“หงเอ๋อร์เจ้าอย่าทำตัวเป็นเด็ก นี่ไม่ใช่เรื่องที่จะทำตามอำเภอใจได้! เจ้าเตรียมตัวเตรียมใจออกเรือนในอีกสามเดือนเสีย!” เซียวฟู่ซินเอ่ยขึ้นอย่างอดไม่ได้ เซียวลี่หงถูกตามใจจนเคยตัวถึงได้มีกิริยาเช่นนี้ แต่ครั้งนี้เขาไม่อาจจะตามใจบุตรสาวอย่างที่เคยทำ เพราะหากขัดก็ถือว่าเป็นกบฏแผ่นดิน
ถึงแม้ว่าในพระราชโองการไม่ได้ระบุว่าเป็นเซียวเหม่ยอิงหรือเซียวลี่หง แต่ผู้ใดต่างก็รู้ดีว่าคนที่ต้องแต่งงานกับแม่ทัพหวงหยางหมิงคือเซียวลี่หง เพราะเซียวเหม่ยอิงนั้นมีคู่หมั้นคู่หมายแล้ว
“ท่านพ่อ ท่านยอมให้ข้าแต่งกับชายผู้นั้นจริงหรือเจ้าคะ หน้าตาที่แท้จริงของเขาเป็นเช่นไรก็ไม่มีผู้ใดรู้ หากอัปลักษณ์อย่างที่ผู้อื่นบอก ข้า...ข้า” เซียวลี่หงเอ่ยขึ้นทั้งน้ำตา น้ำเสียงของนางตัดพ้ออย่างน่าสงสาร
เหตุการณ์ที่เหมือนจะสงบลง แต่สิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้นเมื่อจู่ ๆ เซียวลี่หงดึงปิ่นปักผมที่ปักอยู่มวยผมมาจี้คอตัวเองด้วยท่าทางที่น่าหวาดกลัว
“หากท่านพ่อท่านแม่ให้ข้าไปแต่งงานกับแม่ทัพปีศาจอัปลักษณ์นั่น ข้าขอฆ่าตัวตายตอนนี้เสียดีกว่า!”
เซียวลี่หงตัดสินใจแล้ว หากให้นางออกเรือนกับชายที่สวมหน้ากากตลอดเวลา ไม่รู้ว่าภายใต้หน้ากากจะซ่อนใบหน้าอัปลักษณ์แบบไหนไว้ แล้วไหนจะเรื่องความโหดเหี้ยมยิ่งกว่าหน้าตานั่นอีก สู้นางฆ่าตัวตายเสียแต่ตอนนี้เลยดีกว่าที่จะต้องออกเรือนกับแม่ทัพหวงหยางหมิง แม่ทัพอัปลักษณ์ผู้นั้น!
“ไม่นะ! หงเอ๋อร์ลูกห้ามทำแบบนั้นเด็ดขาด ท่านพี่ ท่านต้องทำอะไรสักอย่างนะเจ้าคะ”
ฟางเหนียงเห็นบุตรสาวตัวเองเอาปิ่นปักผมจ่อคองามถึงกับขาอ่อนทรุดลงกับพื้น จนเหล่าบรรดาคนใช้ต้องมาช่วยพยุงตัวให้ขึ้นมานั่งบนเก้าอี้
เซียวฟู่ซินถอนหายใจรอบแล้วรอบเล่า เขาถึงกับยกมือมากุมขมับตนเอง ตนจะทำอะไรได้ในเมื่อพระราชโองการมาแล้ว มีแต่ต้องยอมยกบุตรสาวตัวเองให้ไป ตนเองก็ไม่ยินยอมเท่าใดนัก
ในขณะที่ทุกคนกำลังปวดหัวกับเรื่องที่เกิดขึ้น มีเพียงคนผู้หนึ่งเท่านั้นที่อยู่ในท่าทางนิ่งสงบนั่งจิบชาอยู่เงียบ ๆ ไม่ได้ไหวติงกับเรื่องที่เกิดขึ้นแต่น้อย นางรับรู้ถึงสายตาที่ทุกคนมองมาที่ตัวเอง นิ้วเรียวงามค่อย ๆ วางจอกชาลงพร้อมกับเอ่ยขึ้นเสียงเรียบ
“มองข้าทำไมกันหรือเจ้าคะ?” เซียวเหม่ยเอ่ยถามบิดามารดาที่จ้องมามาที่นาง
“อิงเอ๋อร์ เจ้าช่วยน้องสาวของเจ้าได้หรือไม่? ร่างกายหงเอ๋อร์ยังอ่อนแอไม่แข็งแรงเท่าใดนัก นางยังไม่พร้อมที่จะออกเรือนในตอนนี้”
ฟางเหนียงพูดกับบุตรสาวคนโตพร้อมกับซับน้ำตาไปด้วย เพราะกลัวว่าบุตรสาวคนเล็กนั้นจะฆ่าตัวตายจริงๆ
“ท่านแม่จะให้ข้าช่วยนางอย่างไรหรือเจ้าคะ” เซียวเหม่ยอิงเอ่ยถามด้วยความสงสัย
สองสามีภรรยาถึงกับไปต่อไม่ถูกเมื่อได้ยินคำถามตรง ๆ แบบนี้ นั่นสิ จะให้เซียวเหม่ยอิงช่วยยังไง ขณะที่เซียวฟู่ซินกับฟางเหนียงกำลังปวดหัวกับสถานการณ์ในตอนนี้อยู่นั้น ก็มีสาวใช้คนหนึ่งเดินเข้ามาหาเซียวเหม่ยอิงเงียบ ๆ
“ขออภัยนายท่าน ขออภัยฮูหยิน คุณชายหลี่มาที่จวน ต้องการพบคุณหนูใหญ่เจ้าค่ะ” สาวใช้พูดอย่างระมัดระวังเพราะสถานการณ์ตอนนี้ไม่ค่อยดีเท่าใดนัก
เซียวเหม่ยอิงพยักหน้าให้อย่างเข้าใจ จากนั้นก็ขอตัวกับบิดามารดาตนเองแล้วเดินตามสาวใช้ไปเงียบ ๆ
“ขออภัยคุณชายหลี่ที่ทำให้ท่านต้องรอนานเจ้าค่ะ”
“ไม่เป็นไร ข้าต่างหากที่ต้องขออภัยท่านที่มารบกวนเวลาเช่นนี้”
เซียวเหม่ยอิงนั่งลงตรงข้ามรักษาระยะห่างเป็นอย่างดี แม้ว่าทั้งคู่จะเป็นคู่หมั้นกันก็ตาม
“อิงเอ๋อร์ ข้ามีเรื่องบางอย่างอยากถามเจ้า”
“เชิญท่านกล่าวมาได้เลยเจ้าค่ะ”
“หากข้าต้องการถอนหมั้นกับเจ้า เจ้าจะว่าอย่างไร”
กึก! เซียวเหม่ยอิงวางถ้วยชาลงด้วยสีหน้าไม่ทุกข์ร้อน แต่หลี่ซื่อหมินนั้นคิดว่าเซียวเหม่ยอิงกำลังไม่พอใจเป็นแน่ เขารีบอธิบายขึ้นด้วยความร้อนรน
“อิงเอ๋อร์ ที่ข้าถอนหมั้นกับเจ้า ไม่ใช่ว่าข้าไม่อยากได้เจ้าเป็นฮูหยิน แต่เพราะเราสองคนไม่ได้รักกันด้วยใจจริง ทุกอย่างที่เกิดขึ้นเป็นเพราะท่านพ่อท่านแม่ของพวกเราต่างเห็นดีเห็นงามกันเอง โดยไม่ได้ถามถึงความสมัครใจทั้งเจ้าและข้า แต่ตอนนี้ข้าไม่อยากฝืนใจเจ้าต่อไปแล้ว”
เซียวเหม่ยอิงยังคงมองคนตรงหน้าด้วยใบหน้าที่เย็นชา นางยกยิ้มเล็กน้อย
“เข้าใจแล้วเจ้าค่ะ ข้าตกลงถอนหมั้นกับท่าน”
หลี่ซื่อหมินได้ยินคำตอบแบบไม่ต้องคิดก็ตกตะลึงเล็กน้อย เพราะมันไม่เหมือนกับที่เขาคิดเอาไว้ในคราแรก
“ข้าจะให้แม่สื่อส่งของกำนัลมาให้ตามธรรมเนียม”
“เจ้าค่ะ” เซียวเหม่ยอิงพยักหน้ารับอย่างเข้าใจ นางไม่คิดจะปฏิเสธการรับของกำนัลนี้อยู่แล้ว เพราะเป็นธรรมเนียมสืบทอดกันมาว่า ถ้าหากฝ่ายชายต้องการถอนหมั้นกับฝ่ายหญิงนั้น ฝ่ายชายต้องส่งของกำนัลมาเป็นของปลอบใจ เพราะสตรีที่โดนถอนหมั้นอาจจะมีชื่อเสียงที่ไม่ดีเท่าใดนัก
แต่คิ้วของหลี่ซื่อหมินขมวดเข้าหากันด้วยความงุนงงกับปฏิกิริยาของสตรีที่กำลังจะเป็นอดีตคู่หมั้นของเขา นางไม่โศกเศร้า ไม่ทุกข์ร้อน ไม่ยินดี จนเขาไม่รู้ว่าตอนนี้เซียวเหม่ยอิงกำลังคิดอะไรอยู่
“อิงเอ๋อร์ หากเจ้าไม่เต็มใจถอน...” หลี่ซื่อหมินยังพูดไม่จบประโยค เป็นเซียวเหม่ยอิงพูดแทรกขึ้นมา
“ข้าเต็มใจถอนหมั้นเจ้าค่ะ อย่างที่ท่านบอก เราสองคนต่างไม่ได้รักกันด้วยใจจริง ทุกอย่างเกิดขึ้นเพราะผู้ใหญ่ของพวกเราทั้งสองฝ่าย ท่านก็ไม่ได้เต็มใจหมั้น ข้าเองก็เช่นกัน คุณชายหลี่ไม่จำเป็นต้องรู้สึกผิดหรอกนะเจ้าคะ ข้ายินดี”
เซียวเหม่ยอิงเอ่ยขึ้นมาโดยไม่เปลี่ยนสีหน้าและน้ำเสียงในการพูดเลยแม้แต่น้อย หลี่ซื่อหมินมองหน้าคนที่กำลังจะกลายเป็นอดีตคู่หมั้นของตนเองด้วยแววตาหลายหลากอารมณ์
“เข้าใจแล้ว อาทิตย์หน้าข้าจะให้แม่สื่อมาคุยเรื่องถอนหมั้นและมอบของกำนัลให้ตามธรรมเนียม...” หลี่ซื่อหมินมองหน้าเซียวเหม่ยอิงพร้อมกับพูดต่อ “อิงเอ๋อร์ ข้าขอให้เจ้าพบแต่ความสุข”
“คุณชายหลี่ก็เช่นกันนะเจ้าคะ ข้าขออวยพรให้ท่านมีแต่ความสุข” เซียวเหม่ยอิงยกยิ้มให้เล็กน้อย
หลังจากที่ทั้งคู่คุยธุระเสร็จเรียบร้อยแล้ว หลี่ซื่อหมินก็เดินทางกลับทันทีเพราะไม่มีเรื่องที่จะต้องอยู่ต่อแล้ว คล้อยหลังหลี่ซื่อหมินกลับไป ลี่จินก็รีบเข้ามาหาคุณหนูของตนด้วยความเป็นห่วงทันที
“คุณหนู...คุณหนูตัดสินใจดีแล้วหรือเจ้าคะ”
“แบบนี้ดีแล้วลี่จิน” เซียวเหม่ยอิงหลับตาลงเพื่อพักสายตา
ใช่...แบบนี้ถือว่าดีแล้วที่หลี่ซื่อหมินมาขอถอนหมั้นกับนางได้ถูกเวลา แม้จะไม่เข้าใจว่าทำไมหลี่ซื่อหมินถึงมาขอถอนหมั้นตอนนี้ก็ตาม
นางนึกอะไรบางอย่างออกก็ลืมตาขึ้น พร้อมกับลุกขึ้นยืนเพื่อเดินไปยังเรือนรับรองที่บิดามารดาและน้องสาวของนางอยู่ พอเดินไปถึงก็เหลือเพียงบิดามารดา ไม่เห็นน้องสาวตนแล้ว เซียวเหม่ยอิงมองดูบิดาที่นั่งกุมขมับตนเองบ่งบอกว่ากำลังคิดหนักและเครียดกับเรื่องที่เกิด มารดาของนางก็ไม่ต่างกัน นั่งซับน้ำตาอยู่เงียบ ๆ โดยมีสาวใช้คอยยกเครื่องหอมให้สูดดมอยู่ไม่ห่าง
เซียวเหม่ยอิงถอนหายใจเมื่อเห็นบรรยากาศตรงหน้า นางเดินเข้าไปยืนตรงหน้าระหว่างบิดามารดาของตนเอง พร้อมกับเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่มั่นคง
“ท่านพ่อ ท่านแม่ ข้าขอเป็นคนแต่งงานกับแม่ทัพหวงหยางหมิงเองเจ้าค่ะ”