Home / LGBTQ+ / ชะตาชีวิตพลิกผันทะลุมิติมาปลูกแตงกวา / บทที่ 5 ท่านเจ้าเมืองคนใหม่

Share

บทที่ 5 ท่านเจ้าเมืองคนใหม่

last update Huling Na-update: 2024-12-18 09:17:56

บทที่ 5 ท่านเจ้าเมืองคนใหม่

ทั้งสองพากันเดินเข้ามาในตลาดช่างคึกคักตื่นตาตื่นใจของจิ้นหยางเหลือเกิน การที่เขาทะลุมิติมายังที่แห่งนี้ไม่ได้มีเรื่องร้ายอะไรนอกจากความยากจน ที่นี่ทั้งบรรยากาศสิ่งแวดล้อมแตกต่างจากที่เขาอยู่ยิ่งนัก แม้จะลำบากอยู่บ้างแต่เขาสามารถปรับตัวได้อย่างรวดเร็ว

“พี่จิ้นหยางรีบเดินตามข้ามาขอรับ เดินไปอีกไม่ไกลเท่าไหร่จะเจอเรือนของท่านเจ้าเมืองแล้วขอรับเห็นด้านหน้านั้นหรือไม่? ผู้คนจอแจเต็มหน้าเรือนสงสัยจะมาร่วมงานเลี้ยงต้อนรับ ข้าได้ยินมาว่าท่านเจ้าเมืองที่ย้ายมาใหม่มีใบหน้าที่หล่อเหลาข้าชักอยากจะเห็นแล้วสิว่าจะหล่อเท่าข้ามั้ย” จิ้นหยางมองใบหน้าของเจียวซิ่งก่อนจะหัวเราะออกมาอย่างขบขันในความมั่นอกมั่นใจของเขาเหลือเกิน

“พี่จิ้นหยางหัวเราะข้าอย่างนั้นหรือ? ท่านไม่รู้สินะว่าข้านะมีใบหน้าหล่อเหลาที่สุดในหมู่บ้านแห่งนี้แล้ว หากข้าเติบโตอีกสักหน่อยคงจะมีสตรีมากมายเข้าหาจนน่ารำคาญแน่นอน”

“ข้ายังไม่ได้ว่าอะไรเจ้าเลยนะ ไหนล่ะทางที่เจ้าจะพาหาเข้าไปหาอาหาร เท่าที่ข้าดูผู้ที่เข้าไปต้องมีเทียบเชิญมิใช่หรือ” สองเท้าก้าวมาถึงหน้าเรือนเห็นคนที่เข้าไปต้องยื่นเทียบเชิญให้แก่บ่าวรับใช้ที่อยู่หน้าเรือนถึงจะเข้าไปด้านในได้ แล้วอย่างนี้เจียวซิ่งจะพาเขาเข้าไปยังไงกัน คงไม่คิดจะพาเขากระโดดข้ามกำแพงหรอกนะ!

“มันต้องมีทางสิขอรับ เชื่อใจข้าตามข้ามาทางด้านนี้ขอรับ” เจียวซิ่งเอ่ยออกมาอย่างมั่นใจพาจิ้นหยางเดินเรียบไปอีกทาง และแล้วก็เป็นอย่างที่จิ้นหยางคิด เจียวซิ่งจะพาเขาปีนกำแพงเข้าไปจริง ๆ

“นี่เจ้าจะพาข้าปีนกำแพงอย่างนั้นหรือ? ไม่เอาล่ะ!! เดี๋ยวจะได้รับบาดเจ็บ”

“โธ่! ท่านจะกลัวอะไรกัน!! ท่านมิใช่สตรีเสียหน่อยแถมร่างกายของท่านยังแข็งแกร่งบึกบึนขนาดนี้ มาเถิดหากชักช้าเดี๋ยวจะถูกจับได้ ข้าจะปีนเข้าไปก่อนนะขอรับ” เอ่ยจบเจียวซิ่งกระโดดข้ามไปทันที จิ้นหยางจ้องมองพลางถอนหายใจ

“เฮ้อ! ทำไมต้องมาทำอะไรที่อันตรายอย่างนี้ด้วยนะ เอาว่ะยังไงก็ต้องเอาอาหารไปให้ท่านแม่ให้ได้ ”เขาสูดลมหายใจเข้ากระโดดข้ามกำแพงอย่างรวดเร็ว เห็นเจียวซิ่งยืนกอดอกยิ้มแย้มอย่างภูมิใจจนน่าหมั่นไส้

“เห็นมั้ยขอรับไม่ยากเลย มาเถิดเดินตามข้ามา”

“เดี๋ยวสิ แล้วถ้าเราถูกจับได้ล่ะ? แล้วเจ้ารู้ได้อย่างไรว่าจะไปทางใด ทำไมเจ้าคุ้นชินอย่างนี้ล่ะ?”

“เพราะข้าคือเจียวซิ่งอย่างไรขอรับ แต่ว่าข้ามิได้เป็นขโมยนะขอรับ ข้ามีสหายที่ทำงานในอยู่เรือนแห่งนี้ ยามที่มีงานเลี้ยงเขามักให้ข้าเข้ามาเพื่อนำอาหารไปกินอยู่บ่อยครั้ง เพราะอย่างไรเมื่อยามอาหารเหลือเหล่าคนรวยก็พากันทิ้งอย่างไม่เสียดายหรือรู้จักคุณค่าของกิน ข้าอิ่มท้องเพราะสหายหลายคราแล้วขอรับ อีกอย่างไม่ต้องกลัวว่าจะถูกจับได้ข้าจะพาท่านไปเปลี่ยนเสื้อผ้าอาภรณ์เป็นบ่าวของที่นี่ก่อนขอรับ ”หัวใจของจิ้นหยางเต้นแรงระรัวอย่างกับเจียวซิ่งพาเขาเข้ามาขโมยของอย่งไรอย่างนั้น แต่เมื่อเขาเอ่ยปากว่ามีสหายอยู่ในนี้คงไม่เกิดเรื่องขึ้นหรอกกระมั่ง

ทั้งสองพากันมาเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นบ่าวในเรือนแฝงตัวเดินเข้าไปในงานเลี้ยง

จนกระทั่งท้องฟ้าเริ่มมืดสลัว แสงไฟจากโคมไฟเริ่มสว่างประดับตามระเบียงหรือแม้แต่ทางเดิน จิ้นหยางยืนดูการแสดงอย่างเพลิดเพลินจนลืมไปเลยว่ายามนี้ตัวเองเข้ามาเพื่อเอาอาหารไปให้ท่านแม่ จนกระทั่งเจียวซิ่งเข้ามาสะกิดใบหน้าของเจียวซิ่งเริ่มแดงด้วยฤทธิ์สุรา

“พี่จิ้นหยางเรากลับกันเถิด เอิ้ก! ข้าอิ่มแล้วขอรับ”

“นี่เจ้าดื่มสุราอย่างนั้นหรือ?”

“แฮ่ แฮ่ ข้าดื่มเล็กน้อยเท่านั้นเองขอรับ ท่านได้อาหารไปให้ท่านป้าหรือยัง?”

“ข้าได้บ้างแล้ว เอาอย่างที่เจ้ากล่าวมาเถิดช่วงนี้ทุกคนกำลังสนใจการแสดงอยู่คงไม่มีใครสังเกตเห็นเราที่แอบออกไปหรอก”

“อย่างนั้นไปกันเถิดขอรับ ”ทั้งสองเมื่อหารือกันเสร็จพากันเดินแอบไปที่ห้องเสื้อผ้า แต่ทว่าเรื่องไม่คาดคิดได้เกิดขึ้น เมื่อจู่ ๆ ทั้งสองได้เดินมาพบกับคุณชายชาติตระกูลสูงส่งดวงตาล้ำลึกวาวงาม แต่งกายภูมิฐานบุคลิกน่าเลื่อมใส ใบหน้าคมเข็มมีกลิ่นอายดุดัน นัยน์ตาลึกเป็บเบ้าชัด คิ้วเที่ยงตรงตลอดร่างฮึกเหิมสง่างาม ทำให้จิ้นจ้องมองไม่ละสายตาหากเขาอยู่ในยุคปันจุบันต้องเป็นดาราเบอร์ต้น ๆ ของประเทศแน่ ๆ

“พวกเจ้าจะไปที่ใดกันเจ้าคงเป็นบ่าวรับในเรือนนี้สินะ!!” เจ้าของน้ำเสียงทุ่มต่ำเอ่ยถามทั้งสองยามนี้เจียวซิ่งกลับสั่นกลัวว่าจะถูกจับได้ ร่างกายสั่นเทาขยับกายไปอยู่ด้านหลังของจิ้นหยางอย่างรวดเร็ว

“ขอรับ ..มิทราบว่าคุณชายต้องการอันใดหรือ ? หรือว่าท่านหลงทางในงานเลี้ยงฉลองต้อนรับท่านเจ้าเมืองคนใหม่ ”จิ้นหยางตั้งสติแม้จะตกใจแต่ถ้าหากถูกจับได้คงไม่เป็นเรื่องที่ดีแน่ ๆ เขาจะต้องหาทางออกห่างจากคุณชายผู้นี้ให้ได้โชคดีที่เคยเป็นพนักงานร้านกาแฟกับร้านเหล้ามาก่อนเรื่องรับมือกับคนแปลกหน้าจึงไม่ใช่เรื่องน่าตกใจเท่าไหร่ 

“ข้าไม่ได้หลงทาง แต่ข้ากำลังเบื่อหน่าย เจ้านี่มีใบหน้างดงามต่างจากบ่าวรับใช้ยิ่งนักอกผายไหล่ผึ่งดีจริง ๆ ข้าชักจะชอบเจ้าแล้วสิ อีกอย่างเจ้ายังไม่เคยพบท่านเจ้าเมืองนายท่านคนใหม่ของพวกเจ้าสินะ! ข้าเองคือท่านเจ้าเมืองคนใหม่และเป็นนายท่านของเจ้า เจ้าจงตามข้ามาส่วนเจ้าอีกคนจะไปทำอะไรก็ไปท่าทางสั่นกลัวของเจ้าทำให้ข้ารำคาญตายิ่งนัก ”ราวกับเสียงฟ้าผ่า เขามิใช่คุณชายที่เข้ามาร่วมงานแต่เป็นท่านเจ้าเมืองเจ้าของเรือนแห่งนี้ แล้วอย่างนี้จิ้นหยางจะทำอย่างไรดี เพราะหากไม่ตามเขาไปต้องถูกจับได้แน่ ๆ อีกอย่างยามนี้เขายังคงสวมใส่ชุดของบ่าวรับใช้ในเรือนอีก

“ขอรับท่านใต้เมืองแต่ข้าขอคุยกับสหายข้าครู่หนึ่งก่อนนะขอรับ”

“ได้ข้าจะรอ” จิ้นหยางรีบดึงแขนของเจียวซิ่งเดินไปไกลจากท่านเจ้าเมืองพร้อมให้เขาตั้งสติและนำอาหารไปให้ท่านแม่และห้ามบอกให้ท่านแม่รู้ว่านำอาหารมาจากที่ใด

“เจียวซิ่งฟังข้าให้ดี เจ้าจงนำอาหารนี้กลับไปให้ท่านแม่เสียก่อนและบอกว่าคืนนี้ข้าจะกลับเรือนดึกหน่อยท่านแม่มิต้องคอยและห้ามให้ท่านแม่รู้เด็ดขาดว่าเราเข้ามาที่นี่ แล้วข้าจะหาทางออกไปจากที่นี่เองเข้าใจหรือไม่?”

“ขอรับ แต่ว่าข้าเป็นห่วงท่านนี่น่าข้าไม่น่าพาท่านมาเลย ท่านจะต้องเจอกับอะไรกันนะอย่าให้ถูกจับได้นะขอรับ”

“ไปเถิดข้าจะพยายามไม่ให้ถูกจับได้” เจียวซิ่งรับของจากจิ้นหยางก่อนจะเดินแยกออกไป ส่วนด้านจิ้นหยางได้เดินกลับมาหาท่านเจ้าเมืองที่ยืนคอยเขาอยู่ เขาต้องการอะไรกันนะทั้งที่จริงยามนี้เขาควรอยู่ในงานเลี้ยงมิใช่หรือ?

“เสร็จแล้วหรือ? ตามข้ามา”

“ขอรับ”

Patuloy na basahin ang aklat na ito nang libre
I-scan ang code upang i-download ang App

Pinakabagong kabanata

  • ชะตาชีวิตพลิกผันทะลุมิติมาปลูกแตงกวา   บทที่ 30 ฮูหยินของท่านเจ้าเมือง

    บทที่ 30 ฮูหยินของท่านเจ้าเมืองรุ่งเช้าวันต่อมา เจียวซิ่งรู้ว่าเรือนของจิ้นหยางถูกวางเพลิงจนไม่เหลือแม้กระทั่งเสาเรือนรีบเดินทางมาที่เรือนของท่านเจ้าเมืองเพื่อกับจิ้นหยาง และเมื่อจิ้นหยางได้ยินรีบไปดูเรือนด้วยความเสียใจ เรือนทั้งหลังมีเพียงขี้เถ้าเท่านั้นและเขาเองก็รู้ดีว่าต้องเป็นฝีมือของใต้เท้ามู่จึงรีบเดินทางไปหาใต้เท้ามู่ที่เรือนเรื่องในครั้งนี้เขาจะไม่น้อยอยู่นิ่งเฉยอีกต่อไป แม้ตายก็ไม่กลัวแต่ทว่าเมื่อมาที่เรือนของใต้เท้ามู่กลับไม่อยู่และรู้มาว่าท่านเจ้าเมืองได้จัดการจับกุมใต้เท้ามู่ไปยังวังหลวงเพื่อรับโทษ จิ้นหยางครุ่นคิดก็นึกออกว่าที่เขาไม่ให้ตนเองไปหาเมื่อคืนนี้เพราะต้องออกมาจัดการใต้เท้ามู่ทำให้จิ้นหยางทราบซึ้งน้ำใจของเขายิ่งนัก กลับเรือนท่านเจ้าเมืองเพื่อรอเขากลับจากวังหลวง ยิ่งเขาทำดีด้วยเท่าไหร่หัวใจของจิ้นหยางยิ่งเจ็บปวดที่ต้องคอยอาศัยท่านเจ้าเมืองอยู่เรื่อย แม้จะไม่มีเรือนให้อยู่แต่ว่าวันนี้เขาจะใช้หนี้ท่านเจ้าเมืองและพาท่านแม่ออกไปอยู่ที่อื่น หากอยู่ที่นี่ต่อมีแต่หัวใจของจิ้นหยางที่ต้องเจ็บปวดเพียงผู้เดียว เรื่องของท่านใต้เท้ามู่ถูกฝ่าบาทตัดสินความผิดให้ค

  • ชะตาชีวิตพลิกผันทะลุมิติมาปลูกแตงกวา   บทที่ 29 จัดการใต้เท้ามู่

    บทที่ 29 จัดการใต้เท้ามู่ ฝั่งด้านบ่าวรับใช้ของใต้เท้ามู่ที่เตรียมการเดินทางมายังเรือนของจิ้นหยางเพื่อมาทำลายแปลงผักพร้อมเผาเรือนตามคำสั่งของใต้เท้ามู่เมื่อเห็นว่าดวงตะวันตกดินถึงเวลาที่พวกเขาต้องลงมือจัดการจึงพากันเดินทางมาจัดการตามคำสั่งทันที แต่ทว่าเมื่อมาถึงกลับพบว่าแตงกวาของจิ้นหยางถูกเก็บเกี่ยวไปหมดแล้วมีเพียงเรือนที่เงียบสนิท“ทำไมเรือนถึงได้ไร้แสงไฟอย่างนี้นะ ! ” ชายฉกรรจ์ผู้หนึ่งได้เอ่ยขึ้น อีกคนจึงแย้งขึ้นมา“ในเรือนมีเพียงหญิงชรากับบุตรชายไม่ใช่หรือ ? คงเป็นเพราะเก็บแตงเหน็ดเหนื่อยพากันพักผ่อนเร็วล่ะมั่ง รีบจัดการตามคำสั่งของท่านใต้เท้าเถิดจะได้รีบกลับกันหากผู้อื่นมาเห็นเขาจะเป็นเรื่องใหญ่”“นี่เจ้าจะกลัวอันใด ! ในหมู่บ้านนี้ไม่มีผู้ใดไม่เกรงกลัวใต้เท้ามู่หรอกและไม่มีผู้ใดกล้าท้าทายอำนาจของท่านหรอกนะ เช่นนั้นเจ้านำไฟนี่ไปโยนใส่หลังคาเรือนสิจะได้รีบกลับ” ชายคนเดิมเอ่ยขึ้นอีกครั้งพร้อมยื่นโคมไฟให้แก่เขาเพื่อโยนใส่หลังคาที่ทำด้วยฟางเท่านั้น หากโดนไฟเพียงเล็กน้อยก็ลุกไหม้ทันที“ก็ได้จะได้รีบกลับไปพัก” ชายอีกคนคว้าจับโคมไฟโยนใส่กระท่อมของจิ้นหยางเปลวไฟลุกขึ้นโหมกระหน่ำภายในพริบ

  • ชะตาชีวิตพลิกผันทะลุมิติมาปลูกแตงกวา   บทที่ 28  ข้ารักบุตรชายของท่าน

    บทที่ 28 ข้ารักบุตรชายของท่าน ฝั่งด้านใต้เท้ามู่เมื่อกลับถึงเรือนเขาร้อนใจโมโหโกรธเกรี้ยวที่ถูกท่านเจ้าเมืองชี้ดาบมาหาตนเช่นนี้อีกทั้งยังช่วยเหลือจิ้นหยางที่เป็นเพียงชาวบ้านธรรมดาเท่านั้น เขาเสียทั้งเงินทั้งผลประโยชน์ใต้เท้ามู่ไม่อาจจะอยู่นิ่งอีกต่อไป จึงสั่งการให้คนของตนไปจัดการกับเรือนของจิ้นหยางและหาทางกำจัดเจ้าเมืองหลี่ว์ไม่ให้อยู่ที่นี่ได้"เป็นเพียงท่านเจ้าเมืองคิดว่าข้าจะเกรงกลัวหรือไง ไม่ว่ากี่คนต่อกี่คนข้าก็ไม่กลัวและข้าจะทำให้ได้รู้ว่าเข้ามายุ่งกับข้าจะเจอดีอย่างไรน่าเจ็บใจนักที่ข้าไม่ได้แตงกวาของเจ้าจิ้นหยาง ในเมื่อข้าไม่ได้ผู้อื่นจะต้องไม่ได้เช่นกัน ผู้ใดอยู่ข้างนอกเข้ามาหาข้าเดี๋ยวนี้"“ขอรับท่านใต้เท้ามีเรื่องอะไรหรือขอรับ”“ข้ามีเรื่องให้เจ้าไปทำเมื่อท้องฟ้าไร้แสงดวงอาทิตย์เมื่อไหร่พาบ่าวรับใช้ไปจัดการแปลงผักของจิ้นหยางให้เสียหายให้หมดและจัดการเผาไฟในเรือนของจิ้นหยางด้วย ข้าเคยเตือนแล้วว่าอย่าได้แข็งข้อกับข้า เมื่อไม่เกรงกลัวจะต้องเจอบทลงโทษเช่นนี้ ”“ได้ขอรับแต่ว่าในเรือนมีหญิงชราอยู่ด้วย จะไม่เป็นอะไรหรือขอรับ ”“ก็ดีนะสิ ! ให้พวกนั้นตายให้หมดล้วนเป็นเรื่องที่ดีต่อข

  • ชะตาชีวิตพลิกผันทะลุมิติมาปลูกแตงกวา   บทที่ 27 มาช่วยไว้ทัน

    บทที่ 27 มาช่วยไว้ทันเสียงของอวิ้นหลี่ว์ดังกึกก้องควบม้ามาด้วยความรวดเร็วดวงตาแข็งกร้าวจ้องมองจิ้นหยางด้วยความเป็นห่วงก่อนจะหันมามองใต้เท้ามู่ด้วยสายตาเกรี้ยวกราด กระโดดลงจากม้าชักดาบชี้ไปยังหน้าของใต้เท้ามู่อย่างไม่เกรงกลัว โดยมีหลวนเหยาตามมาคอยอารักขาอีกคน เมื่อจิ้นหยางเห็นท่านเจ้าเมืองหลี่ว์ความหวาดกลัวภายในใจหายไปทันที“อะไรกัน ! ท่านเจ้าเมืองท่านกล้าหันปลายดาบมาทางข้าอย่างนั้นหรือ ? ข้าเพียงแค่สั่งสอนชาวบ้านที่โกงคนอื่นเท่านั้นเอง” ใต้เท้ามู่ใบหน้าถอดสีแต่ก็ไม่ได้มีท่าทางหวาดกลัวอะไรเลยแม้แต่น้อยแถมยังเอ่ยถามอวิ้นหลี่ว์อย่างไม่ร้อนตัวอีกด้วยซ้ำ“ไม่จริง! ข้าไม่เคยไปโกงอะไรท่านสักอย่าง มีแต่ท่านที่โกงชาวบ้าน ขู่เข็นทำร้ายร่างกาย” จิ้นหยางผลักร่างของบ่าวรับใช้ให้ออกห่างตนเพราะยามนี้มีทั้งอวิ้นหลี่ว์ที่คอยปกป้องยังมีหลวนเหยาอีกคน"ใต้เท้าสิ่งที่ท่านทำอยู่มิใช่สั่งสอนแล้วกระมั่ง เพราะเมื่อครู่ข้าได้ยินคำพูดของท่านทั้งหมดแล้ว " อวิ้นหลี่ว์เอ่ยน้ำเสียงทุ่มต่ำต่อว่าใต้เท้ามู่"ท่านเจ้าเมืองหลี่ว์ เรื่องนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับท่านสักนิด อย่าได้มาใส่ใจเลยขอรับกลับไปใช้ชีวิตเป็นท่านเจ้าเม

  • ชะตาชีวิตพลิกผันทะลุมิติมาปลูกแตงกวา   บทที่ 26 ยอมตายดีกว่า

    บทที่ 26 ยอมตายดีกว่าผ่านมาหลายวันฝั่งด้านลี่อินเมื่อกลับเรือนวันนั้นได้ไปถามท่านพ่อเกี่ยวกับจิ้นหยางจึงได้รู้ว่าตอนนี้จิ้นหยางไม่ได้เป็นหนี้ท่านพ่อแล้ว จึงไม่รู้จะเข้าหาจิ้นหยางเช่นไรเลย วัน ๆ เอาแต่นั่งถอนหายใจอย่างเบื่อหน่ายจนใต้เท้ามู่เดินผ่านมาเห็น“ช่วงนี้เจ้าเป็นอะไรไปไม่เห็นจะออกไปเที่ยวเล่นเหมือนอย่างแต่ก่อน แล้วเจ้าไปพบท่านเจ้าเมืองเป็นเช่นไรบ้างถูกใจเจ้าหรือไม่ ?”“ข้าเบื่อเจ้าค่ะท่านพ่อ ท่านเจ้าเมืองหลี่ว์ก็หล่อเหลาดีแต่ข้าไม่ชอบเขาเจ้าค่ะ ”“ทำไมล่ะในเมื่อเขาเองก็หล่อเหลาแถมยังมีฐานะเป็นถึงท่านเจ้าเมืองข้าว่าคู่ควรกับเจ้ามากที่สุดในย่านนี้แล้ว ”“ไม่เจ้าค่ะ ข้ามีบุรุษที่หมายตาเอาไว้แล้ว” ใบหน้าของจิ้นหยางโผล่เข้ามาในความคิดของลี่อินนางยิ้มน้อยยิ้มใหญ่พร้อมบอกกับบิดาว่ายามนี้ใจของนางมีคนที่หมายเอาไว้แล้ว“ห่ะ! ว่าอะไรนะแล้วเป็นบุตรชายเรือนใต้เท้าผู้ใดกัน หากร่ำรวยพอ ๆ กับตระกูลเราข้าเองก็เห็นด้วย เจ้าลองเอ่ยมา”“จิ้นหยางเจ้าค่ะบุรุษที่ข้าถูกชะตาแม้เขาจะไม่ได้ร่ำรวยแต่ก็ไม่ได้เป็นหนี้ท่านพ่อ แถมยังขยันกตัญญูต่อมารดาเพียงเท่านี้ก็ดีแล้วไม่ใช่หรือเจ้าคะ ”“เฮ้อ ! ข้าจะเป็นล

  • ชะตาชีวิตพลิกผันทะลุมิติมาปลูกแตงกวา   บทที่ 25 ประกายพลุช่างงดงาม

    บทที่ 25 ประกายพลุช่างงดงามอวิ้นหลี่ว์ลุกขึ้นเดิมตามจิ้นหยางมายืนอยู่ชานของเรือที่สามารถยืนมองบรรยากาศด้านนอกได้อย่างชัดเจน อวิ้นหลี่ว์เดินเข้าไปสวมกอดจากด้านหลังฝังจมูกเข้าซอกคอของจิ้นหยางพลางชื่นชม“วันนี้อากาศดีเสียจริง ไม่ว่าจะมองไปที่ใดช่างงดงามไปหมด เจ้าว่าอย่างนั้นหรือไม่?”“ไม่เลยขอรับ วันนี้เป็นวันที่อากาศร้อนและมองไปทางใดมีเพียงแสงไฟ ข้าชอบมองดวงจันทร์เสียมากกว่าอีกอย่างท่านเจ้าเมืองหลี่ว์ปล่อยข้าได้หรือไม่ ? ข้าไม่ชอบที่ท่านมาโอบกอดข้าราวกับคู่รักเช่นนี้ และที่นี่ไม่ใช่ที่ที่ข้าจะปรนนิบัติท่านได้”“ไม่ข้าไม่ปล่อยเจ้าจะทำไม ข้าแค่อยากกอดเจ้าเช่นนี้นาน ๆ ไม่ได้หรือ? มองไปบนท้องฟ้ายามนี้น่าจะถึงยามที่เขาจะจุดพลุแล้ว เจ้าคงไม่มีเวลามาเที่ยวเพราะต้องทำงานเลี้ยงมารดารู้หรือไม่ว่าข้าเช่าเรือลำนี้เพราะเจ้าเลยนะ ข้าทำเพียงนี้เจ้ายังไม่รู้ใจข้าอีกหรือ ” จิ้นหยางใจชื้นขึ้นมาเมื่อได้ยินว่าท่านเจ้าเมืองทำเพื่อตนแม้จะไม่อยากคิดไปไกลแต่คำพูดของเขายิ่งตอกย้ำทำให้จิ้นหยางคิดเข้าข้างตนเองไม่สนอะไรอีกต่อไป เขาหันกลับมาจ้องมองใบหน้าของอวิ้นหลี่ว์สายตาจ้องตาก่อนจะโอบกอดเขาแน่น จู่ ๆ ก็รู้สึกได

Higit pang Kabanata
Galugarin at basahin ang magagandang nobela
Libreng basahin ang magagandang nobela sa GoodNovel app. I-download ang mga librong gusto mo at basahin kahit saan at anumang oras.
Libreng basahin ang mga aklat sa app
I-scan ang code para mabasa sa App
DMCA.com Protection Status