หน้าหลัก / วาย / #จะบอกรักกันได้กี่โมง / ตอนที่ 1 จุดเริ่มต้นของความสัมพันธ์

แชร์

#จะบอกรักกันได้กี่โมง
#จะบอกรักกันได้กี่โมง
ผู้แต่ง: MACARONI/1Millionmilesaway

ตอนที่ 1 จุดเริ่มต้นของความสัมพันธ์

ผู้เขียน: MACARONI/1Millionmilesaway
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-03-24 16:53:53

คืนวันหนึ่งในฤดูหนาว รถยนต์สีเทาคันใหญ่กำลังมุ่งหน้าไปตามทางเปลี่ยวลาดชัน ถนนสองเลนเล็ก ๆ ลัดเลาะไปตามแนวเทือกเขาคดเคี้ยวหลายสิบกิโลเมตร บางครั้งมีรถจากอีกฝั่งแล่นสวนทางมาบ้างประปราย ช่วยให้รู้สึกโล่งใจได้ว่าไม่ได้มีเพียงพวกเขาบนเส้นทางอันยาวนาน

บรรยากาศภายนอกเงียบสงบและวังเวง สองข้างทางเป็นป่าไม้ที่ผลัดใบจนเหลือแต่กิ่งก้านตามฤดูกาล ส่วนข้างในรถมีครอบครัวแสนอบอุ่นกำลังนั่งอยู่เงียบ ๆ

สายตาของธาวินมองออกไปนอกหน้าต่าง เห็นเพียงแสงไฟจากต้นเสาที่อยู่ในหมู่บ้านเล็ก ๆ ไกลลิบกระพริบเป็นช่วง ๆ เขาตื่นเต้นที่สองสามวันนี้พ่อกับแม่พาเที่ยวต่างจังหวัดตามที่สัญญากันเอาไว้

จุดหมายปลายทางบนแผนที่ถูกปักหมุดเอาไว้เป็นแผนการเดินทางในวันหยุดยาวของครอบครัว เด็กชายตัวน้อยคาดหวังไว้แล้วว่าเช้าวันรุ่งขึ้น เขาจะได้เห็นแสงอาทิตย์ที่ขอบฟ้าลอยเหนือทะเลหมอกบนจุดสูงที่สุดของยอดเขา

“ยังไม่ง่วงอีกเหรอครับ” แม่ของธาวินถามลูกชายด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน ดวงตาของเธอเหมือนจันทร์ครึ่งเสี้ยวเวลายิ้มให้เขาเหมือนทุกครั้ง

ลูกชายคนเดียวส่ายหน้า “ไม่ง่วงครับ แม่ไม่นอนเหรอ” เขาสังเกตมาตลอดทางว่าคนเป็นแม่มักจะคอยช่วยพ่อของเขาดูเส้นทางอยู่ตลอด เขาจึงอยากทำแบบนั้นบ้าง “เดี๋ยวผมช่วยพ่อดูทางเองครับ แม่นอนเถอะ”

“แต่ว่าตอนนี้ดึกแล้วนะครับ เดี๋ยวพรุ่งนี้ไม่มีแรงไปเที่ยวจะทำยังไงดีล่ะ” พ่อของเขาเอ่ยปาก พลางมองกระจกหลังยิ้มให้ลูกชายแวบหนึ่งแล้วมองถนนตรงหน้าต่อ

บทสนทนาของทั้งสามดูไม่มีวี่แววว่าจะสิ้นสุดลงง่าย ๆ เพราะธาวินชวนพ่อกับแม่คุยเรื่องโน้นที ถามเรื่องนี้ทีไม่ยอมหลับยอมนอน นั่นเป็นเพราะนาน ๆ ครั้งถึงจะได้อยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตาบ้างเพราะพ่อมักจะต้องทำงานที่ต่างจังหวัดอยู่บ่อย ๆ

ทันใดนั้น จู่ ๆ รถคันที่วิ่งสวนเลนมากระพริบไฟหน้าเป็นระยะราวกับกำลังเตือนให้พวกเขาระวังอะไรบางอย่าง แสงไฟสาดเข้ามาในห้องโดยสารจนธาวินเองนึกสงสัย

“สงสัยข้างหน้ามีอุบัติเหตุหรือเปล่าคะ” แม่ของเขาถามขึ้น ในขณะที่พ่อลดความเร็วลงแล้วสาดไฟสูงดูลาดเลา แต่ไม่พบสิ่งใดผิดปกติ กระนั้นยังคงชะลอความเร็วเผื่อมีอะไรไม่คาดคิดโผล่ขึ้นมา

ช่วงจังหวะนั้น รถที่แล่นตามมาข้างหลังขับจี้เข้ามาใกล้หวังให้พวกเขาเร่งเครื่องให้เร็วขึ้นกว่าเดิม

แม้ว่ารถเลนสวนคันที่สองจะกระพริบไฟเตือนด้วยความหวังดีแต่เหมือนกับว่ารถคันหลังยังขับประชิดรถของพวกเขาไม่เปลี่ยน

ครั้นคนเป็นพ่อเห็นว่าข้างหน้าสามารถเบี่ยงหลบได้จึงเริ่มชิดซ้ายเพื่อให้คันที่รีบได้แซงไปก่อนแต่ไม่ทันจะถึงที่ตรงนั้น รถคันหลังกลับเบียดขึ้นมาแล้วตวัดท้ายใส่หน้ารถพวกเขาราวกับตั้งใจอย่างไรอย่างนั้น

ช่วงล่างรถส่งของที่ถูกดัดแปลงมาเพื่อรับน้ำหนักให้มากขึ้นและยางล้อที่ดอกเริ่มสึกจนแทบจะโล้นทำให้เกาะถนนไม่อยู่ รถจึงสะบัดอย่างแรงไปทางฝั่งตรงข้าม

พ่อของธาวินเหยียบเบรก พยายามบังคับพวงมาลัยและประคองรถให้อยู่ห่าง แสงสะท้อนจากผิวถนนแวววาวจนเขาตระหนักได้ว่ารถที่สวนมาต้องการจะบอกอะไร ทางด้านหนึ่งมีรถบรรทุกจอดริมทางราวกับเป็นต้นเหตุ

น้ำมันรถรั่วเจิ่งนองเต็มพื้นทั้งสองฟากฝั่งและรถส่งของคันนั้นกำลังหมุนติ้วไม่อาจควบคุมได้พลันแฉลบกับรถกระบะคันใหญ่ที่วิ่งสวนเลนมาพอดี ก่อนจะประคองตัวเองให้อยู่ในเลนได้ด้วยความโชคดีที่ใช้หมดแล้วภายในเสี้ยววินาที

กระบะคันนั้นจึงต้องเลี้ยวหลบรถส่งของไปริมทางฝั่งตนเอง แต่เพราะเพิ่งจะเห็นว่าเงามืด ๆ นั้นคือท้ายรถบรรทุกขนาดใหญ่จึงเหวี่ยงตัวรถมาทางฝั่งตรงข้ามโดยไม่ได้ตั้งใจ

แสงไฟสุดท้ายที่สาดเข้ามาในรถของธาวิน สีหน้ากังวลที่แม่หันมามองเขาและสายตาของคนเป็นพ่อที่มองมาในชั่วขณะหนึ่งกลายเป็นภาพสุดท้ายของครอบครัวที่ธาวินจำได้ในเวลาที่ตื่นขึ้นมาเช้าวันใหม่

“อาการของธาวินเป็นอย่างไรบ้างครับ” ก้องเกียรติผู้เป็นเพื่อนสนิทกับพ่อของธาวินรีบมาดูอาการของผู้รอดชีวิตเพียงคนเดียวในอุบัติเหตุครั้งนี้

เขาสังเกตว่าเด็กน้อยไม่พูดไม่จามาเกือบหนึ่งอาทิตย์แล้วและยังคงเก็บตัวเงียบเพียงลำพัง แววตาสับสนเหมือนจะร้องไห้ตลอดเวลา

แม้เขาและภรรยาจะค่อย ๆ อธิบายให้เข้าใจแต่ว่าธาวินคงทำใจรับเรื่องที่เกิดขึ้นเพียงพริบตาไม่ไหว

“ทางเราตรวจร่างกายอย่างละเอียดแล้วครับ ผู้บาดเจ็บอาจจะได้รับผลกระทบกระเทือนทางจิตใจอย่างการสูญเสียคนที่รักไปจึงทำให้การพูดเป็นสิ่งที่ยากลำบากสำหรับเขาครับ และอีกอย่างอาจจะเป็นเพราะอุบัติเหตุ ผลการตรวจที่ผมเพิ่งได้รับมาจึงแจ้งว่ามีเรื่องประสาทหูเสื่อมด้วยครับ” แพทย์ที่รักษาธาวินค่อย ๆ อธิบายอาการของเขาให้ก้องเกียรติฟังทีละส่วน

“ประสาทหูเสื่อมเหรอครับ แล้วต้องทำอย่างไรถึงจะหายเป็นปกติ เรื่องการพูดด้วยครับ” เขาเอ่ยปากถาม สงสัยว่าต้องใช้วิธีไหนรักษาเด็กน้อยที่น่าสงสารคนนั้น สายตามองภรรยาด้วยความกังวล

“เรื่องการพูดคงต้องใช้เวลาค่อย ๆ เยียวยา หากมีครอบครัวที่พร้อมจะดูแลเขาก็คงดีครับ ส่วนเรื่องการได้ยินยังคงพอมีโชคดีอยู่บ้างครับ ถึงจะไม่มีวิธีรักษาให้หายแต่ว่าการใส่เครื่องช่วยฟังจะพอประคับประคองไม่ให้ประสาทหูเสื่อมไปมากกว่านี้ครับ”

“ถ้าอย่างนั้นต้องรบกวนคุณหมอด้วยนะคะ” จันทร์วิมล ภรรยาของก้องเกียรติฝากความหวังไว้ที่เขา

สองสามีภรรยาเข้ามาเยี่ยมธาวินเหมือนอย่างเคย พร้อมกับลูกสาวสองคน สายตาที่ธาวินมองมายังคงคิดว่าพวกเขาเป็นคนแปลกหน้าอยู่วันยังค่ำและทำตัวห่างเหิน วันทั้งวันรอคอยว่าเมื่อไหร่ที่พ่อแม่ของตนเองจะมารับกลับจากโรงพยาบาลแห่งนี้

“พ่อคะ” เมธาวี ลูกสาวคนโตถามด้วยความสงสัย “เราจะรับน้องไปอยู่ที่บ้านจริง ๆ ใช่ไหมคะ”

เธอได้ยินพ่อแม่ปรึกษากันตั้งแต่ที่เกิดเรื่อง แม้ธาวินจะมีญาติห่าง ๆ อยู่บ้าง แต่ว่าฐานะของพวกเขาไม่อาจเลี้ยงเด็กชายที่ได้รับผลกระทบรุนแรงแบบเขาได้และคิดว่าคงจะดูแลได้ไม่ดี

ยิ่งเมื่อก้องเกียรติเสนอว่าเขาจะดูแลลูกคนเดียวของเพื่อนสนิทเอง พวกเขาจึงยินดีที่จะปล่อยให้เป็นอย่างนั้น

“อืม...” คนเป็นพ่อพยักหน้า “ถือว่ามีน้องชายเพิ่มมาอีกคนแล้วกันเนอะ” เขายิ้มให้ลูกสาว เต็มใจอย่างยิ่งที่จะรับหน้าที่เป็นผู้ปกครองของธาวินจนกว่าเจ้าตัวจะบรรลุนิติภาวะ

ผ่านไปหนึ่งเดือน ครอบครัวอิงสุนทรจึงรับธาวินกลับมาที่บ้านหลังใหญ่ การพยายามทำความสนิทสนมตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมาไม่คืบหน้าสักนิดเดียว แต่อย่างน้อยเด็กคนนี้ก็รับรู้แล้วว่าพ่อแม่ของเขาจากไปอย่างไม่มีวันกลับและเวลานี้กำลังได้ย้ายเข้าไปอยู่ในครอบครัวใหม่ที่รักและเอ็นดูเขาไม่แพ้กัน

“ธาวิน นี่บ้านของเรา” เกวลิน ลูกสาวคนกลางเอ่ยปาก สีหน้ายินดีเป็นอย่างยิ่งก่อนจะจับมือน้อย ๆ ของธาวินพาเดินเล่นดูโน่นนี่ในบ้าน

“เรย์ ลงมาข้างล่างหน่อยสิลูก” จันทร์วิมลเรียกลูกชายคนเล็กที่มีอายุเท่ากันกับธาวิน หากแต่ว่าได้เห็นหน้าตาบูดบึ้งของเขาแทนที่เพราะไม่ชอบใจที่บ้านนี้จะมีคนมาอาศัยอยู่ร่วมชายคา

วเรณย์อายุห่างจากเมธาวีแปดปีและเกวลินหกปี เขาจึงกลายเป็นน้องชายคนเล็กของบ้านที่ทุกคนต่างประคบประหงม คอยเอาใจ ดูแลประดุจเจ้าชายน้อยในรั้ววังหลวงอย่างไรอย่างนั้น

แรกเริ่มรู้สึกว่าคนในบ้านมักจะบอกว่าไปเยี่ยมคนไข้ที่โรงพยาบาลอยู่บ่อย ๆ จึงคิดว่าไม่มีอะไรมาก แต่บางครั้งกลับยกเลิกนัดและช่วงเวลาที่เคยอยู่กับเขาดื้อ ๆ จนรู้สึกว่าไม่ชอบหน้าเด็กที่นอนอยู่ในห้องพักฟื้นเลยสักนิดเดียว

“ทำไมทุกคนต้องสนใจเขาด้วย ฉันเป็นน้องเล็กของบ้านนะ” วเรณย์พึมพำอยู่คนเดียวพลางจ้องหน้าธาวินไม่วางตา “ฉันต้องไล่นายออกจากบ้านให้ได้” ก่อนจะเดินกระทืบเท้าเข้าห้องตัวเองโดยไม่สนใจว่าอาหารเย็นที่แม่บ้านทำไว้ให้จะอร่อยมากแค่ไหนก็ตาม

-------------------------------

สวัสดีค่า เรื่องนี้เป็นนิยายสั้น วาย BL แนวมัธยม ไม่มีดราม่าอะไรมากมาย อ่านสบาย ๆ ลงสองวันหนึ่งตอนจนจบค่ะ

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • #จะบอกรักกันได้กี่โมง   ตอนที่ 26 เป็นแฟนกันนะ (ตอนจบ)

    ห้าวันต่อมาหลังจากเที่ยวเล่นอยู่บนเกาะตามลำพังสองคนแล้ว ทั้งคู่จึงนั่งรถไฟกลับมาที่ปารีสเพื่อมาพบกับเกวลินที่รอรับอยู่ชานชาลาด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส“พี่ลิน” ธาวินเรียกเธอพลางเข้าไปกอด “ไหนพี่บอกว่าจะรีบตามมาไงครับ”“โทษทีนะ ธุระคาราคาซังจนเกือบหนีออกมาไม่ได้แน่ะ” เธอลูบหัวคนตรงหน้าด้วยความเอ็นดูพลางได้ยินเสียงน้องคนเล็กพึมพำ “ผมบอกพี่แล้วว่าให้ทำธุระก่อน พวกผมเที่ยวกันสองคนได้”เกวลินมองด้วยหางตา ถามธาวินว่า “เจ้าเด็กนี่แกล้งอะไรหรือเปล่า เล่าให้พี่ฟังหน่อยสิ ไม่ต้องกลัวนะ พี่จะดูแลนายเอง”แม้จะถามออกไปแบบนั้นแต่เธอเองก็รู้สึกได้ว่าบรรยากาศของคนทั้งสองเปลี่ยนไปจริง ๆ ตอนเห็นรูปถ่ายที่ธาวินส่งเข้าแชตครอบครัววันแรก

  • #จะบอกรักกันได้กี่โมง   ตอนที่ 25 วันละสามครั้ง

    วันเดินทางคนในบ้านอิงสุนทรมาส่งวเรณย์กับธาวินที่สนามบินตอนสองทุ่มเพราะขึ้นเครื่องบินเที่ยวกลางคืน ทั้งคู่ตื่นเต้นที่จะได้เดินทางออกนอกประเทศเพียงลำพังครั้งแรกเพราะเกวลินติดธุระจึงตามไปทีหลังก้องเกียรติและจันทร์วิมลมองหน้าธาวินพลางเอ่ยปากบอกว่า “ยังไงก็คิดทบทวนอีกสักรอบนะวิน” พวกเขาไม่อยากปล่อยเด็กน้อยตรงหน้าไปจริง ๆ เพราะเลี้ยงดูมาตั้งนานแล้วรู้สึกว่าเหมือนเขากลายเป็นลูกคนหนึ่งไปแล้ว“ครับ” ธาวินรับปาก เขามีเวลาเหลืออีกสองปีที่จะอยู่ในบ้านอิงสุนทรต่อ ถึงเวลานั้นแล้วคนในบ้านอาจจะเปลี่ยนใจแล้วก็ได้ หากแต่คนข้างกายโอบกอดไหล่เขาเอาไว้พูดกับพ่อแม่ตัวเองว่า “พ่อกับแม่ไม่ต้องห่วงนะครับ ยังไงผมก็จะทำให้วินเปลี่ยนใจให้ได้”เมธาวีได้ยินดังนั้นจึงเดินเข้ามาตีแขนน้องชาย “วางแผนอะไรไว้ ถ้าวินคิดออกจากบ

  • #จะบอกรักกันได้กี่โมง   ตอนที่ 24 ฉันเสียใจ

    ธาวินนิ่งเงียบหลบสายตาที่ทำให้เจ้าตัวอ่อนไหวแต่เสียงหัวใจยังคงเต้นรัวไม่อาจปิดบังความจริงได้ว่าเขาชอบวเรณย์มากแค่ไหน“ธาวิน” เสียงกระซิบข้างหูยิ่งทำให้ใบหน้าที่แดงอยู่แล้วลามมาถึงหูและลำคอ “นอนกันเถอะแล้วพรุ่งนี้ไปซื้อของเตรียมตัวไปเที่ยวด้วยกัน”“นายไปนอนห้องตัวเองสิ” ธาวินพึมพำ “ถ้าอยากไปเที่ยวด้วยก็ไป ไม่ได้ว่าอะไร แต่ว่ายังไงฉันก็จะเรียนต่ออยู่ดีแล้วก็คงจะอยู่ที่นั่นต่อแล้วก็...”จุ๊บริมฝีปากของวเรณย์ประทับลงมาโดยที่อีกฝ่ายไม่ทันตั้งตัวจุ๊บสายตาของวเรณย์มองอย่างอ่อนโยน นับตั้งแต่ที่รู้ใจตัวเองก็รุกเข้าหาธาวินเต็มกำลัง

  • #จะบอกรักกันได้กี่โมง   ตอนที่ 23 จะไปจริง ๆ เหรอ

    ไม่กี่วันต่อมาก้องเกียรติเรียกลูกชายคนเล็กเข้าไปหาที่ห้องทำงานแล้วบอกเรื่องสำคัญให้เขาได้รับรู้“พ่อบอกว่าอะไรนะครับ” เขาถามด้วยความตกใจก้องเกียรติถอนหายใจเอ่ยอีกครั้งว่า “พ่อจะรับวินมาเป็นลูกบุญธรรม”“ทำไมล่ะครับ ทำไมอยู่ดี ๆ ถึงคิดจะทำแบบนั้น” เขาไม่เข้าใจเพราะที่ผ่านมาทั้งพ่อและแม่ไม่เคยพูดเรื่องนี้เลย“พ่อกับแม่ทำแบบนี้เพราะไม่อยากให้วินออกจากบ้านเราไปน่ะสิ” สีหน้าของเขาเหมือนกำลังคิดหาวิธีรั้งตัวเด็กน้อยที่เลี้ยงมาตั้งแต่ตัวเท่าเมี่ยง“ทำไมวินต้องออกจากบ้านด้วยล่ะครับ”“ไม่รู้สิ จู่ ๆ ก็บอกพ่อว่าเรีย

  • #จะบอกรักกันได้กี่โมง   ตอนที่ 22 สารภาพ

    เช้าวันต่อมาท้องฟ้าอากาศแจ่มใสจนทำให้ใครบางคนในบ้านอารมณ์ดีอย่างบอกไม่ถูก ทันทีที่เขาได้ยินเสียงประตูของห้องข้าง ๆ เปิดออกก็รีบพุ่งตัวออกมาทักทายอีกฝ่ายด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม“หลับฝันดีไหม”ธาวินไม่ตอบว่าคืนที่ผ่านมาเขาฝันดีมากจนรู้สึกไม่อยากตื่นแต่จะให้บอกไปตามตรงก็ไม่ได้ว่าคนในฝันคือวเรณย์“เมื่อคืนนี้นายหลับไปก่อนเลยไม่เห็นดาวหางใช่ไหมล่ะ แต่ว่าฉันเห็นพอดีเลย สงสัยอีกสี่สิบปีข้างหน้าคงต้องปลุกนายมาดูด้วยกันแล้วล่ะ” คำพูดของวเรณย์ทำให้เขานึกสงสัยว่าเจ้าตัวไม่สบายหรือเปล่าถึงได้พูดอะไรที่แปลกไปจากนิสัยปกติแม้แต่แฮปปี้เองก็กระโดดโลดเต้นส่ายหางราวกับดีใจที่พี่ชายทั้งสองคืนดีกันอย่างไรอย่างนั้น&l

  • #จะบอกรักกันได้กี่โมง   ตอนที่ 21 เขินเหรอ

    ครั้นธาวินออกไปแล้ววเรณย์จึงนั่งเงียบ ๆ อยู่คนเดียว คิดในใจว่าฉันคงเป็นไอ้บ้าจริง ๆ สินะ ทำไมต้องทำอะไรแบบนั้นด้วยตึกตัก ตึกตักโอ๊ย หัวใจเลิกหยุดเต้นแบบนี้สักทีได้ไหมฉันต้องไปหาหมอไหมเนี่ยคืนนั้น ภาพในความฝันของวเรณย์จึงวนเวียนกลับมาอีกครั้ง สิ่งที่เขาพูดไปเมื่อตอนกลางวันกำลังฉายชัดในความฝันเพียงแต่คนที่ธาวินจูบไม่ใช่ณดลแต่เป็นเขามาแทนที่บรรยากาศเคลิบเคลิ้มชวนให้คนทั้งคู่ทำอะไรที่มากไปกว่านั้น ลึกล้ำดึงดูดราวกับหลงใหลจนไม่อาจถอนตัวออกมาได้ ทั้งยังทำให้เจ้าตัวเพลิดเพลินไปกับการกระทำที่อ่อนโยนของคนตรงหน้าจนกระทั่งอ๊ะ พรวด...พรึ่บ!!!วเรณย์สะดุ้งตื่นขึ้นมาตอนเช้าแล้วเปิดผ้าห่มดูกางเกงตัวเองก่อนจะกุมขมับแล้วกรีดร้องในใจไอ

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status