로그인ผ่านไปกว่าสัปดาห์ กันติชาแทบไม่ได้เจอหน้าคเชนทร์เลย เพราะท่านประธานหนุ่มมีภารกิจรัดตัวตั้งแต่เช้ายันเย็น ต้องออกไปพบลูกค้าบ้าง ไปดูโรงงานบ้าง และทุกครั้งชายหนุ่มจะให้อลิษาเป็นผู้ติดตาม ราวกับต้องการหลบหน้าเธอ
วันนี้ก็อีกเช่นกัน วันสุดท้ายของการทำงานในสัปดาห์นี้ กันติชาเร่งทำงานกองโตที่อลิษามอบหมายไว้ให้เพื่อให้ทันเวลาเลิกงาน เพราะวันนี้เธอมีนัดสำคัญกับแก๊งเพื่อนสาว โดยบุรินทร์เดินทางกลับมาจากฝรั่งเศสเพื่อร่วมงานแซยิดของบิดา ส่วนภัททิราก็เพิ่งเสร็จงานจากต่างจังหวัดกำลังเดินทางกลับเข้ากรุงเทพฯ
นิ้วเรียวสวยรัวแป้นพิมพ์เกิดเป็นเสียงดังยาวต่อเนื่อง ผ่านไปเกือบครึ่งวันเธอทำงานได้ตามเป้าหมายเป็นที่น่าพอใจ กันติชานั่งยิ้มชื่นชมตัวเอง ก่อนเอื้อมมือไปจับเมาส์เพื่อกดบันทึกงานที่ทำไว้
พรึ่บ~
“เฮ้ย เป็นอะไรอ่ะ ยังไม่ได้เซฟเลย”
หน้าจอดับสนิทกลายเป็นสีดำมืด หญิงสาวแทบอยากจะกรี๊ดออกมา ทว่าก็ทำได้เพียงกรีดร้องอยู่ในใจ เธอพยายามปลุกปล้ำกับแล็ปท็อปบนโต๊ะอยู่นานสองนาน กดปุ่มเปิดปิด ชักปลั๊กเสียบปลั๊ก ซึ่งสกิลเกี่ยวกับอุปกรณ์ไอทีของเธอก็มีเพียงแค่นั้น สุดท้ายเธอจึงตัดสินใจยกหูโทรศัพท์ภายในต่อสายหาผู้เชี่ยวชาญ
“พี่ธีร์คะ กี้มีเรื่องรบกวนอีกแล้ว คอมมันดับตอนกี้กำลังทำงานค่ะ ยังไม่ได้เซฟเลยด้วย พี่ธีร์ช่วยขึ้นมาดูให้หน่อยนะคะ”
หลังจากวางสาย กันติชาก็คว้าโทรศัพท์เครื่องหรูบนโต๊ะขึ้นมาส่งข้อความหาเพื่อน ๆ ระหว่างรอเจ้าหน้าที่ไอทีหนุ่มเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา
Gigie : อยู่ไหนกันพวกแก
Bookkie : บ้าน
Pattie : เพิ่งถึงคอนโด ขอนอนแป๊บ เย็นนี้เจอกัน
Pattie : สติกเกอร์หลับ
Bookkie : ชุ้นไปช้านิดนะ พ่อนัดรวมญาติกินข้าวเย็น
Gigie : มาช้าชั้นคาบผู้หล่อ ๆ ไปกินนะ
Bookkie : โอ๊ย แม่คุ๊ณณณ มูฟออนให้ได้ก่อนย่ะ ความสัมพันธ์ยักแย่ยักยันยังจะกล้ามาคุย
Gigie : ชั้นเกลียดแกอีบุ๊ค
Gigie : ไปทำงานละ บาย
เมื่อกันติชาละสายตาจากหน้าจอสี่เหลี่ยมในมือ เงยขึ้นมาก็เห็นธีร์กำลังเดินตรงมาที่โต๊ะของเธอ
“พี่ธีร์มาเร็วมาก เดี๋ยวกี้จะต้องเล่าความดีความชอบให้พี่อลิซฟังซะแล้ว”
“ไม่ต้องขนาดนั้นหรอกครับ มันเป็นหน้าที่พี่อยู่แล้ว”
“ค่ะ ค่ะ กี้เอาใจช่วยละกันนะคะ ขอให้สมหวังเร็ว ๆ นะคะ”
“ขอบคุณครับ ค่อยเป็นค่อยไปแบบนี้ก็ดีครับ พี่ไม่อยากเร่งรัดหรือกดดันคุณอลิซ ที่เป็นอยู่ทุกวันนี้แค่เรามีความสุขด้วยกันก็พอแล้วครับ พี่เชื่อว่าเมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม เราก็คงได้อยู่ด้วยกัน” ธีร์ว่าพลางก้มหน้าก้มตาซ่อมแล็ปท็อปไปด้วย กันติชาได้ฟังก็ยิ่งรู้สึกนับถือชายหนุ่มที่เข้าอกเข้าใจคนที่รัก และนึกถึงความรู้สึกของอลิษาเสมอ
“พี่ธีร์อยากดื่มกาแฟไหมคะเดี๋ยวกี้ชงให้”
“ไม่ดีกว่าครับ เดี๋ยวพี่จะลงไปพักแล้ว”
“โอเคค่ะ งั้นกี้นั่งเป็นกองเชียร์ละกันนะคะ ความหวังทั้งหมดอยู่ที่พี่ธีร์คนเดียว” กันติชาว่าจบก็ขยับที่ทางให้รุ่นพี่แผนกไอทีได้ทำงานถนัด ทว่าไม่ทันระวังหันไปปัดที่เสียบปากกาบนโต๊ะร่วงกราวลงมาเต็มพื้น
“ว๊าย ตายแล้ว”
หญิงสาวนั่งลงไปเก็บปากกาที่พื้น โดยมีธีร์ตามลงมาช่วยด้วยความหวังดี “ไม่เป็นไรค่ะพี่ธีร์ กี้เก็บเอง”
“ไม่เป็นไรพี่ช่วย” ธีร์ช่วยเก็บในส่วนที่หล่นลงมาใต้โต๊ะของเขา ซึ่งถ้าให้หญิงสาวลงมาเก็บเองก็คงจะดูไม่ดี
พอช่วยกันเสร็จเรียบร้อย ทั้งสองก็โผล่หน้าขึ้นมาบนโต๊ะ
“อ้าว สองคนลงไปทำอะไรตรงนั้นคะ” เสียงสดใสของอลิษาดังขึ้น ทำให้กันติชาหันไปมอง
“เก็บปาก…กา…ค่ะ” เสียงหวานตอบยืดยาน เพราะมีสิ่งที่ดึงดูดความสนใจเธอมากกว่า
อลิษาเดินมาพร้อมกับคเชนทร์ ซึ่งมันควรจะเป็นแบบนั้นอยู่แล้ว ทว่ากลับมีสาวสวยท่าทางไฮโซคนหนึ่งเดินนวยนาดเคียงคู่มากับคเชนทร์ด้วย
“เชิญนั่งรอในห้องผมก่อนนะครับ ขอเซ็นเอกสารสักครู่” คเชนทร์กล่าวพร้อมเปิดประตูอำนวยความสะดวกให้หล่อนได้เดินเฉิดฉายเข้าไปราวกับนางพญา และเขาก็เดินตามเข้าไปทันที โดยไม่สนใจกันติชาเลยแม้แต่น้อย
กันติชานั่งรอให้อลิษานำเครื่องดื่มเข้าไปเสิร์ฟให้แขกของคเชนทร์ เวลาผ่านไปหลายนาที เลขานุการคนสวยก็เดินออกมาจากห้องท่านประธาน เป็นจังหวะเดียวกันกับที่ธีร์ซ่อมแล็ปท็อปให้กันติชาเสร็จพอดี เธอจึงต้องรอให้อลิษาและเจ้าหน้าที่ไอทีหนุ่มร่ำลากันอีกครู่หนึ่ง
เมื่อได้อยู่กันตามลำพัง กันติชาจึงเลื่อนเก้าอี้เข้าไปประชิดอลิษาทันที
“พี่อลิซคะ ผู้หญิงคนนั้นเป็นใครเหรอคะ”
“คุณนุชนภางค์ค่ะ เป็นลูกสาวของเจ้าของโรงแรมที่เป็นลูกค้าเราค่ะ” คำตอบของอลิษาก็ไม่ได้ไขข้อข้องใจของกันติชาออกไปได้เลย ดวงหน้าสวยขมวดย่นปนเศร้า จนอลิษาจับสังเกตได้ เลขานุการคนเก่งจึงเอ่ยต่อ “พอดีตอนบ่ายคุณเชนทร์มีนัดคุยงานกับคุณพ่อของคุณนุชค่ะ เธอก็เลยขอร้องให้คุณเชนทร์แวะรับจะได้ไปพร้อมกัน”
“อ๋อ ค่ะ”
เมื่อได้คำตอบที่พอทำให้กระจ่างขึ้นมาบ้าง กันติชาจึงเลื่อนเก้าอี้กลับไปนั่งประจำตำแหน่งเหมือนเดิม ไล่ความคิดฟุ้งซ่านออกไป และเริ่มโฟกัสกับงานที่ยังคั่งค้างต่อ ทว่าก็อดไม่ได้ที่จะเหลือบมองบานประตูที่ยังคงปิดสนิทอยู่เป็นระยะ สลับกับถอนหายใจออกมาเบา ๆ
จนกระทั่งเวลาผ่านไปราวครึ่งชั่วโมง ประตูห้องทำงานก็เปิดออก ท่านประธานหนุ่มเดินเคียงคู่ออกมาพร้อมนุชนภางค์ กันติชาจึงแสร้งทำเป็นไม่สนใจ ก้มหน้าก้มตาเคาะแป้นพิมพ์แล็ปท็อป แต่ในใจนั้นกลับร้อนเป็นไฟ
“คุณอลิซ วันนี้ผมไม่เข้ามาแล้วนะครับ” เสียงนุ่มทุ้มสิ้นสุดลงพร้อมกับนิ้วเรียวสวยหยุดชะงักไปกะทันหัน
“ค่ะคุณเชนทร์”
“เชิญครับ คุณนุช”
คเชนทร์หันไปหาหญิงสาวข้างกาย หล่อนพยักหน้ารับ พลางหมุนตัวเดินออกไป และในทันใดนั้นร่างระหงกลับเซล้มเข้าหาชายหนุ่มอย่างจัง และเขาก็รับเธอไว้ได้อย่างพอดิบพอดี
“ว๊าย”
กันติชาเงยหน้าขึ้นไปมองตามเสียง ภาพที่เห็นทำเอาเธอตาค้าง นุชนภางค์ทำท่าทางเข่าอ่อน ไม่สามารถทรงตัวขึ้นยืนได้ จึงต้องกอดคเชนทร์เอาไว้อย่างไม่แคร์สายตาใคร
“เป็นอะไรไหมครับคุณนุช”
“ไม่เป็นไรค่ะ คุณเชนทร์ เหมือนพื้นจะไม่เสมอนะคะ นุชนี่ซุ่มซ่ามจังเลย แย่จัง”
ใช่ แย่ แย่มากด้วย กันติชาถลึงตามองด้วยความโมโห พื้นที่ไหนไม่เสมอ ถ้าจะมีก็คงจะเป็นหลุมทิพย์ที่หล่อนสร้างขึ้น ทำไมเธอจะมองมารยาหญิงแบบนี้ไม่ออก แต่สิ่งที่เธอโกรธมากที่สุดก็คือ คุณอาต่างสายเลือดที่กอดไม่ปล่อยเช่นกัน
กันติชามองตามทั้งคู่เดินออกไปจนลับตา พร้อมความรู้สึกหน่วงในหัวใจ หากแต่เธอจำต้องข่มกลั้นเอาไว้ เพื่อไม่ให้อลิษาสังเกตเห็น
“โอเค อาเข้าใจแล้ว อาขอเวลาคิดสักพักนะ กี้กลับเข้าไปนอนเถอะ เอาไว้ค่อยคุยกัน”
คำพูดสุดท้ายที่คเชนทร์บอกกับเธอย้อนกลับมาในความคิด เขาคงได้คำตอบแล้วสินะ
ท่านประธานหนุ่มกลับมาทำงานที่บริษัทได้เกือบอาทิตย์ โดยไร้เงาผู้ช่วยเลขานุการสาวสวย คเชนทร์ไม่ได้รับการติดต่อจากกันติชาเลย พอโทรไปถามกฤษณ์ดนัยก็ได้คำตอบแบบเดิมซ้ำ ๆ ว่ากันติชาใกล้กลับมาแล้ว จนแล้วจนรอดก็ผ่านไปเกือบสัปดาห์เต็ม หากไม่ได้งานช่วยเบี่ยงเบนความสนใจ ชายหนุ่มคงได้อกแตกตายเสียก่อนในแต่ละวัน คเชนทร์ลองกดโทรหากันติชาหลายต่อหลายครั้ง หวังว่าจะโทรติดและเธอรับสาย ทว่าปลายสายนั้นกลับปิดเครื่อง แม้แต่เฟซบุ๊กและอินสตาแกรมก็ไม่มีความเคลื่อนไหว ชายหนุ่มก็ยังอุตส่าห์กดเข้าไปดูวันละหลายรอบ ราวกับจะรอให้เกิดปาฏิหาริย์อะไรขึ้นสักอย่างวันนี้ก็เป็นอีกหนึ่งวันที่เขายังคงทำเช่นนั้น หลังจากกินข้าวเที่ยงเสร็จ ฝ่ามือหนาก็หยิบโทรศัพท์มือถือเครื่องหรูขึ้นมาด้วยความเคยชิน ทันใดนั้นชายหนุ่มก็ลุกพรวดขึ้นมานั่งตัวตรง เลื่อนดูรูปภาพในอินสตาแกรมของแฟนสาวที่เพิ่งจะอัปเดตเมื่อหนึ่งชั่วโมงที่แล้ว ในภาพนั้นเธออยู่ในชุดบิกินี่สีแดงเพลิงกำลังนอนอาบแดดอยู่ริมสระว่ายน้ำ องค์ประกอบภายในภาพมีสิ่งหนึ่งที่สะดุดตาคือท่าจอดเรือยอชต์ที่อยู่ไกลออกไป มีเรือยอชต์ที่ดูคุ้นตาจอดลอยลำอยู่เหนือผิวน้ำนอกจากนี้ยังมีแคปชั่น ‘พา
กันติชากลับมาอยู่บ้านได้สามวัน คเชนทร์ก็ตามมาเชียงใหม่ตั้งแต่วันแรก ทว่าต้องรออยู่หน้าบ้านทุกวัน เนื่องจากกฤษณ์ดนัยให้ลูกน้องที่เป็นชายฉกรรจ์ร่วมสิบคนเฝ้ารอบบ้าน ทั้งสองทำได้เพียงมองหน้ากันผ่านหน้าต่างห้องนอนของหญิงสาว ไม่สามารถพูดคุยกันได้ เพราะผู้เป็นพ่อยืดโทรศัพท์มือถือของลูกสาวเอาไว้ แต่เธอก็ยังมีอิสระอยู่ภายในบ้าน ไม่ได้ถูกกักขังอยู่แต่ในห้องนอน หญิงสาวจึงขอร้องป้าอิ่มให้ช่วยไปดูแลถามไถ่คนรักกันติชาลงมือเข้าครัวทำอาหารคาวหวาน ให้เด็กในบ้านนำไปส่งให้คเชนทร์ที่นั่งปักหลักทำงานอยู่ในศาลานั่งเล่นหน้าบ้านไม่ยอมไปไหน ตกกลางคืนก็อาศัยนอนหลับพักผ่อนภายในรถเอสยูวีที่เช่ามาจากสนามบินกฤษณ์ดนัยเห็นเหตุการณ์ทุกอย่างภายในบ้านตลอดจนศาลาหน้าบ้านผ่านกล้องวงจรปิด บางครั้งลูกสาวสุดที่รักก็ทำกับข้าวไปร้องไห้ไป เช็ดน้ำตาป้อย ๆ อยู่หน้าเตา ทำเอาหัวใจคนเป็นพ่อเจ็บปวดไม่น้อยเหตุการณ์ทุกอย่างก็ดำเนินไปเช่นเดิมไม่มีการเปลี่ยนแปลง จนเวลาล่วงเลยครบสัปดาห์เต็มในช่วงบ่ายที่กันติชาคิดว่าผู้เป็นพ่อยังทำงานอยู่ในไร่ส้ม หญิงสาวแอบย่องลงมาเพื่อจะออกไปหาคเชนทร์ และต้องผ่านห้องทำงานของกฤษณ์ดนัย เธอก็ได้ยินบทสนท
ทางด้านกฤษณ์ดนัยผู้รักลูกสาวดั่งแก้วตาดวงใจ ยิ่งกันติชาเกริ่นว่ามีคนที่คบหาดูใจอยู่อยากนัดให้มาเจอกันอย่างเป็นทางการก็รีบเคลียร์งานที่ไร่เปี่ยมรักให้เสร็จสิ้น และรีบเดินทางมากรุงเทพฯทันทีด้วยงานที่เสร็จเร็วก่อนกำหนด ทำให้กฤษณ์ดนัยเดินทางมาถึงคอนโดของลูกสาวก่อนเวลานัดหลายชั่วโมงกฤษณ์ดนัยขับรถซีดานคันงามที่เช่ามาจากสนามบินเข้ามาจอดบนลานจอดรถหน้าคอนโด ขณะที่กฤษณ์ดนัยกำลังลงจากรถ ก็มีรถแอสตันมาร์ตินสีดำเงาวับขับผ่านไป ความสวยหรูของซูเปอร์คาร์คันแพงระยับดึงดูดสายตาของเขาให้มองตามไปจนกระทั่งรถคันดังกล่าวจอดห่างออกไปไม่ไกลนักสารถีหนุ่มที่ก้าวลงจากรถเป็นคนที่กฤษณ์ดนัยคุ้นเคยเป็นอย่างดีจนเกือบจะอ้าปากเรียก ทว่าหญิงสาวที่ก้าวตามลงมาจากที่นั่งอีกฝั่งข้างคนขับทำให้กฤษณ์ดนัยชะงักไปยิ่งฝ่ายชายเดินเข้ามาโอบเอวบางเข้าแนบชิด ก้มลงหอมแก้มฝ่ายหญิง ก่อนเดินโอบกอดคลอเคลียกันไปยังทางขึ้นคอนโด ทำเอากฤษณ์ดนัยมองตาค้าง ในหัวสมองขาวโพลน พยายามตั้งสติปะติดปะต่อเรื่องราวทั้งหมด กว่าจะตั้งสติได้ว่าเพื่อนรุ่นน้องคนสนิท คือคนที่ลูกสาวสุดที่รักกำลังคบหาอยู่ ทั้งสองคนก็เดินหายลับสายตาไปแล้วเมื่อสติสัมปชัญญะก
ร่างอรชรในชุดเดรสสีน้ำเงินเข้มยาวกรอมเท้า เปิดเปลือยแผ่นหลังขาวเนียนจรดบั้นเอว ทว่าดูไม่โป๊เท่าไรนัก เพราะได้ทรงผมดัดลอนรวบครึ่งศีรษะแผ่สยายจนถึงกลางหลัง พอได้เห็นผิวสวยวับ ๆ แวม ๆเธอหมุนตัวสำรวจความเรียบร้อยของตนเองอยู่ที่หน้ากระจกเงาบานใหญ่ ดวงหน้าสวยถูกแต่งแต้มอย่างประณีตด้วยเครื่องสำอางราคาแพงยิ่งทำให้กันติชาสวยสง่ายิ่งขึ้นไปอีกหลายเท่าตัวร่างสูงเดินเข้ามาทางด้านหลัง ก่อนหยุดยืนเคียงข้าง คเชนทร์สวมชุดสูทแบรนด์หรูสีน้ำเงินเข้มเช่นเดียวกัน ชายหนุ่มมองภาพสะท้อนของคนรักในกระจกด้วยสายตาเต็มเปี่ยมไปด้วยความรักอย่างเปิดเผย“อาเชนทร์แน่ใจนะคะว่าจะควงกี้เปิดตัว”“ไม่เคยแน่ใจอะไรเท่านี้มาก่อนเลยครับ” ว่าจบเขาโน้มตัวลงจูบข้างขมับหญิงสาวหนึ่งทีตั้งแต่วันที่คเชนทร์ประกาศต่อหน้านุชนภางค์ว่ากันติชาคือคนรัก ชายหนุ่มก็ไม่คิดปกปิดความสัมพันธ์นี้อีกต่อไป เขาไปไหนมาไหนกับกันติชาอย่างเปิดเผย พนักงานหลายคนในบริษัทเริ่มสังเกตเห็น จนมีการจับกลุ่มซุบซิบกันบ้างเป็นธรรมดา หากแต่ไม่สร้างความเสื่อมเสียให้กับกันติชา เขาก็ไม่คิดเข้าไปก้าวก่ายทางด้านเศรษฐาลูกค้าคนสำคัญ เมื่อรู้ว่าลูกสาวสุดที่รักมาก่อเรื่
หลังสิ้นสุดกิจกรรมเอาท์ติ้งของบริษัทกันติชาและอลิษาก็กลับมาหัวหมุนยิ่งกว่าเดิม เนื่องจากมีโพรเจคใหญ่ในการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ในอีกหนึ่งเดือนข้างหน้า ทำให้สองสาวต้องจัดการงานกองโตของคเชนทร์กันมือเป็นระวิงแต่ทว่าแม้งานจะยุ่งเพียงใด คเชนทร์ก็ยังคงหมั่นเติมความหวานให้คนรักไม่เคยขาด บางวันก็ส่งดอกไม้มาให้กำลังใจทั้งที่เจอหน้ากันทุกวัน ทำให้บนโต๊ะของผู้ช่วยสาวมีดอกไม้ประดับส่งกลิ่นหอมไม่เคยขาด เมื่อดอกไม้เริ่มทำท่าจะเหี่ยวเฉาเมสเซนเจอร์ก็นำดอกไม้ช่อใหม่มาส่งหากวันใดเลิกงานเร็ว คเชนทร์ก็จะพาหญิงสาวไปดินเนอร์ใต้แสงเทียนบ้าง ดูหนังฟังเพลงบ้างสิ่งเล็กน้อยที่คเชนทร์ทำให้นั้น กลับสร้างความสุขให้เธอได้อย่างมากมาย แม้จะทำงานหนักแต่กลับหายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้งในตอนนี้ทั้งคู่ตกลงกันว่าจะไป ๆ มา ๆ ระหว่างคอนโดของกันติชาและบ้านของคเชนทร์โดยจะย้ายเข้าบ้านเป็นการถาวรก็ต่อเมื่อกันติชาบอกกฤษณ์ดนัยผู้เป็นบิดาแล้วเท่านั้น ซึ่งทั้งคู่ก็มีความเห็นตรงกันคเชนทร์เสนอว่าหลังจากโพรเจคสำคัญผ่านพ้นไป ชายหนุ่มจะเดินทางไปเชียงใหม่พร้อมเธอ เพื่อพูดคุยกับกฤษณ์ดนัยอย่างเป็นทางการยิ่งใกล้งานเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่เข้า
กว่าคเชนทร์จะพากันติชากลับขึ้นฝั่งก็ปาเข้าไปเช้ามืด หลังจากตื่นขึ้นมากลางดึก ชายหนุ่มพาเธอไปอาบน้ำ ก็ยังไม่วายจัดหนักเธอต่ออีกหลายยกกันติชาต้องแอบย่องเข้าห้องพัก เพราะเกรงว่าอลิษาจะตื่น ค่อย ๆ เปลี่ยนเสื้อผ้าท่ามกลางความมืดอย่างระมัดระวัง ก่อนล้มตัวลงนอนบนเตียงหนานุ่มอย่างหมดเรี่ยวหมดแรงกว่าจะตื่นขึ้นมาอีกทีก็ในช่วงสายของอีกวัน โดยวันนี้เธอได้ตกลงกับแฟนหนุ่มสุดเอาแต่ใจว่าต้องอยู่ห่างกันสักพัก จนกว่าจะเดินทางกลับกรุงเทพฯ มิเช่นนั้นทั้งคู่อาจถูกจับได้ถ้าหายไปด้วยกันอีกโชคดีที่อลิษาไม่ได้ติดใจสงสัยอะไร เพราะพี่เลขานุการคนสนิทกว่าจะกลับจากปาร์ตี้เมื่อคืนก็ดึกดื่นค่ำคืนไปแล้ว จึงไม่ได้สังเกตว่ากันติชากลับมาเกือบสว่างหลังจากอาบน้ำแต่งตัวเสร็จเรียบร้อยสองสาวจึงชวนกันออกไปกินข้าวเช้า ก่อนจะลงไปทำกิจกรรมกันที่ชายหาดอีกครั้ง“น้องกี้ ไปโดนตัวอะไรกัดมาหรือเปล่าคะ ที่คอเป็นรอยแดง ๆ”กันติชาเดินออกมาในชุดแม็กซี่เดรสยาวกรอมเท้า เปิดเปลือยแผ่นหลังขาวผ่อง ก็โดนอลิษาทักเข้า หญิงสาวจึงเดินไปส่องกระจกเอียงคอดูก็เห็นจ้ำแดงสองจุดบริเวณซอกคอระหงค่อนไปทางด้านหลังทำให้เธอไม่ทันได้สังเกต“น้องกี้ ข้างหลั