Home / ระบบ / ฉันเกิดใหม่เป็นหลานสาวชาวนายุค60 / ตอนที่8 หลานสาวของฉันชื่อกู้ฟางซิน

Share

ตอนที่8 หลานสาวของฉันชื่อกู้ฟางซิน

นางโม่ไม่ขี้เหนียวพอ ๆ กับวันที่ฟางซินครบเดือนอีกทั้งวันนี้ยังมีลูกอมถั่วแจกให้กับคนที่มาร่วมอวยพรหลานสาวอีกต่างหาก

            “แม่ครับ จะให้เป่าเป้ยมีชื่อว่าอะไรดี” ซานไห่ถามมารดาโดยมีเจ้าของหัวข้อสนทนามองใบหน้าของย่าอย่างใคร่รู้เช่นเดียวกัน

            “ฟางซิน กู้ฟางซิน หลานของฉันเปรียบเหมือนนางฟ้าตัวน้อย อีกทั้งแกไม่ได้กลิ่นหอมจากลูกของแกหรือ แม่ก็เลยตั้งชื่อนี้เพราะหรือไม่ เป่าเป้ยหลานล่ะชอบหรือเปล่า” นางโม่ตอบลูกชายคนเล็กพลางก้มหน้าลงไปถามความเห็นของคนในอ้อมแขน

            ฟางซินตกตะลึงไปชั่วครู่ก่อนที่เธอจะหัวเราะออกมาอย่างมีความสุข “ฮ่า ๆ ถูกใจใช่ไหมล่ะ ขอแค่หลานของย่าชอบก็พอ” นางโม่เองก็มีความสุขเช่นกันที่หลานสาวของตนมีความสุข

            “แม่ว่ายังไงผมก็ว่าอย่างนั้นแหละครับและดูเหมือนว่าเป่าเป้ยจะชอบชื่อนี้เสียด้วยเพียงแต่ผมไม่คิดว่าแม่จะตั้งชื่อออกมาได้ดีขนาดนี้” ซานไห่พูดขึ้นด้วยความประหลาดใจเนื่องจากมารดานั้นรู้ตัวอักษรน้อยมาก

            “เอาไว้ให้แขกกลับไปกันให้หมดก่อน แม่จะเล่าให้ฟังว่าชื่อของเป่าเป้ยมาจากไหน”

            หลังมื้ออาหารเย็น ซึ่งในตอนนี้มีเพียงครอบครัวของ       ซานไห่เพียงเท่านั้น นางโม่จึงได้เล่าเรื่องชื่อของหลานสาวตัวน้อยผู้กำลังหัวเราะเอิ๊กอ๊ากอยู่กับพี่ชายทั้งสอง

            “ก่อนฟ้าจะสว่างแม่ได้ฝันถึงหญิงสาวคนหนึ่ง เธอคนนั้นมีรูปร่างสวยงามอีกทั้งรอบกายยังเปล่งประกายสีทอง แม่จำได้ว่าตัวเองรู้สึกอบอุ่นยามเมื่อเห็นแสงสีทองนั้น

เธอบอกกับแม่ว่าให้ตั้งชื่อเป่าเป้ยว่าฟางซิน และให้เลี้ยงดูสั่งสอนเด็กคนนี้ให้ดี แม่ยังไม่ทันได้ถามอะไรเพิ่มก็สะดุ้งตื่น” นางโม่เล่าความฝันของตนออกมาอย่างละเอียด

            “แม่ หรือว่าเธอคนนั้นจะเป็นเทพธิดา” คำถามของลี่จิน ได้เรียกความสนใจจากทุกคนไม่เว้นแม้กระทั่งลูก ๆ

            “ภรรยาเรื่องนี้เราจะต้องเก็บเอาไว้เพียงในบ้านนะครับ ห้ามพูดให้ใครฟังเด็ดขาด ไม่อย่างนั้นอาจมีคนหัวเราะเยาะและมองเราเป็นตัวประหลาดเพราะตอนนี้ได้เข้าสู่สังคมใหม่แล้ว” ซานไห่กล่าวเตือนภรรยาอย่างเอ็นดูท่าทางคล้ายเด็กขี้ตกใจของหล่อน

            “ฉันเข้าใจแล้วค่ะ” ลี่จินก้มหน้าตอบรับเสียงเบา

            “หลานทั้งสองคนก็ฟังคำพูดของพ่อเอาไว้ด้วยนะ เรื่องของเป่าเป้ยห้ามพูดออกไปอย่างเด็ดขาด” นางโม่หันใบหน้ามาทางหลานชายทังคู่พลางพูดออกมาด้วยสีหน้าจริงจัง

            “พวกเราเข้าใจครับ”

            เช้าวันใหม่อากาศในช่วงนี้ค่อนข้างร้อนอบอ้าวแม้ว่าจะยังเช้าอยู่เด็ก ๆ ต่างเปลี่ยนชุดเป็นเสื้อผ้าที่บางขึ้น

แต่ละคนต่างดีใจเมื่อได้สวมชุดใหม่ที่แม่กับย่าได้ลงมือตัดให้ ซึ่งผ้าที่ได้ก็เป็นผ้าที่ได้มาจากเป่าเป้ยแทบทั้งหมด แต่นางโม่ได้ปิดบังความจริงกับบ้านรองเอาไว้

            ในตอนที่ได้ผ้าตัดเสื้อจากแม่สามีหยูเซียนรู้สึกเกรงใจเป็นอย่างมากเพราะผ้าที่แม่สามีให้มานั้นจัดว่าเป็นผ้าเนื้อดี

            จำได้ว่านางโม่บอกลูกสะใภ้ว่าหากหล่อนเกรงใจก็ช่วยตัดชุดให้เป่าเป้ยให้มากหน่อยดังนั้นหลังจากอากาศเย็นสิ้นสุดเป่าเป้ยตัวกลมจึงได้รับเสื้อผ้าหลายชุดทีเดียว

            “พอแล้วนะ เอาไว้ให้เป่าเป้ยตัวโตมากกว่านี้ค่อยตัดใหม่” แม้ปากนางโม่จะกล่าวตำหนิแต่ทว่าใบหน้านั้นกลับแต่งแต้มไปด้วยรอยยิ้ม

            “ฉันรู้แล้วค่ะ เด็กทารกโตเร็วตอนนี้เป่าเป้ยของเราก็ได้สามเดือนแล้วดูสิใบหน้าน้อย ๆ ในตอนนั้นตอนนี้กลับเต็มอิ่มคล้ายซาลาเปาไม่มีผิด” หยูเซียนพูดในขณะก้มหน้าลงหอมแก้มนุ่มนิ่มของหลานสาว

            ฟางซินหัวเราะชอบใจด้วยความจั๊กจี้ แขนขาของเจ้าตัวเริ่มขยับได้มากขึ้น ช่วงนี้เป็นช่วงที่ธัญหารกำลังแตกหน่ออีกทั้งอากาศยังร้อน

            ดังนั้นงานในแปลงนาส่วนใหญ่มักจะเป็นหน้าที่ของผู้ชายเพราะเป็นงานใช้แรงเป็นหลักอย่างหาบน้ำมารดในแปลงข้าวและข้าวโพด

            ส่วนงานของผู้หญิงกับเด็กเริ่มโตขึ้นมาวัยเดียวกับต้าโถว ก็คือไปตัดหญ้ามาเลี้ยงหมู เลี้ยงวัว เก็บมูลของมันเพื่อนำมาทำเป็นปุ๋ย

            เวลาผ่านไปเพียงพริบตาเป่าเป้ยตัวน้อยก็เข้าสู่วัยหกเดือน ในตอนนี้ฟางซินรู้สึกคันเหงือกเป็นอย่างมากเนื่องจากเธอคิดว่าฟันกำลังจะขึ้นอีกทั้งยังรู้สึกไม่ค่อยสบายตัวอีกด้วย

            ถึงแม้ว่าจะเป็นอย่างนี้เจ้าตัวก็หาได้โยเย เนื่องจากเข้าใจสถานการณ์ของคนในครอบครัวที่ต้องตื่นแต่เช้าออกไปทำงานแม้ว่าพ่อจะทำงานในโรงงาน แต่เนื่องจากสภาพอากาศที่ร้อนอบอ้าวจึงทำให้ร่างกายเหนื่อยล้ามากกว่าปกติ

            ช่วงเย็นในวันหนึ่งซานไห่กลับมาด้วยสภาพไม่ค่อยดีนัก “อาไห่งานหนักมากเลยหรือลูก” นางโม่ถามบุตรชายคนเล็กอย่างเป็นห่วงเมื่อเห็นเหงื่อเปียกชุ่มเสื้อของเจ้าตัว

            “อากาศร้อนมากเลยครับแม่ ผมขับรถไปด้วยต้องยกลังใส่น้ำมันพืชส่งตามร้านด้วยก็เลยแย่” ซานไห่พูดไปพลางโบกมือเข้าหาตัวหวังคลายความร้อน

            “จะว่าไปช่วงนี้แม่ว่าฝนน้อยมากเลยนะ ปกติจะต้องตกลงมามากกว่านี้แล้วแต่นี่ยังไม่ตกเลย” ใบหน้าของผู้พูดแหงนมองท้องฟ้าพลางกล่าวออกมา

            โดยมีเจ้าตัวน้อยที่บัดนี้พลิกคว่ำได้เงี่ยหูฟังการสนทนาด้วยความอยากรู้อยากเห็น

            “นั่นสิครับ หากเป็นเช่นนี้จะมีน้ำให้ใช้หรือครับ ลี่จินยังบ่นเลยว่าน้ำในแม่น้ำก็เริ่มเหลือน้อยลงผิดจากทุกที”

            ฟางซินตัวน้อยใจกระตุกวูบ (หากเกิดภัยแล้งคงจะแย่ แน่ ๆ ฉันยังไม่โตเลยจะช่วยได้ยังไง)

            ตกดึกภายในคืนเดียวกันเสียงฟ้าร้องก็ดังติด ๆ กันอยู่หลายครั้งจนกระทั่งฟางซินต้องสะดุ้งตื่นเนื่องจากเสียงของมันและเพียงชั่วครู่ก็ตามมาด้วยเสียงของเม็ดฝนกระทบกับหลังคา

            “แม่ครับ หลังคาบ้านเราจะรั่วไหม” ซานไห่ถามขึ้นอย่างกังวลแม้ว่าเขากับพี่รองเพิ่งจะซ่อมหลังคาไปเมื่อไม่นานก็ตาม

            “ไม่หรอก หากว่าไม่มีลมพัดแรงหลังคาก็ยังคงแข็งแรงนั่นแหละ ฝนตกก็ดีแล้วข้าวกับข้าวโพดในแปลงจะได้ไม่ตายไม่อย่างนั้นพวกเราคงได้กินดินแทะรากไม้กันแน่” เสียงของนางโม่ดังแข่งกับสายฝน

            “นั่นสิครับ ถ้าอย่างนั้นผมเข้าไปนอนก่อนดีกว่า อากาศกำลังเย็นสบายร้อนมาหลายคืนแล้วคืนนี้จะได้นอนหลับสนิทบ้าง”

            “ไปเถอะ แกยังต้องไปทำงาน” โม่โฉวโบกมือไล่บุตรชายก่อนที่นางจะเดินสำรวจบ้านให้แน่ใจแล้วจึงได้เข้าห้องนอนของตนบ้างเช่นกัน

            เช้าวันต่อมาหยาดน้ำฝนยังคงมีค้างตามกิ่งไม้ให้ได้เห็น แม้พื้นดินจะเฉอะแฉะจากน้ำบนฟ้ากระนั้นรอยยิ้มกลับมีเต็มใบหน้าของทุกคน เพราะการที่ฝนตกลงมานั้นย่อมเป็นเรื่องดี

            วันนี้เนื่องจากฝนตกลูกสะใภ้ทั้งสองของนางโม่จึงไม่ต้องไปทำงานเนื่องจากช่วงนี้ไม่มีหน้าที่อะไรให้ทำมากนัก

            “แม่คะ พวกเราขึ้นเขาไปเก็บผัก หาเห็ดกันดีไหม” ลี่จิน กล่าวชวนแม่สามีหลังจากนางให้นมเป่าเป้ยจนลูกกินอิ่มแล้ว

            “ก็ดีเหมือนกัน แม่ว่าเราคงต้องเข้าป่าลึกหน่อยเพราะรอบนอกคงจะมีคนคิดเหมือนเราเป็นแน่”

            “ผม/ผมไปด้วยครับ” สองฝาแฝดมังกรคู่พูดพร้อมกัน

            “ไปสิ แต่พวกหลานห้ามเดินไปไหนกันเองตามลำพังโดยเด็ดขาดนะ” นางโม่ไม่วายกล่าวกำชับ

            ไม่เพียงแต่บ้านกู้สามเท่านั้นที่คิดเช่นนี้เนื่องจากวันนี้เป็นวันหยุดต้าโถว เอ่อเป่า ซานเหมาบ้านรองกับมารดาก็ตั้งใจจะขึ้นภูเขาเหมือนกัน ดังนั้นคนทั้งสองบ้านจึงได้เปิดประตูออกมาเจอกันเข้าพอดีอย่างบังเอิญ

            “แม่/พี่สะใภ้รอง” สองสาวพูดออกมาพร้อมกัน

            “อาเซียนก็จะไปบนภูเขาเหมือนกันอย่างนั้นหรือ” นางโม่ ถามลูกสะใภ้คนที่สองด้วยรอยยิ้มเมื่อเห็นตะกร้าหวายบนหลังของเธอและของหลานชายทั้งสามคน

            “ใช่ค่ะ แม่ไปด้วยไหมคะ”

            “ไปสิ ถ้าอย่างนั้นพวกเราก็ไปด้วยกันนี่แหละ เข้าไปลึกหน่อยหากเก็บได้เยอะก็นำมาตากแห้งเก็บไว้กินช่วงฤดูหนาว”

            “ดีเลยค่ะ”

            ส่วนเด็กชายห้าพี่น้องก็เดินเรียงแถวหน้ากระดานเดินตามย่ากับแม่อยู่ด้านหลังพูดคุยกันอย่างสนุกสนานต้อย ๆ

            ฟางซินเองก็มีความสุขเช่นเดียวกับคนภายในครอบครัว การเดินเท้าขึ้นเขาเต็มไปด้วยความระมัดระวังเป็นอย่างมากเนื่องจากดินค่อนข้างลื่น ดังนั้นพวกนางจึงต้องใช้ความระมัดระวังเป็นอย่างมาก

            “พวกลูกเดินกันดี ๆ นะ” ลี่จินบอกกับทั้งลูกและหลานเมื่อเห็นเด็กชายเกาะตามต้นไม้ก้าวเท้าเดินอย่างทุลักทุเล

            “ครับ”

            “อ้าว นางโม่หล่อนก็พาลูกสะใภ้กับหลาน ๆ มาหาผักเก็บเห็ดด้วยอย่างนั้นหรือฉันนึกว่าจะอยู่บ้านนั่งกินนอนกินเสียอีก” คำพูดเสียดสีดังขึ้นจากหญิงวัยเดียวกับโม่โฉว

            นางโม่หาได้สนใจคู่ปรับเก่าของตน เธอจึงได้ทำเป็นหูทวนลมชมนกชมไม้พูดเสียงสองกับหลานสาว

            “ฉันพูดกับหล่อนอยู่ไม่ได้ยินหรือ” สะใภ้บ้านอู๋ไม่พูดเปล่านางยังคิดต้องการจะเดินเข้าไปหมายจับบ่าของโม่โฉวด้วย

            แต่ทว่า.....

            “กรี๊ด!” เสียงกรีดร้องได้ดังขึ้น พร้อมกับร่างของฟู่เหยาได้ถลาไปด้านหน้าและดูเหมือนความโชคร้ายของนางจะยังไม่หมดเพียงแค่นั้น เมื่อเท้าเจ้ากรรมได้สะดุดก้อนหินทำให้หน้าของหล่อนทิ่มลงไปยังดินเละ แทบเท้าของนางโม่ทันที

            “อุ๊ยตาย! อาเหยาหล่อนไม่ต้องคำนับฉันก็ได้นะ ฉันไม่กล้ารับหรอก พวกเราไปกันเถอะ” น้ำเสียงของนางโม่ร้องขึ้นเสียงดัง ก่อนจะกล่าวออกมาอย่างเสแสร้ง (ชิ สมน้ำหน้าคิดจะทำร้ายฉันตัวเองกลับเจ็บตัวแทน)

            “โชคดีนะที่หล่อนสะดุดลงไปก่อน หากจับแม่ได้เป่าเป้ยอาจจะเจ็บตัวไปกับแม่เป็นแน่ อย่างนี้เขาเรียกฟ้ามีตา” นางโม่ พูดกับคนในครอบครัวหลังจากเดินออกมาจากกลุ่มคนจนกระทั่งไกลพอสมควร

            “นั่นสิคะ ฉันละไม่เข้าใจป้าเหยาเลยว่าทำไมหล่อนถึงไม่ชอบแม่” หยูเซียนพูดขึ้นอย่างเห็นพ้องกับแม่สามีก่อนที่จะถามขึ้นอีกครั้งอย่างสงสัย

            “เฮ้อ! เรื่องนี้มันก็นานมาแล้วนั่นแหละ ย้อนกลับไปตอนสาว ๆ หล่อนมีใจให้กับพ่อของลูกชายแม่ทั้งสามคน แต่พ่อของเด็ก ๆ ไม่ได้มีใจให้หล่อน แม่ก็เพิ่งรู้หลังจากแต่งเข้ามาไม่นานทั้งนี้ทั้งนั้นเป็นเพราะเวลาหล่อนเจอแม่ก็ชอบพูดจากระทบกระเทียบ จนกระทั่งถึงตอนนี้ต่างคนต่างมีลูกหลานแล้วหล่อนก็ยังผูกใจเจ็บ” นางโม่เล่าเรื่องของตนออกมาโดยเดินนำหน้าคนในครอบครัวไปด้วย

            คนบ้านกู้เดินไปไกลจากคนอื่นพอสมควร หยูเซียนก็ได้ถามขึ้นมาอีก “แม่คะ เราจะไปเก็บที่ไหนกันดีตลอดทางที่ผ่านมามีคนมากมายเหลือเกินป่านนี้จะยังเหลือของดีให้เราเก็บหรือคะ” คำถามของสะใภ้รองไม่ใช่ไร้เหตุผลเนื่องจากตลอดทางพวกเขาเดินสวนกับกลุ่มคนมากมาย

            “ตามแม่มาเถอะ เชื่อแม่สิเราไม่มีทางกลับบ้านมือเปล่าหรอกใช่ไหมหลานรัก” นางโม่พูดขึ้นอย่างมั่นใจ ฟางซินในวัยหกเดือนซึ่งอยู่ด้านหน้าของคนเป็นย่าจึงได้ส่งเสียงหัวเราะตอบอื้อ ๆ อ้า ๆ ออกมา

            “เป่าเป้ยอารมณ์ดีน่าดู ท่าจะชอบอากาศวันนี้นะคะ” ลี่        จินยิ้มในขณะมองใบหน้าของลูกสาวที่หันข้างมาทางตน

            “นั่นสิ นั่นยังไงล่ะโชคดีของเรามาแล้ว” สองตาของนางโม่ไม่ได้ละไปจากทางในขณะเดินและนางก็ชี้นิ้วไปยังขอนไม้ด้านหน้า

            “แม่คะ พวกเราโชคดีจริงด้วย” หยูเซียนพูดอย่างตื่นเต้นพลางสาวเท้าเดินเข้าไปยังสิ่งที่เห็นเช่นเดียวกับลี่จิน

            “พวกหลานอยู่กันแถวนี้นะ หากเจอเห็ดอะไรให้มาถามย่าก่อนแล้วค่อยเก็บกันเล่า เพราะบางอย่างมันมีพิษ” นางโม่ไม่วายกล่าวเตือนหลานชายทั้งห้าคน

            เด็กทั้งห้าก็เชื่อฟังเป็นอย่างดี อีกทั้งยังสำรวจรอบด้าน อย่างระมัดระวังและพยายามกวาดตามองจนทั่วว่าพวกเขาจะสามารถหาสิ่งกินได้อื่นหรือไม่เช่นเดียวกับเจ้าเด็กจ้ำม่ำฟางซิน

            เพราะในตอนนี้เจ้าตัวได้หลับตาลงเพื่อใช้พลังจิตสำรวจไปรอบ ๆ สถานที่บริเวณนี้อย่างตั้งใจ

            (โอ๊ะ! มีไก่ป่าด้วย อย่างนี้จะปล่อยไปได้ยังไง เด็ก ๆ จ๋ามาเป็นอาหารให้ฟางซินคนนี้เถอะ) เจ้าตัวคิด

            “พี่ต้าโถว ได้ยินเสียงอะไรไหมครับ ผมว่าฟังดูคล้ายเสียงไก่เลย” ซีซวนพยายามเงี่ยหูฟังก่อนถามลูกพี่ลูกน้องคนโต

            “พวกนายลองเงียบเสียงดูสิ” ต้าโถวพูดขึ้นก่อนที่ตนจะพยายามฟังเสียงที่เริ่มดังเข้ามาใกล้อย่างตั้งใจ

            “ไม่ผิดแน่ มันอยู่ใกล้ ๆ เรานี่แหละ เจ้ารองน้องได้เอาหนังสติ๊กมาหรือเปล่า” หลังได้ยินคำถามของคนเป็นพี่ เอ้อเป่าจึงได้นำสิ่งที่ตัวเองทำขึ้นมาจากง่ามไม้ชูขึ้นสูง

            “ดีมาก พวกเราเดินแยกกันไปสองทางนะ จากนั้นก็       ค่อย ๆ โอบล้อมมันให้อยู่ตรงกลางเมื่อได้โอกาสก็จับเลย” ต้าโถว ออกคำสั่ง

            “อืม” น้องชายสี่คนพยักหน้าตอบรับเสียงเบาเนื่องจากกลัวไก่ป่าจะได้ยินและพากันบินหนี

            โดยที่พวกเขาไม่มีใครรู้เลยว่าไก่ป่ามันมากันทั้งฝูงจากการเรียกของฟางซิน “พะ..พี่ใหญ่ ผมยิงไม่ได้หรอกมันมากันทั้งฝูงแบบนี้อ่ะ” เอ้อเป่าพูดเสียงสั่นเมื่อเห็นไก่ป่าตัวใหญ่สี่ ตัวเล็กอีกห้า

            “พี่เอ้อเป่าผมว่าไก่ป่ามันดูแปลก ๆ นะพี่ไม่เห็นหรือว่ามันดูไม่กลัวพวกเราเลย อีกทั้งยังเดินเข้ามาใกล้อีก” คำพูดของ      ซีห่าวได้เรียกความสนใจให้กับพี่ชายทั้งสี่

            “จริงด้วย ถ้าอย่างนั้นพวกเราก็รีบจับมันเถอะ เสี่ยวเหมา เสี่ยวห่าว น้องสองคนรีบไปหาเถาวัลย์มา แม้มันจะไม่หนีแต่ก็ควรมัดขาเอาไว้ก่อน” ต้าโถวพูดขึ้นอีกครั้งโดยที่สองตายังคงจับจ้องไปยังไก่ทั้งเก้า

            เสียงร้องของไก่ป่าได้เรียกความสนใจให้กับผู้ใหญ่ภายในบ้านทั้งสามคน “ต้าโถวพาน้องไปไหน” คำถามของแม่สามีได้ทำให้สะใภ้ทั้งสองหันไปสนใจลูกของตัวเอง

            “คงไม่ใช่” ลี่จินยังพูดไม่ทันจบเด็กชายทั้งห้าคนก็เดินออกมาจากพุ่มไม้ด้านข้างพร้อมกับไก่ป่าทั้งใหญ่เล็ก

            โม่โฉวไม่คิดว่าตนจะโชคดีมากมายถึงขนาดนี้ จึงได้ก้มหน้ามองไปยังใบหน้าอ้วนกลมของหลานสาวตัวเล็กที่บัดนี้ยังคงหลับตาพริ้ม

            (หรือเรื่องนี้จะไม่เกี่ยวกับเป่าเป้ยกัน แต่จะเป็นไปได้หรือฉันเดินขึ้นภูเขาลูกนี้จนส้นรองเท้าสึกไปหลายคู่ก็ยังไม่สามารถจับไก่ป่าได้เลย แต่ตอนนี้หลานชายของฉันกลับจับมันได้อย่างไม่ต้องออกแรงเป่าฝุ่นเลยด้วยซ้ำ) นางโม่คิดด้วยความไม่เข้าใจ

            ส่วนฟางซินผู้เป็นสาเหตุของเรื่อง ในตอนนี้เจ้าตัวกำลังรู้สึกตื่นเต้นกับพลังของตนเนื่องจากหลังวันเกิดมาเธอก็สามารถใช้พลังที่มีสำรวจป่าแห่งนี้ได้กว้างขึ้น

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ฉันเกิดใหม่เป็นหลานสาวชาวนายุค60   ตอนพิเศษที่4 ความทรงจำอันงดงาม

    หน้าสมุดบันทึกเล่มหนึ่งภายในนั้นได้มีตัวอักษรงดงามเรียบเรียงเอาไว้อย่างงดงามเป็นระเบียบ ลมจากทางหน้าต่างหอบใหญ่ได้พลิกหน้ากระดาษหลายหน้านั้นขึ้น จนทำให้หญิงสาวหน้าตาสะสวยผู้กำลังสาละวนอยู่กับการนำสิ่งของมากมายออกจากกล่องต้องรีบลุกขึ้นมาหยิบสมุดเล่มดังกล่าว “เฮ้อ! ดีนะที่ไม่เสียหาย ไม่อย่างนั้นโดนแม่ทำโทษแน่” เสียงถอนหายใจของเธอดังขึ้นพร้อมกับใช้นิ้วมือเรียวคลี่กระดาษที่ถูกม้วนเข้าหากันให้คลายออกอย่างทะนุถนอม เสียงโทรศัพท์มือถือของเธอดังขึ้น “แม่แน่ ๆ” เจ้าตัวคาดการณ์เอาไว้ก่อนหน้าเสร็จสรรพ “น้าเสี่ยวเซิงว่าอะไรนะคะ น้ารอหนูอยู่ข้างล่างเหรอ เอ๋! น้าพาเสี่ยวเสวี่ยมาด้วยหนูจะรีบลงไปเดี๋ยวนี้เลยค่ะ” หญิงสาวคนสวยกดวางสายก่อนหย่อนมือถือรุ่นล่าสุดที่บริษัทขอ

  • ฉันเกิดใหม่เป็นหลานสาวชาวนายุค60   ตอนพิเศษที่3 ความในใจของเสี่ยวเซิง

    สวัสดีครับ ผมคือกู้ซินเซิงหรือคนในครอบครัวมักจะเรียกว่าเสี่ยวเซิง ผมหาใช่ลูกหลานตระกูลกู้อย่างแท้จริงไม่แต่เรื่องนี้ไม่ได้เป็นปัญหาสำหรับผมเลยในเรื่องของความรักและความกตัญญูที่ผมมีต่อคนในครอบครัวนี้ ทั้งนี้เป็นเพราะนับตั้งแต่วันที่พี่สาวคนดีของผมได้ช่วยให้รอดจากความตายตั้งแต่ครั้งยังเป็นทารกผมก็ตั้งมั่นเอาไว้แล้วว่าจะเป็นวัวเป็นม้าและตอบแทนเธอไปจนกว่าชีวิตจะดับสูญ เพียงแต่ผมไม่คิดว่าคนในครอบครัวกู้จะมีความรักให้ผมอย่างท่วมท้นทุกคน โดยเฉพาะพ่อแม่บุญธรรมที่คิดว่าตัวผมนั้นคือเลือดเนื้อในอกของตนอย่างแท้จริง ซึ่งยิ่งเมื่อผมได้ฟังเรื่องราวอันน่าอัศจรรย์ว่าเธอมีน้ำนมให้ผมดื่มกินตั้งแต่วันแรกที่ผมฟื้น หากไม่ใช่ว่าคนในครอบครัวรวมถึงพี่สาวสุดที่รักของผมยืนยันผมคงคิดว่าเรื่องเล่านี้คงเป็นเรื่องโกหก 

  • ฉันเกิดใหม่เป็นหลานสาวชาวนายุค60   ตอนพิเศษที่2 ลูกสาวพ่อ

    “พ่อบุญธรรมรีบเลยครับ ผมช่วยอุ้มดีไหม” เจียอินแทบจะทำตามที่พูดเมื่อเห็นว่าพ่อผู้ชรายังนั่งคล้ายไม่ทุกข์ร้อนอยู่ที่เดิม “เฮ้อ! แกนี่นะโตจนป่านนี้แล้วยังทำตัวไม่มีสติอีก ดูเจ้าตัวเขายังไม่ร้อนใจขนาดแกเลย หล่อนต้องเดินเข้ามาหาฉันสิ แกลืมแล้วเหรอว่าฉันอายุเท่าไหร่แล้ว” เหตุที่อู๋เหยียนไม่รู้สึกอนาทรร้อนใจเป็นเพราะเขามองท่าทางของศิษย์คนโปรดออก “แหะ ๆ ผมก็ลืมไปมักจะคิดว่าพ่อยังหนุ่มอยู่เรื่อย” คำแก้ตัวของเจียอินทำให้ชายชรามองเขาตาเขียว “แกเอาตาไหนดูว่าฉันยังหนุ่มเห็นทีว่าสายตาของแกคงจะยิ่งแย่กว่าคนแก่อย่างฉันเสียอีก หล่อนเห็นด้วยไหมศิษย์รัก” ถ้อยคำจิกกัดของอู๋เหยียนหาได้ทำให้เจียอินรู้สึกอันใดไม่ ตรงกันข้ามเขายังแย้มยิ้มยอมรับอีกต่างหาก “ฉันว่าที่พี่เจียอิน

  • ฉันเกิดใหม่เป็นหลานสาวชาวนายุค60   ตอนพิเศษที่1 เป่าเป้ยหมายถึงสุดที่รัก (ของผม)

    ความนัยใจของผมถึงภรรยาสุดที่รัก ในช่วงเย็นของทุกวันหลังจากเลิกงานกลับถึงบ้าน สิ่งที่ผมมักจะทำเป็นอย่างแรกและทุกครั้งก็คือการมองหาภรรยาเช่นเดียวกับวันนี้เมื่อผมถามหาเธอจากเด็กรับใช้ สองเท้าของผมเดินมาทางห้องครัว ผมจึงได้เร่งฝีเท้ามากยิ่งขึ้นหลังจากได้กลิ่นหอมซึ่งผู้ที่กำลังทำอาหารอยู่นั้นจะต้องเป็นสุดที่รักของผมอย่างแน่นอน และก็เป็นอย่างที่คาดเมื่อสองสายตามองเห็นหญิงสาวร่างบางรวบผมเป็นหางม้ากำลังยืนหันหน้าเข้าหาเตา ขาทั้งสองข้างของผมยังไม่ได้ก้าวเท้าเดินเข้าไปหาหล่อนในทันทีแม้ว่าใจอยากจะกอดเธอให้สมกับความคิดถึง ทั้งนี้เป็นเพราะผมกำลังยืนนิ่งมองผู้กำลังให้ความสนใจกับสิ่งที่ทำด้วยค

  • ฉันเกิดใหม่เป็นหลานสาวชาวนายุค60   ตอนที่105 แต่งครับ (ตอนจบ)

    หลายวันผ่านไปข่าวคราวของพวกเขายังคงเงียบงัน ฟางซินเองแม้อยากจะไปดูให้เห็นกับตาทว่าก็จนใจด้วยสถานที่แห่งนั้นเธอกับเสี่ยวหม่าวยังไม่เคยไปมาก่อน ‘ท่านเทพได้โปรดอย่าทำให้ฉันผิดหวังนะคะ’ ฟางซินอ้อนวอนร้องขอเช่นนี้ซ้ำไปซ้ำมาอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน โดยที่ไม่รู้เลยว่าตอนนี้พี่ชายของตนกับคนรักกำลังอยู่ในช่วงเวลาแห่งความเป็นความตาย ทั้งหมดทั้งมวลเป็นเพราะหนานเสิ่นกับมู่เฉินได้ย้อนกลับมาช่วยคนเห็นแก่ตัวกลุ่มหนึ่ง เพียงเพราะความโลภคนกลุ่มนี้จึงได้อาศัยช่วงเวลาดังกล่าวทำตัวเป็นโจรหมายจะปล้นชิงสิ่งของมีค่าของผู้อื่นแต่ทว่าเป็นพวกเขาเองที่โดนคนประเภทเดียวกันเล่นงาน “อาเสิ่นนายหนีไปก่อน ทางนี้ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของพี่เอง” มู่เฉินพูดขึ้นเมื่อเห็นคนกลุ่มนั้นมีอาวุธร

  • ฉันเกิดใหม่เป็นหลานสาวชาวนายุค60   ตอนที่104 ไม่มีแล้วอย่างไร?

    ฟางซินเริ่มฝึกงานหลังวันปีใหม่ บริษัทแห่งนี้เป็นอาคารสูงห้าชั้น ซึ่งในยุคนี้อาคารสูงส่วนใหญ่ยังไม่มีมีลิฟท์ หญิงสาวจึงรู้สึกทดท้อเป็นอย่างมากหากจะต้องให้เธอเดินขึ้นบันไดไปจนถึงชั้นสุดท้าย “เอ๋! ที่นี่สมกับเป็นบริษัทข้ามชาติมีลิฟท์ด้วย” ฟางซิน รู้สึกประหลาดใจเมื่อเดินเข้ามาภายในอาคารแล้วมองเห็นประตูลิฟท์ที่กำลังปิดแม้ว่าจะมีอยู่เพียงตัวเดียวก็ตาม หลังจากเจ้าตัวกดลิฟท์รออยู่สักพักในที่สุดประตูของมันก็เปิดออก ฟางซินก้าวเท้าของตนเข้าไปอย่างไม่รอช้า ชุดที่หญิงสาวสวมมาวันนี้ค่อนข้างเรียบร้อยดูดีมากว่าทุกวัน อีกทั้งยังค่อนข้างทันสมัยมีเสื้อโค้ตตัวยาวสีน้ำตาลอ่อนสวมอยู่ภายนอก จึงยิ่งเพิ

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status