로그인“เอ้า ชน”
เย็นวันศุกร์สิ้นเดือน เหล่าพนักงานของบริษัทเทย์เลอร์ อิเล็คทริค มักจะมาฉลองเงินเดือนออกกันที่ร้านเนื้อย่างสไตล์เกาหลีซึ่งตั้งอยู่ไม่ไกลจากบริษัท สามารถเดินไปและกลับได้อย่างสบาย
เดือนนี้เป็นเดือนแรกที่กันติชาได้เงินเดือน เธอจึงออกมาสังสรรค์กับอลิษาและพี่ ๆ ที่ทำงาน
โดยอลิษาถือโอกาสนี้เลี้ยงต้อนรับกันติชาไปด้วยในคราวเดียวที่โต๊ะของกันติชา เหลือเพียงเธอ อลิษา และธีร์ โดยคนอื่น ๆ ย้ายกันไปรวมที่โต๊ะใหญ่ซึ่งกำลังครึกครื้นเล่นเกมดวลเหล้ากันอย่างเมามัน แม้กันติชาจะเป็นสายดื่มระดับคอทองแดง ทว่าเธอชอบดื่มแบบชิล ๆ มากกว่า เธอจึงขอบาย
“พี่ธีร์ไม่ต้องย่างให้กี้แล้วค่ะ กี้อิ่มแล้ว ขอดื่มอย่างเดียวดีกว่า พี่ธีร์ดูแลพี่อลิซเถอะค่ะ”
“อุ๊ย พี่ก็อิ่มแล้ว คุณธีร์กินเถอะค่ะ”
“คุณอลิซกินไปนิดเดียวเองนะครับ กินอีกนิดเถอะ ช่วงนี้ดูคุณอลิซผอมไปนะครับ”
“ก็ได้ค่ะ นิดเดียวนะคะ”
“โอเคครับ”
กันติชาลอบยิ้มให้กับบทสนทนาของทั้งคู่ เธอเพิ่งรู้ว่าธีร์ตามจีบอลิษามาร่วมปี แม้อลิษาจะเริ่มใจอ่อนลงบ้าง แต่ก็ด้วยความที่หล่อนเป็นแม่ม่ายลูกสอง และธีร์เองก็อายุน้อยกว่าหล่อนหลายปี ทำให้
อลิษาไม่กล้าบุ่มบ่ามพัฒนาความสัมพันธ์ไปมากกว่านี้ กันติชานับถือในความรักและความอดทนของธีร์ที่ไม่เคยลดน้อยลงเลยหญิงสาวดึงสายตากลับมามองบรรยากาศโดยรอบร้าน เธอดื่มไปหลายต่อหลายแก้วจนเริ่มมึน จนเธอรู้สึกว่าเห็นภาพหลอน
กันติชาเห็นคเชนทร์เดินเข้ามาในร้านและหยุดยืนมองเธอนิ่ง ก่อนนั่งลงข้างธีร์ ประจันหน้ากับเธอเต็ม ๆ
“อ้าวคุณเชนทร์ มาจริง ๆ เหรอคะเนี่ย งั้นวันนี้คุณเชนทร์เป็นเจ้ามือใช่ไหมคะ” เสียงเจื้อยแจ้วของอลิษาเรียกสติเธอเข้าอย่างจัง
ไม่ใช่ภาพหลอน...
“ครับ” คเชนทร์ตอบพร้อมยื่นแบล็กการ์ดส่งให้เลขานุการสาว ทว่าสายตาลุ่มลึกกลับจ้องคนตัวเล็กตรงหน้าไม่วางตา
กันติชาเริ่มรู้สึกร้อนผ่าว ไม่รู้ว่าด้วยสาเหตุอันใด เธอจึงเร่งสาดเครื่องดื่มลงคอเพื่อดับความร้อนรุ่มนั้น
“หืม น้องกี้เดี๋ยวเมานะคะ” อลิษาเอ่ยด้วยความเป็นห่วง กันติชาหันไปส่งยิ้มหวานตาปรือเยิ้ม ก่อนชงเครื่องดื่มแก้วต่อไป โดยมีคเชนทร์นั่งกอดอกมองเธอนิ่ง หญิงสาวจึงยิ่งเทเหล้าหนักมือขึ้น หวังกินให้เมาให้รู้แล้วรู้รอดไป
เวลาผ่านไปร่วมชั่วโมง อลิษาต้องขอตัวกลับเพราะเป็นห่วงลูกทั้งสองคนที่ฝากคุณยายช่วยดูแล เมื่อหันมาทางน้องผู้ช่วยคนสวย หวังจะชวนให้กลับพร้อมกัน เธอก็ฟุบหลับคาโต๊ะไปเรียบร้อย
“น้องกี้ กลับกันเถอะค่ะ เดี๋ยวให้คุณธีร์ไปส่ง”
“อือ...” เสียงหวานครางประท้วง พร้อมปัดมืออลิษาออก
อลิษาพยายามช่วยประคองกันติชาลุกขึ้น ธีร์รีบลุกขึ้นตามหมายจะเข้ามาช่วยพยุงอีกข้าง ทว่าประธานหนุ่มไวกว่า ตรงเข้าคว้าร่างบางลุกขึ้น ก่อนอุ้มเธอไว้แนบกาย พร้อมหันไปส่งสายตาปรามธีร์ ทำเอาธีร์งงเป็นไก่ตาแตก
“ผมไปส่งกี้เอง คุณ...” คเชนทร์ว่าพลางพยักพเยิดไปทางธีร์ “ไปส่งคุณอลิซ”
“เอ่อ คุณเชนทร์คะ จะรบกวนคุณเชนทร์เปล่า ๆ ...”
คเชนทร์ไม่รอฟังอลิษา ชายหนุ่มเดินอุ้ม
กันติชาออกไปโดยไม่แคร์สายตาพนักงานคนอื่น รวมถึงผู้คนในร้าน อลิษามองตามไปพร้อมเกิดความสงสัยในความสัมพันธ์ของทั้งคู่ เธอเริ่มเอะใจตั้งแต่เห็นท่าทีของทั้งสองคนในวันแรกที่พบกัน ทว่าเธอก็ไม่เคยเอ่ยถามกันติชา เพราะเป็นเรื่องส่วนตัวรถแอสตันมาร์ตินสีดำเงาวับแล่นเข้ามาจอดบนลานจอดรถหน้าคอนโดหรูของกันติชา คเชนทร์หันมองร่างบางที่ถูกปกคลุมด้วยเสื้อสูทสีดำตัวโคล่ง เธอกำลังหลับสบายจนเขาไม่กล้าปลุก
ชายหนุ่มนั่งฟุบหน้าลงบนพวงมาลัย ตะแคงมองดวงหน้างดงาม ก่อนยกมือขึ้นเกลี่ยปอยผมตามกรอบหน้าสวยอย่างแผ่วเบา“กี้ ถึงคอนโดแล้ว” ฝ่ามือหนาสะกิดไหล่บอบบาง
“อื้อ จะนอน” นอกจากจะไม่ยอมตื่น เธอยังกระชับเสื้อสูทหันหลังให้ชายหนุ่ม
คเชนทร์จึงเปิดประตูก้าวลงจากรถเดินอ้อมมาทางฝั่งตุ๊กตาหน้ารถขี้เมา ก่อนเปิดประตูอ้าออก โน้มตัวลงไปปลดเข็มขัดนิรภัย จับขาเรียวสองข้างขยับออกมานอกรถ ก่อนยกร่างบางขึ้นตั้งตรง เขย่าเบา ๆ หวังให้เธอได้สติ
“กี้ กี้ครับ ถึงคอนโดแล้ว”
ร่างสูงย่อตัวนั่งลง ทั้งเรียกทั้งเขย่าเรียกสติหญิงสาว ทว่าเธอแค่เพียงปรือตาขึ้นมามองหน้าชายหนุ่ม ก่อนทำหน้าบึ้ง
“เมื่อไหร่อาเชนทร์จะหายไปจากฝันกี้ซะที” เสียงหวานเจือสั่นเครือ พร้อมนัยน์ตาคู่งามสั่นไหวระริกมีของเหลวใสเอ่อคลอ ใบหน้าสวยเริ่มบิดเบี้ยวราวกับจะร้องไห้ ก่อนฟุบลงบนไหล่กว้างและหลับต่อ
คเชนทร์จึงล้มเลิกความคิดที่จะปลุกคนเมาให้ตื่น ชายหนุ่มอุ้มเธอออกจากรถพาขึ้นคอนโด กว่าจะเข้าห้องมาได้ก็เล่นเอาเหงื่อตก กว่าจะถามกันรู้เรื่องว่าอยู่ห้องไหน และกว่าจะหาคีย์การ์ดในกระเป๋าสะพายแบรนด์หรูใบใหญ่เจอ ก็ยิ่งกว่างมเข็มในมหาสมุทร
ในที่สุด คเชนทร์ก็สามารถพาเจ้าของห้องคนสวยมาสู่เตียงนอนหนานุ่มได้สำเร็จ ชายหนุ่มยืนมองดวงหน้าสวยที่ยังอัดแน่นไปด้วยเครื่องสำอาง เขาหมุนตัวมองไปรอบห้องนอน ก่อนจะสะดุดกับขวดสกินแคร์มากมายที่ตั้งเรียงรายอยู่บนโต๊ะเครื่องแป้ง
คเชนทร์เข้าไปหยิบขวดแก้วแต่ละใบขึ้นมาอ่าน กว่าจะเจอผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดเครื่องสำอางก็เล่นเอาเขาอ่านเกือบครบทุกขวด
ชายหนุ่มหยิบอุปกรณ์ต่าง ๆ มาวางบนโต๊ะข้างหัวเตียง ก่อนนั่งลงบนเตียงข้างร่างบางที่นอนสลบไสลไม่ได้สติ เขาจัดการปลดกระดุมข้อมือเสื้อเชิ้ตทั้งสองข้างและพับขึ้นไปจนถึงข้อศอก เพื่อจะเริ่มทำในสิ่งที่ไม่เคยทำมาก่อนในชีวิต
เขาเทของเหลวใสออกจากขวดแก้วแบรนด์หรูลงบนสำลี แต่ด้วยความที่กะไม่ถูกว่าจะต้องใช้ปริมาณเท่าไร สำลีแผ่นน้อยก็เลยเปียกชุ่ม
คเชนทร์ค่อย ๆ บรรจงเช็ดทำความสะอาดดวงหน้างามอย่างแผ่วเบาด้วยกลัวว่าเธอจะตื่นขึ้น เขาเปลี่ยนสำลีไปแผ่นแล้วแผ่นเล่า จนกระทั่งผิวขาวเนียนสะอาดหมดจด
ชายหนุ่มลุกขึ้นเดินหายไปในห้องน้ำ ก่อนกลับออกมาพร้อมผ้าขนหนูสีขาวชุบน้ำพอหมาด เขานั่งลงที่เดิม และใช้ผ้าขนหนูเช็ดทำความสะอาดให้เธออีกครั้งหนึ่ง เป็นอันเสร็จเรียบร้อย
คเชนทร์นั่งมองผลงานตัวเองด้วยความภาคภูมิใจ ใบหน้าอันไร้ซึ่งการแต่งแต้มก็ยังคงงดงามเสียจนเขาไม่อาจละสายตาได้เลย ในแต่ละวันที่ต้องเจอกัน ชายหนุ่มต้องพยายามเก็บซ่อนความรู้สึกเอาไว้ ทว่าเมื่อได้เห็นหลานสาวนอกไส้สนิทสนมกับชายอื่น ทำให้เขารู้ได้ในทันทีว่า สิ่งที่เขาพร่ำบอกตัวเองว่าอีกไม่นานคงตัดใจได้นั้น มันหลอกตัวเองชัด ๆ
เมื่อเผลอไผลมองอยู่นาน ก็ยิ่งต้องการที่จะสัมผัส ฝ่ามือหนาเอื้อมไปแตะแก้มนวล ลูบไล้ไปมาอย่างแผ่วเบา เคลื่อนมาที่กลีบปากบางชมพูระเรื่อที่เขาเฝ้าแต่ฝันถึง ทว่าไม่อาจสัมผัสได้อีกต่อไป
ราวกับมีแรงดึงดูดมหาศาล ผลักให้ใบหน้าหล่อเหลาเข้าไปใกล้ดวงหน้าหวาน ประทับจุมพิตลงบนเรียวปากอิ่ม เลาะเล็มความหอมหวานด้วยความโหยหา จูบอันแสนหวานและอ่อนโยนปลุกเธอฟื้นขึ้นจากนิทรา ร่างบางเผยอปากโต้ตอบด้วยสัญชาตญาณ พร้อมยกแขนสองข้างโอบรั้งรอบลำคอแกร่ง
ลิ้นสากลากไล้ไปตามไรฟันขาว ก่อนแทรกผ่านเข้าไปในโพรงปากนุ่ม ลิ้นทั้งสองเกี่ยวกระหวัดรัดกันพัลวัน ยิ่งห้วงเวลาผ่านไปเนิ่นนาน จูบนั้นยิ่งเร่าร้อนรุนแรงขึ้นจนคนตัวเล็กแทบหายใจไม่ทัน
“อื้อ...”
เสียงหวานที่ครางออกมา ราวกับเป็นเสียงระฆังเรียกสติของชายหนุ่ม เขาถอนจูบออกไปอย่างรวดเร็ว ก่อนดีดตัวลุกขึ้นยืนมองร่างบางที่กำลังสับสนงุนงง
“อาขอโทษ” กล่าวจบคเชนทร์ก็รีบเดินออกไปจากห้อง
กันติชาพยุงตัวเองให้ลุกขึ้นมา พร้อมปะติดปะต่อเรื่องราวที่เกิดขึ้น
“ไม่ใช่ฝัน”
เมื่อได้คำตอบให้กับตัวเอง หญิงสาวก็รีบลุกจากเตียงวิ่งตามชายหนุ่มออกไป โชคดีที่เขากำลังใส่รองเท้าอยู่หน้าประตู กันติชารีบพุ่งเข้าไปคว้าแขนกำยำเอาไว้ ดึงให้หันมาเผชิญหน้า
“อาเชนทร์ เราต้องคุยกัน” เธอกล่าวเสียงดังฟังชัด หายเมาเป็นปลิดทิ้ง
“อาขอโทษ อาคงเมา”
“อาเชนทร์ไม่ได้ดื่ม อย่ามาโกหกค่ะ ไม่เนียน”
“กี้ คืออา อาไม่มีอะไรจะแก้ตัว อาขอโทษ ต่อไปอาจะไม่ให้เรื่องแบบนี้อีก”
กันติชาเห็นท่าทางสำนึกผิดอย่างรุนแรงของเขา ก็นึกสงสาร แต่เธอก็สงสารตัวเองมากกว่า เธอรักและเคารพตัวเองมาก นั่นยิ่งต้องทำให้เธอซื่อสัตย์กับความรู้สึกตัวเอง
“อาเชนทร์คะ มองกี้” เธอกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนลง ทำให้ชายหนุ่มหันกลับมาโฟกัสที่เธออีกครั้ง “กี้อยากคุยกับอาเชนทร์อย่างตรงไปตรงมา นี่จะเป็นครั้งสุดท้ายนะคะ อาเชนทร์รู้ใช่ไหมคะว่ากี้รู้สึกยังไง”
คเชนทร์ถอนหายใจยาวออกมาก่อนพยักหน้ารับ
“กี้ชอบอาเชนทร์มาก กี้ไม่เคยชอบใครขนาดนี้มาก่อน กี้รู้นะคะว่าอาเชนทร์ก็ชอบกี้ ทำไมอาเชนทร์ไม่ให้โอกาสเราทั้งคู่เลยคะ ทำไมต้องใจร้ายกับกี้แบบนี้ด้วย” เสียงหวานเจือสั่นเครือกล่าวตัดพ้อ ยิ่งทำให้ก้อนเนื้อที่หน้าอกด้านซ้ายของชายหนุ่มสั่นไหวอย่างที่ไม่เคยเป็น เขามองหน้าเธอนิ่ง และไม่สามารถให้คำตอบเธอได้ในตอนนี้
“โอเค อาเข้าใจแล้ว อาขอเวลาคิดสักพักนะ กี้กลับเข้าไปนอนเถอะ เอาไว้ค่อยคุยกัน”
เขาแกะมือเล็กที่เกาะแขนไว้แน่นออก ก่อนหันหลังเปิดประตูออกจากห้องไป
ทันทีที่ประตูห้องปิดสนิทลง ร่างบางก็ทรุดลงนั่งบนพื้นอย่างหมดแรง สุดท้ายก็ไม่ได้อะไร และดูท่าทีของชายหนุ่มแล้ว เธอก็ไม่อยากคาดหวัง และคงจะต้องเผื่อใจไว้บ้าง
ท่านประธานหนุ่มกลับมาทำงานที่บริษัทได้เกือบอาทิตย์ โดยไร้เงาผู้ช่วยเลขานุการสาวสวย คเชนทร์ไม่ได้รับการติดต่อจากกันติชาเลย พอโทรไปถามกฤษณ์ดนัยก็ได้คำตอบแบบเดิมซ้ำ ๆ ว่ากันติชาใกล้กลับมาแล้ว จนแล้วจนรอดก็ผ่านไปเกือบสัปดาห์เต็ม หากไม่ได้งานช่วยเบี่ยงเบนความสนใจ ชายหนุ่มคงได้อกแตกตายเสียก่อนในแต่ละวัน คเชนทร์ลองกดโทรหากันติชาหลายต่อหลายครั้ง หวังว่าจะโทรติดและเธอรับสาย ทว่าปลายสายนั้นกลับปิดเครื่อง แม้แต่เฟซบุ๊กและอินสตาแกรมก็ไม่มีความเคลื่อนไหว ชายหนุ่มก็ยังอุตส่าห์กดเข้าไปดูวันละหลายรอบ ราวกับจะรอให้เกิดปาฏิหาริย์อะไรขึ้นสักอย่างวันนี้ก็เป็นอีกหนึ่งวันที่เขายังคงทำเช่นนั้น หลังจากกินข้าวเที่ยงเสร็จ ฝ่ามือหนาก็หยิบโทรศัพท์มือถือเครื่องหรูขึ้นมาด้วยความเคยชิน ทันใดนั้นชายหนุ่มก็ลุกพรวดขึ้นมานั่งตัวตรง เลื่อนดูรูปภาพในอินสตาแกรมของแฟนสาวที่เพิ่งจะอัปเดตเมื่อหนึ่งชั่วโมงที่แล้ว ในภาพนั้นเธออยู่ในชุดบิกินี่สีแดงเพลิงกำลังนอนอาบแดดอยู่ริมสระว่ายน้ำ องค์ประกอบภายในภาพมีสิ่งหนึ่งที่สะดุดตาคือท่าจอดเรือยอชต์ที่อยู่ไกลออกไป มีเรือยอชต์ที่ดูคุ้นตาจอดลอยลำอยู่เหนือผิวน้ำนอกจากนี้ยังมีแคปชั่น ‘พา
กันติชากลับมาอยู่บ้านได้สามวัน คเชนทร์ก็ตามมาเชียงใหม่ตั้งแต่วันแรก ทว่าต้องรออยู่หน้าบ้านทุกวัน เนื่องจากกฤษณ์ดนัยให้ลูกน้องที่เป็นชายฉกรรจ์ร่วมสิบคนเฝ้ารอบบ้าน ทั้งสองทำได้เพียงมองหน้ากันผ่านหน้าต่างห้องนอนของหญิงสาว ไม่สามารถพูดคุยกันได้ เพราะผู้เป็นพ่อยืดโทรศัพท์มือถือของลูกสาวเอาไว้ แต่เธอก็ยังมีอิสระอยู่ภายในบ้าน ไม่ได้ถูกกักขังอยู่แต่ในห้องนอน หญิงสาวจึงขอร้องป้าอิ่มให้ช่วยไปดูแลถามไถ่คนรักกันติชาลงมือเข้าครัวทำอาหารคาวหวาน ให้เด็กในบ้านนำไปส่งให้คเชนทร์ที่นั่งปักหลักทำงานอยู่ในศาลานั่งเล่นหน้าบ้านไม่ยอมไปไหน ตกกลางคืนก็อาศัยนอนหลับพักผ่อนภายในรถเอสยูวีที่เช่ามาจากสนามบินกฤษณ์ดนัยเห็นเหตุการณ์ทุกอย่างภายในบ้านตลอดจนศาลาหน้าบ้านผ่านกล้องวงจรปิด บางครั้งลูกสาวสุดที่รักก็ทำกับข้าวไปร้องไห้ไป เช็ดน้ำตาป้อย ๆ อยู่หน้าเตา ทำเอาหัวใจคนเป็นพ่อเจ็บปวดไม่น้อยเหตุการณ์ทุกอย่างก็ดำเนินไปเช่นเดิมไม่มีการเปลี่ยนแปลง จนเวลาล่วงเลยครบสัปดาห์เต็มในช่วงบ่ายที่กันติชาคิดว่าผู้เป็นพ่อยังทำงานอยู่ในไร่ส้ม หญิงสาวแอบย่องลงมาเพื่อจะออกไปหาคเชนทร์ และต้องผ่านห้องทำงานของกฤษณ์ดนัย เธอก็ได้ยินบทสนท
ทางด้านกฤษณ์ดนัยผู้รักลูกสาวดั่งแก้วตาดวงใจ ยิ่งกันติชาเกริ่นว่ามีคนที่คบหาดูใจอยู่อยากนัดให้มาเจอกันอย่างเป็นทางการก็รีบเคลียร์งานที่ไร่เปี่ยมรักให้เสร็จสิ้น และรีบเดินทางมากรุงเทพฯทันทีด้วยงานที่เสร็จเร็วก่อนกำหนด ทำให้กฤษณ์ดนัยเดินทางมาถึงคอนโดของลูกสาวก่อนเวลานัดหลายชั่วโมงกฤษณ์ดนัยขับรถซีดานคันงามที่เช่ามาจากสนามบินเข้ามาจอดบนลานจอดรถหน้าคอนโด ขณะที่กฤษณ์ดนัยกำลังลงจากรถ ก็มีรถแอสตันมาร์ตินสีดำเงาวับขับผ่านไป ความสวยหรูของซูเปอร์คาร์คันแพงระยับดึงดูดสายตาของเขาให้มองตามไปจนกระทั่งรถคันดังกล่าวจอดห่างออกไปไม่ไกลนักสารถีหนุ่มที่ก้าวลงจากรถเป็นคนที่กฤษณ์ดนัยคุ้นเคยเป็นอย่างดีจนเกือบจะอ้าปากเรียก ทว่าหญิงสาวที่ก้าวตามลงมาจากที่นั่งอีกฝั่งข้างคนขับทำให้กฤษณ์ดนัยชะงักไปยิ่งฝ่ายชายเดินเข้ามาโอบเอวบางเข้าแนบชิด ก้มลงหอมแก้มฝ่ายหญิง ก่อนเดินโอบกอดคลอเคลียกันไปยังทางขึ้นคอนโด ทำเอากฤษณ์ดนัยมองตาค้าง ในหัวสมองขาวโพลน พยายามตั้งสติปะติดปะต่อเรื่องราวทั้งหมด กว่าจะตั้งสติได้ว่าเพื่อนรุ่นน้องคนสนิท คือคนที่ลูกสาวสุดที่รักกำลังคบหาอยู่ ทั้งสองคนก็เดินหายลับสายตาไปแล้วเมื่อสติสัมปชัญญะก
ร่างอรชรในชุดเดรสสีน้ำเงินเข้มยาวกรอมเท้า เปิดเปลือยแผ่นหลังขาวเนียนจรดบั้นเอว ทว่าดูไม่โป๊เท่าไรนัก เพราะได้ทรงผมดัดลอนรวบครึ่งศีรษะแผ่สยายจนถึงกลางหลัง พอได้เห็นผิวสวยวับ ๆ แวม ๆเธอหมุนตัวสำรวจความเรียบร้อยของตนเองอยู่ที่หน้ากระจกเงาบานใหญ่ ดวงหน้าสวยถูกแต่งแต้มอย่างประณีตด้วยเครื่องสำอางราคาแพงยิ่งทำให้กันติชาสวยสง่ายิ่งขึ้นไปอีกหลายเท่าตัวร่างสูงเดินเข้ามาทางด้านหลัง ก่อนหยุดยืนเคียงข้าง คเชนทร์สวมชุดสูทแบรนด์หรูสีน้ำเงินเข้มเช่นเดียวกัน ชายหนุ่มมองภาพสะท้อนของคนรักในกระจกด้วยสายตาเต็มเปี่ยมไปด้วยความรักอย่างเปิดเผย“อาเชนทร์แน่ใจนะคะว่าจะควงกี้เปิดตัว”“ไม่เคยแน่ใจอะไรเท่านี้มาก่อนเลยครับ” ว่าจบเขาโน้มตัวลงจูบข้างขมับหญิงสาวหนึ่งทีตั้งแต่วันที่คเชนทร์ประกาศต่อหน้านุชนภางค์ว่ากันติชาคือคนรัก ชายหนุ่มก็ไม่คิดปกปิดความสัมพันธ์นี้อีกต่อไป เขาไปไหนมาไหนกับกันติชาอย่างเปิดเผย พนักงานหลายคนในบริษัทเริ่มสังเกตเห็น จนมีการจับกลุ่มซุบซิบกันบ้างเป็นธรรมดา หากแต่ไม่สร้างความเสื่อมเสียให้กับกันติชา เขาก็ไม่คิดเข้าไปก้าวก่ายทางด้านเศรษฐาลูกค้าคนสำคัญ เมื่อรู้ว่าลูกสาวสุดที่รักมาก่อเรื่
หลังสิ้นสุดกิจกรรมเอาท์ติ้งของบริษัทกันติชาและอลิษาก็กลับมาหัวหมุนยิ่งกว่าเดิม เนื่องจากมีโพรเจคใหญ่ในการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ในอีกหนึ่งเดือนข้างหน้า ทำให้สองสาวต้องจัดการงานกองโตของคเชนทร์กันมือเป็นระวิงแต่ทว่าแม้งานจะยุ่งเพียงใด คเชนทร์ก็ยังคงหมั่นเติมความหวานให้คนรักไม่เคยขาด บางวันก็ส่งดอกไม้มาให้กำลังใจทั้งที่เจอหน้ากันทุกวัน ทำให้บนโต๊ะของผู้ช่วยสาวมีดอกไม้ประดับส่งกลิ่นหอมไม่เคยขาด เมื่อดอกไม้เริ่มทำท่าจะเหี่ยวเฉาเมสเซนเจอร์ก็นำดอกไม้ช่อใหม่มาส่งหากวันใดเลิกงานเร็ว คเชนทร์ก็จะพาหญิงสาวไปดินเนอร์ใต้แสงเทียนบ้าง ดูหนังฟังเพลงบ้างสิ่งเล็กน้อยที่คเชนทร์ทำให้นั้น กลับสร้างความสุขให้เธอได้อย่างมากมาย แม้จะทำงานหนักแต่กลับหายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้งในตอนนี้ทั้งคู่ตกลงกันว่าจะไป ๆ มา ๆ ระหว่างคอนโดของกันติชาและบ้านของคเชนทร์โดยจะย้ายเข้าบ้านเป็นการถาวรก็ต่อเมื่อกันติชาบอกกฤษณ์ดนัยผู้เป็นบิดาแล้วเท่านั้น ซึ่งทั้งคู่ก็มีความเห็นตรงกันคเชนทร์เสนอว่าหลังจากโพรเจคสำคัญผ่านพ้นไป ชายหนุ่มจะเดินทางไปเชียงใหม่พร้อมเธอ เพื่อพูดคุยกับกฤษณ์ดนัยอย่างเป็นทางการยิ่งใกล้งานเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่เข้า
กว่าคเชนทร์จะพากันติชากลับขึ้นฝั่งก็ปาเข้าไปเช้ามืด หลังจากตื่นขึ้นมากลางดึก ชายหนุ่มพาเธอไปอาบน้ำ ก็ยังไม่วายจัดหนักเธอต่ออีกหลายยกกันติชาต้องแอบย่องเข้าห้องพัก เพราะเกรงว่าอลิษาจะตื่น ค่อย ๆ เปลี่ยนเสื้อผ้าท่ามกลางความมืดอย่างระมัดระวัง ก่อนล้มตัวลงนอนบนเตียงหนานุ่มอย่างหมดเรี่ยวหมดแรงกว่าจะตื่นขึ้นมาอีกทีก็ในช่วงสายของอีกวัน โดยวันนี้เธอได้ตกลงกับแฟนหนุ่มสุดเอาแต่ใจว่าต้องอยู่ห่างกันสักพัก จนกว่าจะเดินทางกลับกรุงเทพฯ มิเช่นนั้นทั้งคู่อาจถูกจับได้ถ้าหายไปด้วยกันอีกโชคดีที่อลิษาไม่ได้ติดใจสงสัยอะไร เพราะพี่เลขานุการคนสนิทกว่าจะกลับจากปาร์ตี้เมื่อคืนก็ดึกดื่นค่ำคืนไปแล้ว จึงไม่ได้สังเกตว่ากันติชากลับมาเกือบสว่างหลังจากอาบน้ำแต่งตัวเสร็จเรียบร้อยสองสาวจึงชวนกันออกไปกินข้าวเช้า ก่อนจะลงไปทำกิจกรรมกันที่ชายหาดอีกครั้ง“น้องกี้ ไปโดนตัวอะไรกัดมาหรือเปล่าคะ ที่คอเป็นรอยแดง ๆ”กันติชาเดินออกมาในชุดแม็กซี่เดรสยาวกรอมเท้า เปิดเปลือยแผ่นหลังขาวผ่อง ก็โดนอลิษาทักเข้า หญิงสาวจึงเดินไปส่องกระจกเอียงคอดูก็เห็นจ้ำแดงสองจุดบริเวณซอกคอระหงค่อนไปทางด้านหลังทำให้เธอไม่ทันได้สังเกต“น้องกี้ ข้างหลั