ปี้เหยากับลี่จูมองหน้ากันทันที พวกนางเคยเห็นกันหลายครั้งเพราะลี่จูมักไปซื้อยาที่ร้านหมอประจำ ตอนที่นายท่านเขียนตัวยาให้ ปี้เหยาเองก็ติดตามคุณหนูว่านเสมอ แต่พวกนางไม่เคยได้พูดคุยกัน จางอวี้ถิงวาดแผนที่ตามที่ว่านชิงชิงบอกนาง จางอวี้ถิงยิ้มให้นางก่อนจะเอ่ย
“ช่องโหว่ทางด้านติดกับช่องทางด้านท่านพอดี เอาอย่างนี้ท่านทุบฝั่งท่าน ส่วนข้าทุบฝั่งข้าไม่กี่วันก็ทะลุถึงกันแล้วอีกอย่างข้าทุบไว้บ้างแล้ว เมื่อมันทะลุกันเราสองคนสามารถไปไหนก็ได้ เวลาที่กลับมาท่านก็กลับเรือนตนเองได้เลยไม่ต้องผ่านเรือนข้า”
“ดีเลย งั้นข้าจะกลับไปทุบเดี๋ยวนี้ไว้พวกเราจะได้ไปเที่ยวให้ทั่งเมืองหลวงเลย ข้าได้เงินเดือนจากตาเฒ่านั่นสามสิบตำลึง”
“ข้าก็ได้เงินเดือนเหมือนกัน เอาเช่นนี้ไหมไหนๆ วันนี้ท่านก็มาแล้วพวกเรามาช่วยกันทุบดีกว่า เผื่อจะทะลุกันเร็วขึ้น ข้ามีเครื่องมือเกษตรที่ข้าขอไปทางตาเฒ่าหยางไว้”
“ได้สิ ปี้เหยาพวกเรามาช่วยกันเถอะ”
จากนั้นทั้งสี่คนก็ช่วยกันลากกระถางต้นโบตั๋นมาบังฝั่งที่จะทุบ ก่อนจะช่วยกันค่อยๆ ทุบทีละน้อย หากเสียงดังเกินไปอาจมีคนได้ยิน ปี้เหยากับลี่จูละมือไปทำอาหารเที่ยง ทั้งสองคนยังคงหมกมุ่นกับการทุบกำแพงอยู่ มือของว่านชิงชิงเริ่มมีตุ่มใสๆ จางอวี้ถิงจึงบอกให้นางพักก่อน ว่านชิงชิงไปนั่งพักมองดูจงอวี้ถิงทำงานก่อนจะเอ่ยถาม
“ถิงถิง ข้าได้ยินท่านปู่เคยบอกว่าเจ้าป่วยหนัก มิสามารถออกมาโดนลมโดนอากาศข้างนอกได้มิใช่หรือ”
“มีเรื่องเช่นนี้จริงๆ เมื่อตอนห้าขวบข้าพลัดตกสระน้ำในจวน หลังจากที่ขึ้นมาข้าก็เจ็บออดแอดๆ มาตลอด แต่ว่ามันเป็นอาการไม่ร้ายแรง ข้ามีเสมหะที่อุดตันช่องอก ข้าตัดสินใจลองทุบตัวเองแรงๆ ดูหลายๆ ครั้ง ถ้าไม่หายก็แค่ตาย โชคดีที่ข้าหายเลยไม่ตายน่ะเจ้าค่ะ”
“อ้อ มิน่าท่านปูจางถึงรักษาไม่ได้ ที่แท้ปู่ของเจ้าคงไม่กล้าลงมือกับหลานสาวตนเอง แต่เจ้าใจกล้ามากนะ เป็นข้าไม่รู้เลยว่าจะกล้าเสี่ยงหรือไม่”
“คนเราเกิดมาชาติเดียวตายหนเดียว (ยกเว้นข้า) จะยอมทรมานไปทำไม่ หากไม่ลองดูจะรู้ผลลัพธ์หรือเจ้าคะ”
ทั้งคู่สนทนากันจนกระทั่งปี้เหยามาตามไปกินข้าวจึงได้ล้างมือ ทั้งสี่ไม่แยกนายบ่าวนั่งกินข้าวด้วยกัน จนกระทั่งอิ่มจึงนั่งพักอีกซักหน่อย จางอวี้ถิงอยากทุบให้เสร็จวันนี้ ว่านชิงชิงจะได้กลับออกไปโดยที่ไม่ต้องปีนต้นไม้ กระทั่งยามโหย่วก็ได้ช่องประมาณสามฉื่อ
พอให้คนตัวเล็กๆ อย่างพวกนางลอดได้ จากนั้นจางอวี้ถิงก็ลอดข้ามมาฝั่งจวนเซียว มีกระถางต้นไม่ระเกะระกะมาก สองคนนายบ่าวใช้ชีวิตแบบไม่มีอะไรเลยบ่าวไพร่ก็ไม่มีรับใช้ ทั้งสี่คนหากระถางมาบังรูสุนัขลอดของพวกนาง จนเสร็จเรียบร้อยก็ต่างร่ำลา ปี้เหยาบอกว่าพรุ่งนี้จะมาช่วยทุบช่องที่อยู่ด้านในรั้วของฝั่งนางช่องที่อยู่ด้านหลังรั้วดอกไม้เพื่อจะใช้ช่องทางนั้นออกไปนอกจวน
ว่านชิงชิงเหนื่อยมากแต่ว่านางก็ดีใจที่อย่างน้อยก็มีเพื่อนใหม่มาเพิ่ม หลังจากนี้พวกนางจะใช้ชีวิตให้สนุก เซียวอี้หลงจะทำอะไรก็ช่างนางคร้านจะใส่ใจ ปี้เหยาเทน้ำผสมให้คุณหนูของตนเรียบร้อยก็เตรียมอาภรณ์วางไว้ในห้องก่อนจะเตรียมไปซักผ้าที่เปื้อนดิน
“ปี้เหยาหยดน้ำมันหอมระเหยสักหน่อย วันนี้ข้าเหนื่อยมากเลย แต่เมื่อคิดถึงผลลัพธ์ก็คุ้มยิ่งกว่าคุ้มอีก”
“เจ้าค่ะคุณหนู แล้วอย่าแช่เพลินจนหลับคาอ่างอีกนะเจ้าคะ บ่าวจะไปซักชุดก่อนเปื้อนดินไปหมดเลย”
เมื่อเช้าได้ดอกเหมยกุ้ยมามากนัก ฝนตกทุกวันดอกไม้งดงามมาก ปี้เหยาผสมน้ำเรียบร้อยแล้วก็ไปซักผ้า ส่วนว่านชิงชิงนอนแช่น้ำอย่างสบายใจ มือเป็นตุ่มใส่ๆ หลายตุ่ม เดี๋ยวจะเจาะน้ำออกแล้วใส่ยาอีกที ปี้เหยามัวแต่ซักผ้าจนไม่รู้ว่ามีคนมาเยือน
เซียวอี้หลงรำคาญที่ท่านย่าของเขาเอาแต่ถามว่าเมื่อไหรจะมีหลานสักที ท่านย่าไม่รู้ว่าเขาไล่นางมาอยู่เรือนข้าง คนในจวนไม่กล้าบอกแก่ท่านย่าของเขา เดิมทีนางจะกลับมาในอีกห้าเดือน แต่เพราะมีสหายของนางเดินทางมาจากดินแดนตะวันตกนางจึงอยู่ถือศิลต่อที่วัดกลับพร้อมกับท่านย่าของหยางหมิง
หลังจากที่เซียวอี้หลงกลับเรือนหลักไปแล้วว่านชิงชิงกับปี้เหยาก็รอจนตะวันตกดิน สองคนนายบ่าวค่อยคืบคลานออกจากเรือนไปยังรูสุนัขที่พวกนางช่วยกันทำ จากนั้นก็อาศัยแสงจันทร์นำทางเพื่อไปหาจางอวี้ถิง เมื่อทั้งคู่มาถึงก็ใช้ก้อนหินเล็กๆปาไปที่หน้าประตู จางอวี้ถิงที่ได้ยินก็ลุกออกมาดู จางอวี้ถิงเห็นเงาตะคุ่มๆดูแล้วรูปร่างคล้ายสตรี เป็นสองนายบ่าวจากจวนข้างๆว่านชิงชิงกับปี้เหยา จางอวี้ถิงเดินไปหาพวกนางก่อนจะเอ่ยถาม
"พี่ชิงชิงท่านมาได้อย่างไรกัน ไม่กลัวตาแก่บ้านท่านจับได้หรือ"
"ไม่หรอก วันนี้ตาแก่นั่นจะมาพูดกับข้าเรื่องที่ท่านย่าเขาจะกลับอีกสิบเดือนข้างหน้า แต่เขากักขฬะจนถูกปี้เหยาเอากระดานซักผ้าฟาดไปสามที เมื่อตอนหัวค่ำจึงให้คนมาแจ้งว่าเขาจะเพิ่มเงินเดือนให้ แต่ว่าข้าต้องอยู่แต่ในเรือน หากอยากไปข้างนอกเขาจะให้คนพาออกไปแค่มาแจ้ง"
"แล้วท่านคิดอย่างไร"
"เหอะ..ไปแจ้งหรือเจ้าก็รู้ว่าหากข้าไปแจ้ง คนของเขาต้องตามประกบติดข้า จะเอาอิสระมาจากไหนกัน"
"แต่ว่าข้าว่าพรุ่งนี้ท่านให้คนไปแจ้งเขาสักหน่อยดีกว่า"
"หมายความว่าอย่างไรหรือถิงถิง"
"ข้าอยากกินขนม อยากทำขาหมูตุ๋นผักกาดดอง อยากได้เครื่องเทศ โรงครัวของที่นี่แม้ว่าข้าจะสามารถขอมาได้ แต่อย่างไรก็ไม่อาจขอได้มากนัก ท่านขออนุญาตตาแก่บ้านท่านออกไป หาซื้อของที่ข้าต้องการข้าจะเขียนรายการที่ต้องซื้อให้ท่าน ที่สำคัญพวกเราต้องการชุดบุรุษ"
"อ้อ..ข้าเข้าใจแล้ว งั้นเจ้าก็ร่างมาเถอะก่อนตาเฒ่านั่นจะเข้าวังข้าจะไปดักรอเขาก่อน"
"พี่..ท่านอย่าแข็งนะท่านอ่อนข้อสักหน่อย แต่อย่าอ่อนเกินไปจนเขาผิดสังเกต ท่านก็แค่บอกว่าท่านอยากไปหาซื้อผ้ามาตัดชุดกับซื้อของใช้สตรี ออกจากจวนได้ค่อยไปตามร้านที่ข้าจดรายการให้"
"อืม แล้วจะเอามาให้เจ้าหลังจากกลับมา"
"อย่าเอามา พี่ชิงชิงเขาจับผิดท่านอยู่ ท่านต้องเอาของไว้ที่เรือนท่านก่อน หากเขาสอดรู้สอดเห็นอยากมาดูว่านท่านซื้ออะไรมามากมายท่านต้องมีสิ่งของเหล่านั้นให้เขาเห็น ให้ปี้เหยาเอาของสดกับชุดบุรุษมาก็พอ นอกนั้นฝากไว้ก่อน รอจนเขาลืมไปแล้วค่อยเอามา พรุ่งนี้ข้าจะเริ่มทุบทางออกไปนอกเรือน"
"ได้ เอาตามที่เจ้าว่า เช่นนั้นข้ากลับก่อนนะถิงถิงเจ้าก็อย่านอนดึกนักเล่า"
จางอวี้ถิงเห็นนางพันผ้าที่มือก็เรียกนางให้หยุดก่อน จากนั้นก็เข้าไปเอายาสมานแผลมาให้นาง ตาเฒ่าหยางหมิงแม้จะขี้เก๊กไปหน่อยแต่ก็ยังถือว่ามีน้ำใจ เขาให้คนนำยามาให้ตอนที่นางเคลื่อนย้ายต้นไม้และลงมือยกร่องแปลงผัก
หลังจากแต่งงานชีวิตของจางอวี้ถิงก็มีแต่ความสุข ท่านตาและท่านยายมาหาเสมอ ท่านน้าพาบุตรชายและบุตรสาวมาหาทุกๆครึ่งเดือนเพราะเปิดร้านในเมืองหลวง จางอวี้ถิงใกล้คลอดแล้ว ว่านชิงชิงคลอดบุตรชายให้เซียวอี้หลง ส่วนเซียวอี้หรูที่เพิ่งจะแต่งงานได้สามเดือนตอนนี้กำลังตั้งครรภ์ ว่านชิงเหอดีใจมากที่เขากำลังจะเป็นพ่อคนจางอวี้ถิงกำลังสอนให้สาวใช้ในจวนและสาวใช้สกุลเซียวเรียนทำขนม เซี่ยหลิงเอ๋อร์มาหาเพื่อจะพูดคุยกับเซียวอี้หรู เซี่ยหลิงเอ๋อร์เพิ่งจะแต่งงานกับเยี่ยเฟิงได้สองเดือน นางอยากมีลูกให้เขาเช่นกันเยี่ยเฟิงก็ขยันทำทุกคืนแต่นางยังไม่มีวี่แววเลย"พวกท่านคนหนึ่งก็เป็นมารดาแล้ว พี่ถิงถิงกำลังจะคลอด อี้หรูก็ตั้งครรภ์แล้ว ลี่จูก็คลอดได้สิบกว่าวันแล้ว แต่ข้ายังไม่มีวี่แววเลย ทั้งๆที่ท่านพี่ก็...""ก็อะไรหรือหลิวเอ๋อร์"เซียวอี้หรูเงยหน้าจากที่กำลังเก็บขนมใส่ตะกร้า เซี่ยหลิงเอ๋อร์หน้าแดงก่อนจะตอบเสียงเบา"ทั้งๆที่เขาขยันทุกคืน"จางอวี้ถิงอมยิ้มก่อนจะหันไปมองสาวใช้และขยับมาใกล้ๆเซี่ยหลิงเอ๋อร์เอ่ยกระซิบให้ได้ยินแค่กลุ่มพวกนาง"ปี้เฉาก็ยังไม่ท้องเลยนางแต่งก่อนเจ้าอีกนะ อ้อถ้าขยันทุกคืนไม่ได้ผล ลองขยันกลางวั
จางอวี้ถิงยามนี้พักอยู่สกุลจางเพราะวันนี้เป็นวันแต่งงานของนางกับหยางหมิง ร่างอวบนั่งอญุ่ในห้องแต่งตัวเพื่อรอขบวนเจ้าบ่าวมารับตัวเจ้าสาว ลี่จูเห็นฮูหยินน้อยของตนสีหน้าดีขึ้นเพราะหายแพ้ท้องแล้วก็ยิ้มแย้ม เซียวไท่ไท่ที่เพิ่งจัดงานแต่งงานให้หลานชายกับกลานสะใภ้เรียบร้อยตั้งแต่เดือนก่อนก็อาสามาเป็นคนหวีผมให้กับนางเอง หญิงชราเชยคางมนขึ้นมาก่อนจะเอ่ย"ถิงเอ๋อร์...เจ้างามมากนักสมัยที่ท่านย่าของเจ้านางยังมีชีวิตอยู่นางถือว่าเป็นสตรีที่งามล่มแคว้นเชียวนะ""ท่านย่าเซียว ท่านย่าของข้าเป็นสตรีอบอุ่นอ่อนโยน ข้ายังจำได้ถึงอ้อมกอดของนาง ท่านพ่อท่านแม่จากไปไว ท่านย่าคิดถึงบุตรชายจนล้มป่วย ท่านปู่แม้จะมีฝีมือแต่ก็มิอาจรักษาโรคทางใจ สุดท้ายนางก็จากเราสองคนปู่หลานไป ข้าคิดถึงท่านย่าเจ้าค่ะ""ในเมื่อรู้ว่าย่าเจ้าเป็นสตรีแบบไหนก็เอาเช่นนาง เป็นสตรีอ่อนโยนที่อบอุ่นใครอยู่ใกล้แล้วมีความสุขให้ได้ เอาล่ะเสร็จแล้วย่ากลับก่อนเจอกันที่จวนหยางล่ะ""ขอบพระคุณมากเจ้าค่ะท่าย่าเซียว ค่อยๆเดินนะเจ้าคะ"เซียวไท่ไท่ออกจากห้องก็เจอเข้ากับจางอวี้หมิ่น นางทักทายเขาอย่างกันเอง"ท่านหมอจางยินดีด้วย ท่านทำหน้าที่ได้ดีแล้วฉือเย่
เมื่อผ้าแพรถูกเปิดออกหยางหมิงก็กางฉากบังลมออก ภาพที่ปรากฏทำเอาคนในงานถึงกับตะลึง มีภูเขาเรียงรายเขียวขจี ด้านล่างเป็นทุ่งข้าวสาลีที่กำลังออกรวงเหลืองอร่าม หญิงสาวหลายๆคนกำลังซักผ้าริมลำธาร และเด็กกำลังวิ่งไล่จับปลา ด้านบนมีภาพกวนอิมในปางประทานพร รัศมีสีทองที่เปล่งประกายออกมาบวกกับช่างปักฝีมือดีทำให้ภาพนี้ดูราวกับเป็นแดนเซียน"อืม...เป็นภาพที่งามมากนัก ว่าอย่างไรฮองเฮา สนมทั้งสอง""งดงามมากเพคะไทเฮา ฮูหยินใต้เท้าหยางช่างเป็นสตรีที่มากฝีมือจริงๆ""ขอบพระทัยฮองเฮาที่ทรงชมเชย นอกจากนี้ฮูหยินของกระหม่อมยังฝากของขวัญส่วนตัวมาถวายด้วยพ่ะย่ะค่ะ"ฉีกงกงเดินลงมารับถาดไม้ที่มีกล่องไม้วางอยู่สี่กล่อง ลวดลายที่แกะสลักบ่งบอกชัดเจนว่ามอบให้ใครบ้าง เมื่อเปิดออกดูไทเฮาและไท่ซ่างหวงก็มองหน้ากัน ฮ่องเต้ที่ทอดพระเนตรพร้อมกับฮองเฮาก็มองลงมายังหยางหมิง จากนั้นฮ่องเต้ก็เอ่ยถามจางอวี้หมิ่น"หมอหลวงจาง ท่านลองมาดูสักหน่อยเถอะว่านี่มันมีอายุเท่าไหร่กัน"ขุนนางไม่รู้ว่าของขวัญคืออะไรกระทั่งจางอวี้หมิ่นหยิบของในกล่องมาพิจารณาทั้งหมดก่อนจะกราบทูล"ทูลฝ่าบาทของพระองค์กับไท่ซ่างหวงโสมนั้นอายุน่
จางอวี้ถิงกลับมาถึงจวนได้เดือนกว่าแล้ว ตอนนี้ท่านปู่กลับไปจวนสกุลจางเรียบร้อยแล้ว อาการแพ้ท้องของนางดีขึ้นแต่ยังคงมีอาการเพลียและเวียนหัวบางครั้ง วันนี้เป็นวันประสูติของไทเฮา ทุกคนในจวนกำลังเตรียมตัวที่จะไปร่วมงานเพื่อถวายพระพร แต่จางอวี้ถิงมิได้ไปด้วยร่างบางที่ตอนนี้เอวหนาขึ้นมานิดหน่อยกำลังบรรจุโสมต้นใหญ่ลงในกล่องไม้ที่แกะลวดลายสวยงาม ด้านในกรุด้วยผ้าสีทอง โสมต้นนี้นางเก็บมาจากบนเขาที่ตำหนักฤดูร้อน ส่วนกล่องขนาดกลางเป็นของหยางไท่ไท่ หยางหมิงเดินออกมาจากห้องแต่งตัวเห็นเมียเด็กของตนกำลังเตรียมของขวัญก็อมยิ้มก่อนจะเดินมาหานางแล้วนั่งลง เขารวบร่างเล็กมานั่งตักจุมพิตซอกคอหอมกรุ่นเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงห่วงใย"ไม่เวียนหัวแล้วหรือ ลุกมานั่งอีกแล้วคนดี""นี่เป็นของขวัญที่เตรียมไว้ให้ไทเฮาเพคะ ส่วนนี้ของท่านย่ากับท่านปู่ของท่าน" "โสมต้นใหญ่เชียว ไทเฮาคงดีพระทัยไม่น้อยที่ได้ของมีค่าเช่นนี้""ท่านอา....หากมิใช่ท่านไปขุดเพิ่มคงไม่ได้มากเพียงนี้เจ้าค่ะ...ข้ายังมีเห็ดหลินจืออยู่อีกสองดอก ข้าจะให้ท่านปู่ของข้ากับท่านปู่ของท่านเจ้าค่ะ"ครั้งก่อนตอนที่หยางหมิงกลับมาจากลานล่าสัตว์ ฮ่องเต้ประทับต่อเจ็
ว่านชิงเหอแวะมาดูน้องสาวเมื่อเห็นนางหลับจึงกลับประจำที่ และแวะไปที่รถม้าของสกุลเซียว"คารวะไท่ฮูหยินขอรับ ข้าน้อยมาหาอี้หรู"ท่านด้านข้างเปิดออกก่อนที่ใบหน้าจิ้มลิ้มจะโผล่มาให้เห็น นางยิ้มให้เขาทันที ส่วนชิงดูแลหอยิ้มตอบก่อนจะบอกนางนั่งดีๆ แล้วเขาก็ไปประจำตำแหน่ง เยี่ยเฟิงรั้งท้ายกับว่านชิงเหอ เขาคือองครักษ์เสื้อแพรและผู้ตรวจการพิเศษ ทำคดีสำคัญที่ฮ่องเต้มอบหมาย หยางหมิงอยู่เบื้องหน้าวางแผนส่วนเยี่ยเฟิงคือตัวละครลับที่ไม่มีใครรู้แม้แต่ครอบครัว มีเพียงฮ่องเต้ หยางหมิงและเซียวอี้หลงเท่านั้น เมื่อเห็นบุรุษรูปงามทั้งหลายห่วงใยสตรีของตนนั้น คุณหนูหลายคนที่ดูแคลนว่าพวกเขาเป็นชายตัดแขนเสื้อบัดนี้ก็ได้แต่เสียดายที่ตนเองไม่พยายามมากพอ มิเช่นนั้นคนที่อยู่ในอ้อมกอดของหยางหมิงกับเซียวอี้หลงอาจจะเป็นพวกนางคนใดคนหนึ่งก็ได้"ใต้เท้าหยางรักฮูหยินของตนมากจริงๆ ได้ยินว่าเขาเข้าครัว ต้มยา ทำอาหารเคี่ยวโจ๊กเองเพื่อนางเชียวนะ""จริงหรือ บุรุษมาทำเรื่องเช่นนั้นนี่นะ""ข้าได้ยินว่าเขาเช็ดตัวล้างเท้าแม้กระทั่งนวดเท้าให้กับฮูหยินของเขาอีกด้วย""ใต้เท้าหยางมีวิชาแพทย์ย่อมไม่แปลกอยู่แล
จางอวี้ถิงตื่นขึ้นมาก็ยามซวีแล้ว นางนอนหลับไปนานพอสมควร ร่างบางได้ยินเสียงกุกกักๆดังมาจากทางด้านห้องครัวเล็กก็คิดว่าสาวใช้ต้มยาให้ก่อนจะได้กลิ่นหอมอมเปรี้ยวอมหวาน จากนั้นก้เห็นร่างสูงวที่นางคิดถึงเดินออกมาพร้อมกับมีชามบนถาดไม้ หยางหมิหลับใหลยิ้มให้คนท้องก่อนจะวางถาดไม้ไว้บนโต๊ะและเดินมาประคองนางให้ลุกขึ้น"ตื่นแล้วหรือคนดี...เป็นอย่างไรบ้างบอกอาสิยังเวียนหัวหรือไม่""ท่านอา..ข้าคิดถึงท่านจังเลย ฮือๆๆ ฮึกๆๆๆ"ร่างบางสะอื้นกอดเขาแน่น มือหนาลูบหลังให้นางอย่างปลอบโยนเอ่ยน้ำเสียงอบอุ่น"อาก็คิดถึงเจ้า มาเถอะอาต้มน้ำบ๊วยให้จะได้แก้แพ้ท้อง ดื่มสักหน่อยนะถิงถิงของอา""เจ้าค่ะ"หยางหมิงตักน้ำบ๊วยป้อนนางทีละช้อนๆจนได้ครึ่งชามจางอวี้ถิงก็ไม่เอา นางส่ายหน้าให้กับเขา หยางหมิงนำชามไปวางก่อนจะให้นางนั่งพิงหัวเตียง"นั่งพักนะ อาจะไปเอาน้ำอุ่นมาเช็ดเนื้อเช็ดตัวให้ จะได้สบายตัว""ท่านอา..ทำท่านลำบากแล้วข้าขอโทษเจ้าค่ะ""พูดอะไรเช่นนั้น ในท้องเจ้าคือสายเลือดของอา ถิงถิงต้องลำบากแพ้ท้อง ต้องอุ้มท้องเขาอีกทั้งยั้งต้องคลอดออกมาและเลี้ยงดู เจ้าลำบากกว่าอามากนัก แค่นี้ยังไม่เท่ากับท