LOGINพระตำหนักจินหลง
ร่างสันทัดของเหวินอี้หัวหน้ากงกง เร่งฝีเท้ารีบรุดเข้าไปภายในพระตำหนักอย่างรวดเร็วเพื่อกราบทูลในสิ่งที่ไม่คาดคิดว่าจะได้ล่วงรู้และเห็นอยู่ในขณะนี้ “กราบทูลฝ่าบาท! กระหม่อมมีเรื่องด่วนจี๋จะกราบทูลให้ทรงทราบพ่ะย่ะค่ะ” เสียงของเหวินอี้หัวหน้ากงกง ทำให้เสวียงจงฮ่องเต้ทรงรู้สึกพระองค์ขึ้นมาทันที พระหัตถ์เริ่มม้วนแผ่นไม้ไผ่โบราณตรงหน้าพระพักตร์เข้าหากันพร้อมมีรับสั่งขึ้น “เจ้ารีบร้อนมีอะไรจะมารายงานข้าอย่างนั้นเหรอเหวินอี้” รับสั่งถามโดยไม่หันพระพักตร์กลับไปทอดพระเนตรแม้แต่น้อย “กราบทูลฝ่าบาท อัครเสนาบดีเว่ยเฟยหลงยังไม่ตายพ่ะย่ะค่ะ ตอนนี้กำลังรอที่จะขอเข้าเฝ้าฝ่าบาทอยู่ด้านนอกพระตำหนักแล้ว” สิ้นเสียงของหัวหน้ากงกง พระพักตร์หันกลับมาทอดพระเนตรเหวินอี้กงกงทันทีเมื่อทรงได้ยินเช่นนั้น “เจ้าว่าอะไรนะ! เว่ยเฟยหลงยังไม่ตายอย่างนั้นเหรอ! เป็นไปได้ยังไง!” รับสั่งเต็มไปด้วยความสงสัยและงุนงงอยู่มิใช่น้อยเมื่อได้ยินข่าวขุนนางใหญ่ผู้นี้ “จู่ๆ คนที่ตายไปแล้วถึงเจ็ดวันกลับฟื้นขึ้อัครเสนาบดีเฒ่าแสยะยิ้มเหยียดตรงมุมปากเพียงเล็กน้อยเมื่อได้ยินรับสั่งที่แฝงความขมขู่ขององค์จักรพรรดิพร้อมเอ่ยกราบทูลประโยคเด็ดออก ไปทันที “กระหม่อมขอเอาชีวิตเป็นเดิมพัน ยินดีถวายหัวของตัวเองเป็นการยืนยันคำพูดในครั้งนี้ หากแม้นไม่ใช่อย่างที่กระหม่อมกราบทูล ฝ่าบาทมีรับสั่งประหารกระหม่อมได้เลยพ่ะย่ะค่ะ ในโทษฐานบังอาจหลอก ลวงเบื้องสูง” จักรพรรดิหนุ่มประทับนิ่งงันเมื่อเว่ยเฟยหลงยอมเอาหัวตัวเองเป็นประกัน ไม่คาดคิดว่าอัครเสนาบดีเฒ่าจะกล่าวเช่นนี้ออกมาได้ “ถ้าเช่นนั้นก็ดี! หากเจ้าถึงขนาดยอมแลกด้วยหัวของตัวเอง ข้าก็จะรับฟังในสิ่งที่เจ้าจะบอกแก่ข้า จงว่ามา! ในสิ่งที่ต้องการจะบอก!” รับสั่งสุรเสียงห้วน “ขอบพระทัยฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะที่ทรงยินดีรับฟังกระหม่อม เช่นนั้นกระหม่อมก็จะขอกราบทูลว่า ทรงทราบหรือไม่ว่าเมื่อครั้งเหตุการณ์ลอบปลงพระชนม์ฝ่าบาทที่ผ่านมา ทรงฟื้นพระสติกลับคืนมาได้อย่างไร อีกทั้งทรงสงสัยหรือไม่ว่าเพราะเหตุใดฝ่าบาทจึงฟื้นพละกำลังได้เร็วและพิษที่อยู่ในพระวรกายถูกกำจัดออกไปจนหมดอย่างสิ้นเชิง ทั้งๆ ที่บรรดาหมอหลวงพยายามให้ยาติดต่อกันมาหลายวัน”
พระตำหนักจินหลง ร่างสันทัดของเหวินอี้หัวหน้ากงกง เร่งฝีเท้ารีบรุดเข้าไปภายในพระตำหนักอย่างรวดเร็วเพื่อกราบทูลในสิ่งที่ไม่คาดคิดว่าจะได้ล่วงรู้และเห็นอยู่ในขณะนี้ “กราบทูลฝ่าบาท! กระหม่อมมีเรื่องด่วนจี๋จะกราบทูลให้ทรงทราบพ่ะย่ะค่ะ” เสียงของเหวินอี้หัวหน้ากงกง ทำให้เสวียงจงฮ่องเต้ทรงรู้สึกพระองค์ขึ้นมาทันที พระหัตถ์เริ่มม้วนแผ่นไม้ไผ่โบราณตรงหน้าพระพักตร์เข้าหากันพร้อมมีรับสั่งขึ้น “เจ้ารีบร้อนมีอะไรจะมารายงานข้าอย่างนั้นเหรอเหวินอี้” รับสั่งถามโดยไม่หันพระพักตร์กลับไปทอดพระเนตรแม้แต่น้อย “กราบทูลฝ่าบาท อัครเสนาบดีเว่ยเฟยหลงยังไม่ตายพ่ะย่ะค่ะ ตอนนี้กำลังรอที่จะขอเข้าเฝ้าฝ่าบาทอยู่ด้านนอกพระตำหนักแล้ว” สิ้นเสียงของหัวหน้ากงกง พระพักตร์หันกลับมาทอดพระเนตรเหวินอี้กงกงทันทีเมื่อทรงได้ยินเช่นนั้น “เจ้าว่าอะไรนะ! เว่ยเฟยหลงยังไม่ตายอย่างนั้นเหรอ! เป็นไปได้ยังไง!” รับสั่งเต็มไปด้วยความสงสัยและงุนงงอยู่มิใช่น้อยเมื่อได้ยินข่าวขุนนางใหญ่ผู้นี้ “จู่ๆ คนที่ตายไปแล้วถึงเจ็ดวันกลับฟื้นขึ้
“ที่แท้ท่านพ่อก็วางแผนการเอาไว้ล่วงหน้าจนหมดแล้ว และคาดเดาไว้ล่วงหน้าว่าข้าจะต้องลงมือทำตามแผนที่ท่านวางเอาไว้ทุกประการ... นี่ท่านล่วงรู้ได้ยังไงว่าข้าจะทำเช่นนั้น” รับสั่งถามด้วยความอยากรู้ “ก็ไม่เห็นจะยาก เพราะเจ้าให้ทหารในตำหนักฝ่ายในแอบลอบวางยาพิษจางกงกงในคุกหลวง แสดงว่าเลือกจะใช้ยาพิษกับผู้อื่นที่ไม่ใช่ฝ่าบาทและคนต่อไปที่เจ้าจะลงมือก็คือข้า เพราะถ้าสิ้นเว่ยเฟยหลงแล้วก็ไม่มีใครบงการชีวิตและออกคำสั่งกับเจ้าอีก... ใช่หรือไม่” เสนาบดีเฒ่าพูดแทงใจดำเว่ยฮองเฮาเสียยิ่งนัก ทุกสิ่งที่กล่าวมาล้วนเป็นเรื่องจริงทั้งสิ้นจนฮองเฮาสาวไม่กล้าต่อปากต่อคำบิดาแม้แต่น้อย “ละ... แล้วทะ... ท่านพ่อฟื้นขึ้นมาได้ยังไง ในเมื่อข้าเห็นท่านดื่มยาพิษด้วยตาของข้าเอง” เว่ยฮองเฮารับสั่งถามสุรเสียงเบา “ชาหลงอู่ที่เจ้าอุตส่าห์เทให้ข้ากับมืออย่างนั้นเหรอ... หึ!” เสนาบดีเฒ่าสบถอยู่ในลำคอก่อนจะเอ่ยขึ้น “ข้าเป็นเจ้าของยาพิษนั้นย่อมมียาแก้พิษเสมอ พิษนั่นเมื่อดื่มเข้าไปจะมีอาการอย่างหนึ่งที่จับสังเกตได้นั้นก็คือจะเกิดอาการง่วงนอนขึ้นมาทันทีและ
พระตำหนักจินเฟิ่ง “ปัง!” พระหัตถ์เรียวสวยตบลงบนโต๊ะเสวยเสียงดังสนั่น ครั้นเมื่อทรงได้ยินข่าวซึ่งนางกำนัลยวี่เยี่ยนนำความมากราบทูล “เจ้าว่าอะไรนะ! ฝ่าบาททรงแต่งตั้งหญิงผู้นั้นขึ้นเป็นกุ้ยเฟยอย่างเป็นทางการแล้วอย่างนั้นเหรอ!” พระเนตรลุกโชนเต็มไปด้วยความน่าสะพรึง กลัว “ใช่แล้วเพคะฮองเฮา... ฝ่าบาททรงมีประกาศแต่งตั้งอย่างเป็นทางการเมื่อช่วงบ่าย หลังจากเสร็จจากการออกว่าราชการ นางกำนัลที่อยู่ด้านนอกพระตำหนักส่งข่าวมาบอกว่า เห็นฝ่าบาทเสด็จเข้าไปในพระตำหนักอยู่สักพักและก็เสด็จออกมา หลังจากนั้นก็ทรงกลับพระตำหนักจินหลงและก็มีประกาศแต่งตั้งออกมาเลยเพคะ เห็นบอกว่าก่อนหน้านั้น เคยทรงมีรับสั่งให้จัดแท่นพระบรรทมชั่วคราวให้พระองค์ได้เฝ้าไข้หญิงผู้นั้นด้วย แต่ก็ทรงไม่ได้ประทับบรรทมเพราะเสด็จมาประทับกับพระนางถึงเจ็ดวันเจ็ดคืนแทน” นางกำนัลยวี่เยี่ยนถวายรายงานละเอียดยิบ “ฮึ่มมม!!!... มันน่าแค้นใจเสียเหลือเกิน พอหมดฤทธิ์ยาฝ่าบาทก็ตรงดิ่งไปที่ตำหนักไป๋เฟิ่งทันที แล้วก็แต่งตั้งหญิงปริศนาผู้นั้นขึ้นเป็นกุ้ยเฟย ให้มันมาคานอำนาจกับข้า! ม
ถ้อยรับสั่งของฮ่องเต้หนุ่มทำให้จางลี่เซียนหยุดชะงัก ไม่คาดคิดว่าพระองค์จะทรงมีความรู้สึกให้กับนางมากมายถึงเพียงนี้ ทว่าบุรุษเดียวที่อยู่ในหัวใจมิใช่พระองค์แต่กลับเป็นแม่ทัพหนุ่มนัยน์ตาโศกอันแสนเศร้าที่อยู่ในหัวใจของนางตลอดเวลาเท่านั้น “หม่อมฉันมิใช่ผู้หญิงของฝ่าบาทและไม่คู่ควรที่จะอยู่ที่นี่แม้แต่น้อย หากอยู่ที่นี่ต่อไปจะต้องเกิดเรื่องราวมากมายมิรู้จบ ทรงปล่อยหม่อมฉันไปเถิดเพคะ หม่อมฉันขอร้อง” ลี่เซียนกราบทูลอ้อนวอน “ไม่! ไม่มีวัน! เจ้าจะต้องอยู่ข้างกายข้า! อยู่กับข้าตลอดไป! เจ้าคือฮองเฮาตัวจริงของข้ามาโดยตลอดและไม่เคยเปลี่ยนไปจากความคิดของข้าแม้แต่น้อย เจ้าจะต้องอยู่ที่นี่กับข้าเท่านั้น!” รับสั่งสุรเสียงเฉียบขาด “แต่หม่อมฉันไม่อยากอยู่ที่นี่! ทรงได้ยินไหมว่าหม่อมฉันไม่อยากอยู่ที่นี่! ทรงทอดพระเนตรหม่อมฉันสิเพคะ ว่าตอนนี้เป็นยังไงบ้าง ที่นี่ช่างโหดร้ายยิ่งนัก แฝงเร้นไปด้วยสายตาที่ปองร้าย เต็มไปด้วยความเกลียดชัง ตระกูลจางเกือบสิ้นชื่อทั้งสกุลและหม่อมฉันก็เกือบถูกประหาร แต่ถึงกระนั้นก็โดนทรมานจนเกือบตาย ทรงทอดพระเนตรและล่วงรู้ว่าเป็นยังไง อย่าให้หม่
เจ็ดวันผ่านไปพระตำหนักจินเฟิ่ง (ตำหนักฮองเฮา) พระวรกายเปลือยเปล่าเต็มไปด้วยความอวบอิ่มของฮองเฮาสาว ขณะที่กำลังสรงน้ำอยู่ภายในสระของพระตำหนักอย่างเพลิดเพลิน พระนางได้รับบทรักอันร้อนแรงจนสำลักความสุขอย่างล้นเหลือครั้งแล้วครั้งเล่าจนนับไม่ถ้วนจากพระสวามีตลอดระยะเวลาเจ็ดวันที่ทรงประทับอยู่ในพระตำหนักกับพระนาง ทรงพระเกษมสำราญและมีพระอารมณ์ดีอยู่ตลอดเวลาในขณะที่เสวียนจงฮ่องเต้ประทับอยู่ด้วย รุ่งเช้าพระสวามีออกว่าราชการ แต่ครั้นเสร็จจากการว่าราชการแล้ว พระองค์เสด็จกลับพระตำหนักจินเฟิ่งเพื่อประทับอยู่กับฮองเฮาโดยไม่เสด็จไปประทับที่ตำหนักของพระสนมคนไหนเลย ทำให้ข้าราชบริพารฝ่ายในตลอดจนพระสนมในระดับต่างๆ พากันแปลกใจกันถ้วนหน้าว่าจู่ๆ เว่ยฮองเฮากลับมาเป็นที่โปรดปรานขององค์ฮ่องเต้ได้อย่างไรในเมื่อแม้แต่พระพักตร์ของพระนางองค์ฮ่องเต้ก็ไม่เคยแม้แต่จะอยากทอดพระเนตร เสียงหัวเราะเบาๆ อย่างมีความสุขดังแว่วออกมาจากพระตำหนักของฮองเฮาสาวอยู่ตลอดเวลา เมื่อนางกำนัลประจำพระองค์เอ่ยกราบทูลบางสิ่งบางอย่างจนทำให้เป็นที่พอพระทัย







