เข้าสู่ระบบใกล้ชิดกันแค่ไม่กี่ชั่วโมง ใจไม่รักดีของเขา มันพานจะคิดถึงแต่หน้าใสๆ กับตาตื่นๆ คู่นั้น ขัดแย้งกับปณิธานที่ตั้งไว้มานานนมเรื่องไม่สนใจสาววัยใส จนตอนนี้เขาชักรำคาญตัวเองเหลือเกินแล้ว
ไม่กี่นาทีร่างบอบบางเดินออกมาจากห้องน้ำ กรณิการ์ไม่รู้ว่าคนเดินมาด้วยกลับไปหรือยัง หากพอพ้นประตู มองข้างผนังก็ต้องสะดุ้ง เนื่องจากไม่คิดว่าจะมีใครยืนอยู่ตรงนั้น
“ตกใจอะไร ฉันไม่ใช่ผี”
คนหน้าดุพูดเสียงขรึม ดึงตัวที่ยืนพิงกำแพงขึ้นตรง เดินนำออกไปก่อน
สาวน้อยนิ่วหน้าย่นจมูกใส่แผ่นหลังกว้าง ใครจะรู้ว่าเขายืนอยู่รอ หันไปเจอก็ตกใจสิ แต่... เขารอ... ความคิดนี้ทำให้เรียวปากระเรื่อมีรอยยิ้มแต้มบางๆ หัวใจอุ่นขึ้นอย่างไม่มีเหตุผล
ฟ้าครามเดินนำไปเรื่อย ไม่ได้หันมามอง แต่หูได้ยินเสียงเบาๆ ที่เคลื่อนตาม เขาไม่ได้เดินห่างหรือเธอเดินตามเขามาติดๆ ก็บอกไม่ได้ กระทั่งถึงล็อกที่นอน กายสูงใหญ่ก้มตัวมุดเข้าไปนั่งก่อน แล้วต้องนิ่วหน้าแปลกใจกับเสียงแผ่วเบาที่ถามขึ้น
“งะ...ง่วงแล้วเหรอคะ”
“ห้าทุ่ม จะให้ทำอะไร”
“กะ...ก็นั่งคุยก็ได้”
ทำไมต้องทำเสียงดุ สาวน้อยคิดแล้วหน้างอ รู้หรอกว่าตอนนี้กี่ทุ่มกี่ยาม แต่เธอไม่อยากปีนขึ้นไปนอนนี่นา
“คนอื่นนอน มาคุย ก็รบกวนคนอื่นสิ”
อันนั้นเธอก็รู้อยู่หรอก แต่จะให้ทำไงล่ะ เห็นทีต้องปีนขึ้นไปนั่งกอดเข่าเจ่าจุก รอเวลาเช้าอย่างเดียวแล้วล่ะแบบนี้
ฟ้าครามหรี่ตา สงสัยแม่สาวตรงหน้าจะกลัวนอนแล้วกลิ้งตกหรืออย่างไร เขาเห็นแววไหวหวั่นกับสีหน้าหงอยๆ ก่อนที่เจ้าตัวจะก้มหน้าเมินหนีเขา เอื้อมมือไปจับบันไดเหล็ก มันดลใจให้เขาออกปากเรียกเอาไว้
“นั่งสิ”
กรณิการ์ใจกระตุก หันขวับมามองอย่างไม่เข้าใจอารมณ์อีกฝ่าย แต่เธอก็ดีใจ ยอมมุดเข้าไปนั่งบนเบาะกับเขาในลักษณะเสงี่ยมเจียมตัวอย่างที่สุด
ฟ้าครามนิ่วหน้า ร่างบางนั่งห่างออกไปทางปลายที่นอนอีกฝั่ง นั่งนิ่งก้มหน้านิดๆ ไม่ได้พูดอะไร
“ไหน มีอะไรคุยมา”
เอาแล้วไง กรณิการ์เบิกตาหันมามองหน้าคมดุ เธอจะคุยอะไร แค่ไม่อยากนอน... ไม่อยากขึ้นไปนอนข้างบน พอปิดม่านมันเหมือนเธอถูกขังไว้ในกล่องแคบๆ โดดเดี่ยวไม่มีเพื่อน
“เอ่อ...คือ...”
“รึที่จริง กลัวจะนอนแล้วกลิ้งตก งั้นก็นอนเบาะข้างล่างนี่”
กรณิการ์มองคนขอเปลี่ยนที่นอนกับเธอแล้วกวาดตาช้าๆ ไปทั่วเรือนกายสูงใหญ่ ล่ำสัน เขาตัวใหญ่แบบนั้น จะขึ้นไปซุกตัวอยู่บนซอกแคบๆ ชั้นบนได้หรือมันแคบกว่าชั้นล่างด้วย
“หรือหิว” เมื่ออีกฝ่ายเงียบ ฟ้าครามถามต่ออีก เอื้อมไปหยิบถุงไข่ที่ยังเหลือสองใบมาส่งให้ พอจะอ่านความคิดของสาวน้อยออก
“ไม่หิวค่ะ” มื้อเย็นเธอไม่ค่อยทานอะไรมากนัก กรณิการ์คิดว่าเธอโชคดี ชอบกินชอบทำอาหารทำขนมแต่ไม่อ้วน คงเพราะเธอออกกำลังกายสม่ำเสมอก็เป็นได้
เมื่อสาวน้อยปฏิเสธ เขาเอาถุงไข่ไปห้อยไว้เหมือนเดิม ดึงโทรศัพท์ออกมากดดู มีข้อความจากเพชรพญาเข้ามา พ่อของเขาและไอ้พวกเพื่อนๆ ด้วย เขาจึงตอบไปว่าตอนนี้เดินทางถึงไหนแล้ว ก่อนจะออกจากโปรแกรมแชตไลน์ เข้าไปดูเหตุการณ์บ้านเมือง เข้าไปดูราคายางพาราและสถานการณ์ราคาผักผลไม้
กรณิการ์ลอบมองร่างหนาใหญ่หากสมส่วนสวยงาม เท่าที่มองจากภายนอกร่มผ้า ฟ้าครามคงออกกำลังกายเป็นประจำ เรือนกายเขาแม้สูงใหญ่แต่ก็ดูสมาร์ตกำยำสมชาย ไม่ผอมบางและไม่อ้วนเจ้าเนื้อ ใบหน้าครึ้มหนวดและเครานั้นแม้จะทำให้เขาดูดุดัน หากก็น่ามอง หนวดของเขาไม่ได้ยาวเฟื้อย มันสั้นแต่หนา กินบริเวณแนวคางและแก้มไปบางส่วน เหนือริมฝีปากกับใต้คางอีก จะว่าน่ากลัวก็ได้ น่ามองก็ได้ตามสมัยนี้ที่สาวๆ นิยมหนุ่มครึ้มเครา
สาวน้อยไม่กล้ามองนานนัก แค่ลอบมองผ่านๆ แล้วกลับมาครุ่นคิดเรื่องระหว่างเธอกับเขา ซึ่งไม่รู้ว่านับจากนี้ต่อไปจะเป็นไปในทิศทางไหน เธออยากถามแต่ไม่กล้า ความกลัวความหวั่นอัดแน่นเต็มหัวใจอยู่แล้ว ได้แต่หวังว่า เขาและพ่อของเขาจะเป็นคนดีให้ที่พักพิงลูกนกลูกกาอย่างเธอได้พึ่งพาอาศัยด้วยความบริสุทธิ์ใจ เธอไม่ได้คิดจะอยู่ฟรี หากมีงานอะไรที่เธอช่วยได้ เธอก็พร้อมจะช่วยทำ โดยเฉพาะงานบ้านงานครัวที่เธอถนัด
ไม่ให้เรียนต่อก็ได้...
ให้ทำงานอย่างเดียวก็ได้...
ขอแค่... ไม่บังคับให้เธอทำสิ่งที่ฝืนใจ ไม่เอาเธอไปขายหรือไปทำร้าย กรณิการ์ก็รู้สึกเป็นบุญของชีวิตเธอแล้ว
ผ่านไปพักใหญ่ คนไม่ง่วงเริ่มสัปหงก นั่งกอดเข่า โอนเอนซ้ายทีขวาที ฟ้าครามละสายตาจากหน้าจอโทรศัพท์เครื่องเล็ก มองสภาพคนไม่ง่วงแล้วส่ายหน้าอย่างระอา เขาเก็บโทรศัพท์ ก่อนเอื้อมไปดึงร่างอรชรให้ล้มตัวลงนอน
สาวน้อยสะดุ้ง ลืมตาโพลงขึ้น พยายามจะดีดเด้งตัวลุกขึ้นนั่ง เมื่อพบว่า เขารูดม่านปิดบังที่นอนแล้ว ภายใต้บริเวณคับแคบนี้สลัวแต่ยังพอมองเห็นกันได้
“นอน” เสียงห้าวสั่งเบาๆ แววตานิ่งแต่ดุ
“เอ่อ...อ้อนว่า...อ้อน” กรณิการ์กระซิบกลับเสียงตะกุกตะกัก แววตาฉายประกายหวั่น
ฟ้าครามไม่คิดจะปีนขึ้นไปนอนชั้นสอง ให้ทิ้งสาวน้อยที่หน้าตาสะสวยไว้คนเดียวเขาคงทำไม่ได้ จึงเอนตัวลงนอน ยึดพื้นที่เบาะนอนด้านนอกติดม่าน เป็นผลให้เจ้าของร่างบางเขยิบถอย หลังชิดหน้าต่างกระจก เธอทำท่าจะลุก แต่ลำแขนแกร่งพาดลงมาตรงเอว
“นอนที่นี่”
“อ้อนรักคุณคราม อยากให้คุณครามมีความสุขค่ะ”“ฉันสุขจนล้น อ้อนจ๋า”“รักอ้อนมากๆ นะคะ”“แน่อยู่แล้ว ฉันแก่ขนาดนี้จะให้ไปวิ่งหาผู้หญิงที่ไหนอีก กลัวแต่เธอจะเผลอไปรักคนอื่น”“แน้... หาความแล้วนะคะ คุณครามแก่ที่ไหน แถมหล่อแบบนี้ อ้อนจะไปไหนได้”“แต่แรกว่าเถื่อน ว่าโหด”“โหดก็รัก เถื่อนก็รักค่ะ”“น่ารักนะเรา”กรณิการ์หัวเราะคิก ป่ายปีนขึ้นไปบนตักกว้าง ทำตัวน่ารักเพิ่มมากขึ้นไปอีกด้วยการขยับเสียดสีเนื้อตัวอ่อนนุ่มปลุกปั่นกายแกร่งให้แข็งขึง ซึ่งเธอไม่ต้องใช้ความพยายาม แค่สัมผัส ฟ้าครามก็ตื่นแล้ว“เห็นไหมคะ แก่อะไรตื่นไวปานนี้”ฟ้าครามส่ายหน้าแต่คลี่ยิ้มอ่อนโยนให้คนน่ารัก เขาแนบหน้าครึ้มเคราเข้ามาจูบปากหวานๆ ที่แสนจะพูดถูกใจ“อ้อนทำมันตื่น ต้องดูแลมันรู้ไหม”“รู้หรือไม่รู้ดีน้า...”หน้างามระบายยิ้ม ส่งสายตายั่วเย้า แต่ขยับบั้นท้ายคลึงเคลื่อนเบาๆ เมื่อสามีหนุ่มไล่จูบฟัด กรณิการ์หัวเราะลั่นก่อนถูกจูบจนตัวอ่อน คำหวานถูกกระซิบบอกย้ำ แล้วเธอจะใจดำกับเขาได้ยังไงสาวน้อยจึงเริ่มต้นออดอ้อน สนองรัก ตามเสียงพร่ำขอของสามีอย่างเต็มใจอย่างยิ่งยวดฟ้าครามคำรามระคนครางกระหึ่ม เมียสาวแปลงร่างเป็นนางแมวป่ายั่ว
“ฉันไม่ได้หมายถึงเรื่องนั้น แต่หมายถึง คร่อมแล้วต้องคลึงด้วย มันจะยิ่งดี” เพราะเขากำลังถูกกดทับจนปวดร้าว ฟ้าครามขบกรามกรอด ผงกหัวมอง เมื่อเมียรักไล้ลิ้นลงไปถึงสะดือ เธอไม่ลืมจุ่มจ้วงลิ้นวนแอ่งเล็กๆ นั่นเล่น ก่อนจะเดินหน้าต่อไปตามขอบกางเกงที่สาบซิปเปิดแยกมือบางช้อนเข้าใต้สัดส่วนอลังการ มันกระตุกราวกับเริงร่า เหยียดขยายรอเวลาแผลงฤทธิ์ สาวน้อยมองแล้วหน้าร้อนผ่าวๆ หากเธอก็เหลือบขึ้นมองหน้าคมเข้มหล่อเหลาที่เดี๋ยวนี้เขาจะตัดแต่งหนวดเคราจนสั้นเตียนทำให้ยิ่งหล่อเข้มคม เธอสบตาร้อนแรง ชอบใจที่ทำให้สามีเก็บกลั้นทรมานได้“ปรานีกันบ้างเถอะที่รัก”“คนใจร้ายชอบแกล้ง ทำไมต้องสงสาร”“แกล้งเพราะรัก” เขาออด ทำตัวอ่อนหวานอย่างพยายามฝึกทำเต็มที่สองปีมานี้ฟ้าครามปรับเปลี่ยนตัวเองไม่น้อย จากคนที่ดุดันเคร่งขรึม เวลาอยู่กับกรณิการ์เขารู้จักออดทำตัวอ้อน แม้เสียงที่พูดจะไม่หวานหยด แต่น้ำเสียงนั้นก็จับใจเมียรัก“อ้อนก็ลงโทษเพราะรัก”กางเกงยีนตัวเก่งเลื่อนลงไปทางปลายเท้าพร้อมกับปราการของท่านชาย ความเข้มแข็งผงาดตั้งประกาศศักดา กรณิการ์ใจสั่น แต่ด้วยความรักที่มีต่อเขา แท้จริงเธอแค่อยากเอาใจฟ้าครามบ้าง สิ่งที่เขาท
เจ้าของร่างหนาชะงัก เสียงร่ำไห้บาดหัวใจ น้ำตาที่รินไหลคล้ายน้ำกรดรดราดตัวให้แสบร้อนจนทนไม่ได้“อ้อน”“ไม่! ได้โปรด อย่าทำฉัน คุณคราม ฮือๆ ช่วยอ้อนด้วย ช่วยด้วย ฮือๆ”“อ้อน นี่ฉันเอง”ฟ้าครามกระซิบ จูบเคล้าปากอิ่มที่บวมเจ่ออย่างปลอบประโลม บ้าชะมัด เขาไม่น่าทำตามคำแนะนำของพ่อเลย เสียงร่ำไห้ของกรณิการ์บีบหัวใจเขาชะมัด อ้อมกอดแกร่งกระชับ กายหนาผละห่าง อุ้มร่างบางขึ้น เธอไม่ฟังเขาสักนิด เลยต้องพาออกไปนอกห้อง สับคัตเอาต์ไฟ ก่อนจะเข้าห้อง กดสวิตช์เปิดไฟให้สว่าง“อ้อน ดูสิ ฉันเอง”ร่างบางถูกเขย่าจนผมเผ้ากระจาย เสียงห้าวดุที่คุ้นเคยแทรกเข้ามาในหัว กรณิการ์ลืมตาเปียกน้ำตาขึ้นมอง พอพบว่าเป็นฟ้าครามจริงๆ เธอก็ร้องไห้โฮ... ผวาเข้าระดมกำปั้นเล็กๆ ทุบอกกว้างไม่ยั้ง“คนบ้า บ้า บ้า บ้าที่สุด ฮือๆ”ฟ้าครามนั่งเฉย ปล่อยให้เมียสาวทุบได้ตามใจ พอเธอทุบเหนื่อยก็ซบหน้ากับซอกคอเขา ร้องไห้สะอึกสะอื้น เขาจึงลูบไล้แผ่นหลังบางเบาๆ อย่างปลอบโยนกระทั่ง เสียงสะอื้นสร่างซา เนื้อตัวอุ่นนุ่มหยุดสะท้าน เสียงแผ่วดังขึ้นอย่างไม่เข้าใจในการกระทำบ้าๆ ของสามี“ทำไมต้องแกล้งอ้อนแบบนี้”“ไม่ได้แกล้ง”“แล้วที่ทำเรียกว่าอะไรล่ะ
เสียงเสื้อนอนขาดดังแควกจากแรงกระชากทึ้ง กรณิการ์กรี๊ดลั่น ทว่า... เสียงนั้นไม่ดังออกมา เพราะหน้าถูกกดลงกับหมอน สองขาถูกทับ เมื่อเจ้าคนชั่วฉีกทึ้งเสื้อผ้าเธอเสร็จก็ดึงตัวเธอขึ้น แล้วจับเอาเสื้อนั้นขยำเป็นก้อนยัดปากเธอ เสียงร้องดังเพียงอู้อี้“อู้... เมียไอ้คราม ทั้งขาวทั้งหอม ขอพี่กระแทกให้น้ำแตกทีนะน้อง น่าเอาเป็นบ้า”กรณิการ์หวาดผวา ฟ้าครามไปไหน เขาอยู่ไหน ช่วยด้วย! ช่วยเธอด้วย“ไม่!”ร่างบางกระเสือกกระสนหนีไปบนเตียง มันก็ปล่อยให้เธอหนี เพื่อจะได้ฉีกฉุดกระชากกางเกงออกจากตัวเธอจนเหลือเพียงกางเกงชั้นในกับเสื้อชั้นใน กรณิการ์ขวัญเสีย ดิ้นรนอย่างบ้าคลั่ง ก่อนมือจะถูกรวบและมัดด้วยเศษเสื้อนอน วินาทีต่อมาเสื้อชั้นในก็ถูกกระตุกออก เธอผวาเด้งตัวหนีแต่ถูกผลักลงไปนอนหงายบนที่นอน ก่อนที่ขาจะถูกง้างออกห่างกัน ร่างใหญ่แทรกเข้ามาตรงกลางเสียงพึงพอใจดังขึ้นในลำคอของผู้อุกอาจ เมื่อกางมือทาบพื้นที่สงวน มือหยาบใหญ่ แต่พื้นที่ใต้ฝ่ามือก็เกือบปิดไม่มิด“อ่อย (ปล่อย) อ่า (อย่า)”เจ้าของร่างทะมึนไม่สนใจ มือหนึ่งจับมือที่ถูกมัดรวบกดไว้เหนือศีรษะเล็ก อีกมือเคล้าคลึงพื้นที่น่าหลงใหล เกลี่ยไล้ปลายนิ้วกับรูปรอย
สาวน้อยวิ่งตรงไป เลือกดอกไม้อย่างคุ้นเคยเพราะเคยมาซื้อหลายครั้ง คุ้นกับพ่อค้าเป็นอย่างดี“ดอกนี้ดีกว่าไหมจ๊ะน้องสาว พี่บ่าวจะซื้อให้”ดอกกุหลาบยื่นมาตรงหน้า ทำให้กรณิการ์ผงะ เงยหน้ามองก็พบหนุ่มสองคน คนหนึ่งตัวใหญ่อีกคนรูปร่างเล็กแต่ผิวคล้ำ กลิ่นเหล้าคลุ้งจนมึนหัว เธอเดาว่าน่าจะเป็นชาวเลแถวนั้น แววตากะลิ้มกะเหลี่ยกวาดมองตัวเธอทั้งตัวสร้างความหวาดผวาให้กรณิการ์ เธอรีบส่งดอกไม้ให้พ่อค้า“ไม่ดีกว่าค่ะ ขอบคุณค่ะ”“เฮ้ย พวกมึงกลับเรือไปเลย อย่ามาวุ่นวายกับลูกค้ากู” พ่อค้าขายดอกไม้ส่งเสียงไล่“โธ่ จะรีบไล่กันไปไหนเล่า อยู่กับเรือมาแรมเดือน ขึ้นบกพบสาวน่ารักก็อยากทำความรู้จักเท่านั้นเองน่า” หนึ่งในนั้นร้องตอบพ่อค้า“นั่นสิจ๊ะ ชื่ออะไรครับคนสวย”กรณิการ์ไม่ตอบ จ่ายเงินรับถุงดอกไม้ หมุนตัวเดินกลับไปหาฟ้าคราม คิดเอาว่าถ้าเธอไม่เล่นด้วย พวกนี้ก็คงเลิกราไปเองทว่า... ไอ้หนุ่มใจกล้าคนหนึ่งกลับคว้าแขนเธอไว้อย่างถือวิสาสะ“เดี๋ยวสิ”“ว้าย ปล่อยนะ!” กรณิการ์สะบัดแขนเต็มแรงแต่ไม่หลุดสองหนุ่มหัวเราะร่าที่ได้แกล้งลวนลามสาวเจ้าโดยไม่สนเสียงด่าของพ่อค้า ซ้ำยังทำท่าจะรุกไล่มากไปกว่านั้น โดยไม่รู้ดวงมันกำลั
“เดี๋ยวนี้พูดแบบนี้ก็เป็นเหรอคะ”“หัดมา เดี๋ยวเมียงอน ต้องง้อยาวเสียพลังงานเยอะด้วย งอนครั้งต่อไปที่ไหนดี บ่อปลาหรือว่าสวนยาง”“บ้าจริง คุณงามนี่” หน้าสวยแดงก่ำ แต่ไม่ว่าที่ไหน เธอไม่คิดขัดใจเขาอยู่แล้วเมียที่ดีต้องตามใจผัว...“อ้อนรักคุณครามค่ะ” เสียงหวานสั่นกระซิบ ก่อนเรือนกายน่าปรารถนาจะขยับตอบรับลำนำสวาทสร้างความถูกใจให้กับสามีจอมเถื่อน“น่ารักมาก”เสียงห้าวพร่ากระซิบ ก่อนที่ห้องสวีทสุดหรูจะถูกแผดเผาด้วยเปลวปรารถนาตลอดค่ำคืนที่มีความหมาย สองกายผลัดกันบอกย้ำคำรักราวกับจะจารจดไว้ทั่วทุกอณูเนื้อกายและสลักในเนื้อหัวใจตราบนานเท่านาน...เป็นเวลาสองปีแล้วนับจากวันแต่งงาน กรณิการ์ปรับตัวเข้ากับชีวิตใหม่ สิ่งแวดล้อมใหม่ได้จนกลายเป็นความคุ้นเคย สวนของฟ้าครามยังให้ผลิตผลเป็นอย่างดี ทำรายได้ให้ชายหนุ่มทุกวัน ขณะที่เธอเรียนจบจากโรงเรียนสอนทำขนมทำอาหาร ฟ้าครามเปิดร้านให้ เริ่มแรกนั้นลองทำและฝากขายก่อน พอมีลูกค้าการันตีความอร่อย กรณิการ์ก็ได้ร้านซึ่งอยู่ในย่านท่องเที่ยว เปิดเป็นร้านน่ารักๆ บรรยากาศดี ขายอาหารและขนม มีลูกมือช่วยหลายคน กระทั่งมีแม่ครัวประจำ เพราะฟ้าครามไม่ยอมให้เธอห่างกาย เช้าๆ เ







