หญิงงามถูกส่งตัวเข้าไปในกระโจมก่อนทหารองครักษ์จะออกมาด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
“คนก่อนก็ยังไม่ออกมาเลยไม่ใช่หรือ”
ทหารกระซิบถามหัวหน้าองค์รักษ์ ซึ่งอีกฝ่ายก็ส่ายหน้า
“จะทำอย่างไรได้ ในเมื่อรับสั่งให้หาคนใหม่มา เรามีหน้าที่ทำตามรับสั่ง”
หัวหน้าองครักษ์เหลียงชื่อซิ่นเองก็อ่อนใจ ไม่เคยพบเห็นการกระทำผิดแปลกเช่นนี้จากองค์ชายรองจ้าวชุนเทียนแห่งแคว้นจ้าวมาก่อน ด้วยนับแต่อายุแปดชันษาก็เข้าวัดสวดมนต์ ตั้งมั่นอยู่ในศีลในธรรมและบำเพ็ญตบะ เจ้าอาวาสเห็นว่าองค์ชายมีความตั้งใจจริงเพื่อบรรลุเซียนจึงแนะนำให้เข้าสำนักเซียนขั้นสูงชิงเฉิงที่เขาชิงซานซึ่งเป็นสถานที่บำเพ็ญเพียรปราณเซียนเพื่อบรรลุขึ้นไปอยู่บนสวรรค์ โดยญาติผู้พี่ของเจ้าอาวาสซึ่งไม่ได้ฝักใฝ่ทางสายกลางในโลกมนุษย์บำเพ็ญเพียรอยู่ และช่วยทูลสนับสนุนองค์ชายรองกับท่านเจ้าแคว้น หากกว่าท่านเจ้าแคว้นจะยินยอมก็ใช้เวลาถึงหนึ่งปีเต็ม
“ประหลาดนัก องค์ชายรองไม่เคยสนใจอิสตรี ทว่านับแต่ครึ่งทางที่ผ่านมา กลับรับสั่งให้หาหญิงงามเข้าไปปรนนิบัติทุกค่ำคืน ผิดวิสัยองค์ชายนัก”
ในกระโจมที่ประทับมีสัดส่วนชัดเจน พวกตนเข้าไปได้เพียงด้านหน้าที่เป็นส่วนรับรองเท่านั้น ไม่ได้รู้เห็นสิ่งใดมากไปกว่านั้น ในทุกเช้าวันหญิงงามจะนอนอยู่ในส่วนรับรองด้วยท่าทางหมดเรี่ยวแรงไร้สติ และหัวหน้าองค์รักษ์จะให้ทหารนำตัวไปส่งพร้อมทองอีกหนึ่งเท่าเสมอ
ส่วนองค์ชายไม่ได้ออกไปไหนอยู่แล้วนอกจากเวลาเดินทางที่นั่งบนรถม้า ด้วยปกติมักนั่งบำเพ็ญตบะอย่างสม่ำเสมอ ทว่าเมื่อรับสั่งให้ส่งหญิงสาวเข้าไปในที่ประทับก็ยังคงเก็บตัวเช่นเดิม มีเพียงหัวหน้าองครักษ์เหลียงผู้เดียวที่สามารถเข้าไปคอยรับคำสั่งภายในกระโจมได้
“ที่ผ่านมาเราพอจะจัดหานางโลมจากหมู่บ้านใกล้ๆ หรือเมืองที่เดินทางผ่านได้ แต่นี่ใกล้เข้าเขตหุบเขาชิงซานแล้ว การเดินทางไปที่นั่นมีเพียงป่าลึกกว่าจะถึงสำนักชิงเฉิงบนยอดเขา เราไม่มีทางหาหญิงงามมาให้องค์ชายได้แน่ ข้าคงต้องทูลเรื่องนี้อย่างจริงจัง แม้อาจทำให้ไม่พอพระทัยก็ตาม”
หัวหน้าองครักษ์เหลียงเอ่ยพลางถอนหายใจ
ภายในกระโจม นางโลมผู้มาใหม่ก้าวเข้าไปด้านในซึ่งเป็นส่วนเตียงนอนเมื่อได้ยินเสียงอนุญาต นางยินดีมาเมื่อได้รับข้อเสนอเป็นทองชนิดที่ไม่เคยได้รับมาก่อน แม้จะกังวลนิดๆ ว่าจะมาเจอกับผู้ชายเช่นไร ทว่าเมื่อเห็นร่างสูงโปรงเปลือยเปล่า นั่งมองมาด้วยท่าทางสง่าทว่ามีร่างหญิงสาวอีกหนึ่งคนนั่งหันหลังอยู่ระหว่างขาแกร่งขยับหัวขึ้นลงนางก็เข้าใจทันใด ใบหน้าร้อนวูบพร้อมอารมณ์ที่แล่นปราดทั่วกายด้วยเคยชินกับรูปรสกลิ่นเสียงที่ตนเห็นและสัมผัสได้เป็นอย่างดี
“มาสิ”
เสียงราบเรียบเอ่ยอย่างไม่น่าเชื่อว่ากำลังถูกปรนเปรอ ทว่าใบหน้าคมสันนั้นดูดีเกินกว่าจะปฏิเสธได้ นึกดีใจที่ตนได้รับเลือกให้มารับงานนี้อยู่ไม่น้อย
“เจ้าค่ะ”
เจ้าตัวรับคำพร้อมก้าวเข้าไปด้วยรอยยิ้มหวาน แรกทีเดียวก็ขุ่นใจนิดๆ ที่ไม่ได้มีเพียงตน หากมีหญิงอื่นอยู่ก่อนแล้ว แต่อย่างไรก็รับทองมาแล้วย่อมต้องทำหน้าที่ของตนให้เต็มที่
เพียงใบหน้าคมสันพยักพเยิดส่งสัญญาณ มือบางก็ถอดชุดของตนอย่างรู้งาน แล้วก็คุกเข่าลงเคียงข้างหญิงสาวอีกหนึ่งคนที่ยังคงทำหน้าที่ของตนอย่างไม่ขาดตกบกพร่องแม้จะเหลือบมองนางเล็กน้อย ซึ่งนางก็มองอีกฝ่ายแวบหนึ่งเช่นกัน รู้ดีว่าต่างก็ต้องเขม่นกันในใจ ทว่าไม่มีผู้ใดเอ่ยนอกจากหมายมั่นจะทำให้ผู้จ่ายค่าตัวพอใจตน
ปลายนิ้วแกร่งเคลื่อนมาแตะบนปลายยอดทรวงของนาง ผู้มาใหม่ก็ครางเสียงพร่าอย่างจงใจ ยิ่งถูกกดและวนไปมาจนยอดอกแข็งขืนสู้นางก็ยิ่งเสียงดังขึ้น
“ขยำสิ”
ชายหนุ่มผู้สง่างามสั่งอีก นางก็ยินดีทำอย่างเต็มใจ พร้อมกับที่เขาเปลี่ยนมากดปลายนิ้วไล้ริมฝีปากของนาง พยายามแทรกระหว่างกลีบปากนางจึงเผยอรับแล้วคลอเคลียปลายนิ้วแกร่งด้วยลิ้นของตน พร้อมกับรู้สึกว่าอารมณ์ของตนค่อยๆ ทะยานสูงขึ้นเพราะสายตาเหลือบมองความกร้าวแกร่งในมือและปากของหญิงสาวอีกคนเป็นระยะ ทั้งเจ้าตัวยังดูราวพึงใจยิ่งนัก
ครู่หนึ่งมือหนาข้างที่เหลือก็แตะศีรษะของผู้ที่มอบความหฤหรรษ์ให้ตนเป็นเชิงหยุด
“ข้าอยากเห็นพวกเจ้าแตะต้องกันและกัน”
สองสาวต่างก็ชะงักหันมองกันเองอย่างไม่คาดคิด ผู้มาใหม่ยังลังเลเพราะไม่เคยทำเช่นนี้ ทว่าหญิงสาวอีกคนกลับละจากกายแกร่งโถมมาหานางทั้งตัวจนล้มไปกองกับพื้น ปากอีกฝ่ายบดเบียดจูบปากนางอย่างเร่าร้อน เรือนร่างของนางถูกลูบไล้เน้นหนัก ขาเรียวของอีกฝ่ายแทรกมาตรงกลางขยับขึ้นลงอย่างจงใจ อกอวบอยู่ในมือนุ่ม แม้ตอนแรกตะขิดตะขวงใจทว่าสัมผัสนุ่มนิ่มของกันและกันกลับดึงดูดราคะจนไม่อาจห้ามใจ นางจูบตอบทั้งยังกอดรัดเคล้นมือบนสะโพกกลมกลึงเหนือร่างตนอย่างไม่นึกรังเกียจ
“ดี ทำได้ดี”
ผู้พูดมองภาพตรงหน้าอย่างพึงใจ นานจนหญิงสองนางต่างก็มอบความสุขให้แก่กันถึงที่สุดแล้วเขาก็กวักมือเรียก จากนั้นทั้งสองก็คลานขึ้นเตียงมอบรสพิศวาสให้กับเขาพร้อมกัน
“หาในป่าไม่ได้ ก็ต้องหาสักคนติดตามข้าไปด้วย”
องค์ชายตรัสเสียงเรียบเมื่อหัวหน้าองครักษ์ขอทูลบางอย่างหลังมื้อเสวยตอนเช้าในวันใหม่และส่งหญิงงามทั้งสองกลับไปแล้ว
“แต่เป็นเช่นนี้อาจไม่เหมาะนัก เข้าเขตหุบเขาชิงซานเป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์ ฝ่าบาทมาเพื่อบำเพ็ญเพียรควรละเว้นเรื่องเสื่อมเสีย และไม่อาจพาหญิงใดไปอยู่เคียงข้างในสำนักชิงเฉิงได้ ก่อนหน้านี้ฝ่าบาทอาจต้องการเก็บเกี่ยวสิ่งที่ไม่เคยเรียนรู้ให้เต็มที่ กระหม่อมจึงไม่ได้ทัดทานแต่แรก หากเวลานี้กระหม่อมขอบังอาจทูล...”
ถ้วยชาในมือองค์ชายลอยมากระทบหน้าผากหัวหน้าองครักษ์แล้วตกลงบนพื้นเขาจึงหยุด รู้สึกได้ถึงความเจ็บแปลบน่าจะได้เลือดหากก็ได้เพียงก้มหน้านิ่ง แม้จะประหลาดใจกับอารมณ์ร้อนผิดปกติขององค์ชาย ทว่าเรื่องแปลกมากกว่าอารมณ์ร้อนก็เห็นมาแล้วจึงจำต้องระงับจิตใจตน
“ที่ผ่านมาข้าคงใจดีเกินไป องครักษ์เช่นเจ้าจึงกล้าออกคำสั่งกับข้า”
น้ำเสียงเย็นชาและราบเรียบขององค์ชายรองนั้นต่างจากที่อยู่ในวังซึ่งมักเย็นและนิ่งให้ความรู้สึกสบายใจ ทว่าระยะหลังมานี้เขารู้สึกถึงความน่ากลัวอย่างบอกไม่ถูก
“กระหม่อมมิบังอาจ”
“ข้าบำเพ็ญเพียร ไม่ใช่ออกบวช มีสัมพันธ์กับผู้หญิงมิใช่เรื่องต้องห้าม หาหญิงสาวที่เต็มใจเข้าป่ากับเรา หากเข้าสำนักแล้วข้าจะยกให้เจ้า”
“พ่ะย่ะค่ะ”
หัวหน้าองครักษ์เหลียงรับคำทั้งที่ไม่อยากได้รางวัลที่องค์ชายตรัสแม้แต่น้อย ก่อนจะถอยออกจากกระโจมที่ประทับไป
“หึ...ตัณหาราคะ ไม่มีในสำนักเซียนจริงน่ะหรือ ข้าไม่เชื่อเด็ดขาด แต่นั่นแหละ จะมีหรือไม่ ไม่สำคัญ หากข้าต้องการย่อมต้องได้”
ผู้ที่เวลานี้คือองค์ชายชุนเทียนเอ่ยอย่างกระหยิ่มใจ
=====
ฝากติดตามด้วยนะคะ^^
ในตอนท้ายของเรื่อง 'สวรรค์เย็นชา ข้าคือชายาปีศาจ' ไรต์เฉลยไปแล้วเนอะ ว่าตัวละหลักของเรื่องนี้เป็นใคร แต่อาจยังไม่เผยตัวแต่แรก ซึ่งมีเพราะอะไร ต้องติดตามกันเรื่อยๆ ค่า^^
“ได้โปรดเถิด ข้าเหนื่อยเหลือเกิน”ดวงหน้างดงามสะบัดอย่างทุรนทุราย เหงื่อซึมเต็มหน้าผาก จนเมื่อร่างสูงใหญ่กระตุกสั่นรุนแรงพร้อมโถมกายมาเต็มตัว อวี้หลันก็ผวาอีกครั้งทั้งกรีดร้องแหบพร่าอย่างสุดกลั้น ขณะหูแว่วเสียงเข้มคำรามดังไม่ต่างจากตนก่อนร่างหนาหนักจะทิ้งลงมาซุกซบนาง แขนเรียวโอบกอดเรือนกายใหญ่โตไว้อย่างเต็มอกเต็มใจพลางยิ้มบางทั้งที่น้ำตาซึมเป็นครั้งแรกที่ได้รับบทรักในฐานะอวี้หลัน หากก็สุขล้นหัวใจเหมือนได้กลับมาโอบกอดคนที่ตนรักดังเช่นเมื่อครั้งเป็นเสี่ยวเม่ย“ข้ารักท่าน พี่เยี่ยนเฉิน”นางเอ่ยกับอีกฝ่ายเสียงเบา“ข้าก็รักเจ้ามากอวี้หลัน”เยี่ยนเฉินเอ่ยตอบแล้วจูบหน้าผากชื้นเหงื่อ หัวใจชุ่มฉ่ำกับคำรักของผู้เป็นดั่งดวงใจเพียงนางเดียวของตนอวี้หวันยิ้มปลาบปลื้มกับคำรักจากอีกฝ่ายมือบางลูบไหล่กับแผ่นหลังกว้างแล้วก็รู้สึกได้ถึงรอยแผลหลายรอยที่ดูคล้ายแซ่ ทำให้ยิ่งขอบตาร้อนผ่าวชายหนุ่มต้องเจ็บปวดทรมานเพียงไหนหนอเมื่อรับทัณฑ์สายฟ้า และผู้ที่ไม่เคยยอมอยู่ภายใต้ผู้ใดกลับต้องเป็นทหารยามในวังสวรรค์ หัวใจแกร่งหยิ่งทระนงของบุรุษที่นางชื่นชมต้องทุกข์ทนเพียงใด“พี่เยี่ยนเฉิน ข้าขอบคุณท่านนักที่ไม่ละทิ้ง
“อื้ม หอมชื่นใจ”ร่างสูงใหญ่ที่โอบกอดจากด้านหลังพร้อมกับหอมลงมาบนแก้มตนทำให้อวี้หลันที่กำลังจะเข้านอนสะดุ้ง ส่วนม่านม่านซึ่งจัดเตรียมที่นอนอยู่ก็ตาโตรีบเลี่ยงหลบหนีทันใด เพราะกลัวว่าจะถูกทำให้หายไปอีก“อ้าว ม่านม่าน ไปไหนล่ะ”“คงกลัวจะหายไปน่ะสิ”เยี่ยนเฉินบอกพร้อมยิ้มมุมปากแล้วก็ต้องร้องเบาๆ“โอ๊ย นิ้วเล็กแค่นี้พิษร้ายแรงจริงเชียว”พร้อมพูดชายหนุ่มก็จับมือบางมาจุมพิตส่งสายตาคมกริบวาววามให้เจ้าของร่างนุ่มนิ่ม“ยังยิ้มอีก ปีศาจนิสัยไม่ดี”อวี้หลันเสียงขุ่น ไม่ชอบใจนักที่อีกฝ่ายนึกสนุกเมื่อทำให้ม่านม่านกลัวเยี่ยนเฉินเพียงหัวเราะในลำคอแล้วจูบแก้มนุ่มซ้ำอีกครั้งก่อนไต่ลงซอกคอหอม ขณะที่หญิงสาวย่นคอหลบเลี่ยง“อื้อ อย่า...”“โธ่...อวี้หลันคนดี ท่านพ่อเจ้าให้ข้าปลูกดอกไม้แทบจะทั้งภูเขากว่าจะเสร็จก็หลายเดือน มีอย่างที่ไหนให้องครักษ์ไปปลูกต้นไม้ดอกไม้ เจ้าจะทรมานข้าอีกคนหรืออย่างไร”เยี่ยนเฉินบ่นอุบ นับแต่มาถึงเผ่าบุปผา บิดาของนางก็เอาแต่มองเขาตาขวางแต่ไม่อาจไล่ได้เพราะเป็นราชโองการ แล้วเขาก็ถูกสั่งให้ปลูกต้นดอกอวี้หลันด้วยมือตนเอง จากด้านหลังกระท่อมริมเขาที่ตนอาศัยไปตามเส้นทางขึ้นเขา เหมือนเ
“เขาปกป้องข้า ไม่ผิดอันใด”หญิงสาวเอ่ยสวนพร้อมทั้งรีบขยับไปคุกเข่าต่อหน้าท่านปู่ของตนพลางส่งสายตาขอร้องให้เห็นใจ“ทูลฝ่าบาท ทหารผู้นี้เป็นทหารองครักษ์ที่ฮองเฮารับสั่งแต่งตั้งที่มีความชอบเมื่อวานนี้เพคะ เขาทำหน้าที่ระมัดระวังช่วยเหลืออวี้หลัน นับว่าเหมาะสมแล้วเพคะ”องค์จักรพรรดิรับรู้ในข้อนี้จากหัวหน้าองครักษ์แล้ว ราชินีสวรรค์ไม่ได้รู้เห็นว่าเยี่ยนเฉินผู้นี้คือปีศาจผู้มีดาวชะตามาร ทั้งกายยังมีปราณเทพเซียนกลบไอปีศาจ หากมีความชอบจะได้รับการแต่งตั้งก็คงไม่ผิดนัก พระองค์เองก็ได้รับรายงานถึงพฤติกรรมที่ตรงเผงและอยู่ในรูปในรอยไม่เคยผิดวินัยของอีกฝ่ายเสมอ ทั้งฝีมือยังเก่งกาจหาตัวจับยาก หากจะแต่งตั้งเป็นองครักษ์ก็ย่อมได้“เทพธิดา ท่านเอ่ยราวรู้จักทหารยามผู้นี้เป็นอย่างดี น่าแปลกนัก”ชิงหลุนมองด้วยสายตาสงสัยอวี้หลันเม้มปาก รู้ว่ากำลังถูกหยั่งเชิง หากยอมรับว่ารู้จักคุ้นเคยทหารยามเป็นอย่างดี ก็จะทำให้ตำแหน่งเทพธิดาบุปผาเสียหาย นางสูดหายใจเข้าจนเต็มปอดก่อนจะเอ่ยขึ้น“ไม่รู้จักได้อย่างไร ในเมื่อฮองเฮาแต่งตั้งทหารผู้นี้เป็นทหารองครักษ์ แล้วรับสั่งให้ดูแลคุ้มกันข้ากลับเผ่าบุปผา”นางพยายามส่งสายตาขอกั
“เยี่ยนเฉินหรือ?”ราชินีสวรรค์มองทหารยามอย่างพินิจ ท่าทางองอาจดูไม่หวั่นเกรงต่อผู้ใด สายตามั่นคงไม่วอกแวก ทั้งยังปราดเข้ามาสยบสัตว์เวทที่แม้แต่เทพเซียนผู้เป็นเจ้าของยังไม่อาจปราบได้ในชั่วพริบตา ทำให้รู้สึกว่าชายหนุ่มผู้นี้ไม่ธรรมดาเลย“ความชอบของเจ้าครั้งนี้ ข้าคงต้องมีรางวัลเสียแล้ว”“เป็นหน้าที่กระหม่อมอยู่แล้วพ่ะย่ะค่ะ”เยี่ยนเฉินเอ่ยเสียงเรียบอวี้หลันจ้องมองชายหนุ่มอย่างไม่ละสายตา พยายามจะสบตาอีกฝ่ายเพื่อความแน่ใจ ทว่าเขากลับมองต่ำเพียงอย่างเดียว ทำให้นึกขัดใจนัก“ถึงอย่างไรข้าก็อยากตอบแทนน้ำใจเจ้า”“กระหม่อมไม่...”“เอาอย่างนี้ไหมเพคะ ในเมื่อเขาบอกว่าเป็นหน้าที่ ฮองเฮาก็แต่งตั้งเขาเป็นองครักษ์ให้เป็นรางวัลแทนสิ่งของ”อวี้หลันถือโอกาสเสนอ กระนั้นชายหนุ่มก็ยังไม่มองตนหญิงสาวเคืองจนแอบถอนหายใจ“อืม นั่นสินะ เช่นนั้นข้าจะบอกกับหัวหน้าองครักษ์ให้แต่งตั้งเจ้าเป็นองครักษ์สวรรค์ก็แล้วกัน”“เป็นพระมหากรุณาพ่ะย่ะค่ะ”เยี่ยนเฉินจำต้องรับไว้ แต่ก็ยังก้มหน้าราวเจียมตนเช่นเดิมผู้เป็นเทพธิดาบุปผาเม้มริมฝีปาก กรุ่นโกรธคนที่หมางเมินต่อตนราวไม่สนใจไยดีเมื่อมีโอกาสอยู่ในที่พักของตนยังตำหนักราชิ
“ข้ารู้ว่าเจ้ากำลังคิดหนี”ไท่จื่อซึ่งเป็นผู้คุมตัวตนมาเอ่ยขึ้น ทำให้เยี่ยนเฉินเหลือบมองอย่างหงุดหงิด หากก็ไม่เอ่ยสิ่งใด“แต่เจ้าอาจหลงลืมไปว่าเทพธิดาบุปผาก็มักจะขึ้นมาบนสวรรค์อยู่เนืองๆ ในโอกาสต่างๆ”คำบอกนี้ทำให้เยี่ยนเฉินหยุดเดิน ขณะที่ผู้เป็นไท่จื่อเพียงก้าวเดินต่อไปไม่หันกลับ“อะแฮ่ม”ผู้ที่กระแอมคือหวังหย่งผู้ติดตามไท่จื่อแล้วผายมือให้ปีศาจหนุ่มเดินต่อเยี่ยนเฉินจำต้องก้าวต่อเพื่อไปยังแท่นรับสายฟ้า หากก็ครุ่นคิดไปด้วย แม้แปลกใจที่ไท่จื่อสวรรค์เอ่ยกับตนเช่นนี้ แต่ก็เป็นความจริงที่ว่าถ้าหนีเขาอาจไม่ได้พบเจอกับอวี้หลันอีก สวรรค์คงต้องหาทางคุ้มกันเทพธิดาเผ่าบุปผาเข้มงวดกว่าก่อนหน้านี้ ทว่าหากอยู่บนสวรรค์ก็ยังมีโอกาสได้เห็นคนที่ตนรักเมื่อมาถึงยังแท่นรับสายฟ้า ไท่จื่อก็เอ่ยขึ้นอีกครั้ง“หญิงสาวที่เจ้ารักอยู่ไกลเกินเอื้อม หากเจ้าจริงใจต่อนาง ย่อมรู้ว่าควรทำอย่างไร ความรักอาจไม่จำเป็นต้องครอบครอง เพียงได้เห็นผู้ที่ตนรักใช้ชีวิตอย่างเป็นสุขก็เพียงพอ ทุกสิ่งอย่างขึ้นอยู่กับการกระทำของตัวเจ้า”จิ่นลี่นั้นไม่ได้ต้องการให้หลานสาวตนลงเอยกับปีศาจตนนี้ แต่ก็รู้ดีว่าหัวใจไม่อาจบังคับได้ ทั้งยัง
ร่างสูงใหญ่ก้าวตามผู้เป็นอาเข้าประตูสวรรค์มาด้วยใบหน้านิ่งขรึม แม้ไม่เต็มใจและมีแผนในหัว หากก็พยายามตีสีหน้าเฉยเข้าไว้เพื่อที่ราชาปีศาจจะได้อ่านความในใจตนไม่ออก พลางสายตาก็กวาดมองสวรรค์ชั้นฟ้าที่งดงามด้วยสายตาดูแคลน ไม่มีความชื่นชมหรือตื่นตาตื่นใจแต่อย่างใด กระทั่งมาถึงยังท้องพระโรงที่มีร่างขององค์จักรพรรดินั่งอยู่บนบัลลังก์และไท่จื่อยืนอยู่ด้านหนึ่ง“องค์จักรพรรดิ”ราชาปีศาจเอ่ยขึ้นพร้อมก้มหัวคำนับเล็กน้อยขณะที่เยี่ยนเฉินยืนเฉย ผู้เป็นอาจึงเอ่ย“เยี่ยนเฉิน”ผู้ถูกเรียกถอนหายใจ ก่อนจะจำใจเอ่ยเสียงดังทั้งที่ยืนนิ่ง“เยี่ยนเฉินคำนับองค์จักรพรรดิ”“เจ้ายอมมาถึงที่นี่ คงเตรียมใจไว้แล้วสินะ”จักรพรรดิจินหวงเอ่ยขึ้นเสียงเรียบ หากสายตาที่มองชายหนุ่มรูปร่างองอาจทว่าหน้าตางามล้ำโดดเด่นนั้นบอกชัดว่าไม่ชอบใจ เพราะอีกฝ่ายทำให้หลานสาวสุดรักต้องเสียศักดิ์ศรี“จะทำอย่างไรก็เชิญ”เยี่ยนเฉินเชิดหน้ามองตรงไม่หลบเลี่ยง“ความผิดเจ้าใหญ่หลวงนัก ทั้งยึดสำนักชิงเชิง ปลุกระดมบังคับศิษย์ในสำนักให้แข็งข้อก่อกบฏต่อขุนเขากลางเวหา แล้วยัง...”“ลอบเข้าไปอุ้มเทพธิดาบุปผา...”“บังอาจ!”ร่างสูงขององค์จักพรรดิลุกขึ้นห