LOGINโปรย :เธอทะลุมิติไปเป็นสาวใช้ส่วนตัวที่เขาซื้อมาจากครอบครัวที่เก็บขยะขาย ในยุคปัจจุบันก็ทำงานจนตัวตาย มาอยู่อดีตก็กลายเป็นคนอัตคัดขัดสน ชีวิตจะลำบากซ้ำซ้อนไปถึงไหน เรื่องนี้ยังอยู่ในเขตอีสานเหมือนเดิม แต่ภาษาที่ใช้เป็นภาษากลางทั้งหมด ใครชอบแนวนี้ลองอ่านดูนะคะ ฝากกดหัวใจกดติดตามด้วยค่ะ หากใครอ่านแล้วไม่ถูกจริตกดข้ามได้เลยน้า จากสาวทำงานร้านสะดวกซื้อต้องกลายมาเป็นคนใช้ที่ถูกซื้อให้มาดูแลผู้ป่วยอัมพาตครึ่งซีก แต่ไม่เป็นไรเธอลำบากมามาก งานแค่นี้เธอสู้ไหว แต่ความจนนี่สิเธอจะจัดการกับมันอย่างไรดี ปู่กับย่าและน้องชายถึงจะได้กินอยู่สบายขึ้น
View More“นวลลลลล!”
เสียงทุ้มพร่าตะโกนร้องหาสาวใช้ดังก้องไปทั้งห้อง เมื่อไม่มีเสียงขานรับเขาก็ตะโกนขึ้นอีกครั้งด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด
“นวลลล!” แววตาของเขาดูเกรี้ยวกราดเกือบหกโมงเย็นแล้วทำไมเธอยังไม่มาเตรียมข้าวปลาอาหารให้เขาอีก ด้วยความโมโหเจ้าของร่างใหญ่ที่ขยับกายได้เพียงฝั่งเดียวยื่นมือข้างซ้ายที่ยังพอมีแรงอยู่กวาดข้าวของที่วางอยู่บนโต๊ะฝั่งเดียวกันลงจนหมดเกลี้ยง
เพล้ง!
ข้าวของและเศษแก้วแตกกระจัดกระจายเกลื่อนพื้นห้อง พร้อมกับร่างสูงใหญ่ที่กระเถิบกายมาจนสุดเตียงและร่วงลงมากองอยู่ที่พื้น
ตุบ!
“โอ๊ย!”
มือและขาข้างซ้ายที่โดนแก้วทิ่มมีเลือดไหลออกมาไม่หยุด
ผู้เป็นแม่ที่เพิ่งอาบน้ำแต่งตัวเสร็จก็รู้สึกตกใจเมื่อได้ยินเสียงดังมาจากห้องลูกชาย
“ตาเชษฐ์!”
อุทานชื่อลูกแล้วพวงแก้วก็รีบสาวเท้าออกจากห้องและวิ่งลงมาที่ชั้นล่างของบ้าน
แกรก! เสียงเปิดประตูเข้ามาพร้อมกับร่างผู้เป็นแม่
“เกิดอะไรขึ้น” พวงแก้วเอ่ยออกมาด้วยความตกใจเมื่อเห็นลูกชายคนโตนอนอยู่ข้างเตียง “เชษฐ์! เชษฐ์เป็นอะไร” เมื่อรู้ว่าตัวเองพยุงลูกลุกขึ้นคนเดียวไม่ได้จึงเรียกหาสาวใช้ “ขิง! อ้อย! อยู่ไหนมาช่วยฉันหน่อย” พวงแก้วตะโกนเรียกด้วยความร้อนใจ อดแปลกใจว่าเนื้อนวลสาวใช้ประจำตัวลูกชายหายไปไหน
เกือบนาทีที่ก็ไม่มีใครขานรับพวงแก้วจึงตะเบ็งเสียงขึ้นอีก
“นังขิง! นังอ้อย! พวกแกหายไปไหนกันหมด หรือตายกันหมดแล้ว” พวงแก้วเดินเข้าไปเก็บเศษแก้วออกจากตัวลูกชายในใจรู้สึกโกรธเนื้อนวลจนควันออกหู สุรเชษฐ์รู้สึกเจ็บจนต้องนิ่วหน้า
สองแม่ลูกกำลังทำอาหารในครัวด้วยความสบายใจเมื่อได้ยินเสียงร้องเรียกแหบแห้งจึงหยุดฟัง
“เสียงคุณนายนี่แม่” น้ำขิงบอกแม่
“ใช่เหรอ?” น้ำอ้อยยังได้ยินไม่ค่อยชัดนักเพราะในกระทะยังทอดปลาทับทิมตัวโตเสียงซ่า ๆ
“นังขิง! นังอ้อย!” พวงแก้วตวาดขึ้นอีกเสียงดังลั่นบ้าน
“จริงด้วย เสียงมาจากห้องคุณเชษฐ์” น้ำอ้อยกล่าว ว่าแล้วสองแม่ลูกก็วิ่งหน้าตื่นไปที่ห้องของสุรเชษฐ์
พวงแก้วเดินไปเดินมาในห้องลูกชายอย่างร้อนใจ เธอไม่สามารถพยุงร่างลูกชายตัวเองขึ้นจากพื้นได้
“นังนวลหายหัวไปไหน” พวงแก้วหันมาถามลูกชายด้วยวาจาเกรี้ยวกราด
“ผมก็ไม่รู้เหมือนกันครับ ผมเรียกนานแล้วก็ไม่เห็นเข้ามา” สุรเชษฐ์พูดพลางสูดปากด้วยความเจ็บและและเริ่มปวดแขนขาฝั่งที่ยังใช้งานได้
เสียงประตูถูกเปิดเข้ามาพร้อมกับร่างของน้ำอ้อยกับลูกสาว
“คุณนายมีอะไรหรือคะ”
“หูแตกหรือไงร้องเรียกตั้งนานทำไมไม่ได้ยิน” พวงแก้วว่าให้คนใช้ทั้งสองด้วยแววตาดุดัน
“เอ่อ…ฉันกับขิงทำกับข้าวอยู่ในครัวก็เลยไม่ได้ยินค่ะ” น้ำอ้อยอธิบายเสียงอ้อมแอ้ม ครัวอยู่ปีกบ้านฝั่งตะวันตกส่วนห้องของสุรเชษฐ์อยู่ปีกบ้านฝั่งตะวันออก พอปิดห้องแล้วก็เลยไม่ค่อยได้ยินเสียง สายตาปราดมองเห็นเจ้านายที่นอนอยู่บนพื้นก็ต้องตาโต “คุณเชษฐ์ ไปนอนอะไรอยู่ตรงนั้นคะ” น้ำอ้อยปรี่เข้าไปพยุงร่างสุรเชษฐ์ขึ้นพร้อมกับลูกสาวคนละข้าง
“แล้วนวลมันหายไปไหนทำไมปล่อยให้ลูกชายฉันอยู่คนเดียว”
น้ำอ้อยยังไม่ได้ตอบเพราะกำลังจะหามร่างสูงใหญ่ของเจ้านายหนุ่มขึ้นบนเตียงนอนอีกครั้ง “หนึ่ง สอง สาม…อึ๊บ” ทั้งสองหามสุรเชษฐ์ขึ้นบนเตียงหน้าดำหน้าแดง
น้ำอ้อยไปหยิบสำลีและน้ำยาล้างแผลมาเช็ดแผลให้เขา
“มันแอบไปอู้ที่ไหนบอกฉันมา” พวงแก้วยังไม่จบง่าย ๆ อุตส่าห์ซื้อมาด้วยเงินราคาแพงแต่เนื้อนวลกลับทำหน้าที่บกพร่อง
“เอ่อ…” น้ำอ้อยอึกอักส่วนน้ำขิงเอาแต่ยืนก้มหน้า
“เกิดอะไรขึ้นครับแม่” สุรศักดิ์และภรรยากับลูกชายและหลานสาวรีบวิ่งมาจากลานหน้าบ้านเมื่อได้ยินเสียงแม่ร้องตะโกนเสียงดัง
“คุณพ่อ!” วนิดาลูกสาววัยแปดขวบวิ่งเข้าไปหาผู้เป็นพ่อ
“ฉันถามแกไม่ได้ยินหรือไง” พวงแก้วไม่สนใจตอบลูกชายอีกคน แต่กลับหันไปถามน้ำอ้อยต่อ
“เอ่อ…นวลไปเข็นน้ำค่ะ”
“ทำไมต้องไป ในเมื่อไม่ใช่หน้าที่ของมัน” สุรเชษฐ์ถามเสียงขุ่น
“นวลมันอาสาไปเองค่ะ สงสัยขี้เกียจดูแลคุณเชษฐ์” น้ำขิงเอ่ยขึ้นเมื่อสบโอกาสที่จะใส่ร้ายเนื้อนวล
สุรเชษฐ์ได้ยินก็ขบกรามจนเป็นสันนูนด้วยความโกรธ
“นังนวล!” พวงแก้วเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันชื่อเนื้อนวลออกมา “วันนี้ไม่ต้องให้มันกินข้าวเย็น”
“ค่ะ” น้ำอ้อยรับคำคุณนายแล้วหันไปส่งยิ้มให้ลูกสาว
“คุณแม่ครับ ยังไงนวลเขาก็ทำงานนะครับ” สุรศักดิ์แย้งขึ้น จะไม่ให้เธอรับประทานอาหารเย็นได้อย่างไร ถึงเธอจะไม่ได้ดูแลสุรเชษฐ์อย่างไรเนื้อนวลก็ยังไปเข็นน้ำคนเดียวซึ่งก็ถือว่าเป็นงานหนักเหมือนกัน
“แกไม่ต้องมายุ่ง” พวงแก้วหันไปต่อว่าลูกชายคนรอง จากนั้นก็สั่งน้ำขิง “ไปเอาผ้ามาเช็ดตัวให้คุณเชษฐ์”
“ไม่ต้องครับ งานใครคนนั้นก็ต้องรับผิดชอบ” สุรเชษฐ์กล่าวห้ามแม่ ในใจรู้สึกโกรธเนื้อนวลจนตัวสั่น
พวงแก้วยังไม่ทันพูดอะไรก็มีเสียงชาวบ้านผู้ชายมาร้องเรียกอยู่หน้าบ้าน “คุณนายพวง!”
ทุกคนที่อยู่ในห้องนั้นจึงเดินลงมาดู ปล่อยให้สุรเชษฐ์นอนอยู่ในห้องเพียงลำพัง
เดินออกมาหน้าบ้านจึงรู้ว่าเป็นเสียงของคำผาที่อยู่ข้างบ้านนั่นเอง
“มีอะไรเหรือตาผา” พวงแก้วถามเพื่อนบ้านที่ไม่ค่อยถูกกันนักออกไป
“หวายวิ่งมาบอกว่านวลนอนสลบอยู่ริมฝายน้ำแน่ะ คุณนายให้คนไปดูมันหน่อยสิ” เมื่อสักครู่กอหวายลูกสาวคนเล็กของคำผาวิ่งจากฝายเก็บน้ำมาบอกว่าเนื้อนวลไปเข็นน้ำแล้วเป็นลมอยู่ริมฝายน้ำ คำผาจึงรีบมาบอกพวงแก้ว
“สลบเหรอ?” พวงแก้วเอ่ยเสียงเบา ทุกคนที่ยืนอยู่ตรงนั้นใบหน้าเผือดสีไปตาม ๆ กัน
เนื้อนวลใช้เวลาทำความสะอาดห้องเขาจนหอมสะอาด เวลาล่วงเลยไปเกือบสี่โมงเย็น เวลาทำงานของเธอคือตั้งแต่เขาตื่นนอนจนถึงเขาหลับ เธอถึงจะได้พัก แต่ตอนนี้ภายในห้องของเขาเย็นสบาย และกลิ่นหอมกว่าห้องเธอมาก ได้นั่งพักอยู่ในนี้สักพักก็คงดีไม่น้อย สุรเชษฐ์ตื่นขึ้นมาหลังจากเผลอหลับไปในช่วงบ่าย เขานั่งเอนกายอยู่ท่าเดิม ไม่นานก็นิ่วหน้าแล้วร้องโอดโอย “โอ๊ย! ปวดท้อง” สุรเชษฐ์ว่าพลางใช้มือซ้ายกุมท้องตัวเองไปด้วย ทำตัวโก่งตัวงอ เนื้อนวลยังทำหูทวนลมเดินเก็บของอีกสองสามอย่างให้เข้าที่ เห็นท่าทีเมินเฉยของสาวใช้เขาจึงพูดขึ้นอีก “ไม่ได้ยินหรือไง ฉันบอกว่าฉันปวดท้อง” “ได้ยินแล้วค่ะ แล้วจะให้ทำยังไงคะฉันไม่ใช่หมอ” เนื้อนวลยังพูดจายียวน อยากเล่นตัวดีนัก “ก็ไปเอาข้าวมาให้ฉันกินสิ ฉันหิวข้าวจนไส้จะขาดแล้วเนี่ย” “หึ” เนื้อนวลกลั้วขำในลำคอก่อนมุมปากจะเผลอยกยิ้มขึ้นจาง ๆ เก็บของเสร็จเธอก็เดินออกจากห้องเขาไป เดินเข้ามาในห้องครัวที่อยู่โซนตะวันตกแล้วมองหาอาหาร แต่ก็ไม่เจอ สองแม่ลูกนั้นคงยังไม่กลับเข้ามาจากการทำแปลงผัก สายต
ให้ตายเถอะ! ผู้หญิงคนนี้ช่างไร้ยางอายสิ้นดี เกิดมาเขายังไม่เคยให้ผู้หญิงคนไหนเห็นร่างเขาตอนเปลือยเปล่าแบบนี้มาก่อน เว้นเสียแต่ภรรยาของเขาเพียงคนเดียว เธอช่างเป็นผู้หญิงที่…หน้าด้านเหลือทน มีผู้หญิงคนไหนกันที่อยู่กับชายแปลกหน้าที่นอนเปลือยกายล่อนจ้อนแบบนี้ในห้องสองต่อสองเหมือนเธอบ้าง ถ้าคนอื่นรู้เข้ามีหวังเธอไม่มีทางหาสามีได้แน่ อย่างว่าล่ะนะก็คนไม่ได้เรียนหนังสือก็คงไม่รู้ว่าอะไรควรหรือไม่ควร พ่อจ๋า! แม่จ๋า! ช่วยลูกด้วย ผมกำลังโดนแทะโลมทางสายตา สุรเชษฐ์พร่ำบ่นในใจเมื่อคิดว่าสาวใช้คงใช้สายตาจ้องมองเขาไปทั้งตัวมือและผ้าผืนเล็กสัมผัสกายเขาด้วยน้ำหนักที่พอดีไปทุกซอกหลืบของร่างกาย ใบหน้าของเขาเริ่มร้อนผ่าว และดูเหมือนว่ามันจะร้อนมากขึ้นเรื่อย ๆ อย่างไม่มีที่สิ้นสุดเนื้อนวลทำเหมือนเป็นเรื่องธรรมดาสามัญเพราะเธอคุ้นเคยกับร่างกายของคนป่วยทุกเพศทุกวัยมาเท่าไรแล้ว จะให้เกิดความเขินอายอย่างนั้นหรือ…ไม่มีทาง คนตัวเล็กกว่ามองผู้ชายที่นอนหลับตาปี๋แล้วส่ายหัวไปมา อายุสามสิบสาม เมียหนึ่ง ลูกหนึ่ง แล้วยังจะอายอะไรอีก พ่อคุณเอ๊ย!สุรเซษฐ์ลืมตาขึ้นมาด้วยความเอียงอายเมื่อเนื้อนวลผละมือออกห่า
ดลยาในร่างเนื้อนวลฝืนเคี้ยวข้าวกับน้ำพริกปลาทูผักลวกแล้วกลืนลงคอ เธอต้องกินข้าวกินยา เธอจะมาตายตอนนี้ไม่ได้เด็ดขาด ดีที่บ้านนายจ้างกินข้าวสวยเป็นหลักจึงทำให้กินง่ายขึ้นมาอีกนิด “กินเสร็จแล้วไปป้อนข้าวป้อนยาคุณเชษฐ์ด้วย” น้ำขิงออกคำสั่งราวกับเป็นเจ้านายของเธออีกคน เนื้อนวลไม่ได้สนใจในคำพูดนั้น เธอยังนั่งเคี้ยวข้าวอย่างช้า ๆ เหมือนไม่มีใครอยู่ในห้องนี้ “ที่ฉันพูด แกได้ยินไหม” น้ำขิงเริ่มใส่อารมณ์และเอื้อมมือไปจับไหล่เนื้อนวลให้หันหน้ามาคุยด้วย เมื่อเห็นอีกฝ่ายยังนิ่ง เนื้อนวลหันหน้ามาหามองด้วยสายตาเอาเรื่อง กะพริบตาหนึ่งครั้งด้วยความอ่อนอกอ่อนใจแล้วเอ่ยถามออกไปสั้น ๆ “หน้าที่?” อย่ามาทำเก่งกับเนื้อนวลคนนี้เป็นอันขาด ชีวิตเธอผ่านอะไรมามาก เด็กอ่อนหัดอย่างน้ำขิงอย่ามาคิดเสี้ยมสอน เห็นสายตาของเนื้อนวลก็ทำให้น้ำขิงถึงกับขนลุกเกรียว มือที่จับอยู่บนบ่าค่อย ๆ ลดลงข้างลำตัวช้า ๆ เธอก็อธิบายไม่ถูกเหมือนกันว่าทำไมต้องเกรงกลัวสายตาคู่นั้น เหมือนไม่ใช่แววตาใสซื่อของเนื้อนวลคนเดิม ก่อนจากไปน้ำขิงก็ไม่วายพูดขึ้นอีก “ฉันไปทำงานก่อ
น้ำขิงเดินช้าลงเมื่อเห็นพวงแก้วยืนรออยู่หน้าบ้าน “เป็นไง” “ไม่ยอมกินข้าวอีกแล้วค่ะคุณนาย” “อืม…ปล่อยเขาไปก่อนฉันก็จนปัญญา แกไปทำงานอย่างอื่นต่อเถอะ เอาไว้ให้นวลมันตื่นก่อนค่อยให้มันไปดูแลตาเชษฐ์เอง” พวงแก้วเองก็เหนื่อยใจกับลูกชายเช่นกัน ทำอะไรก็ไม่ถูกใจสักอย่าง คุ้มดีคุ้มร้ายสลับกันทุกวี่วัน “ค่ะ” น้ำขิงรับคำแล้วเดินไปที่สวนหลังบ้านที่มีขนาดค่อนข้างกว้าง พื้นที่ตรงนั้นพวงแก้วใช้สำหรับปลูกพืชผักและไผ่ไว้สำหรับขาย คนอย่างพวงแก้วไม่เคยปล่อยให้เวลาเสียไปโดยเปล่าประโยชน์โดยไม่ได้เงินมา ทั้งที่ตอนนี้สามีของเธอก็เป็นถึงทหารยศร้อยเอกเธอก็ยังต้องขายผักเกือบทุกวัน ดวงตากลมภายใต้ขอบตาร้อนผ่าวกลอกมองไปรอบทิศ มือเล็กยกขึ้นแตะหน้าผากตัวเอง ตอนนี้อาการป่วยของเธอดีขึ้นมากแล้วแม้จะยังรู้สึกมึนศีรษะและตัวยังรุม ๆ อยู่บ้าง ภายในห้องสีเหลืองไข่ที่ค่อนข้างแคบมากเมื่อเทียบกับห้องพักที่เธอเคยอาศัยอยู่ ผนังห้องอีกด้านมีตู้เสื้อผ้ากั้นอยู่ มองเข้าไปตรงช่องว่างที่ยังพอมีอยู่มันคงเป็นห้องเก็บของ กลิ่นเหม็นอับโชยเข้าจมูกแต่ละครั้งจนแทบจะสลบ ทั้งกลิ่นฉี่
เจ็ดโมงเช้าของอีกวัน ปัง! ปัง! ปัง! เสียงทุบประตูอยู่หน้าห้องของดลยา ไม่ถึงเสี้ยววินาทีประตูก็ถูกเปิดเข้ามาอย่างถือวิสาสะ “นอนกินบ้านกินเมืองไม่รู้จักหน้าที่” เสียงหญิงวัยกลางคนแว่วเข้ามาในหูของดลยาที่ยังนอนหลับตาอยู่ เธอรู้สึกปวดเมื่อยไปทั้งตัว ดลยาพยายามเปิดเปลือกตาอันหนักอึ้งขึ้นมาอย่างช้า ๆ แล้วคิดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เมื่อวานหลังจากกลับมาถึงบ้านหลังนี้เธออาบน้ำแต่งตัวเสร็จก้าวขาจะไปรับใช้ ‘คุณเชษฐ์’ ตามคำสั่งของคนที่ทุกคนในบ้านเรียกกันว่า ‘คุณนาย’ เธอก็…หน้ามืดและหมดสติไปอีก ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเธอเข้ามานอนในห้องนี้ได้อย่างไร “ลุกขึ้นมา! ขี้เกียจสันหลังยาว ไปเช็ดเนื้อเช็ดตัวและป้อนข้าวคุณเชษฐ์ได้แล้ว แกรู้ไหมเมื่อวานใครเป็นคนทำงานแทนแก” พวงแก้วเดินเข้าไปฉุดแขนให้ดลยาลุกขึ้นจนคนตัวเล็กรู้สึกร้าวไปทั้งแขนเหมือนมันจะหลุดออกจากบ่าพวงแก้วสัมผัสได้ถึงไอร้อนที่แผ่ซ่านออกมาจากกายสาวใช้จนเธอต้องรีบปล่อยมือเพราะความร้อน “ใครหรือคะ” ดลยายังเอ่ยถามถึงคนที่รับอาสาทำหน้าที่แทนเธอ หรืออาจจะเป็นผู้หญิงตรงหน้าเธอนี้ที่เป็นคนท
“เดี๋ยวผมไปดูให้เองครับ” สุรศักดิ์อาสาเพราะถ้าให้คนอื่นไปดูก็คงต้องปั่นจักรยาน สู้เขาขับรถมอเตอร์ไซด์ไปดูเองดีกว่า “เออ ๆ ศักดิ์ไปดูให้แม่ที” ว่าแล้วทุกคนก็เดินเข้าบ้าน สุรศักดิ์ขับรถออกไป รถยนต์ของผู้เป็นพ่อก็ขับสวนเข้ามาพอดี ผู้กองมาโนชเดินเข้ามาในบ้านด้วยสีหน้าแปลกใจ “เย็นแล้วศักดิ์ออกไปไหน” ท่าทางเขารีบร้อนด้วย “ไปดูนวลค่ะ ตาผามาบอกว่ามันเป็นลมอยู่ที่ฝายเก็บน้ำ” “ทำไมนวลถึงได้ไปเข็นน้ำล่ะ” ปกติหน้าที่นี้เป็นของน้ำขิงกับน้ำอ้อยไม่ใช่เหรอ “น้ำอ้อยบอกว่ามันอาสาไปเองค่ะ” มาโนชไม่ได้พูดอะไร ใบหน้ายังเคร่งขรึมตามสไตล์ของนายทหาร นั่งลงบนโซฟาหนังสีดำตัวนุ่มแล้วถอดถุงเท้าออก จะเป็นไปได้อย่างไรเนื้อนวลไม่ชอบยุ่งกับงานของคนอื่นจะอาสาไปเข็นน้ำเองทำไม ตัวก็ผอมแห้งแค่นั้น รถเข็นน้ำหนักก็หนัก มาโนชครุ่นคิดในใจ “คุณไปอาบน้ำก่อนเถอะค่ะ จะได้ลงมากินข้าว” สิ้นคำภรรยามาโนชก็เดินขึ้นห้องไป แต่ภายในใจยังไม่ปักใจเชื่อคำที่ภรรยาบอก จัดอาหารเย็นบนโต๊ะเสร็จ สองแม่ลูกก็รีบขอตัวกลับบ้านทันที เพราะไม่อย












Comments