นิดเดียวแต่พอไปถึงกลับพบว่าเธอย้ายออกไปแล้วเบอร์โทรศัพท์ของจี้ถันอิ่ง

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status