Home / รักโบราณ / จารใจทุรยศ / Chapter 8. ใครว่าข้าไม่แข็งแรง

Share

Chapter 8. ใครว่าข้าไม่แข็งแรง

last update Last Updated: 2025-03-03 21:37:22

            “อ่อ” นางรับคำเบาๆ แล้วพยักหน้ารับ

            “เจ้าอยากไปหยุนหนานหรือ?” เห็นท่าทางตื่นเต้นของนางแล้วอดหัวเราะไม่ได้ เด็กคนนี้มักเก็บอาการ ไม่แสดงความต้องการสิ่งใดออกมานัก

            เด็กสาวพยักหน้าหงึกหงัก “ได้ยินนายท่านรองและท่านหมอหวังข่ายพูดถึงหยุนหนานบ่อยๆ ข้าจึงอยากเห็นด้วยตาตนเองสักครั้ง”

            เกาเทียนฉีกินรังนกจนหมดแล้วรับน้ำชาจากเสิ่นฉางซี

            “แท้จริงเจ้ามีเรื่องไม่สบายใจสินะ”

            “นายท่านรอง...” นางเอ่ยได้เพียงแค่นั้นแล้วก็พูดอะไรไม่ออกอีก

            “ฉางซี” เกาเทียนฉีฉีกยิ้มให้เด็กสาว “ที่เจ้าพยายามเรียนรู้อะไรมากมายเพียงเพื่อออกไปใช้ชีวิตข้างนอกนั่นมิใช่หรือ?”

            เสิ่นฉางซีเงยหน้ามองบุรุษที่อยู่ตรงหน้า “ฉางซิมิได้...”

            ยังไม่ทันพูดจบประโยค เกาเทียนฉีโบกมือห้ามไม่ให้นางพูดต่อ

“สกุลเกาสร้างสำนักคุ้มภัยราชสีห์คำรามมาสองชั่วอายุคนแล้ว แต่พวกเราก็มิใช่คนลืมกำพืดตนเอง พวกเราไม่ใช่สกุลใหญ่โตเหมือนพวกคหบดีหรือวาณิช เจ้าเองอยู่ที่นี่มาห้าปีแล้วย่อมรู้ว่าคนในสำนักคุ้มภัยมีที่มาที่ไปหลากหลาย บางคนโลดแล่นในยุทธภพมาก่อน บางคนเป็นช่างตีเหล็กหรือเป็นชาวนาที่แข็งขัน เจ้าเองเป็นบุตรสาวสหายรักของพี่ใหญ่ข้า พวกเราเลี้ยงดูเจ้าธรรมดายิ่ง ตัวเจ้าเองพยายามตอบแทนบุญคุณเสมอมา เรื่องนี้ต่อให้คนตาบอดก็ยังรู้ หากเจ้ามีสิ่งที่ปรารถนาจะทำ มีสถานที่ที่อยากไป เจ้าจงทำมันเสีย อย่าได้คิดว่าการไปจากที่นี่เป็นการอกตัญญูเลย”  

            ดวงตาของเด็กสาวจ้องมองบุรุษที่เอ่ยด้วยน้ำเสียงเนิบช้าราวกับพูดเรื่องดินฟ้าอากาศ ซ้ำยังแสดงท่าทีเกียจคร้านออกมา

            “เจ้าอยากไปหยุนหนานก็เตรียมตัวให้พร้อม ข้าจะบอกพี่ใหญ่กับพี่สะใภ้เอง”

            “ขอบคุณนายท่านรองมากเจ้าค่ะ”

            เกาเทียนฉีพยักหน้าขึ้นลง “การรักษาอาการบาดเจ็บของเจ้าใช้เงินทองไปมากก็จริง แต่ที่ผ่านมาเจ้าเองมิได้อยู่เฉย หากเจ้าต้องการไปหรือมีสิ่งใดที่เจ้าต้องการทำ ข้ายินดีสนับสนุน แต่ที่เป็นกังวลเพราะร่างกายของเจ้ายังไม่แข็งแรงดีนัก”

            “ใครว่าข้าไม่แข็งแรง ข้าแข็งแรงราวกับวัวเชียวนะ” นางหัวเราะพลางแอบเช็ดน้ำตาที่เอ่อคลอเบ้า

            “ข้ารู้” ชายหนุ่มโคลงศีรษะไปมา “เอาอย่างนี้ ระหว่างที่ข้าขึ้นเขาไปหาสมุนไพรหายาก เจ้าไปเฝ้าสวนสมุนไพรที่กระท่อมเชิงเขา ที่นั่นใกล้บ่อน้ำพุร้อน เจ้าไปแช่ตัวอบสมุนไพรเพื่อเตรียมตัวเดินทางดีหรือไม่ เจ้าเองไม่ได้ไปที่บ่อน้ำพุร้อนนานแล้วกระมัง”

            “ก็ไม่นานนะเจ้าคะ แค่เดือนเศษๆ เอง”

            “แต่ก่อนข้าย้ำให้เจ้าไปแช่น้ำพุร้อนทุกสิบวัน เจ้าลืมไปแล้วหรือไร” เขาส่ายหน้าไปมา “ทีเรื่องของผู้อื่น เจ้าใส่ใจทุกเรื่อง แต่ไยเรื่องของตนเองกลับหลงลืมไปได้”

            เด็กสาวยิ้มทำหน้าทะเล้น

            “ฉางซี เจ้าอย่าเพิ่งถอดใจ หลายปีมานี้ สภาพร่างกายเจ้าฟื้นฟูขึ้นมาก ไม่แน่ว่าบางที...”

            “ขอบคุณนายท่านรองที่เมตตาฉางซีเจ้าค่ะ” นางลุกขึ้นยืนกล่าว

ออกมาจากใจจริง “ทุกอย่างล้วนเป็นชะตากำหนด”

            “วัวดื้ออย่างเจ้าเชื่อเรื่องชะตากำหนดเรอะ” เขายื่นมือไปดีดหน้าผากเด็กสาวอีกครั้ง “ชีวิตเป็นของเจ้า เจ้าต้องลิขิตเองสิ”

            “ลิขิตชีวิตตัวเอง?”

            “เจ้าอายุยังน้อย อย่าเพิ่งสิ้นหวังกับชะตากรรมของตนเอง”

เขายื่นมือทำท่าจะดีดหน้าผากนางอีกครั้ง แต่เห็นนางหลับตาปี๋เขาก็อดยิ้มไม่ได้ จึงแค่ยื่นมือไปลูบศีรษะของนางเบาๆ เด็กสาวอายุสิบห้าแล้ว แต่ไม่อาจเกล้าผมหรือปักปิ่นเช่นเด็กสาวในวัยเดียวกันได้ หากนางไม่ถักเปียไว้หลวมๆ ก็จะเห็นนางใช้ผ้าเส้นเล็กๆ รวบมัดเส้นผมไว้ ปลายนิ้วกร้านเกลี่ยเส้นผมที่ใบหน้าเปิดโคนเส้นผมที่หน้าผากของนางขึ้น รอยแผลเป็นคล้ายรอยไหม้ที่ตีนผมยังเห็นเป็นรอยสีชมพู เขายังจำสภาพของนางที่พี่ใหญ่พานางกลับมาที่สำนักคุ้มภัยได้เป็นอย่างดี ต่อให้เป็นผู้ชายตัวโตเห็นสภาพของเด็กหญิงวัยสิบขวบเปื้อนเปรอะโลหิตเช่นนั้นยังอดสะเทือนใจมิได้

            ‘ฝ่ามืออัคคี’

            เพียงเห็นร่องรอยที่ทิ้งไว้ผู้คนก็ต่างขวัญผวา ฝ่ามืออัคนีเป็นวิชาของพรรคมาร แม้รู้เต็มอกว่าพรรคมารชั่วช้าเพียงใด แต่ไม่คิดว่าจะข้องเกี่ยวพัวพันกับราชสำนัก บิดาของเสิ่นฉางซีเป็นองครักษ์หลวง จากที่พี่ใหญ่เล่าให้เขาฟังนั้น เสิ่นจางเหว่ยแต่งงานกับนางกำนัลที่ถูกปลดส่งออกจากวังหลวง ทั้งสองมิได้ใช้ชีวิตอย่างสามีภรรยาทั่วไป เพื่อปกป้องภรรยาและลูกน้อย จึงแต่งงานกันอย่างเงียบๆ และให้ภรรยาอยู่กระท่อมในเขตชุมชนยากจน ใช้ชีวิตเรียบง่าย เมื่อมีวันหยุดจึงได้มาหาภรรยาและบุตรสาว คนทั่วไปไม่มีใครรู้ว่าเสิ่นจางเหว่ยเป็นองครักษ์ หากเข้าใจว่าเป็นพ่อค้าที่เดินทางอยู่เสมอ

            แม้ปกป้องลูกสาวมากเพียงใด เมื่อถึงเวลา คนผู้นั้นกลับเลือกหน้าที่มาก่อนชีวิตของบุตรสาวเพียงคนเดียว ยอมให้นางสวมเสื้อคลุมขององค์รัชทายาท เบี่ยงเบนความสนใจเพื่อให้องค์รัชทายาทตัวจริงปลอดภัยจากการถูกลอบสังหาร

            ไม่ใช่ครั้งแรกที่เกาเทียนฉีตรวจดูรอยแผลบนศีรษะให้นาง เด็กสาวจึงไม่คิดหลบเลี่ยงหรือปัดมือออก เพียงแต่เห็นท่าทีเหม่อลอยของเขาแล้วนางจึงเรียกอีกฝ่ายเบาๆ

            “นายท่านรอง...บาดแผลของฉางซีเป็นอะไรรึเจ้าคะ”

            “อ่อ...” เกาเทียนฉีตื่นจากภวังค์แล้วชักมือกลับช้าๆ ไม่ให้อีกฝ่ายเข้าใจผิด “ดีขึ้นมากแล้ว แต่อาการปวดศีรษะของเจ้ายังเหมือนเดิมสินะ”

            เสิ่นฉางซีพยักหน้าแทนคำตอบ

            “ไปพักผ่อนได้แล้ว ระวังต้องลมเย็นเข้า”

            “ฉางซีทราบแล้วเจ้าค่ะ”

            เกาเทียนฉีโบกมือไล่เด็กสาวให้กลับไปพักผ่อน เขามองร่างของเสิ่นฉางซีเดินจากไปสุดสายตาแล้วจึงถอนหายใจอย่างหนักหน่วงแล้วคิดถึงโชคชะตาของตนเอง

            ‘ชีวิตเป็นของเจ้า เจ้าต้องลิขิตเองสิ’

            อ่า...เขาเอ่ยกับเจ้าวัวดื้อตัวน้อย เหตุใดกลับรู้สึกเหมือนบอกตัวเองอย่างไรไม่รู้ได้.

บุรุษหนุ่มสวมชุดสีดำสนิทไร้ลวดลายใด แต่กระนั้นก็ยังเป็นผ้าไหมเนื้อดี เขาเอนกาย หลังพิงลำต้นของต้นไม้ ปล่อยขาข้างหนึ่งห้อยลงมา ส่วนอีกข้างเหยียดยาวไปตามแนวของกิ่งไม้ขนาดใหญ่  ริมฝีปากบางคาบใบไม้ สายตายังคงมองเหม่อไปที่ขอบฟ้าสีคราม

            กลับเข้ามาบ้านตัวเองได้ครึ่งเดือนแล้ว เหตุใดรู้สึกไม่คุ้นเคยและว่างเปล่าเช่นนี้นะ

            แม้สายตาจะอยู่ที่ท้องฟ้า แต่ด้วยประสาทการรับรู้ไวกว่าปกตินั้นทำให้รู้ว่ามีคนไต่กิ่งไม้ขึ้นมาจนถึงกิ่งที่ใกล้เขาที่สุด        

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • จารใจทุรยศ    Chapter 111.  จบ.

    “เจ้าอย่าได้เข้าใจผิด ข้าไม่ได้คิดมีอนุหรือรับหญิงใดเข้ามาอีก” เขาสารภาพเสียงเบา “เจ้าก็รู้ ข้าไม่คุ้นเคยกับสตรี เป็นข้าต่างหากที่เกรงจะเอาใจใส่เจ้าไม่เพียงพอ”“ท่านพี่ใส่ใจข้าดียิ่ง” เพราะรู้ว่าอยู่กับเพียงลำพัง นางจึงยื่นมือไปไล้เส้นผมของเขาเบาๆ “หากท่านพี่ไม่ใส่ใจข้า ในครรภ์ของข้าจะมีเด็กอยู่ได้อย่างไร”“เจ้าพูดให้ข้าสบายใจอย่างนั้นหรือ?” เขาถอนหายใจเบาๆ “ข้าใช้ชีวิตอยู่กับทหาร อยู่ในสนามรบ ไม่รู้ว่าควรดูแลเจ้าอย่างไร”“ท่านพี่ดูแลข้าดียิ่งจริงๆ” นางหัวเราะเบาๆ ไม่คิดว่าเขาจะกังวลกับเรื่องเล็กน้อยเพียงนี้ “เมื่อครั้งที่ตั้งครรภ์หยางหยาง ข้าอยู่เพียงลำพัง แต่ครั้งนี้มีท่านพี่อยู่ด้วย กลางดึกข้าอยากถ่ายเบา ท่านพี่ก็ช่วยประคองข้าไม่เคยแสดงท่าทีรังเกียจหรือรำคาญ มือเท้าของข้าก็เป็นท่านที่คอยบีบนวดอย่างไม่สนใจว่าผู้อื่นจะมองท่านพี่เป็นคนเช่นไร”“เรื่องเล็กน้อยทั้งนั้น” เขาทำหน้ายุ่ง เขาหาได้ใส่ใจว่าผู้ใดจะคิดกับเขาเช่นไร นางอุ้มท้องลูกของเขา เขาย่อมต้องดูแลนาง มีอะไรผิดกัน ฮึ!“เล็กน้อยสำหรับท่านพี่แต่สำคัญมากสำหรับข้า” นางเชื่อแล้วว่าเขาไม่คุ้นเคยกับสตรีจริงๆ “มิใช่บุรุษทุกคนจะยอมทำเ

  • จารใจทุรยศ    Chapter 110.  สะใภ้ที่โชคดีที่สุดในเมืองหลวง

    “เอาไปศึกษาดู” สวินเย่ว์ผลักหนังสือเล่มนั้นออก แต่ฝูหรงยัดใส่อกเสื้ออีกฝ่ายซ้ำยังจับสาบเสื้อให้อย่างดีราวกับไม่ได้ซุกซ่อนสิ่งใดไว้ “เรื่องฉลองวันเกิดนาง ข้าย่อมต้องมีส่วนร่วม อย่างไรนางก็เป็นผู้มีคุณของข้าและฝูเจี๋ย” “รู้แล้ว” “เจ้ามาปรึกษาแค่นี้รึ” “อืม” “เช่นนั้นก็ดื่มสุราเป็นเพื่อนข้าสักกาสิ” “ไม่ ข้ามีธุระ” “อ้าว” “ขอตัว” “เฮ้ย!” ฮ่องเต้ฝูหรงได้แต่อ้าปากค้างมองแผ่นหลังของแม่ทัพสวินเย่ว์เดินจ้ำออกไปอย่างรวดเร็วนี่เพราะเป็นสหายใช่ไหม? ถึงได้ทำตัวไร้มารยาทเช่นนี้หลายวันมานี้ เสิ่นฉางซีเห็นท่าทางแปลกๆ ของสวินเย่ว์ จะเรียกว่าแปลกก็ไม่เชิงนัก เพียงแต่มีบางอย่างที่นางรู้สึกว่าเขาปิดบังนางอยู่ หญิงสาวหยุดหน้าห้องหนังสือ นางลังเลอยู่ครู่ก่อนตัดสินใจผลักบานประตูเข้าไป สวินเย่ว์เงยหน้าขึ้นหมายจะตำหนิคนที่เข้ามา แต่พอเห็นว่าเป็นเสิ่นฉางซี เขารีบลุกขึ้นเข้าไปประคองภรรยารัก เป็นเพราะเขาออกคำสั่งไว้ หากนางมาหาเขา สามารถเข้ามาได้ไม่ต้องให้คนรายงาน

  • จารใจทุรยศ    Chapter 109.  อยากเป็นองครักษ์

    “จิ้นฝานเก่งมากใช่ไหมถึงได้เป็นองครักษ์ของอันอัน” “เจ้าอยากเป็นองครักษ์?” “ข้าอยากปกป้องอันอัน” สวินเย่ว์ตักน้ำราดตัวลูกชาย หยิบผ้ามาซับน้ำให้ ตอนเกิดไม่ได้เลี้ยงดู มาชดเชยเอาตอนนี้แทนก็แล้วกัน “ท่านพ่อ!” เมื่อไม่ได้รับคำตอบ เด็กชายก็ขึ้นเสียง “พ่อเจ้าเก่งกว่าเจ้าองครักษ์นั่นเยอะ” เขาหัวเราะในลำคอ “ไม่ต้องห่วง ข้าจะสอนให้เจ้าแข็งแกร่งกว่าจิ้นฝาน ว่าแต่เจ้าจะทนไหวเรอะ” “ข้าฝึกท่านั่งม้าตั้งแต่ห้าขวบแล้ว” หยางหยางคุยโต เมื่อครั้งที่ติดตามมารดาไปพรรคเงาอสูร ระหว่างมารดาปรุงอาหารอยู่นั้น เขาเล่นสนุกกับคนในพรรคมาร ได้ฝึกท่าพื้นฐานต่างๆ มาบ้าง “เจ้าไม่ค่อยเชื่อฟังคำสั่งข้านี่” เขาจัดการชำระล้างตนเองให้หมดกลิ่นเหงื่อ แต่กระนั้นยังได้ยินเสียงลูกชายบ่นพึมพำ “ท่านยังไม่ค่อยเรียกข้าว่าลูกเลยนี่” “ก็” จะบอกว่าลืมก็กลัวลูกน้อยใจ “ลูกผู้ชายเขาพูดคุยกันเช่นนี้แหละ” “ก็ได้ ข้าเชื่อท่านก็ได้” “หยาง” “อืม” คนเป็นลูกขานรับห้วนๆ เหมือนกับบิดาที่ชอบเ

  • จารใจทุรยศ    Chapter 108. แววตาวิบวับ

    “เรื่องเอาใจสตรี ถามเสด็จพ่อของข้าก็ได้” อันอันแย้มยิ้มทำตาวิบวับไร้เดียงสา “ฮ่องเต้มีสนมมากมาย เมื่อถึงวันเกิดของผู้ใดก็จัดสรรของกำนัลให้กงกงนำไปมอบให้ทุกครั้ง” ‘ต้องปรึกษาเรื่องนี้กับคนเช่นนั้นนะรึ? จะได้เรื่องหรือไม่เล่า’ “ไปหาแม่บุญธรรมกันเถอะ ข้าหิวมากเลยพี่หยางหยาง” “อืม”หยางหยางพยักหน้ารับ หันไปสบตากับบิดาอีกครั้ง เห็นเพียงอีกฝ่ายโบกมือไล่ก็เข้าใจความหมาย เขาหันหลังย่อตัวลงให้อันอันปีนขึ้นหลังอย่างคุ้นเคย เด็กน้อยก็ทำตัวเป็นลูกลิงเกาะทันที สวินเย่ว์ได้แต่นวดขมับตนเองไม่รู้จะเตือนลูกชายอย่างไรไม่ให้ตามใจองค์ชายน้อยนัก แต่ช่างเถอะ ประเดี๋ยวมี ‘น้อง’ ของตัวเองแล้วก็คงเลิกใส่ใจองค์ชายฝูเจี๋ยไปเอง “ช่วงนี้ในวังเป็นอย่างไร” สวินเย่ว์เอ่ยถามองครักษ์ที่กำลังจะเดินตามองค์ชายฝูเจี๋ยไป จิ้นฝานชะงักเล็กน้อยแล้วเอ่ยขึ้น “ในวังเรียบร้อยดีขอรับ” “ดี” เขาพยักหน้ารับ “ดูแลเจ้าเด็กนั่นดีๆ อย่าไปตามใจนัก” “ขอรับ” จิ้นฝานได้แต่ลอบโอดครวญในอก เขาเป็นองครักษ์ไม่ต่างจากคนรับใช้ จะมีสิทธิ์อะไรไปห้ามเจ้านา

  • จารใจทุรยศ    Chapter 107.  จารใจทุรยศ ตอนพิเศษ

    สวินเย่ว์เลิกคิ้วรอถ้อยคำจากริมฝีปากสีชาดของหญิงสาว ไม่น่าเชื่อเลยว่า หัวใจดุจน้ำแข็งของเขาจะถูกหลอมละลายอยู่ในอุ้งมือของนางได้ “ข้าชอบท่านที่สุด” นางยื่นริมฝีปากไปประกบริมฝีปากที่เจือรสสุราชวนมึนเมา วงแขนแข็งแกร่งรวบร่างนางเข้ามากอดแนบแน่น เขาจูบไล้กลีบปากของนางช้าๆ แล้วแทรกเรียวลิ้นเกี่ยวกระหวัดด้วยเสน่หาลึกล้ำ ทำเอาร่างของนางอ่อนระทวยจนต้องเอนกายเข้าหา เขาจึงยอมละริมฝีปากแล้วเลื่อนมาประทับจูบที่รอยแผลเป็นของนางอย่างทะนุถนอม พลางกระซิบเสียงพร่า “ข้าชอบเจ้ามากกว่า” ‘แต่ข้ารักท่าน’ เสิ่นฉางซีไม่ได้พูดในสิ่งที่ใจคิด แต่นางเชื่อว่าเขารับรู้เสียงในหัวใจของนางได้ บางครั้งการกระทำสำคัญกว่าคำพูด เห็นทีว่าประโยคนี้จะใช้กับบุรุษตัวโตเอาแต่ใจได้ดี สวินเย่ว์ก้มมองหญิงสาวที่ช้อนตาขึ้นมองเขาพอดี สิบสามปีก่อน เขาถูกดวงตาสุกใสของนางตราตรึงจนยากจะลืมเลือน หนึ่งครั้งที่เขาช่วยชีวิตนาง หนึ่งครั้งที่นางช่วยชีวิตเขา ชะตานำพาใจสองดวงให้พานพบและผูกพัน เกิดสายใยโยงหัวใจสองดวง แม้ต้องไกลห่างก็นำพาให้หวนคืน ลมหายใจของนาง ไออุ่นจากกายของเขา ทุกส

  • จารใจทุรยศ    Chapter 106.  ประตูห้องหอ

    “ไมต้องเขินอายไป เรื่องแบบนี้ข้ารู้ว่าพูดยาก แต่ข้าเป็นคนคุยง่าย เจ้าอยากแต่งงานใหญ่โตกว่าท่านแม่ทัพสวินเย่ว์ ข้าก็จัดการให้เจ้าได้”“ใครบอกว่าข้าจะแต่งกับเจ้า”“ก็ข้าพูดออกไปเมื่อครู่ไง” นางทำตาปริบๆ “แต่งกับข้าเถอะน่า ข้าอยากได้ยินคนบ่นข้างหูแบบนี้ทุกวัน”“นี่เจ้าชอบข้าเรอะ!” เขาควรรู้สึกยินดีใช่ไหมที่สตรีประหลาดอย่างซูหลี่น่ามาชอบเขา“อืม” นางพยักหน้า “อยู่กับเจ้าก็เหมือนเลี้ยงนกแก้วให้มันส่งเสียงเจื้อยแจ้วข้างหู”“เจ้ากล้าเปรียบเทียบข้ากับนกแก้วเรอะ!”“อืม” นางพยักหน้าขึ้นลง “ไม่ต้องอาย ข้าจะไปสู่ขอเจ้าเอง”ซูหลี่น่านั่งลงบนตักของเกาเทียนฉี สะโพกกลมกลึงบดเบียดเย้ายวนจนส่วนที่หลับใหลตื่นฟื้น นางยิ้มเจ้าเล่ห์ในขณะที่เกาเทียนฉีได้แต่หลับตาโอดครวญอยู่ในอกที่ไม่สามารถบังคับ ‘ส่วนนั้น’ ของร่างกายได้เลยเอาเถอะ! บางทีชีวิตของเขาอาจรอผู้หญิงบ้าๆ อย่างนางอยู่ก็เป็นได้.เด็กชายวัยเจ็ดขวบยืนตาโตมองมารดาของตนในชุดสีแดงงดงามจับตา เสิ่นฉางซีอยู่ในชุดเจ้าสาว แม้มีผ้าคลุมหน้าอยู่ก็รับรู้ได้ว่าถูกลูกชายจ้องมองจนรู้สึกเขินอาย “เลิกมองแม่ได้แล้ว” “ท่านแม่สวยมาก” หยางหยางพูดขึ

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status