รุ่งเช้าจางอวี้ถิงเดินไปที่โรงครัวเพื่อพบกับหัวหน้าห้องครัวเพราะตอนนี้ผักในแปลงของนางสามารถตัดกินได้แล้ว ของปลูกต้องใช้แรงเมล็ดพันธุ์ก็ต้องซื้อหา จางอวี้ถิงมาพบกับป้าหงแม่ครัวใหญ่ของโรงครัวแห่งนี้ นางไม่แสดงทีท่าว่าเป็นฮูหยินเพราะตาแก่นั่นสั่งห้ามเรียกนางว่าฮูหยิน ไม่นานป้าหงก็เดินมาหานางก่อนจะเอ่ยทักทาย
"คุณหนูจางวันนี้ออกจากจวนเล็กมาถึงโรงครัวด้วยตนเองไม่ทราบว่าท่านต้องการอะไรหรือเจ้าคะ"
"ไม่ได้ต้องการสิ่งใด ท่านป้าหงข้าปลูกผักไว้หลายสิบแปลงกินอย่างไรก็ไม่ทัน วันนี้มีผักกาด หลัวโปว กวางตุ้งดอก ข้าขายถูกๆกำละยี่สิบอีกแปะ พวกท่านคนมากข้าขายถูกกว่าตลาดถึงห้าอีแปะสนใจจะรับหรือไม่เล่า"
ป้าหงถึงกับอ้าปากค้าง คุณหนูจางท่านปลูกในที่ดินสกุลหยางยังกล้ามาขายให้สกุลหยางอีกเนี่ยนะ ป้าหงทำสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออกทันที อาจิ้งที่เดินมาเพื่อรับน้ำอุ่นจากโรงครัวเห็นว่าคุณหนูจางมาถึงจวนใหญ่เองก็แปลกใจจึงเดินไปหานางเพื่อสอบถามความต้องการ
"คุณหนูจาง ไม่พบเสียนานท่านสบายดีนะขอรับ"
"อ้อ..องครักษ์หลี่ ข้าสบายดีเอ่อจริงสิ ข้าปลูกผักไว้หลายแปลงแต่มาขายโรงครัวดูแล้วท่านป้าหงคงไม่อาจรับซื้อ เช่นนั้นวันนี้ข้าจะขอไปข้างนอกสักชั่วยาม ขายผักหมดแล้วข้าจะรีบกลับ รบกวนองครักษ์หลี่ช่วยไปแจ้งเจ้านายท่านให้สักหน่อย ลี่จูเรากลับไปตัดผักกันเถอะ"
สองคนนายบ่าวหันหลังกลับพร้อมตะกร้าผักทันที แต่เดินได้เพียงห้าก้าวเสียงกังวานของเจ้าบ้านก็ดังมาจากทางด้านหลัง ทำเอาพวกนางต้องหยุดแล้วหันกลับมา
"จางอวี้ถิง สกุลหยางของข้ายากไร้ถึงขั้นต้องให้เมียตนเองไปเร่ขายผักหญ้าตั้งแต่เมื่อไหร่กัน"
จางอวี้ถิงยกผ้าเช็ดหน้าสีขาวปักลายดอกเหมยกุ้ยออกมาปิดปากก่อนจะไอออกมา ท่าทางระโหยโรยแรงผิดกับเมื่อสักครู่โดยสิ้นเชิง
"แค่กๆๆๆ ใต้เท้า แค่กๆ ข้าป่วยต้องรักษา สมุนไพรต้องใช้เงินซื้อแค่กๆๆๆ ที่ดินจวนเล็กพอมีว่างข้าเลย แค่กๆๆ ปลูกผักพอดีผักงามเกินไปข้าจึงเอาขายที่โรงครัวน่ะเจ้าค่ะก็ๆๆ แต่เหมือนกับโรงครัวไม่ต้องการข้าเลยแค่กๆๆๆๆ"
"แค่ค่าหมอค่ายาเจ้าคิดว่าข้าไม่มีปัญญาจ่ายให้เมียตนเองเชียวหรือไงถึงต้องดิ้นรนเพียงนี้"
จางอวี้ถิงไอจนตัวโยน ลี่จูลูบหลังให้กับเจ้านายของตนเอง จางอวี้ถิงลูบหน้าอกตนเองก้มหน้ามองพื้น หายใจหอบเหนื่อย หยางหมิงเห็นอาการนางไม่ดีจึงบอกให้นางไปพัก
"เจ้ากลับจวนเล็กไปเถอะ ส่วนผักก็ให้บ่าวไปตัดข้าเหมาทั้งสามสิบแปลงนั่นแหละเจ้าคิดเท่าไหร่"
"ขะ ขอบ แค่กๆ ขอบคุณใต้เท้าเจ้าค่ะ น่าจะตัดกินได้เป็นเดือนอยู่ แค่กๆๆคิดท่านห้าสิบตำลึงแค่นั้นคงไม่แพงเกินไป"
"จางอวี้ถิงเจ้าปล้นข้าอยู่หรือไง สามสิบตำลึงก็คงเยอะไปแล้วกระมัง"
"แค่กๆๆๆ ใต้เท้าเมตตาด้วยข้า ต้องรดน้ำแค่กๆๆๆ คือ"
"เอาล่ะๆ ห้าสิบตำลึงก็ห้าสิบตำลึง ข้าเพิ่งรู้ว่าเมียตัวเองหน้าเงินไม่ใช่น้อย"
หยางหมิงให้ห้องครัวรับผักจากนาง ก่อนจะเดินจากไปเขาไม่รู้ตัวเลยว่าเรียกคนตรงหน้าว่าเมียไปแล้วถึงสามครั้ง บ่าวไพร่ที่ได้ยินเจ้านายเรียกคนที่เขาไม่ยอมรับว่าเมียงั้นแปลว่าตอนนี้ใต้เท้ายอมรับฮูหยินแล้วงั้นหรือ ป้าหงเดินมาเอ่ยกับจางอวี้ถิงสรรพนามก็เปลี่ยนไปเช่นกัน
"เอ่อ ฮูหยินน้อยผักตะกร้านี้ส่งมาเถอะเจ้าค่ะ เอ่อมิทราบว่าฮูหยินน้อยจะให้พวกบ่าวไปตัดผักเวลาใดเจ้าคะ"
"ท่านไปสักยามเฉินก็ได้ เช้าเกินไปไม่ดีหรอกเผื่อมีสัตว์เลื้อยคลานมีพิษอาจเป็นอันตรายได้"
จางอวี้ถิงเอ่ยจบก็เดินเกาะแขนลี่จูกลับจวนเล็ก ป้าหงแปลกใจเวลาที่พูดกับนางฮูหยินน้อยดูปกติดีไม่มีท่าทีป่วยสักนิด ต้องเป็นเพราะดวงชะตาของใต้เท้าแรงเกินไปจนข่มดวงชะตาฮูหยินน้อยแน่ๆ น่าสงสารฮูหยินน้อยเหลือเกิน อายุยังน้อยกลับต้องมาเดียวดาย แต่ตอนนี้ใต้เท้ายอมเรียกนางว่าเมียแล้ว อีกหน่อยคงมีคุณชายน้อยวิ่งเล่นในจวนสักที ข่าวลือเรื่องใต้เท้ากับใต้เท้าเซียวจะได้เบาบาง
จางอวี้ถิงกลับมาถึงจวนเล็กก็นอนแผ่หลากลางลานของห้องโถง มีแค่สองคนนายบ่าวชีวิตช่างอิสระเสียจริงๆ นางรอให้ตาเฒ่านั่นเข้าวังไปประชุมก่อนนางค่อยลงมือทุบทางหนีเที่ยวของนาง จากนั้นสองคนนายบ่าวก็จัดการมื้อเช้าด้วยความอารมณ์ดี
ทางด้านว่านชิงชิงที่ตอนนี้ยืนอยู่หน้าจวนพร้อมกับปี้เหยาเพื่อรอเซียวอี้หลง เขาเดินออกมากำลังจะขึ้นรถม้าแต่สายตาเหลือบไปเห็นคนที่ทำเขานอนไม่ได้ทั้งคืนเพราะมัวแต่คิดถึงความเย้ายวนของนางยืนอยู่ก็หงุดหงิด ใส่เสื้อผ้าอันใดกันเกะกะไปหมด นางไม่ใส่อะไรเลยงามกว่าเป็นไหนๆ ก่อนที่เขาจะเดินไปหานาง
"มายืนทำอะไรที่หน้าจวน ข้าบอกแล้วมิใช่หรือว่าห้ามเจ้าออกมาจวนหลัก"
"ใต้เท้าเซียวข้าอยากไปซื้อของใช้สตรี อีกอย่างปี้เหยานางไม่ค่อยรู้เรื่องราคาข้ากลัวว่านางจะถูกเอาเปรียบจึงจะไปเอง"
"เจ้าจะหาทางป่าวประกาศฐานะตัวเองเช่นนั้นหรือถึงต้องไปให้ได้น่ะ"
"นี่ใต้เท้าเซียว ท่านว่าข้าอายุสิบหกแต่งงานกับตาแก่อายุสามสิบสามนี่มันน่าภูมิใจมากนักจนต้องไปป่าวประกาศหรือไง"
"เจ้า..หึ พ่อบ้านมานี่หน่อย" สิ้นคำสั่งชายวัยกลางคนก็วิ่งมาหาเขาทันที
"ใต้เท้ามีเรื่องอันใดให้บ่าวรับใช้หรือขอรับ"
"เจ้าพาฮูหยินไปตลาดหาซื้อของใช้ส่วนตัว พาคนไปด้วยสักสามคน"
"ขอบคุณใต้เท้าเซียว ปี้เหยาไปกันเถิดเดี๋ยวตลาดจะวายเสียก่อน"
สองนายบ่าวไปแล้ว เซียวอี้หลงมองตามร่างระหงไป อาไท่เดินมารับกล่องไม้จากเขาเพื่อนำไปวางในรถม้าม้าก่อนจะอมยิ้ม เซียวอี้หลงเห็นจึงเอ่ยปากถามเขา
"เป็นอะไร ยิ้มอันใดของเจ้ากันอาไท่"
"ใต้เท้าเรียกฮูหยินน้อยว่าฮูหยินเมื่อสักครู่น่ะขอรับ ข้าน้อยดีใจที่ในที่สุดท่านก็ยอมรับนาง"
เซียวอี้หลงหน้าแดง เขาเผลอเรียกนางเช่นนั้นไปจริงๆด้วย แต่กลับทำสีหน้ากลบเกลื่อนก่อนจะเอ่ยเสียงเข้ม
"บ่าวไพร่เต็มจวนต่อให้ข้าไม่ชอบนางแต่ก็ต้องให้เกียรติท่านปู่ของนางมิใช่หรือไง เจ้าอย่ามาแสดงออกเกินไปนัก เจ้าชอบเด็กปี้เหยานั้นมิใช่ข้าไม่รู้ อย่าทำให้ข้าเสียการปกครองเล่าเจ้าเด็กบ้า"
"อ้อๆๆ..ขอรับ"
ร่างสูงละจากความงามด้านล่างเลื่อนตัวมาหานาง ดวงตาสองคู่สบกันไปมา จางอวี้ถิงโน้มคอเขาลงมาหากระซิบเสียงรัญจวน ท่านอาหยาง ข้าอยากเรียนรู้แล้วท่านพร้อมสอนหรือไม่""จะสอนเดี๋ยวนี้ ผ่อนคลายนะอาจจะเจ็บแต่สัญญาว่านุ่มนวล""เจ้าค่ะ"คนตัวโตค่อยๆมอบความแข็งแกร่งของตนให้กับนาง เมื่อความร้อนผ่าวของคนตัวโตผ่านความอ่อนนุ่มของนางจางอวี้ถิงก็นิ่วหน้า น้ำตาไหลออกหางตาเพราะความเจ็บตึง แม้เขาจะนุ่มนวลเพราะนี่คือครั้งแรกของนาง แต่ก็ยังเจ็บอยู่ดี หบยางหมิงจูบซับน้ำตาให้ก่อนจะเอ่ยปลอบโยน"เจ็บมากไหม อาหยุดก่อนดีไหม""ไม่ต้อง ข้าทนไหวเจ้าค่ะ""หยางหมิงสอบเอวหนาช้าๆไม่นานเขาก็เข้ามาอยู่ในกายนางจนหมด ร่างสูงรอให้นางคุ้นเคยกับตัวตนของเขาก่อน จางอวี้ถิงกอดแผ่นหลังเขาเอาไว้ ลูบไล้ขึ้นลงก่อนจะบอกว่านางพร้อมแล้ว"ท่านอา ข้าพร้อมแล้ว ท่านทำเถอะเจ้าค่ะ"จากนั้นหยางหมิงจึงเริ่มสอบเอวหนาช้าบ้างเร็วบ้างเพราะนี่คือครั้งแรกของนางเขาอยากให้นางประทับใจ ดูเหมือนคนตัวเล็กใกล้จะแตะขอบสวรรค์สีทองเสียงครางแสนหวานเรียกหาเขาอย่างกระเส่าบ่งบอกว่านางนั้นเสียวซ่านรัญจวนเพียงใด"อ๊า ท่านอาหยาง สามีได้โปรดข้าจะไม
ภายในห้องนอนที่อบอวลด้วยกลิ่นหอมจางๆ ของเครื่องหอม หยางหมิงบรรจงวางร่างบางลงบนเตียงอย่างนุ่มนวลราวกับกลัวว่านางจะบุบสลาย แต่คนตัวเล็กกลับยังคงคล้องคอเขาไว้แน่นด้วยแขนเรียวระหง ไม่ยอมปล่อยให้เขาผละห่างไปไหน ใบหน้าหวานซบลงกับอกของเขา สูดดมกลิ่นกายที่คุ้นเคยอย่างออดอ้อน"ถิงถิงของอา เจ้าเมาแล้ว"หยางหมิงเอ่ยด้วยน้ำเสียงทุ้มนุ่ม"เปล่าสักหน่อย ข้ายังจำท่านได้อยู่เลย อื้อ "จางอวี้ถิงปฏิเสธเสียงอู้อี้ ใบหน้าซุกไซร้อย่างหาที่พึ่ง"ท่านอา... ข้าหนาวจัง ท่านกอดข้าหน่อยได้หรือไม่เจ้าคะ"เสียงกระซิบข้างหูแผ่วเบา หยางหมิงค่อยๆ วางนยางลงบนเตียงก่อนจะทอดกายลงนอนเคียงข้าง แสงตะเกียงสีส้มส่องกระทบใบหน้าหวานอย่าง กลิ่นกายของนางช่างหอมกรุ่นชวนให้ใจสั่นไหว ความต้องการในตัวนางพุ่งพล่านแต่เวลานี้นางไม่สามารถครองสติได้ แม้เขาจะเป็นสามีของนางโดยชอบธรรม เป็นบุรุษที่เต็มไปด้วยความปรารถนา และนางก็อยู่ตรงหน้าในสภาพที่ไม่อาจต้านทานได้ แต่หยางหมิงก็รู้ดีว่าเรื่องเช่นนี้จะกระทำลงไปได้อย่างไร ในเมื่อนางไร้สติ ไร้ซึ่งการยินยอมพร้อมใจการฉกฉวยโอกาสเช่นนี้หาใช่สิ่งที่บุรุษเช่นเขาจะพึงกระทำ หยางหมิงทำได้เพียงข่มกลั้น
เมื่อประตูห้องปิดลงเบื้องหลัง ทั้งสองจึงก้าวเดินเคียงกันไปอย่างงดงาม.. มีเพียงชายกระโปรงที่พลิ้วไหว หยางหมิงหยุดเดินก่อนจะเอ่ยกับคนข้างๆ"อามีเรื่องบางอย่างให้เจ้าตื่นเต้น หลับตาก่อนเด็กดี""ท่านอา..อย่าแกล้งข้านะ ข้าโกรธจริงๆ ด้วย""ไม่แกล้งหรอกคนงาม"จางอวี้ถิงยอมหลับตา ผ้าแพรผืนบางถูกผูกตานางเอาไว้ จางอวี้ถิงสงสัยแต่เขาก็บอกนางว่าอย่ากังวล เอ่ด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล"ไม่มีอะไรหรอกเดินตามอามาเถอะ"จางอวี้ถิงเดินตามแรงจูงของฝ่ามือใหญ่ที่จับมือนางไว้มั่น แม้ดวงตาจะมืดบอดเพราะถูกผ้าผูกตาปิดไว้ แต่ความอบอุ่นจากอุ้งมือนั้นกลับชัดเจนยิ่งกว่าแสงใด ๆ"ท่านอา....ท่าจะพาข้าไปไหนกันแน่เจ้าคะ..."นางถามเสียงแผ่ว แฝงความลังเลระคนตื่นเต้น หยางหมิงไม่ตอบ เพียงกระชับมือนางแน่นขึ้นและเอ่ยเบา ๆ ข้างหู"อีกเพียงก้าวเดียว เจ้าก็จะรู้มาเถอะเด็กดี"เท้าเรียวก้ามตามขาวยาวๆของเขาไป หูพลันได้ยินเสียงดนตรีและเสียงผู้คนพูดคุยกัน จางอวี้ถิงสงสัยแต่ก็ไม่นาน เขาพานางมาหยุดก่อนเอ่ย"ถึงแล้วพร้อมหรือไม่""เจ้าค่ะ"จางอวี้ถิงสงสัยเหตุใดวันนี้เขาอ่อนโยนและอ่อนหวานยิ่งนัก พักนี่เขายิ้มแย้มบ่อยเหลือเกินกลิ่นหอมขอ
หยางหมิงก็เดินมาหานาง ร่างบางถูกเขาช้อนอุ้มพาเดินเข้าไปยังเรือนนอน จางอวี้ถิงหน้าแดง บ่าวไพร่มากมายเขาช่างหน้าหนายิ่งนัก เมื่อมาถึงหยางหมิงวางนางลงอย่างแผ่วเบาก่อนจะเอ่ยถามนาง"เด็กดี วันนี้ตอนเช้าเจ้าไปแจกทานข้าวต้มเนื้อกับซาลาเปาและหมั่นโถวมาหรือ""เจ้าค่ะท่านอา วันนี้เป็นวันเกิดของข้าเจ้าค่ะข้าก็เลยอยากทำบุญ""วันนี้วันเกิดเจ้าน่าจะบอกอาสักนิด อาจะได้เตรียมของขวัญให้เจ้า""เงินทองมากมายแล้ว อยากได้อะไรก็หาซื้อ ท่านอาอย่าสิ้นเปลืองเลยเจ้าค่ะ " นางเอ่ยด้วยน้ำเสียงสดใสแต่ทว่าประโยคหลังนางเอ่ยแทบจะเป็นกระซิบ" ถ้าจะให้ละก็ให้ข้าไปต่อทุนสักสามหมื่นตำลึงจะดีมาก" หยางหมิงอมยิ้ม เจ้านี่นะเรียบร้อยได้ไม่นานจริงๆแม่ตัวแสบ หยางหมิงคิดในใจอย่างเอ็นดูก่อนจะบอกว่าลี่จูกำลังกลับมา ครบสามวันที่นางแต่งงานแล้ว จางอวี้ถิงดีใจยิ่งนัก แม้ว่าชิงชิงกับซิ่วซิ่วจะคล่องแคล่วสดใสแต่หากเทียบกับคนที่อยู่ด้วยกันมานานอย่างลี่จูย่อมเรียกหาสนิทใจมากกว่า"ลี่จูกำลังจะมาแล้ว อาคงต้องออกไปข้างนอกสักครู่" หยางหมิงเอ่ยกับจางอวี้ถิงด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล ดวงตาคมกริบจ้องมองใบหน้าหมดจดของนาง "คนงาม มื้อ
หยางหมิงรอจนอาหารย่อยเขาก็เดินมาหานางยื่นแขนกางออก จางอวี้ถิงรู้ว่าเขาจะให้ทำอะไร โตป่านนี้ยังอาบน้ำเองไม่ได้ คนอะไรก็ไม่รู้ นางอาบน้ำให้เขาจนถึงเวลาตนเอง หยางหมิงจะช่วยแต่นางไล่เขาออกไป"ท่านนี่นะอย่ามารุ่มร่าม ไม่เช่นนั้นข้ากลับเรือนเล็กนะคนบ้า""โธ่เมียจ๋าคนดีของอา อาก็แค่อยากช่วยเจ้าเท่านั้นเอง""คนบ้ามาข้ารู้ทันท่านหรอก ออกไปเลยนะ"หยางหมิงจำต้องออกมาจากห้อง กระทั่งนางจัดการตนเองเรียบร้อยก็มานั่งเช็ดผม ร่างสูงลุกมาจากนั้นก็เอาผ้าจากมือของนางมาเช็ดให้เองอย่างเบามือ"ท่านอา ข้าอยากไปเที่ยวแต่เรื่องล่าสัตว์ท่านไม่ทำได้ไหมเจ้าคะ ล่าแค่เป็นอาหารอิ่มท้องก็พอ""ปกติจะมีการแข่งขัน ทุกปีอากับท่านพี่เซียวจะได้ที่หนึ่งเสมอเพราะล่าได้มากสุด""ท่านอา แล้วล่ามากินหมดหรือไม่""ไม่หรอกเยอะเกินไป ทำไมหรือ"จางอวี้ถิงจับมือที่กำลังเช็ดผมให้นางก่อนจะหันหน้ามาสบตาเขาแล้วเอ่ย"คนหนึ่งชีวิต สัตว์ก็หนึ่งชีวิต พวกเรามีเลือดเนื้อ พวกมันก็มี พวกมันล่าแค่อิ่มท้อง แต่มนุษย์ล่าเพราะสนองกิเลสตัณหา มนุษย์ชอบบอกว่าตัวเองสูงส่ง ว่าแต่ใครสูงส่งกว่าใครกันก็ไม่แน่"หยางหมิงหวีผมให้นางก่อนจะ
หลังจากจัดงานแต่งให้กับหลี่จิ้งกับลี่จูเรียบร้อยทั้งหมดก็กลับจวน อากาศกำลังดีจางอวี้ถิงจึงอยากเดินกลับ มาได้ครึ่งทางหยางหมิงก็ทนไม่ได้ที่นางเดินนานเกินไปเขาจึงอุ้มนาง หยางหมิงที่อุ้มจางอก็เดินกลับจวนไม่สนใจสายตาของชาวบ้านที่เขาเดินผ่าน เรื่องที่ใต้เท้าผู้ตรวจการมีฮูหยินแล้วแพร่กระจายไปทั่วเมืองหลวง ที่สำคัญทุกคนเพิ่งจะได้เห็นหน้าตาคุณหนูจางหลานสาวอดีตหมอหลวงครั้งแรกมีคำร่ำลือว่ามารดาของนางงามมากนัก คุณหนูจางเองก็งามแต่เพราะขี้โรคจึงอยู่แต่ในจวน มีหลายสกุลอยากแต่งนางเข้ามาเพราะสมบัติสกุลจางนั้นมีไม่น้อย สกุลมารดาเป็นพ่อค้าอันดับหนึ่ง หยางหมิงได้ยินเสียงชาวบ้านเอ่ยถึงเขากับจางอวี้ถิงคำพูดเหล่านั้นลอยมาเข้าหู"นี่ข้ารู้แล้วทำไมใต้เท้าหยางเพิ่งจะแต่งฮูหยิน""ทำไมหรือเจ้ารู้สาเหตุหรือ""นางงามเพียงนั้น เป็นเจ้าๆจะไม่แต่งหรือ""อืมใช่ ขนาดนางป่วยยังงามเพียงนี้ เทียบกับคุณหนูที่ผัดแป้งชาดเสียหนาเตอะยังไม่อาจดึงความงามออกมาได้เลย""ฮ่าๆๆ เจ้าได้ยินที่นางบอกไหม นางบอกใต้เท้าหยางว่ามือนางกระดูกร้าวเพราะตบคุณหนูที่ผัดแป้งหนาเท่ากำแพงเมืองคนนั้น"ฮ่าๆๆ ฮ่าๆๆ ฮ่าๆๆ เสียงหัวเราะดังไปทั่ว หยางหมิง