LOGINเหม่ยหลินได้ยินอย่างนั้นนางถึงกับนิ่งอึ้งไปด้วยใจคาดไม่ถึง
หญิงสาวทำได้เพียงจ้องมองใบหน้าคมคายของพี่หงของนางเงียบงัน
บุรุษแซ่หงเพียงจ้องมองใบหน้าสวยหวานเงียบงันไม่ต่างกัน ก่อนจะบังคับรถม้าให้หมุนตัวเคลื่อนกายไปยังทิศทางใกล้ๆ กับศพของบ่าวชายคนหนึ่ง
เมื่อรถม้ามาถึงเป้าหมาย เขาจึงขยับกายลงจากรถม้าแล้วเดินเข้าไปยังศพของบ่าวชายคนหนึ่งที่อยู่ในสภาพดีที่สุดมีรอยเปื้อนเลือดไม่มากมายเหมือนศพอื่นๆ
เหม่ยหลินเพียงมองตามการกระทำของเขาอย่างเงียบงันไร้วาจาอันใดเอื้อนเอ่ย
อึดใจต่อมาหญิงสาวถึงกับถลึงตาตกใจพวงแก้มถึงกับขึ้นสีชาดใบหน้าร้อนผ่าว เมื่อจู่ๆ บุรุษรูปร่างสูงใหญ่ก็ถอดเสื้อสีดำทมิฬของตนออกจนเหลือเพียงกางเกงสีเข้มไม่แตกต่าง เผยให้เห็นช่วงบนของลำตัวงามสง่า ช่วงไหล่ลาดชัน แผงอกบึกบึน วงแขนแข็งแกร่งกำยำเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อหนั่นแน่น
เหม่ยหลินถึงกับหูอื้อ ฝ่ามือเรียวสวยถึงกับกำแน่น เรือนร่างบอบบางถึงกับแข็งค้างอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะได้สติแล้วรีบขยับกายกลับเข้าไปยังภายในของรถม้าอย่างรวดเร็ว
แต่ทว่าสายตาของนางยังคงเก็บภาพเมื่อครู่เอาไว้ได้อย่างไม่น่าเชื่อ
เพียงอึดใจต่อมาผ้าม่านของรถม้าพลันเปิดออกเหม่ยหลินถึงกับสะดุ้งตกใจใบหน้าแดงก่ำไม่สร่างซา หากแต่ผู้ที่เปิดผ้าม่านมิได้เปลือยร่างท่อนบนอีกต่อไป เขากำลังอยู่ในอาภรณ์ของบ่าวชายหาใช่อาภรณ์สีดำสนิทไม่
เหม่ยหลินจึงเมียงมองออกไป ยังศพของบ่าวไพร่ที่เห็นอยู่รำไรยังด้านนอกของรถม้า ผ่านผ้าม่านที่ถูกฝ่ามือใหญ่หนาของบุรุษร่างสูงเปิดออก และนางถึงกับตกใจตาโตเมื่อมองเห็นสภาพศพเกือบเปลือยของบ่าวชายผู้หนึ่ง
“ข้าเป็นบ่าวชายของเจ้าที่เหลือรอดเพียงหนึ่งเดียวหลังจากที่เจ้าถูกลอบทำร้าย” เสียงทุ้มต่ำเนิบนาบเอ่ยออกมาอย่างใจเย็นพลางโยนชุดสีดำสนิทตัวเก่าเข้ามาในรถม้าแล้วปิดผ้าม่านลงโดยไม่สนใจคนฟังแต่อย่างใด
เหม่ยหลินเพียงพยักหน้าน้อยๆ เพื่อตอบรับถึงแม้ว่าผ้าม่านจะปิดตัวลงไปแล้ว นางรีบเก็บเสื้อผ้าของเขาเอาไว้เป็นอย่างดี มิให้ตกหล่นในที่เกิดเหตุจนอาจจะเกิดปัญหาตามมา
และเพียงไม่นานรถม้าก็เคลื่อนตัวได้อีกครั้ง มันกำลังวิ่งเหยาะๆ อย่างใจเย็นเฉกเช่นเดียวกันกับคนที่คุมบังเหียนให้มัน ทำเอาเหม่ยหลินถึงกับปรับอารมณ์ของตนให้กลับมาสงบนิ่งได้ดังเช่นปกติในเวลาต่อมาได้อย่างไม่น่าเชื่อ
ความอุ่นใจอย่างประหลาดกำลังเริ่มก่อตัว หญิงสาวรู้สึกได้อย่างนั้น เขาเป็นบุรุษลึกลับที่น่ากลัวที่สุดในชีวิตของนาง เป็นบุคคลอันตรายอย่างที่สุดหากได้ย่างกรายพาดผ่าน เขาฆ่าคนได้ง่ายดายแค่เพียงกะพริบตา
แต่ทว่านางกลับรู้สึกปลอดภัยอย่างไม่น่าเชื่อ
“พี่หง” เสียงแว่วหวานเริ่มเอ่ยจากทางด้านในของรถม้า
ถึงแม้ว่าจะไร้ซึ่งเส้นเสียงใดๆ เอ่ยขานรับจากบุรุษลึกลับที่นางเรียกขานเขาว่าพี่หง หากแต่หญิงสาวกลับรู้สึกได้ว่าเขากำลังตอบรับการเรียกขานนั้นของนาง
เนื่องจากนางรับรู้ได้ว่ารถม้าคล้ายกับช้าลง เสียงของเกือกม้าคล้ายกับชะงักไป
นางจึงเริ่มเอ่ยคำเสียงบางเบา
“ตัวของท่านดูอย่างไรก็หาใช่ธรรมดาไม่ หากท่านจะเป็นเพียงบ่าวไพร่ ข้าเกรงว่าอาจไม่เหมาะไม่ควร”
บุรุษแซ่หงได้แต่นั่งหันหลังฟังคำนางนิ่งๆ มิได้เอ่ยต่อคำอันใด
เหม่ยหลินเห็นเขาเงียบงันไปอย่างนั้น นางจึงเริ่มกล่าวคำอย่างต่อเนื่องด้วยรู้สึกเกรงใจขึ้นมาอยู่หลายส่วน
“สตรีโง่งมไร้ค่าเช่นข้าไม่อาจคู่ควร”
“เจ้าเป็นสตรีโง่งมและไร้ค่าจริงดังคำเจ้าว่า” ชายหนุ่มเพียงกล่าวคำเนิบนาบแค่นั้น
เหม่ยหลินถึงกับนิ่งเงียบไปไม่กล้ากล่าวสิ่งใดออกมาอีก
“ข้าเป็นเพียงคนป่วย ไร้ที่อยู่อาศัย ตำแหน่งบ่าวไพร่ให้องค์หญิงยังดีเกินไป” บุรุษแซ่หงยังคงเอ่ยคำด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำราบเรียบแต่ทว่ากลับทรงพลังอย่างแปลกประหลาด
หากแต่น้ำเสียงอย่างนั้นกลับทำให้เหม่ยหลินรู้สึกแปลกประหลาดยิ่งกว่า นางถึงกับคลี่ยิ้มออกมาบางเบาอยู่ภายในรถม้าที่มีผ้าม่านบดบังคู่สนทนาจากสายตาระหว่างกัน
“เช่นนั้น...ข้าคงต้องรบกวนท่าน” นางเอ่ยออกมาด้วยเสียงเบาแผ่วสำเนียงหวานล้ำ
“ตามใจเจ้า” เขาเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำแค่นั้น
ทั้งสองเพียงนั่งเงียบงันไร้ซึ่งคำใดเอ่ยต่อกันอีกเลย ในขณะที่เกือกม้าเพียงย่ำเดินกระทบพื้นดินไปตามทางเรียบเรื่อยแต่มั่นคง...
เมื่อในห้องเหลือเพียงสองคน จ้าวซือหงจึงลืมตา พยักหน้าให้ลูกน้องคนสนิทรายงานหยางมู่จึงเปิดจดหมายเปล่งเสียงทุ้มต่ำฉะฉานขึงขัง“คุณหนูไป๋ไม่ยินดีกับงานมงคลจึงแอบหนีจากจวน เคราะห์ร้ายถูกคุณชายเฉินที่เดินเตร็ดเตร่ยามราตรีพบเห็น เขาลอบติดตามกระทั่งเข้าไปในห้องพักของโรงเตี๊ยมหมายรวบรัดนาง องครักษ์เงาที่ท่านอ๋องสั่งให้คอยติดตามคุ้มครองคุณหนูไป๋ยังไม่ทันเข้าช่วยเหลือ กลับเห็นนางดึงมีดออกจากใต้หมอนแทงคุณชายเฉินไปหนึ่งแผลจนสลบเหมือด”ยิ่งอ่านหยางมู่ยิ่งกลืนน้ำลายลงคออย่างยากเย็น แอบชำเลืองมองนายเหนือหัวเป็นระยะๆมิคาดจะเห็นแค่ดวงตาคมเฉี่ยวหรี่ลงอย่างอันตราย รอบกายแผ่ซ่านกลิ่นอายสังหารออกมาอย่างเข้มข้น กระนั้นผู้เป็นนายเพียงโบกมือให้เขารายงานต่อไป คล้ายรับรู้อยู่แล้วว่าสตรีของตนเป็นคนเช่นใด เรื่องที่คุณหนูไป๋กระทำลงไปออกจะไม่เหมาะสมและสุ่มเสี่ยงเหลือเกิน นางถึงขั้นกล้าหนีสมรสพระราชทาน โชคดียิ่งนักที่นางสามารถเอาตัวรอดได้“ยามนี้คุณหนูไป๋ถูกส่งตัวกลับจวนไป๋อย่างปลอดภัย ส่วนคุณชายเฉินถูกส่งตัวกลับจวนเฉินเช่นกัน เรื่องคืนนั้นล้วนเป็นความลับไม่มีผู้ใดล่วงรู้พ่ะย่ะค่ะ”“สั่งคนของเราให้จัดการเฉินเจีย
“พวกนางน่าเบื่อ มีเพียงเจ้าที่ข้าคะนึงหาเฝ้าฝันถึง”คิดถึงเพราะไม่ได้ครอบครองน่ะสิ!ไป๋เว่ยซินยิ่งดิ้นสุดแรงขัดขืนสุดชีวิต“เจ้าจะขัดขืนไปไย ในเมื่อเราเคยเป็นคนรักกัน”“แต่เจ้าก็ไม่มีสิทธิ์ล่วงเกินโดยที่คนเขาไปเต็มใจ”“ข้าไม่สน”“เจ้าคนชั่ว!” ไป๋เว่ยซินออกแรงปัดป้องทุกทาง เมื่อเฉินเจียหมิงยื่นหน้าตามติดประชิดอย่างหื่นกระหาย เขาทำตัวคล้ายคนถูกวางยามากระนั้นกำลังจะอ้าปากกรีดร้องให้คนมาช่วย พลันคิดได้ว่าการอยู่กับชายผู้นี้สองต่อสองในโรงเตี๊ยมยามดึกดื่น ทั้งยังอยู่บนเตียงนอนในสภาพหมิ่นเหม่ ต่อให้ไม่ถูกย่ำยีย่อมต้องถูกจับแต่งงานกับเขาอยู่ดีซึ่งนางไม่อาจยอม...ไป๋เว่ยซินจึงหยุดดิ้น ฝ่ามือน้อยๆ ลอบล้วงเข้าไปที่ใต้หมอนอย่างเชื่องช้าเฉินเจียหมิงยังคงยกยิ้มกรุ้มกริ่มแววตาโหยหา “เว่ยซิน เจ้ายอมข้าแล้ว? เจ้ายังรักข้าอยู่ ถูกต้องไหม? หืม”ลมหายใจร้อนผ่าวรินรดใบหูขาว กลางกายยิ่งเหยียดขยายแข็งขึงจนกล้ามเนื้อทุกส่วนขมวดเกร็งปวดตึง ท้องน้อยปวดหนึบรวดร้าว เนื้อตัวของเฉินเจียหมิงสั่นเทา เขาก้มหน้าสูดดมความหอมหวานที่ซอกคอนางอย่างรักใคร่“เว่ยซิน ข้าคิดถึงเจ้าเหลือเกิน เป็นของข้าเถิด...”ชายแดนฝั่ง
ชายหนุ่มสวมเสื้อผ้าลวกๆ สะบัดแขนเสื้อเดินจากไป ไม่ยอมรับความผิดของตน และไม่ยอมทนจนสิ้นแรงเด็ดขาดราตรียังคงมืดสลัว ในหัวยังคงมีภาพของใครบางคนใครคนนั้นคือคนที่เฉินเจียหมิงรักใคร่ด้วยใจจริง หากแต่มิอาจครอบครองดังปรารถนาทุกอย่างผิดพลาดที่ใด ทำไมถึงคลาดเคลื่อนไปหมดชายหนุ่มให้รู้สึกคิดถึงสตรีผู้เป็นรักแรกพบสุดหัวใจไป๋เว่ยซินผู้เรียบร้อยอ่อนหวาน นางเป็นสตรีผู้งดงามทั้งกายใจ เขาทำนางหลุดมือไปอย่างน่าเสียดายเหลือเกินคิดแล้วก็ยิ่งทำใจมิได้ เมื่อได้ตระหนักรู้ซึ้งแล้วว่าแท้จริงชินอ๋องมิใช่แค่สหายของไป๋เว่ยซิน หากแต่พระองค์กลับหมายมาดในตัวนาง ถึงขั้นมีสมรสพระราชทานตัดหน้า เขาที่คิดหย่าขาดเพื่อแต่งงานใหม่กับนางจึงเป็นโมฆะแววตาเฉินเจียหมิงฉายแววอาดูร ยิ่งคิดว่าหมดสิทธิ์ในตัวไป๋เว่ยซินแล้วโดยสิ้นเชิงก็ยิ่งเผยความเจ็บปวดชอกช้ำทั้งกายใจ มิรู้ว่าตัวเขาเดินออกมาจากจวนเฉินตั้งแต่เมื่อใด รู้ตัวอีกทีก็มายืนอยู่หน้าประตูจวนไป๋แล้วแน่นอนว่าชายหนุ่มไม่อาจเข้าไปหานางในดวงใจได้ทางประตูใหญ่ เขาจึงหมุนกายเดินไปเรื่อยๆ จนถึงประตูข้าง เผื่อมีวาสนาลอบเข้าไปหานางสักคราเฉินเจียหมิงเลือกประตูข้างตรงมุมอับท้ายจว
อาทิตย์อัสดง ค่ำคืนมาเยือน ไป๋เว่ยซินผู้มาจากศตรวรรษที่21 ผู้ไม่สันทัดการยินยอมคลุมถุงชนเฉกกุลสตรีในยุคสมัยนี้จึงตัดสินใจหนี นับว่าโชคดีที่ไป๋เว่ยซินคนเก่าเป็นคนอ่อนหวาน เรียบร้อยนุ่มนวลและหัวอ่อน ไม่เคยขัดคำสั่งใครเลยสักครา ต่อให้ผู้นั้นเป็นพี่ป้าน้าอามิใช่บิดามารดาก็ตาม ดังนั้น เรื่องที่ไป๋เว่ยซินคนนี้คิดต่อต้านถึงขั้นคิดหนี ย่อมไม่มีใครคาดถึง บ่าวไพร่เวรยามตรึงกำลังอันใดจึงไม่มีทางสะดวกอย่างยิ่งห่อผ้าถูกแอบเตรียมเอาไว้อย่างดี หญิงสาวห่มผ้ามิดชิดทั้งลำตัวถึงลำคอแสร้งหลับสนิทเพื่อให้สาวใช้ตายใจ เมื่อคำนวณเวลาคาดว่าทุกเรือนดับเทียนแล้วนางจึงลุกขึ้นมาสวมเสื้อผ้าสีฟ้าเทาของเสี่ยวฉงที่นางลอบขโมยมา ทุกเส้นทางถูกสำรวจไว้อย่างดี ทางหนีทีไล่ถูกจดจำไว้ขึ้นใจ ใช้เวลาไม่นาน นางก็สามารถออกมาจากจวนไป๋ได้ทางประตูข้างมุมอับท้ายจวนค่ำคืนอากาศเย็น เหมาะแก่การพักผ่อนในที่อบอุ่นทว่าเรือนหนึ่ง ชายหญิงคู่หนึ่งกลับไม่ยอมนอน เอาแต่สร้างความอบอุ่นถึงขั้นกรุ่นร้อนบนเตียงกว้างเสียงครวญครางเกิดขึ้นเนิ่นนาน เรียวขาพวกเขาเกาะเกี่ยวรัดรึง เอวสอบขยับขึ้นลง ส่งตัวตนเข้าออกรุนแรงจนสะโพกกลมกลึงสั่น
บุรุษให้รู้สึกร้อนรุ่มดั่งมีไฟสุมทรวง เมื่อได้รู้เรื่องของสตรีที่เขาอยากได้เป็นภรรยามิเสื่อมคลายขอฟ้าดินเป็นใจ ให้สวรรค์เป็นพยานจะเป็นไปได้หรือไม่หากเขาจะทำอะไรบางสิ่งเพื่อให้ได้สตรีคนเดิมของตัวเองกลับคืนมา นางควรเป็นของเขา ไม่ควรเป็นของใครทั้งนั้น มุมปากบุรุษผุดรอยยิ้มร้าย แววตาเข้มหื่นกระหาย เขารีบทำตามหัวใจที่หมายมาดทันทีเฉินเจียหมิงนับแต่จวนไป๋ได้สมรสพระราชทานอย่างไม่คาดฝัน ทั้งของหมั้นแพรพรรณเครื่องเคลือบเครื่องเรือนเครื่องประดับอัญมณีสิ่งของล้ำค่าเคลื่อนขบวนยาวสุดตรอกทะลุตลาด คนทั้งจวนสกุลไป๋ก็แทบโบยบินเหมือนติดปีกกันถ้วนหน้า ประตูจวนเปิดอ้าเพื่อต้อนรับมิตรสหายเข้ามาร่วมยินดีไม่เว้นวัน ญาติสายตรงสายรองบ้านสองบ้านสามมากันครบครัน ผู้คนล้วนอิจฉาริษยาและชื่นมื่นเปรมปรีด์มีเพียงไป๋เว่ยซินที่ไม่มีความรู้สึกร่วม นางมิได้รับอนุญาตให้ออกจากจวนแม้ครึ่งก้าว‘จงเก็บตัวอยู่แต่ในเรือน ห้ามให้ใครยลโฉมแม้สักคน รอถึงวันมงคลค่อยออกจากจวนมาขึ้นเกี้ยวคราเดียวเลย เข้าใจไหม?’คำสั่งนี้ถูกเอ่ยออกมาอย่างเด็ดขาดจากประมุขจวน บ่าวไพร่ทุกคนจึงเคร่งครัดบำรุงบำเรอว่าที่เจ้าสาวเท่าชีวิตในขณะที่ไป๋เว่ย
“อายุไม่ใช่ปัญหา ข้าสนใจคนผู้นี้”“ท่านพี่!” ฮูหยินใกล้จะเป็นลมแล้วบุรุษถอนหายใจเอือมระอา “เจ้าอย่าได้ตื้นเขิน รายงานบอกแล้วว่าเขาต้องการเกษียณตัวเองไปใช้บั้นปลายชีวิตกับภรรยา เห็นได้ชัดว่าร่างกายของเขาไม่ไหวแล้ว อาจตายเร็วๆ นี้ก็ได้ ถ้าบุตรสาวของเราได้แต่งงานกับเขา และหากเขาตาย สมบัติมากมายจะไปไหนเสีย?”ในฐานะมารดาและสตรีด้วยกัน ไป๋ฮูหยินรู้สึกไม่ยินดีแม้แต่น้อย “ท่านพี่ นี่คือความสุขชั่วชีวิตของเว่ยซิน ท่านจะให้นางเอาความสวยความสาวไปทิ้งตั้งแต่อายุสิบหกหรือไร แล้วชีวิตที่เหลือหลังจากนี้อีกมากกว่าห้าสิบปีเล่า?”ภรรยามิอาจไม่เชื่อฟังสามี สตรีมิอาจเหนือกว่าบุรุษ แต่ยามนี้ไป๋ฮูหยินรู้สึกอยากตบศีรษะชายตรงหน้าอย่างยิ่งภรรยาที่สามีตายตั้งแต่ยังไม่มีบุตร หากไม่ตายตาม ย่อมต้องบวชชี ใช้ชีวิตในอารามตลอดปีตลอดชาติ“โธ่เอ๋ย! เว่ยซินคงตั้งครรภ์ก่อนเขาตายกระมัง”ไป๋หลิงเซียวเอ่ยอย่างวาดหวัง“แล้วถ้าไม่ตั้งครรภ์เล่า” ไป๋ฮูหยินแทบหลั่งน้ำตา “ข้าแต่งกับท่านที่หนุ่มแน่นยังใช้เวลาสองปีกว่าจะตั้งครรภ์ แต่ใต้เท้าหย่งผู้นั้นกับภรรยาเก่าเป็นคนที่เท่าไหร่ก็ไม่รู้ ทั้งยังไม่มีลูกด้วยกัน เห็นได้ชัดว่าปัญหา







