ตอนที่ 6 : จงใจปล่อยเหยื่อ
ร่างกายกำยำถอยออกมาและก้มหยิบเสื้อเชิ้ตกลับมาสวมใส่อย่างลวกๆตามเดิม นิ้วแกร่งกดหยุดอัดวิดีโอและเก็บโทรศัพท์เครื่องหรูของเธอใส่กระเป๋ากางเกง
ขนมผิงเงยหน้าขึ้นมาในจังหวะที่เขาเก็บโทรศัพท์ของเธอไปพอดี เธอได้แต่มอง เพราะไม่สามารถเอาโทรศัพท์ของตัวเองกลับมาได้ แต่พอได้เห็นว่าเขากลับไปสวมเสื้อตามเดิมทำให้เธอค่อนข้างมั่นใจว่าเขายอมรับในสัญญาของเธอ
“ปล่อยฉันแล้วใช่ไหม”
“อย่าคิดว่าต่อจากนี้ชีวิตเธอจะเป็นอิสระ ทุกย่างก้าวของเธอฉันรู้หมด ทันทีที่ปริปากบอกเพื่อนของเธอ ชีวิตเธอจะได้ทุกข์ทรมานก่อนตาย” เจโฮปพูดด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือก ไม่ได้บอกว่าปล่อยหรือไม่ปล่อยเธอ แต่ก่อนที่ร่างสูงจะเดินออกจากที่นี่ได้พ่นคำขู่ให้คนที่สะอื้นไห้หวาดกลัว
“ถ้ามีปัญญาก็แกะเอาเอง แต่ถ้าแกะไม่ได้ก็อยู่ที่นี่ นอนกับผีในหลุมฝังศพ ศพใหม่พึ่งฝังเมื่อวาน” เจโฮปหมุนตัวเดินออกไปทันทีหลังจากพูดจบ ใบหน้าคมคายเรียบนิ่งไม่แสดงออกถึงความเห็นใจแต่อย่างใด
ถ้าบอกแล้วเข้าใจตั้งแต่เมื่อเช้า คงไม่ต้องลงมือให้เสียเหงื่อแบบนี้
บรรยากาศกลับมาเงียบสงัดจนน่าขนลุก เธอเห็นลูกน้องของเขาทยอยเดินออกไปหลังจากเจ้านายออกจากบริเวณนี้ไปสักพัก ขนมผิงพยายามใช้ฟันกัดและดึงสายเข็มขัดออกจากมือ ต่อให้เจ็บปวดแต่จะนั่งรอความตายที่นี่ไม่ได้ เธอพยายามบิดข้อมือไปมาและใช้ฟันกัดดึงเข็มขัดครั้งแล้วครั้งเล่า ใบหน้าหวานเต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อและคราบน้ำตาที่ไหลออกมาไม่หยุด
“อื้อ...” เธอใช้แรงกระชากสุดแรงจนมือทั้งสองข้างเป็นอิสระ ขอบของเข็มขัดหนังบาดลงบนผิวหนังจนเลือดซิบ
มือที่เจ็บแสบพยายามแกะเชือกเส้นหนาที่ข้อเท้า พยายามแก้ปมที่เขามัดไว้แน่นจนคายไม่ออก
“ออกสิ ออกสักที”
ท่ามกลางความเงียบมีเพียงเสียงสะอื้นไห้ของพริกหวานดังก้อง เธอพยายามแกะปมและพยายามบิดขาไปมาเพื่อให้มันหลวม แต่มันไม่เป็นผล ยิ่งบิดแรงผิวหนังก็เสียดสีกับเชือกเส้นหนาจนเจ็บ
“ฉันจะอยู่ที่นี่ไม่ได้”
นานนับชั่วโมงที่ขนมผิงพยายามแกะเชือกเส้นหนาที่ข้อเท้า เธอพยายามมีสติและนั่งแกะปมไปเรื่อยๆจนในที่สุดปมมัดสุดท้ายได้ถูกคลายออกทำให้ร่างบางหลุดพ้น
ขนมผิงพาร่างกายที่เจ็บช้ำออกมานอกตึกร้าง ข้อเท้ามีเลือดไหลซิบๆ แต่จะให้เดินช้าคงไม่ได้ แขนทั้งสองข้างกอดรัดลำตัวไว้แน่นเพราะกระดุมทุกเม็ดถูกกระชากจนขาดไม่สามารถติดได้เลยแม้แต่เม็ดเดียว ร่างกายที่ปวดร้าววิ่งมาตามทางเพื่อไปที่รถของตัวเอง เห็นว่ามันยังจอดอยู่ที่เดิม แต่ไม่มีรถคันนั้นจอดต่อท้ายแล้ว
ใบหน้าหวานเริ่มมีความหวังเมื่อกึ่งเดินกึ่งวิ่งมาที่รถ แต่ต้องหยุดชะงักเมื่อกำลังจะเปิดประตูฝั่งที่กระจกแตกละเอียดแต่เห็นล้อยางทั้งสี่ถูกปล่อยลมจนแบน ถึงแม้จะไม่มีอะไรรั้งรถเธอไว้เหมือนตอนแรก แต่รถของเธอไม่สามารถขับเคลื่อนออกไปจากตรงนี้ได้
และโทรศัพท์ของเธอก็ไม่มี
“อะไรกับฉันนักหนา” ร่างที่ไร้เรี่ยวแรงแทบทรุดลงไปนั่งกับพื้น น้ำตาไหลออกมาอาบสองข้างแก้มอีกครั้ง เท่าที่จำได้ในรถของเธอมีเสื้อยืดสำรองไว้ทำให้ขนมผิงเปิดประตูด้านหลังและถอดเสื้อนักศึกษาออกก่อนจะสวมเสื้อยืดเข้าแทน ควานหากระเป๋าเงินที่วางไว้ แต่กลับไร้ซึ่งเงาของมัน
“กระเป๋าตังหายงั้นเหรอ”
ริมฝีปากบางเม้มเข้าหากันแน่นพยายามข่มอาการของตัวเอง และเอาตัวเข้าไปด้านหน้ารถเพราะนึกขึ้นได้ว่าพอมีเศษเหรียญและแบงก์ย่อยในลิ้นชักเล็กด้านหน้า
ทันทีที่ได้เงินติดตัวทำให้ขนมผิงเดินออกมาตามทางที่เปลี่ยว ใบหน้าหวานแดงก่ำและสะอื้นไห้มาตลอดทางจนมาถึงปากทางที่พอมีรถสัญจรผ่าน
“ไม่มีรถแท็กซี่สักคัน โบกคันไหนก็ไม่จอด” ขนมผิงบ่นด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ ชีวิตนี้ไม่เคยเจอเรื่องแบบนี้มาก่อน จนทำให้บางช่วงเธอสติแตกจนตัวสั่นเทาควบคุมตัวเองไม่ได้ แขนเรียวเล็กโยกเบาๆเป็นการโบกรถที่ผ่านไปผ่านมาแต่ไม่มีคันไหนเหลียวแล ทำให้เธอเดินย้อนสวนรถขึ้นมาเรื่อย ๆ อย่างน้อยยังจำทางที่ขับมาได้บ้าง
แสงไฟของรถที่กำลังสวนมาสาดใส่ดวงตากลมโต แสงไฟสีขาวสาดเข้ามาทำให้เธอมองไม่เห็นทางจนเผลอหลับตาแต่เมื่อได้ยินเสียงเครื่องยนต์ที่ใกล้เข้ามาเรื่อยๆทำให้เปิดเปลือกตาขึ้นและเบิกตาโพลงด้วยความตกใจเมื่อแสงไฟของรถที่สวนมาพุ่งมาที่เธอ ไม่ใช่ขับสวนเหมือนคันอื่น
“กรี๊ดดดด”
เสียงกรีดร้องดังลั่นเท้าเรียวเล็กก้าวถอยหลังอัตโนมัติจนพลาดล้มลงไหล่ทางที่เต็มไปด้วยหินกรวด มือที่ค้ำตัวเองไว้รู้สึกเจ็บแสบ บ่งบอกถึงเศษของมีคมบางอย่างบาดเข้าที่ฝ่ามือ
เอี๊ยด
เสียงเบรกดังกังวานไปทั่วบริเวณทำให้ขนมผิงเงยหน้าขึ้นมองรถที่จงใจพุ่งใส่เธอ แต่ทำให้หัวใจดวงน้อยตกไปที่ตาตุ่มเมื่อเป็นรถสปอร์ตคันหรูสีดำคันที่คุ้นเคย
“หึ” เจโฮปหัวเราะในลำคอเมื่อเห็นสภาพของหญิงสาวล้มลงไปที่ไหล่ทาง ก่อนจะเคลื่อนรถออกอย่างรวดเร็วพร้อมกับเหลือบมองกระจกมองหลังที่มีรถคันสีดำจอดเทียบแทน
“พวกแกเป็นใคร” ขนมผิงถามด้วยน้ำเสียงหวาดผวาเมื่อมีรถคันสีดำที่เป็นรถตู้ธรรมดามาจอดแทนรถสปอร์ตคันนั้นที่ขับออกไปแล้ว
“ถ้าไม่อยากตายตรงนี้ก็ขึ้นรถ” ชายฉกรรจ์ชุดดำล้วนเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงโหดเหี้ยม
“แล้วจะมั่นใจได้ไงว่าถ้าขึ้นไปฉันจะไม่ตาย”
“ผมจะไม่ฆ่าคุณ ถ้าเจ้านายผมไม่สั่ง”
คำพูดของชายฉกรรจ์ชุดดำทำให้ขนมผิงเข้าใจบางอย่าง แสดงว่านี่คือลูกน้องของเขา แต่เธอจะมั่นใจได้ยังไงว่าถ้าขึ้นไปแล้วคนพวกนี้ไม่ทำอะไรเธอ เกิดเขาโทรมาสั่งฆ่าตอนที่เธอขึ้นรถไปแล้วล่ะ
“ผมให้เวลาคุณตัดสินใจหนึ่งนาที แต่ถ้าไม่ไปก็อาจตายเพราะถูกฆ่าข่มขืนหรือไม่ก็ฆ่าชิงทรัพย์ แถวนี้ขึ้นชื่อเรื่องพวกนี้อยู่ด้วย”
คำขู่ของชายฉกรรจ์ทำให้ขนมผิงหวาดผวา เข้าใจแล้วว่าต่อให้เธอโบกรถคันไหนก็ไม่มีใครจอดเพราะกลัวเธอเป็นนกต่อให้กับโจร ร่างที่แสนเจ็บปวดกัดฟันลุกขึ้นเพราะไม่มีทางเลือกอื่น จะให้เดินกลับคงไม่ไหว มองอีกมุมถ้าเขาจะฆ่าคงทำตั้งแต่อยู่ในตึกร้างนั้นแล้ว
ใบหน้าหวานก้มมองมือตัวเองที่เจ็บแสบและเป็นไปอย่างที่คิด เลือดสีแดงสดไหลออกมาจากฝ่ามือเธอทำได้เพียงเช็ดคราบเลือดออกอย่างลวกๆ
สายตาของชายฉกรรจ์จ้องมองหญิงสาวไม่วางตา เมื่อเธอขึ้นไปนั่งบนรถทำให้ทุกคนขึ้นตามมาประกบซ้ายขวาโดยที่หญิงสาวนั่งตรงกลาง
ขนมผิงนั่งนิ่งและไม่อยากต่อสู้อะไรอีกแล้ว นาทีนี้ถ้าเกิดคนพวกนี้พาไปฆ่าก็ไม่มีอะไรต้องกลัว ความน่ากลัวเธอเจอมาหมดแล้ว เปลือกตาค่อยๆปิดลงเพราะไม่อยากรับรู้อะไรอีก
สองชั่วโมงผ่านไป
ตุบ
“อ๊ะ”
“สภาพคุณตอนนี้น่าจะกลับมาที่คอนโดมากกว่ากลับบ้าน หวังว่าคุณจะไม่ปากสว่าง เพราะครั้งหน้าอาจไม่มีโอกาสได้ออกมาจากที่นั่น”
ขนมผิงมองชายฉกรรจ์ด้วยสายตาเกลียดชังเมื่อตัวเธอถูกเหวี่ยงลงจากรถในสภาพที่น่าเวทนา มือเรียวเล็กกำหมัดแน่นและข่มความเจ็บ ดวงตากลมโตจ้องมองรถตู้คันสีดำที่ขับเคลื่อนออกไปอย่างรวดเร็วก่อนจะพยุงตัวเองลุกขึ้น
หันมองซ้ายที มองขวาที เธอถูกทิ้งด้านหลังคอนโดตัวเองที่ตอนนี้เป็นเวลากลางดึกไม่มีคนเดินพลุกพล่าน มือเรียวเล็กปาดน้ำตาออกจากใบหน้าลวกๆและพยุงร่างกายที่แสนบอบช้ำขึ้นห้อง
“พวกคุณเป็นใครกันแน่ ทำไมถึงรู้เรื่องราวของฉันมากมายขนาดนี้” เสียงที่สั่นเครือพูดกับตัวเอง เหมือนเรื่องส่วนตัวของเธอพวกเขาจะรู้หมด รวมถึงรู้ว่าที่นี่คือคอนโดของเธอและยังรู้ว่าเธอมีบ้านของครอบครัว
ตอนที่ 84 : ชีวิตแบบที่ต้องการ (ตอนจบ)หนึ่งชั่วโมงต่อมา...หญิงสาวร่างเล็กแทบล้มลงกับพื้นเมื่อกิจกรรมบรรเลงรักจบลง โชคดีที่ยังมีท่อนแขนแกร่งรั้งตัวเธอไว้ เพราะขาเรียวยาวสั่นพั่บ ๆ และไม่สามารถหุบได้ ถ้าจะให้เดินตอนนี้เธอไม่สามารถเดินได้แน่ ริมฝีปากบางเบะราวกับเด็กน้อยและจ้องมองใบหน้าแฟนหนุ่มด้วยแววตาอ้อนวอน"เจ็บ""แล้วจำไหม""จำแล้ว ไม่พูดแล้ว ไม่หนีผัวไปไหนทั้งนั้น""ดี! แล้วจะโกหกผัวอีกไหมว่าประจำเดือนมา""ไม่แล้ว" ขนมผิงส่ายหน้าเป็นพัลวัน ก็แค่จะแกล้งสนุก ๆ แต่พอโดนกระหน่ำกระแทกแบบนี้ไม่สนุกเลย มันเสียวและมีอารมณ์ตอนเขาทำก็จริง แต่พอเสร็จกิจกรรมแล้วอาการระบมก็ถามหาเจโฮประบายยิ้มกับความงอแงเหมือนเด็กน้อยของเธอ มือหนาโยกหัวเธอเบา ๆ ด้วยความมันเขี้ยว เด็กสาวคนนี้ช่างน่ารักสำหรับเขาซะเหลือเกิน ไม่ว่าจะทำอะไรก็น่ารักไปซะหมด เขาไม่ได้คิดจะใช้เซ็กส์ทำร้ายร่างกายเธอ ต่อให้เขาใช้แรงที่หนักหน่วงแต่ก็ยังห่วงความปลอดภัยของเธออยู่เสมอ ไม่งั้นถ้าเขาทำเหมือนเมื่อก่อนเธอจะไม่ได้ยืนมองเขาอยู่แบบนี้ ป่านนี้สลบคาเตียงไปแล้ว"ป่อกั๊บ...แม่กั๊บ"เสียงลูกน้อยดังเล็ดลอดเข้ามาทำให้ทั้งคู่หันไปมองทางประ
ตอนที่ 83 : กระหน่ำไม่ยั้ง NC20+02.00 น. (ตีสอง)หญิงสาวร่างเล็กสองคนโอบกอดกันหน้าประตูของเพ้นท์เฮ้าส์ สภาพที่โอนเอนไปตามกันของทั้งคู่บ่งบอกว่าฤทธิ์แอลกอฮอล์ได้ทำงานเต็มที่ ขนมผิงค่อย ๆ ผละออกและระบายยิ้มให้กับเพื่อนรักด้วยแววตาหยาดเยิ้ม เช่นเดียวกับพริกหวานที่ส่งตาหวานเยิ้มให้เพื่อนรัก"กลับบ้านดี ๆ นะ ค่อยนัดสังสรรค์กันใหม่หลังลูกหลับ" ขนมผิงพูดด้วยน้ำเสียงอ้อแอ้ตามประสาคนเมา"ได้เลย แต่ถ้าผัวหลับก็นัดเจอได้เสมอ""ฝากเอาอะไรยัดปากเมียมึงด้วยนะ" เจโฮปบอกโรมันเพราะเป็นคำพูดที่ไม่น่าไว้วางใจ ดูท่าทางถ้าสองคนนี้เมาคงลืมผัวไปชั่วขณะ จะปล่อยให้ดื่มกันสองคนไม่ได้เด็ดขาด"ดีเลย…ผัวเผลอแล้วเจอกัน" ขนมผิงตอบรับคำชวนของพริกหวานแบบที่สติไม่ค่อยเต็มร้อยทั้งคู่เลยกล้าพูดต่อหน้าผัวทั้งสองคนหน้าตาเฉย"กูว่ามึงก็ควรหาอะไรยัดปากเมียและล่ามไว้ด้วยล่ะ ดูท่าจะติดสัดทั้งคู่" โรมันกระตุกยิ้มมุมปาก"ยัดทั้งคืนแน่นอน" เจโฮปปรายตามองคนตัวเล็กที่ทำหน้าใสซื่อตาปริบ ๆ เหมือนไม่เข้าใจความหมาย เวลาเมียเมานี่มันน่า เย เหลือเกิน"ไว้เจอกัน อย่าจัดก่อนถึงบ้านล่ะ""หึ" โรมันหัวเราะในลำคอกับคำพูดของเจโฮปไม่นานเจโฮปป
ตอนที่ 82 : อะไรที่ไม่ดีก็ไม่ควรจดจำภายในเพ้นท์เฮ้าส์สุดหรูของเจโฮปหญิงสาวร่างเล็กตักไข่เจียวโปะข้าวร้อน ๆ ทั้งสามจานที่ขนาดของจานและปริมาณแตกต่างกันออกไปตามลักษณะของรูปร่างภายในเพ้นท์เฮ้าส์หอมกรุ่นไปด้วยไข่เจียวทอดจนชวนพ่อลูกน้ำลายไหล มือเรียวเล็กบีบซอสเป็นรูปรอยยิ้มบนหน้าไข่ก่อนจะยกเสิร์ฟพ่อกับลูกที่ตั้งหน้าตั้งตารอตาเป็นมัน"จากอาหารหรูสู่ไข่เจียวฝีมือแม่" ขนมผิงวางจานของลูกชายลงตรงหน้า"อาหารระดับมิชลินหรือจะสู้ไข่เจียวของเมีย" เจโฮปพูดแซวเมื่อได้รับข้าวไข่เจียวจากขนมผิง"อร่อยกว่าไข่ปลาคาเวียร์แน่นอนค่ะ" ขนมผิงยักคิ้วมั่นใจกับเมนูข้าวไข่เจียวที่เธอทำ ดินเนอร์หรูถูกดับฝันและกลายเป็นภาพอีกความทรงจำที่ไม่ดีของเธอ แต่สุดท้ายเธอกับเจโฮปก็จับมือกันเดินหน้าต่อ ถึงแม้ตอนนี้จะยังสะเทือนใจอยู่บ้างแต่เชื่อว่าความสุขจะช่วยลบล้างเรื่องที่บั่นทอนจิตใจไปได้"อร่อยกว่าร้อยเท่าใช่ไหมครับเจ้าขุน""กั๊บ(ครับ)"เราทั้งคู่นั่งโอบกอดกันมาตลอดทางที่กลับมาเพ้นท์เฮ้าส์ด้วยท่ีอีกคนยังไม่รู้ว่าคนที่เข้ามาพูดจากระทบกระเทือนต่อความรู้สึกพ่อและแม่ขนาดไหน ยังคงหัวเราะและมีความสุขได้ตลอดเวลาแต่เธอก็ไม่อยากให
ตอนที่ 81 : เลือกลูกกับเมียใบหน้าหวานระบายยิ้มพร้อมกับน้ำตาที่คลอเบ้า มือหนาเอื้อมมากุมไว้หลวม ๆ ทำให้ใบหน้าหวานหันไปมองคนที่นั่งอยู่เคียงข้างก่อนจะซบลงที่ท่อนแขนแกร่ง"ผิงมีความสุขมากเลยค่ะ""พี่มีความสุขเหมือนกัน ดีใจที่พ่อตายอมรับเป็นลูกเขย" ริมฝีปากหนาเผยรอยยิ้มออกมาและก้มมองคนตัวเล็กที่ซบอยู่ที่ท่อนแขนแกร่ง และไม่ลืมชำเลืองมองลูกน้อยที่หลับปุ๋ยอยู่ในคาร์ซีทสำหรับเด็ก"เชื่อว่าถ้าลูกพูดได้คล่องและรับรู้มากกว่านี้คงบอกว่ามีความสุขเหมือนพวกเราสองคน"เจโฮปยกแขนขึ้นเพื่อเปลี่ยนมาโอบกอดคนตัวเล็กไว้แทน ริมฝีปากหนาระบายยิ้มอย่างมีความสุขที่มีครอบครัวที่อบอุ่นแบบนี้"วันนี้มื้อเย็นไปดินเนอร์กันไหม ตอนนั้นพี่โยนบาสแพ้ติดเลี้ยงข้าวเด็กแถวนี้ไว้""จริงสิ...ลืมเลย" ขนมผิงผงกหัวขึ้นและจ้องมองเจโฮป "ขอถามให้เคลียร์หน่อยได้ไหมคะว่าตอนนั้นพี่ออมมือให้ผิงหรือเปล่า ผิงเห็นนะว่าตอนแรก ๆ พี่คะแนนนำโด่งเลย""คิดว่าไง""อยากเลี้ยงผิงอะดิ่ เลยยอม" คนตัวเล็กกระแทกไหล่แกร่งเบา ๆ เป็นเชิงหยอกล้อ เหมือนกับว่าเขาหลงเสน่ห์เธอตั้งแต่ตอนนั้นเลยยอมแพ้เองเจโฮปไหวไหล่ก่อนจะพยักหน้าเป็นคำตอบ "ตอนนั้นพี่ไม่รู้เหมื
ตอนที่ 80 : ยอมรับลูกเขยบนโต๊ะอาหารบ้านขนมผิงอาหารมากมายถูกจัดเตรียมไว้บนโต๊ะกินข้าว ต่อให้ลูกสาวจะมาแบบเซอร์ไพรส์ แต่ความเป็นแม่มักรังสรรค์เมนูที่ลูกชอบได้เสมอ และการกลับมาของลูกสาวในครั้งนี้ไม่ได้มาแบบตัวคนเดียว ทำให้เขมจิราได้ทำเมนูสำหรับเด็กวัยหนึ่งขวบที่พอกินได้ขึ้นโต๊ะด้วย ตลอดเวลาที่อยู่ในครัวไม่เงียบอีกต่อไปตั้งแต่มีเด็กหนุ่มตัวน้อยพยายามทำตามและพูดตาม ทำให้การทำอาหารเที่ยงวันนี้เต็มไปด้วยเสียงพูดคุยและความสุข ยกเว้นแต่อีกคนที่ยังไม่ลงจากห้องทำงาน"ไปตามคุณขจรมาทานข้าวเที่ยง" เขมจิราบอกกับแม่บ้านขนมผิงมองหน้าแม่ด้วยสายตาที่เป็นกังวล ตั้งแต่พ่อเข้ามาในบ้านก็ไม่ลงมาจากห้องทำงานอีกเลย ต่อให้เจ้าขุนจะเล่นเสียงดังแค่ไหนคนด้านบนก็เหมือนไม่สนใจเจโฮปเอื้อมไปจับมือเรียวเล็กของเมียไว้พร้อมกับบีบเบา ๆ เป็นการให้กำลังใจ ตั้งแต่มาที่นี่เขามักเห็นสายตาที่เป็นกังวลเกี่ยวกับพ่อของเธอ เขาจะให้กำลังใจเธออยู่เสมอ เพียงแค่เรามองตากันก็รู้ว่าอีกคนคิดอะไรอยู่ เจโฮปก็กังวลไม่แพ้กันแต่ไม่ได้ออกอาการให้เมียหนักใจมากกว่าเดิม แต่ถึงยังไงเขาก็ต้องทำให้พ่อตายอมรับให้ได้ ถึงจะไม่ชอบเขาแต่อยากให้รักเจ้า
ตอนที่ 79 : เข้าบ้านเมียครั้งแรกช่วงสายของวันใหม่รถตู้คันหรูขับมาจอดหน้าบ้านของขนมผิง แต่ยังไม่ได้เข้าไปในบ้านเพราะคนด้านในไม่รู้ว่าใครมา ทำให้ขนมผิงก้าวลงจากรถเพื่อกดกริ่งด้วยอาการประหม่า ใบหน้าหวานเต็มไปด้วยหลากหลายอารมณ์ ทั้งดีใจ ตื่นเต้น และ กังวล เธอดีใจที่ได้กลับบ้าน แต่เรื่องที่ตื่นเต้นและกังวลก็หนีไม่พ้นสองคนพ่อลูก ลูกยังพอเอาใจตากับยายได้ แต่ว่าที่ลูกเขยนี่เธอไม่มั่นใจ ถึงแม้เจโฮปจะไม่มีความกังวลหรือประหม่าเลยก็ตาม เขาดูชิวกว่าเธอด้วยซ้ำ แถมยังเล่นสนุกกับลูกอยู่ในรถอย่างอารมณ์ดีครืด...ประตูเปิดออกทำให้ขนมผิงเปลี่ยนจากใบหน้าที่กังวลเป็นยิ้มหน้าบานเมื่อเจอแม่บ้านมาเปิดประตู"คุณหนูผิง""ไม่ได้เจอกันนานเลยนะคะ""ดีใจมากเลยค่ะที่คุณหนูกลับมา ทุกคนเฝ้ารอคุณหนูผิงกลับมาที่บ้านอีกครั้ง" แม่บ้านพูดไปน้ำตาคลอไป"วันนี้ผิงกลับมาแล้วค่ะ แต่ช่วยเปิดประตูใหญ่หน่อยได้ไหมคะ" ขนมผิงส่งสายตาไปที่รถตู้สีดำคันหรูที่จอดอยู่เพื่อรอเข้าบ้าน"ได้ค่ะ"ใช้เวลาไม่นานรถตู้คันหรูของเจโฮปขับเคลื่อนเข้ามาในบ้านของขนมผิง และเป็นจังหวะเดียวกันกับที่คนในบ้านออกมาพอดี ดวงตากลมโตจ้องมองชายสูงวัยและหญิงสูงว