ซือเยว่ได้แต่ยืนไว้อาลัยให้ชุดที่เขาเพิ่งได้มาใหม่ นางเป็นใครเขาก็ไม่เคยรู้จักมาก่อนช่างกล้ามาอาเจียนใส่เขาได้อย่างไรกัน เมื่ออาเจียนจนหมดแรงเยว่หลิงก็เมาหลับไปบนโต๊ะอาหารนั้นโดยไม่สนใจสิ่งอื่นใดอีกเลย
“เฮ้อ เจ้านี่มันช่างแตกต่างจากสตรีที่ข้าเคยพบเสียจริง” เขาค่อยๆถอดเสื้อออกอย่างเบามือด้วยกลัวว่ามือที่ใสสะอาดของเขาจะแปดเปื้อนอาหารที่นางอาเจียนออกมา
“หงอี้!”
“ขอรับ” หงอี้ที่ยังรออยู่นอกกระโจม เมื่อได้ยินเสียงเรียกของผู้เป็นนายก็รีบวิ่งเข้ามาด้วยความรวดเร็ว แต่เมื่อเดินเข้ามาใกล้กับโต๊ะอาหารก็ถึงกับรีบปิดจมูกทันที
‘กลิ่นอาเจียนนั้นมาจากไหนกัน หรือว่า!’
“ไปเรียกสาวใช้มาจัดการต่อที”
“ขอรับนายท่าน”
เมื่อหงอี้ออกจากกระโจมไปแล้วเขาก็ลุกขึ้นก่อนจะช้อนตัวนางขึ้นไว้แนบอกแล้วอุ้มนางไปนอนบนเตียงของเขา
“ให้ตายสิ จะขู่ให้เจ้ากลัวจนร้องไห้ขี้มูกโป่งเสียหน่อยแต่ดันกลับกันเสียได้ นอนเสียให้พอใจไปเลยข้าอุตส่าห์เสียสละเตียงนอนนุ่มนิ่มของข้าให้เจ้าเลยนะ”
“เฮ้อ…นี่ข้าทำอะไรอยู่เนี่ย หลี๋อ่องชอบสตรีเช่นนี้ไปได้อย่างไรกันนะ”
ขณะที่ยืนคิดเงียบๆอยู่นั้น หงอี้บ่าวรับใช้ของเขาก็วิ่งเข้ามาในกระโจมด้วยความรวดเร็ว ใบหน้าที่ดูเป็นกังวลนั้นทำให้เขารู้ทันทีว่าคนผู้นั้นมาถึงที่นี่แล้ว
“นายท่าน! หลี๋อ๋องมาขอรับ”
“ข้ารู้แล้ว ไปเชิญเขาเข้ามา”
“ขอรับ”
หงอี้ออกไปได้ไม่นานก็นำพาหลี๋อ๋องเข้ามาในกระโจม
‘ดูเหมือนว่าเจ้าบ้านั่นจะโกรธจริงๆเสียด้วยสิ ดูสิหน้าบึ้งเชียว’
“เจ้าเอานางไปไว้ที่ไหน”
“ท่านอ๋องใจเย็นก่อนสิ”
“เจ้ากำลังทำให้ข้าโกรธ นาง อยู่ ไหน” เขาย้ำคำถามนั้นอีกครั้งพยายามสะกดกลั้นอารมณ์โกรธเอาไว้อย่างเต็มที่
“ก็ได้ๆ นั่นไง” ซือเยว่ชี้นิ้วไปด้านข้างกระโจม หลี๋อ๋องมองตามมือนั้นไปก็เห็นคนผู้หนึ่งนอนแผ่หลาอยู่บนเตียงใหญ่นั้นก่อนจะรีบก้าวเท้าเข้าไปหานางทันที
“หลิงเอ๋อ หลิงเอ๋อตื่นสิ”
“เหตุใดนางถึงมีสภาพเช่นนี้เจ้าทำอะไรนาง”
“อย่างข้าหรือจะไปทำอะไรนางได้”
“แล้วเจ้าถอดเสื้อทำไม”
“นางอาเจียนใส่ข้า”
“อะ อะไรนะ”
“นางบอกหิวข้าวข้าก็หาให้นาง นางเห็นข้าดื่มสุรานางก็มาแย่งของข้า ข้าถามท่านหน่อยเถอะใครกันแน่ที่เป็นฝ่ายถูกกระทำกัน”
หลี๋อ๋องได้ยินดังนั้นก็พูดอะไรไม่ออก ความจริงแล้วเขาไม่น่าจะห่วงอะไรนางมากถึงเพียงนั้นก็อย่างที่เห็นนางเอาตัวรอดได้
“เอาล่ะ ปล่อยนางไว้ก่อนเถอะ”
“อืม”
“เจ้าออกไปกับข้าที”
“ก็ได้”
เขายื่นมือไปรับเสื้อมาจากบ่าวคนสนิทก่อนจะสวมมันลวกๆแล้วเดินตามหลี๋อ๋องออกไปยังนอกกระโจม
หลี๋อ๋องเดินนำเขามาด้านนอกห่างจากตัวกระโจมไม่ไกลนักก่อนจะหันกลับไปมองเขาด้วยสายตาที่…
“เจ้าทำอะไร”
“กลิ่นอาเจียนของนางยังคงติดตัวข้าอยู่เลย”
“เอาน่าข้าจะจ่ายให้เจ้าเพิ่ม ได้เรื่องอะไรบ้าง”
“พวกนั้นขโมยเสบียงของชาวบ้านไปทำการค้ากับเมืองซีหนาน นี่ล่าสุดที่ข้ากับแม่ทัพเหอไปพบบริเวณชายแดนที่ติดกับแคว้นเป่ยฉีที่ตรงนั้นขุดพบดินระเบิด”
“เจ้าว่าอะไรนะ”
“ฟังไม่ผิดหรอกมีการลักลอบขุดดินระเบิดข้าไม่รู้ว่าพวกนั้นต้องการทำสิ่งใด แต่ท่านอ๋องของพวกนี้ใช้ทำอาวุธได้เป็นอย่างดีเลยล่ะ”
“ชายแดนติดเป่ยฉีงั้นหรือ”
“อืม”
“อยู่ตรงไหนกัน”
“เมืองเล่อซีอาจจะห่างจากหัวเมืองชายแดนใต้ของเรามากพอสมควรแต่กับเป่ยฉีนั้นห่างกันแค่เพียงร้อยลี้[1] เท่านั้น บริเวณที่ใกล้ที่สุดคือเมืองจี้โจวท่านเคยยินหรือไม่”
“เคยสิ ข้าเคยได้ยิน”
“ท่านอ๋องหากว่าพวกนั้นลักลอบทำอาวุธจริงข้าคิดว่าพวกมันน่าจะย้ายไปซ่องสุมที่แคว้นเป่ยฉีมากกว่า เพราะจากที่ข้าส่งคนไปตรวจตราแล้วนั้นไม่มีฐานทัพใดๆเลยในต้าหลี่ของเราไม่ว่าจะที่ใด เป็นไปได้หรือไม่ว่าเป่ยฉีสมคบคิดกับพวกนั้น”
“ไม่มีทาง”
“เหตุใดท่านถึงมั่นใจนักล่ะ”
“เราต้องมีหลักฐานและสืบให้มั่นใจเสียก่อน หากกล่าวหาเป่ยฉีลอยๆ เช่นนั้นเชื่อว่าอาจทำให้เกิดสงครามระหว่างสองแคว้นได้”
“ก็จริงดังท่านว่า เวลานี้กองกำลังทหารของแคว้นเป่ยฉีนั้นใหญ่โตมากขึ้นเรื่อยๆ ทั้งยังมากฝีมืออีกต่างหาก สิ่งที่ข้าเป็นกังวลคือหากพวกเขาคิดร่วมมือกันจริงๆ เราจะไม่แย่หรือ”
“ไม่หรอก ข้ายังมีหมากอีกตัวหนึ่งอยู่ในกำมือ”
“อะไรหรือ”
หลี๋อ่องไม่ตอบเพียงแค่มองเขาเท่านั้นหมากที่เขาเก็บเอาไว้นี้หากไม่จำเป็นจะไม่เอาออกมาใช้เป็นอันขาด
"เอาล่ะข้าจะพานางกลับแล้ว"
"ท่านเป็นห่วงนางมากเพียงนี้เลยหรือถึงได้รีบตามนางมาเช่นนี้ ข้าก็เพียงคิดว่าท่านจะส่งแค่ทหารสองสามคนมารับตัวนางกลับเท่านั้น"
"ข้าไม่ได้ห่วงนาง"
"ไม่ใช่หรือ?"
"ข้าห่วงเจ้าต่างหาก"
"เอ๋?"
หลี๋อ๋องส่ายหัวให้เขาทันที
'ทำอะไรไม่รู้จักคิดก่อนดีเท่าไหร่แล้วที่เจ้านั่นไม่อยู่ที่นี่ หากมันรู้ว่านายของมันถูกคนลักพาตัวมาเช่นนี้มีหวังไม่ได้มายืนสนทนากันแบบนี้อย่างแน่นอน'
กรรร!
เสียงขู่ของสัตว์บางชนิดดังใกล้พวกเขาเข้ามาเรื่อยๆ ซือหนานกงที่เดิมรอคอยหลี๋อ๋องอยู่บริเวณต้นไม้ใหญ่ไม่ห่างไกลจากตัวกระโจมนัก เขาก็เริ่มถอยหลังมาทีละนิดจนประชิดเข้ากับตัวของหลี๋อ๋อง
“ท่านได้ยินหรือไม่”
“เจ้าตั้งค่ายตรงนี้ไม่รู้เลยหรือว่ามีสัตว์ป่าอะไรอยู่แถวนี้กัน”
“ที่ผ่านมาไม่มีจริงๆนี่นา คนของข้าล่าตระเวนแถวนี้แทบทุกวันเลยนะ นี่หงอี้วันนี้เจ้าไม่ได้ออกไปตรวจตราเลยงั้นหรือ”
“นายท่านข้าน้อยออกล่าตระเวนทุกวันนะขอรับ แต่ไม่เคยพบสัตว์ตัวใดที่ส่งเสียงคำรามน่ากลัวเช่นนี้เลย”
“แล้วมันคืออะไรกัน”
เสียงฝีเท้าดังใกล้เข้ามาเรื่อยๆ คนของหัวหน้าโจรป่าซือเยว่ก็เริ่มเข้ามาเพื่อปกป้องนายของพวกเขา
กรรร!
ในความมืดมิดยามราตรีนั้นมีดวงตาสีแดงฉานคู่หนึ่งปรากฏออกมาให้พวกเขาพบเห็น ดวงตาคู่นั้นแสดงออกว่ากำลังโกรธเกรี้ยว มันค่อยๆเผยตัวตนออกมาจากหลังพุ่มไม้ขนาดใหญ่เมื่อมันออกมายืนอยู่ในที่โล่งแจ้งแล้วก็สร้างความตื่นตกใจให้แก่ผู้พบเห็นเป็นอย่างมาก
เสือขาวหิมะตัวมหึมารูปร่างของมันนั้นใหญ่โตแตกต่างจากเสือทั่วไปที่พวกเขาเคยพบเห็นมาก่อน ก็คงจะมีเพียงหลี๋อ๋องเท่านั้นที่เคยเห็นมันมาก่อนจึงไม่ได้แสดงอาการตกใจมากเท่าใดนัก
'ว่าแต่มันบินได้หรืออย่างไรกันนะ แดนเหนือต้าหลี่ห่างจากเป่ยฉีหลายลี้เพียงนี้ เหตุใดถึงได้กลับมาไวนักล่ะ'
"หะ เหตุใดถึงมีเสืออยู่ตรงนี้ได้เล่า"
ซือเยว่รีบถอยไปหลบที่หลังของหลี๋อ๋องด้วยความรวดเร็วก่อนจะชะโงกหน้ามามองมันอีกครั้ง
“ขะ ข้าน้อยออกล่าตระเวนแล้วจริงๆนะขอรับ เหตุใดถึงไม่เคยพบเห็นมาก่อนเลยนะ”
กรรร!
เสียงคำรามนั้นยังคงดังต่อเนื่อง สีหน้าและแววตาของมันดูเหมือนพร้อมจะกระโจนเข้ามาหาพวกเขาทุกเมื่อ
"นางปลอดภัยน่าเจ้าอย่าโมโหเลยพวกนี้เป็นคนของข้าเอง เขาเพียงแค่หยอกล้อนางเล่นก็เท่านั้นข้าจะพานางกลับเอง ส่วนเจ้าก็กลับออกไปก่อนเถอะ"
เสือขาวหิมะเมื่อได้ยินดังนั้นมันก็ค่อยๆถอยหลังแล้วกระโดดออกไปท่ามกลางความมืดมิดทันที
"นี่ท่านรู้จักมันหรือ"
"มันเป็นสัตว์เลี้ยงของสตรีที่อยู่ในกระโจมของเจ้า"
"อะไรนะ"
"ได้ยินไม่ผิดหรอก คงไม่รู้สินะว่านางเป็นใคร"
"ข้าก็นึกว่าเป็นเพียงสตรีที่เข้าหาท่านเพียงเพื่อ.."
"นางไม่ใช่คนเช่นนั้นระวังเอาไว้ให้ดีเถอะอย่าได้เข้าใกล้นางอีก"
"รู้แล้วๆ"
หลี๋อ๋องพูดจบก็กลับเข้าไปในกระโจมเพียงไม่นานก็อุ้มนางเอาไว้ในอ้อมแขนแล้วเดินออกมาจากกระโจมด้วยความรวดเร็ว
"ข้าจะพานางกลับส่วนเจ้าก็สลายตัวได้แล้ว ข้ามีงานที่ต้องให้เจ้าทำต่อ”
“ข้ารู้แล้วน่า”
“เจ้าเองก็ควรกลับวังหลวงบ้างนะน้องหก”
“ไม่ล่ะอยู่แบบนี้ข้าสบายใจกว่า”
หลี๋อ๋องมองไปยังใบหน้าของคนที่ได้ชื่อว่าเป็นน้องชายต่างมารดาของเขา องค์ชายหกฉีอ๋อง
แม้เขาเองจะรู้สึกเช่นเดียวกันกับฉีอ๋องคือการอยู่ให้ห่างจากราชสำนักนับเป็นเรื่องที่ดีที่สุดแล้ว แต่ทุกวันนี้ไม่ใช่เพราะราชสำนักนั้นหรอกหรือที่วิ่งเข้ามาหาเขาเอง
“ข้าอยู่แบบนี้ดีแล้วท่านไม่ต้องห่วงข้าหรอก แต่หากว่าท่านมีอะไรให้ข้าช่วยข้ายินดีเสมอ”
“อืม เช่นนั้นเจ้าไปรอที่เมืองเล่ออานเถอะเหอรุ่ยเซียนน่าจะไปที่นั่นแล้ว”
หลี๋อ๋องกล่าวแค่นั้นก่อนจะอุ้มเยว่หลิงกลับไปยังค่ายพักแรมของตน
“เขาเปลี่ยนไปมากจริงๆ สงสัยครั้งนี้ข้าต้องกลับเข้าเมืองหลวงบ้างแล้ว”
หัวหน้าโจรซือเยว่หรือแท้จริงแล้วก็คือองค์ชายหกฉีอ๋องนั่นเอง เขามองส่งหลี๋อ๋องจนลับสายตาก่อนจะเอ่ยออกมาเพียงแค่นั้นแล้วหันหลังเดินกลับเข้าไปในกระโจมของตนเองทันที
“ให้ตายสิเหม็นเป็นบ้า นางเป็นใครกันถึงกล้ามาอาเจียนใส่ข้า!”
----------------------------
[1] ร้อยลี้ = 50 กิโลเมตร
-สองเดือนถัดไป-หลังจากพระชายาฉินรักษาโรคระบาดไปจนหมดสิ้นแล้ว พวกนางก็มาปักหลักอยู่ที่จวนหลี๋อ๋องกันต่อโดยยังไม่มีกำหนดเดินทางกลับแคว้นเป่ยฉีแต่อย่างใดจวนหลี๋อ๋องของเขาเวลานี้นั้นเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะ ความรู้สึกอบอุ่นที่เขาไม่ได้พานพบมานานมากแล้วเอ่อร้นออกมาไปทั่วทั้งจวน“จะว่าไปแล้วพอนึกๆดูข้าก็ไม่คาดคิดว่าจุดจบของนางจะเป็นเช่นนี้เลย วันนั้นข้าอุตส่าห์ช่วยนางเอาไว้แล้วแท้ๆก็นึกว่าฮ่องเต้จะอภัยโทษนางได้”“เจ้าใจอ่อนเกินไปแล้วหลิงเอ๋อโทษของนางนั้นร้ายแรงยิ่งนักไม่อาจเลี่ยงได้ หนึ่งชีวิตของนางที่ต้องตายไปเทียบไม่ได้กับชีวิตของชาวบ้านหลายคนที่ต้องตายจากฝีมือของนางหรอกนะ”“แต่นางช่างเป็นสตรีที่รักมั่นเสียจริงทีแรกข้าก็นึกว่านางมีใจให้ท่านเสียอีก”“เหตุใดเจ้าถึงคิดเช่นนั้นกันล่ะ”“ก็เห็นนางตามติดท่านอย่างกับอะไรดีข้าเกือบหึงท่านไปแล้วไหมล่ะ”
วันเวลาผ่านไปเพียงไม่นานก็มาถึงวันแต่งงานของหลี๋อ๋องกับท่านหญิงเยว่หลิงเพราะเป็นโอรสที่ฮองเฮาเลี้ยงมาตั้งแต่ยังเล็กนางจึงลงมือจัดเตรียมงานแต่งนี้อย่างยิ่งใหญ่ด้วยพระองค์เองเยว่เหวินหลงพี่ชายฝาแฝดของนางได้จัดซื้อจวนขนาดใหญ่เอาไว้ให้ผู้เป็นน้องสาวโดยเฉพาะและจัดหาอุปกรณ์ของใช้ราคาแพงทุกชนิดยัดเข้าไปในจวนหลังใหญ่หลังนั้นส่วนอ๋องฉินนั้นแม้จะแสดงออกว่าไม่ได้ตื่นเต้นกับงานแต่งนี้แต่อย่างใด แต่คนใกล้ชิดเช่นองค์รักษ์คนสนิทของเขาต่างก็รู้กันว่าเวลานี้ท่านอ๋องของพวกเขานั้นตื่นเต้นแทบจะนั่งไม่ติดอยู่แล้ว ใจของเขาคงไปอยู่ที่งานแต่งนั้นไปแล้วกระมังชุดแต่งงานของเยว่หลิงนำมาจากเป่ยฉีโดยเฉพาะ ชุดแต่งงานที่มีฝีมือการปักประณีตหรูหราอย่างที่สุดเป็นฝีมือของท่านแม่ของนางนั่นเองเมื่อถึงวันแต่งงานพิธีแต่งงานอันยิ่งใหญ่ของเมืองต้าหลี่ถูกจัดขึ้นในจวนหลี๋อ๋องเจ้าสาวคือท่านหญิงเยว่หลิงผู้มีรูปโฉมงดงามราวกับนางฟ้าส่วนเจ้าบ่าวคือหลี๋อ๋ององค์ชายสี่ของฮ่องเต้ฮุ่ยถิงแคว้นต้าหลี่ แขกเหร
-จวนหลี๋อ๋อง-“ท่านพี่ มีคนคนหนึ่งอยากรู้จักท่านเจ้าค่ะ”“ใครหรือ?”ฉินอ๋องที่กำลังเบื่อหน่ายที่ลูกน้องของเขาสองคนนั้นไม่เอาไหนเสียเลย ฝึกวรยุทธ์ได้ไม่นานก็บ่นว่าปวดหลังบ้างล่ะ เจ็บเข่าบ้างล่ะ อายุไม่มากเท่าไหร่เหตุใดบ่นเป็นตาแก่เช่นนั้นกันเขาหันไปมองก็เห็นลู่เหยียนซินที่กำลังยิ้มน้อยยิ้มใหญ่กับบุรุษรูปร่างสมส่วนนั้นอยู่ ดูเหมือนนางจะสนทนากับคนผู้นั้นกันอย่างออกรสมากจนลมหึงเริ่มพัดโชยมาทันใด“เอ่อท่านอ๋องข้าว่าควรจะบอกท่านพ่อของข้าก่อนดีหรือไม่”“ไม่เป็นไรหรอกน่า เสด็จพ่อของข้าน่าจะรับมือได้”“ท่านอย่าไว้ใจเขาสิ ท่านพ่อข้าขี้หึงมากนะท่านไม่รู้หรือ”“อะไรนะ?”หลี๋อ๋องหันไปมองฉินอ๋องที่เวลานี้ใบหน้าของเขาบึ้งตึงมากขึ้นเรื่อยๆ หรือจะจริงดังที่เยว่หลิงกล่าวเมื่อครู่ ท่านอ๋องผู้นี้หึงพระชายาของเขาอยู่หรือนี่&lsqu
-เช้าวันถัดไป-ขบวนรถม้าของหลี๋อ๋องมุ่งหน้ากลับเข้าเมืองหลวงตั้งแต่เช้าตรู่“เหตุใดพวกเราไม่ไปกับนาง”“ท่านพี่ปล่อยให้นางจัดการอะไรเองบ้างเถอะเพคะ เพียงแค่ลูกของเราปลอดภัยแล้วก็ดีแล้วไม่ใช่หรือที่เหลือปล่อยให้เป็นหน้าที่ของนางเถอะ”“แต่ว่าข้า”“เมื่อคืนท่านยังไม่เข้าใจอีกใช่หรือไม่”เสียงเข้มดุดันของนางทำให้อ๋องฉินหยุดพูดทันทีแม้เขาจะห่วงบุตรสาวเพียงคนเดียวมากเพียงใด แต่ก็ไม่อาจขัดใจผู้เป็นภรรยาได้ในเวลานี้‘แม่เสือเช่นนางคงได้กัดคอเขาตายอย่างแน่นอน’อ๋องฉินยืนมองส่งเยว่หลิงที่หน้าประตูเมืองพร้อมกับองค์รักษ์คู่ใจ ชิงอีและเฟยหยาจนขบวนรถม้านั้นหายลับไปจากสายตาของพวกเขา-เมืองหลวงต้าหลี่-เมื่อมาถึงวังหลวงหลี๋อ๋องก็รายงานเรื่องที่เกิดขึ้นกับฮ่องเต้ทุกอย่าง ฮ่องเต้ทำ
-จวนหลี๋อ๋อง-เมื่อเหตุการณ์สงบลงหลี๋อ๋องก็เชิญอ๋องฉินและพระชายาฉินมาพักที่จวนเจ้าเมืองด้วยกัน แม้ตอนแรกพระชายาฉินจะปฎิเสธไปแต่อ๋องฉินผู้เป็นสามีของนางกลับตอบตกลงไปเสียอย่างนั้นทั้งคู่เวลานี้กำลังนั่งจ้องมองใบหน้ากันไปมา ด้วยฤทธิ์สุราที่ดื่มเข้าไปนั้นทำให้หลี๋อ๋องกล้าที่จะพูดคุยกับบิดาของเยว่หลิงมากขึ้น“ข้าต้องขออภัยท่านอ๋องด้วยนะขอรับ ข้าไม่รู้จริงๆว่าท่านคือท่านพ่อของนาง”ฉินอ๋องที่ได้ยินดังนั้นก็ชายตามองไปยังว่าที่ลูกเขยของเขาแม้จะหมั่นใส้เขาไม่น้อยแต่ลูกสาวของเขาก็ถูกแต่งตั้งให้เป็นพระชายาไปแล้ว ข้าวสารไม่รู้กลายเป็นข้าวสุกไปแล้วหรือยังเช่นนั้นก็ทำได้แค่ยินยอมไปก่อนเท่านั้น“นางบอกว่าเรื่องพวกนี้ไม่ใช่เพียงนางคนเดียวที่ทำเช่นนั้นก็แสดงว่ายังมีคนอยู่เบื้องหลังอีก อย่างน้อยก็ช่วยชาวบ้านไปได้แล้วอย่างหนึ่งที่เหลือคงต้องเป็นหน้าที่ของท่านอ๋องแล้วนะเพคะ”“พระชายาไม่ต้องเป็นห่วง ข้า
“นี่ก็ใกล้ยามโหย่ว (17.00-19.00น.) แล้วเหตุใดนางถึงไม่กลับมาเสียที”“ท่านอ๋อง ท่านอ๋องพ่ะย่ะค่ะ”“มีอะไร”“ดูนั่นสิพ่ะย่ะค่ะ”หลี๋อ๋องเหลือบไปมองตามที่หลี่จิ่งกำลังชี้นิ้วไปที่อะไรบางอย่าง บางสิ่งบางอย่างที่หลบซ่อนอยู่ในความมืดมิดเขาเห็นเพียงดวงตาที่แดงฉานนั้นกำลังจดจ้องมองมาที่พวกเขาอยู่ หลี่จิ่งแม้จะหวาดกลัวอยู่ภายในใจแต่เขาก็รีบเข้ามายืนขวางอยู่ด้านหน้าของหลี๋อ๋องทันที สิ่งมีชีวิตที่มีเพียงดวงตาที่แดงฉานนั้นจดจ้องมาที่หลี๋อ๋อง เขาเคยเห็นมัน!จ้านจ้านเมื่อเห็นว่าพวกเขาเหมือนจะกลัวมันแล้วมันก็รีบเดินออกมาจากที่ซ่อนทันใด สีหน้าและแววตาของมันดูเหมือนจะภูมิใจเป็นอย่างยิ่งที่สามารถขู่ให้พวกเขากลัวได้“จ้านจ้านงั้นหรือ”“เอ๋ ท่านอ่องนั่นไม่ใช่สัตว์เลี้ยงของพระชายาหรอกหรือ”“เหตุใดเจ้าถึงมาอยู่ที่นี่”จ้านจ้านเดินเข้ามาหยุดตรงหน้าเขาก่อนจะยืดตัว