Chapter 6
ขบวนเกี้ยวมาหยุดเมื่อเดินทางมาถึงวังหลวง จางม่านอวี้ก้าวลงมาจากเกี้ยว นางยืนมองไปรอบๆ ที่เป็นลานกว้างมีทหารหลายสิบนายเดินตรวจตรา ห่างไปตรงหน้าราวห้าสิบเชี้ยะเป็นประตูบานใหญ่ซึ่งนางคิดว่า คงเป็นประตูวัง จางม่านอวี้มองประตูบานนั้นนิ่ง หากนางก้าวผ่านขอบประตูบานนั้น นั่นหมายความว่า นางจะไม่มีโอกาสเปลี่ยนใจ ไม่อาจหันหลังกลับ ทางเดียวต่อจากนี้คือ เดินหน้าทำตามหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย
เพียงแค่เห็นความกว้างใหญ่ของวังหลวง จางม่านอวี้สัมผัสได้ถึงความว้าเหว่ เปลี่ยวเหงา ด้านหลังประตูบานนั้นนางไม่รู้จักใครเลย แปลกทั้งสถานที่และคน อย่างหลังนางถึงกับหนักใจ นางรู้มาว่า คนในวังหลวงแบ่งพรรคแบ่งฝ่าย ต่างแก่งแย่งชิงดีชิงเด่น แต่ละคนเสมือนจิ้งจอกล่าเนื้อ รวมถึงขนบธรรมเนียมที่ต่อจากนี้ไปนางต้องเรียนรู้ ที่มาพร้อมกับหน้าที่ที่นางเองก็ไม่รู้ว่า จะทำได้ดีหรือไม่
“แม่นางจาง เชิญขอรับ ฮองเฮารออยู่”
หลีกงกงบอกว่าที่พระสนม จางม่านอวี้พยักหน้าเดินตามหลีกงกงข้ามผ่านประตูสีแดงเข้าไปในเขตวัง ความรู้สึกของจางม่านอวี้เวลานี้ นางรู้สึกร้อนเท้า แต่ละก้าวที่จางม่านอวี้ก้าวเดินเสมือนเดินบนกองไฟอย่างไงอย่างนั้น ความแปลกตาของสถานที่ไม่ได้ทำให้นางเกิดอภิรมย์หรือตื่นเต้น ตรงกันข้ามนางรู้สึกถึงความเดียวดายจมดิ่งลึกสุดใจ
พระตำหนักฮองเฮาอยู่ชั้นในของวังหรือเรียกว่าวังหลัง เป็นตำหนักขนาดใหญ่มีชื่อว่าตำหนักกลางและมีข้าทาสบริพารไว้รองรับคำสั่งรองลงมาจากตำหนักใหญ่ พระสนมหลายคนต่างแก่งแย่งชิงดีมาอยู่ตำหนักนี้ แล้วการที่นางมายืนอยู่ตรงนี้ เหตุผลข้อหนึ่งคือ ขจัดเสี้ยนหนามสำคัญที่อาจทำให้ตำแหน่งของฮองเฮาสั่นคลอน บุคคลคนนั้นคือพระสนมมู่เซียน
“ฮองเฮาให้เข้าเฝ้าได้แล้วเจ้าค่ะ” ซูฉิว แม่นมของฮองเฮาเดินมาบอกจางม่านอวี้ นางก้าวเดินเข้าไปในตำหนักโดยมีหลินหลินที่ติดตามมารับใช้ด้วยก้าวเท้าเดินตามผู้เป็นนาย ทว่าถูกซูฉิวห้ามไว้เสียก่อน “เจ้าไม่ต้องเข้าไป รออยู่ที่นี่”
หลินหลินระงับเท้าที่กำลังก้าวเดิน เดินถอยหลังมายืนรวมกับนางกำนัลที่ยืนอยู่หน้าตำหนัก แต่ก็ชะเง้อมองประตูตำหนักที่เจ้านายสาวเพิ่งเดินเข้าไปด้วยความเป็นห่วง
ความงดงามของฮองเฮาจิวหยวนหรือจิวฮองเฮา ปรากฏในสายตาจางม่านอวี้ เป็นความงามอันเพริศพริ้งสมคำล่ำลือ ดูมีสง่าราศี มีอำนาจบารมีฉายอยู่รอบกายดุจนางพญา จางม่านอวี้ทำความเคารพหญิงสูงด้วยยศศักดิ์ตามธรรมเนียม
ฮองเฮามองสตรีตรงหน้าด้วยความพอใจ ไม่ใช่พอใจในความสวยที่เหล่าพระสนมส่วนใหญ่มักมี แต่พอใจในหน้าตาที่ควรใช้คำว่า พอดูได้ เพราะนั่นหมายถึงนางจะไม่มีศัตรูหัวใจเพิ่มขึ้น หน้าตาแบบนี้ฮ่องเต้ไม่เป็นที่พอพระทัยแน่นอน ขนาดสวยกว่าจางม่านอวี้ ฮ่องเต้ยังเมินเฉย จางม่านอวี้คนนี้คงอยู่นอกพระเนตรแน่นอน
“เจ้าพอรู้แล้วใช่ไหมว่า หน้าที่ของเจ้าคืออะไร” ฮองเฮาถาม
“ทราบเพคะ” จางม่านอวี้ตอบ ในวันที่บิดาบอกเรื่องที่ตนต้องมาเป็นสนม บิดาได้บอกเรื่องที่นางต้องทำให้รู้ และรอรับคำสั่งจากฮองเฮาในการเดินแผน “หม่อมฉันขอถามคำถามฮองเฮาได้ไหมเพคะ”
“ถามมาสิ”
“ทำไมฮองเฮาถึงเลือกข้ามาทำงานนี้เพคะ” ฮองเฮามองหน้าคนถามก่อนตอบ
“เพราะข้ามั่นใจว่า เจ้าทำได้ แล้วข้าก็ต้องการขุมกำลังที่ไว้ใจได้ด้วย ซึ่งพ่อของเจ้าเป็นคนของข้า ข้าถึงได้เลือกเจ้าไง พ่อเจ้าไม่เคยทำให้ข้าผิดหวัง เจ้าก็คงเหมือนพ่อเจ้าจริงหรือไม่”
ฮองเฮามีความฉลาด นางต้องเลือกคนที่สามารถควบคุมได้ ไม่แว้งกัดภายหลัง ในบรรดาขุนนางทั้งในวังและนอกวัง จะมีเพียงจางเฟย อดีตแม่ทัพใหญ่ที่สร้างคุณงามความดีและชัยชนะมาสู่แคว้นจ้านแทบนับครั้งไม่ถ้วน หลังจากลาออกจากการเป็นแม่ทัพ ฮ่องเต้ได้มอบตำแหน่งเจ้าเมืองหลานหยูให้จางเฟยปกครองดูแล การที่จางเฟยได้รับตำแหน่งนี้ ไม่มีใครรู้ว่า คนที่อยู่เบื้องหลังคือฮองเฮาจิวหยวน ที่หมายให้คนใกล้ตัวได้ครองตำแหน่งใหญ่ต่างๆ ในแคว้นจ้าน ถือเป็นการสร้างสมอำนาจให้ตำแหน่งฮองเฮาของนางมั่นคง
“เพคะ หม่อมฉันจะทำให้เต็มที่เพคะ”
เป็นแรงกดดันหนึ่งของจางม่านอวี้ ฮองเฮาพูดเช่นนี้หมายความว่า มีเพียงความสำเร็จเพียงอย่างเดียวเท่านั้น
“ข้าจะให้เจ้าอยู่ในตำหนักอิงฮวา ตำหนักนี้เป็นตำหนักชั้นในอยู่ใกล้กับตำหนักของพระสนมมู่ เจ้าจะได้คอยสังเกตการณ์ได้ง่ายขึ้น”
“ข้าคิดว่าไม่เหมาะเพคะ การที่ข้าเป็นสนมใหม่แล้วยังไม่ได้รับการแต่งตั้งอย่างเป็นทางการ แถมยังไม่รู้ว่าจะเป็นที่โปรดปรานของฮ่องเต้หรือไม่ อยู่ๆ ได้เข้าไปอยู่ในเขตชั้นในมันจะมองได้ว่าข้ามขั้น แล้วหากพระสนมมู่รู้ว่า หม่อมฉันเป็นพระสนมที่ฮองเฮาแต่งตั้งจะยิ่งทำให้พระสนมมู่เกิดความสงสัย งานของหม่อมฉันก็จะยากขึ้นเพคะ” จางม่านอวี้ค้าน
“ที่เจ้าพูดมาก็ถูก แต่ถ้าไม่ได้อยู่ใกล้พระสนมมู่ งานจะเดินได้ยังไง ตอนนี้พระสนมมู่ขยายอำนาจมากขึ้น ส่องสุมคนก็มาก ไม่รู้ว่าคิดการณ์ร้ายใด”
“เท่าที่หม่อมฉันรู้มา พระสนมมู่เป็นคนฉลาด แล้วคนฉลาดก็ต้องระวังตัวรอบด้าน คิดอ่านไม่เหมือนคนอื่น แยบยลเต็มไปด้วยกลไก แต่บางครั้งความฉลาดก็มีช่องโหว่ หม่อมฉันจะใช้ช่องโหว่นี้ในการเข้าหาพระสนมมู่เพคะ”
จริงตามที่จางม่านอวี้พูด พระสนมมู่เซียนเป็นคนฉลาด ไหวพริบดี นางจะไม่ตะขิดตะขวงใจเชียวหรือที่ว่าที่พระสนมคนใหม่จะเข้าไปอยู่ในตำหนักใกล้เคียง ทั้งที่ในส่วนนั้นล้วนแล้วแต่เป็นตำหนักของพระสนมที่ฮ่องเต้มักไปมาหาสู่บ่อยเสมอ มันจึงดูแปลกตาและน่าแปลกใจที่ฮองเฮาให้จางม่านอวี้ไปอยู่ตำหนักหลังนั้น เหตุใดฮองเฮาถึงได้ลืมคิดข้อนี้ไปได้ ทว่าจางม่านอวี้กลับมองเห็นจุดนี้
Chapter 9สองวันมานี้จางม่านอวี้คิดหาวิธีเข้าใกล้พระสนมมู่เซียน โดยที่อีกฝ่ายจะต้องไม่รู้ตัวว่า ตัวเองกำลังถูกล้วงความลับ เดิมทีจางม่านอวี้ตั้งใจเข้าไปฝากเนื้อฝากตัวกับมู่เซียน แต่คิดไปคิดมา วิธีนี้คงไม่ได้ผล คนฉลาดอย่างสนมมู่เซียนต้องสงสัยว่า ตนเข้าไปทำความรู้จักเพื่อเหตุผลใด เพราะปกติเหล่าพระสนมจะชิงดีชิงเด่น ชิงเป็นคนโปรดของฮ่องเต้ น้อยนักที่จะสามัคคีรักใคร่กลมเกลียว และนั่นอาจส่อพิรุธให้มู่เซียนจับได้ จางม่านอวี้จึงคิดหาทางอื่น ที่จะทำให้มู่เซียนไว้ใจและเชื่อใจนาง ทว่างานนี้นางทำคนเดียวไม่ได้ นางต้องมีคนช่วยและมีอีกเรื่องหนึ่งที่จางม่านอวี้บอกจิวฮองเฮา เรื่องนั้นคือเรื่องการติดต่อระหว่างนางกับฮองเฮา ก่อนจะถึงวันแต่งตั้งนางขึ้นเป็นพระสนม จางม่านอวี้คิดว่า ไม่สมควรเจอกันบ่อยนักเพราะอาจทำให้มู่เซียนเกิดความสงสัย ทางใดที่ทำให้มู่เซียนเกิดความคลางแคลงใจ จำต้องตัดทิ้งเพื่อความสำเร็จในวันหน้า จางม่านอวี้ใช้วิธีเขียนจดหมายถึงฮองเฮาจิวหยวน ให้นางทำตามแผนที่ตนเขียนไว้อย่างละเอียดภายในจดหมายฉบับนั้น ก่อนจะให้เจี่ยเหว่ยนางกำนัลรับใช้ที่จิวฮองเฮาส่งมา นำสารดังกล่าวไปตำหนักกลาง จิวฮองเฮาเปิดจด
Chapter 8 เฉินหมิงไม่คิดว่า บุตรชายจะรักจางม่านอวี้มากกว่าอนาคตของตัวเอง ถึงได้ยอมสละอะไรหลายอย่างเพื่อนาง ที่เขาไม่ขัดความคิดของบุตรชายเป็นเพราะ หน้าที่ที่จางม่านอวี้ไปทำนั้นมีความเสี่ยงมาก ขุนนางในวังล้วนแต่เป็นเสือและสิงห์ เล่ห์เหลี่ยมแพรวพราว อำนาจก็มีมาก ยิ่งต้องไปต่อสู้กับพระสนมมู่เซียนที่ใครต่างรู้ดีว่า มีอำนาจมากแค่ไหน จางม่านอวี้จำเป็นต้องมีคนช่วยอีกทางหนึ่ง แล้วรู้ด้วยว่า อีกเหตุผลหนึ่งของเฉินต้าเหว่ยคือ จะได้ใกล้ชิดจางม่านอวี้“ถ้าเจ้าตัดสินใจดีแล้ว ข้าก็เห็นตามนั้น” เฉินหมิงตอบกลับ “แล้วเจ้าจะเข้าไปอยู่ในวังได้ยังไง”“ข้ามีวิธีขอรับท่านพ่อ”การที่เฉินต้าเหว่ยตัดสินใจลาออกจากการเป็นรองแม่ทัพ ไปทำงานเป็นขุนนางในวังก็เพื่อช่วยเหลือจางม่านอวี้ เขาต้องมีวิธีที่ให้ตัวเองเข้าไปอยู่ในตำแหน่งนั้น“ข้าไม่ห้ามเจ้าว่าจะทำอะไร และไม่ห้ามเจ้าไม่ให้รักม่านอวี้ เพราะรู้ดีว่าห้ามไม่ได้ ถ้าเจ้าอยากทำอะไรก็ทำ ถ้าเรื่องนั้นเป็นเรื่องดี เกิดประโยชน์ต่อบ้านเมือง” เฉินหมิงพูดอย่างเข้าใจความรู้สึกลูก“ขอบคุณขอรับท่านพ่อที่เข้าใจข้า” เฉินต้าเหว่ยคำนับบิดา “ข้าขอตัวไปหาเฉียนเจ้าก่อนนะขอรั
Chapter 7“ถ้าอย่างนั้นข้าจะให้เจ้าไปอยู่ในตำหนักชิวเป่า เป็นตำหนักในส่วนของพระสนมขั้นสามและสี่อยู่”“เพคะฮองเฮา”“ส่วนนางกำนัลรับใช้ ข้าจะให้ฮุ้ยเจี้ยนกับเจียเหม่ยไปดูแลเจ้า สองคนนี้เป็นคนของข้า จะคอยส่งข่าวให้เจ้ารู้ว่า เจ้าต้องทำอะไร”“หม่อมฉันขอให้สาวใช้ของข้าอยู่รับใช้หม่อมฉันที่นี่ด้วยได้ไหมเพคะ”“ข้าว่าอย่าดีกว่า มีคนของข้าแล้วไม่จำเป็นต้องใช้คนของเจ้า”ฮองเฮาไม่ต้องการให้บุคคลอื่นเข้ามายุ่งเกี่ยวหรือรับรู้เรื่องแผนการกำจัดพระสนมมู่เซียนมากนัก ยิ่งรู้มากการที่ข่าวจะรั่วไหลก็มากตาม“หม่อมฉันกลับคิดว่ามีความจำเป็นเพคะ”“ทำไมเจ้าถึงคิดว่าจำเป็น” ฮองเฮาถามกลับ“หม่อมฉันต้องการให้มีคนที่หม่อมฉันไว้ใจที่สุดอยู่ใกล้ด้วย หลินหลินอยู่กับหม่อมฉันตั้งแต่เกิด เราโตมาด้วยกัน และรักกันเหมือนพี่น้อง หม่อมฉันไม่เคยมีความลับกับหลินหลิน เช่นเดียวกับที่หลินหลินไม่เคยมีความลับกับหม่อมฉัน การที่หม่อมฉันเข้ามาอยู่ในวังที่เปรียบเสมือนอีกโลกหนึ่ง เป็นโลกที่กว้างใหญ่และน่ากลัว แล้วยังต้องแบกภาระหน้าที่ที่ต้องทำอีกด้วย จำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องหาคนที่ไว้ใจที่สุดในการทำงาน ซึ่งหม่อมฉันไม่ไว้ใจคนของฮองเฮา เพ
Chapter 6ขบวนเกี้ยวมาหยุดเมื่อเดินทางมาถึงวังหลวง จางม่านอวี้ก้าวลงมาจากเกี้ยว นางยืนมองไปรอบๆ ที่เป็นลานกว้างมีทหารหลายสิบนายเดินตรวจตรา ห่างไปตรงหน้าราวห้าสิบเชี้ยะเป็นประตูบานใหญ่ซึ่งนางคิดว่า คงเป็นประตูวัง จางม่านอวี้มองประตูบานนั้นนิ่ง หากนางก้าวผ่านขอบประตูบานนั้น นั่นหมายความว่า นางจะไม่มีโอกาสเปลี่ยนใจ ไม่อาจหันหลังกลับ ทางเดียวต่อจากนี้คือ เดินหน้าทำตามหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายเพียงแค่เห็นความกว้างใหญ่ของวังหลวง จางม่านอวี้สัมผัสได้ถึงความว้าเหว่ เปลี่ยวเหงา ด้านหลังประตูบานนั้นนางไม่รู้จักใครเลย แปลกทั้งสถานที่และคน อย่างหลังนางถึงกับหนักใจ นางรู้มาว่า คนในวังหลวงแบ่งพรรคแบ่งฝ่าย ต่างแก่งแย่งชิงดีชิงเด่น แต่ละคนเสมือนจิ้งจอกล่าเนื้อ รวมถึงขนบธรรมเนียมที่ต่อจากนี้ไปนางต้องเรียนรู้ ที่มาพร้อมกับหน้าที่ที่นางเองก็ไม่รู้ว่า จะทำได้ดีหรือไม่ “แม่นางจาง เชิญขอรับ ฮองเฮารออยู่”หลีกงกงบอกว่าที่พระสนม จางม่านอวี้พยักหน้าเดินตามหลีกงกงข้ามผ่านประตูสีแดงเข้าไปในเขตวัง ความรู้สึกของจางม่านอวี้เวลานี้ นางรู้สึกร้อนเท้า แต่ละก้าวที่จางม่านอวี้ก้าวเดินเสมือนเดินบนกองไฟอย่างไงอย่างนั้น ค
Chapter 5เวลาผ่านไปหนึ่งชั่วยามเฉินต้าเหว่ยควบม้าคู่ใจด้วยใจอันร้อนรน การขี่ม้าครั้งนี้ถือว่าเร็วที่สุดในชีวิต เร็วกว่าตอนออกศึกรบเสียอีก ทว่าความเร็วของม้ายังไม่เพียงพอ เขาอยากให้มันเร็วกว่านี้เพื่อที่จะได้ตามทันขบวนเกี้ยวที่มารับจางม่านอวี้เข้าวัง แต่ความเร็วของม้าทำได้เพียงแค่นี้ ช้ากว่าใจเฉินต้าเหว่ยเป็นร้อยเท่าทันทีที่แม่ทัพหนุ่มกลับมาจากส่งสารสำคัญจากต่างเมือง เขาได้รับข่าวร้ายจากบิดาเรื่องจางม่านอวี้ ตอนนั้นเฉินต้าเหว่ยรู้สึกงงงวย ความไม่เข้าใจแฝงในความรู้สึกที่อยู่ๆ จางม่านอวี้ได้เป็นพระสนม นางกำลังจะเป็นของชายอื่น ซึ่งผู้ชายคนนั้นถือว่าเป็นเจ้าชีวิตของคนทั้งแคว้น รองแม่ทัพหนุ่มผู้เกรียงไกรไม่รู้ที่มาที่ไปของการเข้าวังของนาง ในใจของเขาตอนนี้รู้เพียงว่า ต้องตามนางให้ทัน เขาจึงรีบควบม้าตามขบวนเกี้ยวอย่างไม่ลดละระยะทางจากเมืองหลานหยูไปเมืองหลวงมีระยะทางหลายร้อยลี้ ขบวนเกี้ยวที่มารับจึงใช้ม้าในการลากเกี้ยวแทนคนแบกหาม แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้การเดินทางเร็วขึ้น เนื่องจากม้าเดินไม่ได้วิ่ง ส่งผลให้แรงอาชาไนยของรองแม่ทัพหนุ่มนำพาเขามาทันขบวนเกี้ยวที่มองเห็นในระยะสายตาเฉินต้าเหว่ยรีบเร่
Chapter 4องค์รัชทายาทไม่ปล่อยให้ความอยากรู้อยู่กับตัวเองนาน เขารีบเข้าไปถามพ่อค้าซาลาเปากับคำตอบที่อยากได้ โดยให้สินน้ำใจหนึ่งตำลึง มีหรือที่คำตอบนั้นจะไม่พรั่งพรูออกจากพ่อค้า เมื่อรู้คำตอบ เขาไม่ได้เร่งรีบไปหาจางม่านอวี้ เพราะมีงานสำคัญงานหนึ่งต้องทำ ตั้งใจว่าทำเสร็จเมื่อไหร่ เขาจะรีบไปหานางทันที แต่เผอิญว่าเจอนางที่นี่เสียก่อน“แล้วเจ้าอยากรู้ว่าข้าเป็นใครไปทำไม ทีข้ายังไม่อยากรู้เรื่องของเจ้าเลย”“ก็เพราะ...” ยังไม่ทันพูดจบ ชายรูปร่างสูงเพรียว แต่งกายคล้ายจอมยุทธเดินเข้าหา ก่อนจะกระซิบข้างหู “ข้าขอตัวก่อนนะแม่นางจาง ไว้ข้าไปหาเจ้าที่บ้านนะ”องค์รัชทายาทพูดจบก็รีบเร่งเดินไปยังท่าเรือพร้อมพรรคพวก“ผู้ชายคนนี้ดูแปลกๆ นะเจ้าคะคุณหนู” หลินหลินพูดกับเจ้านายสาว“ช่างเขาเถอะอย่าไปสนใจเลย ข้าเชื่อว่า ข้ากับเขาคงไม่ได้พบกันอีก” จางม่านอวี้คิดเช่นนั้น “ไปกันเถอะ”สองสาวพากันเดินไปยังจวนรองแม่ทัพ จางม่านอวี้หวังว่าจะได้พบเฉินต้าเหว่ย แต่การณ์กลับไม่เป็นเช่นนั้น คนที่นางอยากเจอยังไม่กลับมาจากออกศึก จางม่านอวี้เศร้าหนักกว่าเดิม ความรู้สึกตอนนี้ของนางไม่ดีเลย รู้สึกโหวงๆ หวิวๆ ชอบกล ด้วยเหตุผลใด